เรื่องปัญหาของพระโมคคัลลานเถระ [๑๗๗] ข้อความเบื้องต้น
พระโมคคัลลานะไปเทวโลก ความว่า ครั้งหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะไปยังเทวโลก ได้ยืนอยู่ที่ประตูวิมานของเทพธิดาผู้มีศักดิ์มากแล้ว ท่านได้่เที่ยวถามอย่างนี้กะเทพธิดาองค์นั้น ผู้มาหาท่าน ไหว้แล้วยืนอยู่ว่า "เทพธิดา สมบัติของท่านมากมาย ท่านได้เพราะทำกรรมอะไร?"
เทพธิดา: อย่าถามดิฉันเลย เจ้าข้า. ทำนองว่า เทพธิดาละอายอยู่ด้วยบุญกรรมอันเล็กน้อยของตน จึงได้พูดอย่างนี้. เทพธิดานั้น เมื่อพระมหาโมคคัลลานะยังถามอยู่ว่า "จงบอกเถอะ" นางจึงพูดว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ทานดิฉันก็มิได้ถวาย การบูชาก็มิได้ทำ พระธรรมก็มิได้ฟัง รักษาเพียงคำสัตย์คือฉันพูดแต่ความจริงอย่างเดียวตลอดชีวิต."
พระเถระไปยังประตูวิมานอื่นๆแล้ว ก็ถามเทพธิดา อื่นที่มาแล้วๆ เทพธิดาอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำบุญมากมาย ด้วยความละอายก็ทำอย่างเดียวกันคือไม่กล้าตอบ แต่เมื่อท่านถามเ้ข้า เทพธิดาองค์หนึ่งจึงพูดก่อนว่า
"ท่านผู้เจริญ บรรดาบุญกรรมมีทานเป็นต้น ชื่อว่าบุญกรรมอันดิฉันทำแล้ว ไม่มี, แต่ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป (พระพุทธเจ้าก่อนหน้าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ดิฉันได้เป็นทาสี(แปลว่านางทาส)ของคนอื่น, นายของดิฉันนั้น ดุร้ายหยาบคายเหลือเกิน เอาไม้บ้าง ท่อนฟืนบ้าง ที่ตัวพลันฉวยได้ๆ ตีที่ศีรษะ, ดิฉันนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้น ก็นึกติตัวเองเท่านั้นว่า นายของเจ้านี่ เป็นใหญ่ เพื่อจะทำเจ้าให้เสียโฉมก็ได้, เพื่อจะตัดอวัยวะมีจมูกเป็นต้น ของเจ้าก็ได้, เจ้าอย่าโกรธเลย ดังนี้แล้ว ก็ไม่ทำความโกรธ; ด้วยเหตุนั้น ดิฉันจึงได้สมบัตินี้."
เทพธิดาองค์อื่นต่างก็บอกทานเล็กน้อยอันตนๆ ทำแล้ว โดยนัยเป็นต้นว่า "ท่านผู้เจริญ ดิฉันรักษาไร่อ้อย ได้ถวายอ้อยลำหนึ่งแก่ภิกษุรูปหนึ่ง."
องค์อื่นบอกว่า ดิฉันถวายมะพลับผลหนึ่ง องค์อื่นบอกว่า ดิฉันได้ถวายฟักทองผลหนึ่ง องค์อื่นบอกว่า ดิฉันได้ถวายผลลิ้นจี่ผลหนึ่ง องค์อื่นบอกว่า ดิฉันได้ถวายเหง้ามันกำมือหนึ่ง องค์อื่นบอกว่า ดิฉันได้ถวายสะเดากำมือหนึ่ง ดังนี้แล้ว ก็บอกว่า ด้วยเหตุนี้ พวกดิฉันจึงได้สมบัตินี้."
กล่าวคำสัตย์เท่านั้นก็ไปสวรรค์ได้
พระเถระฟังกรรมที่เทพธิดาเหล่านั้นทำแล้ว จึงลงจากสวรรค์ เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้วทูลถามว่า "พระเจ้าข้า บุคคลอาจไหมหนอที่จะได้ทิพยสมบัติในสวรรค์ ด้วยเหตุเพียงแค่การพูดแต่ความจริงไม่โกหก เพียงดับความโกรธ เพียงถวายทานมีผลมะพลับเป็นต้น อันเล็กน้อยเหลือเกิน ไม่น่าเป็นบุญทำให้เกิดในสวรรค์ได้เลย?"
พระศาสดาตรัสว่า โมคคัลลานะ เพราะเหตุไร เธอจึงถามเรา? พวกเทพธิดาบอกเนื้อความนี้แก่เธอแล้ว มิใช่หรือ?
โมคคัลลานะ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า บุคคลเห็นจะได้ทิพยสมบัติด้วยกรรมมีประมาณเท่านั้น.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพระโมคคัลลานะนั้นว่า "โมคคัลลานะ บุคคลกล่าวเพียงคำสัตย์ก็ดี ละเพียงความโกรธก็ดี ถวายทานเพียงเล็กน้อยก็ดี ย่อมไปเทวโลกได้แท้"
ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺย ทชฺชา อปฺปสฺมิ ยาจิโต เอเตหิ ตีหิ ฐาเนหิ คจฺเฉ เทวาน สนฺติเก.
บุคคลควรพูดแต่ความจริง ไม่ควรโกรธ และถ้่ามีใครขอสิ่งอะไรก็จงให้เถิด, บุคคลจะไปในสำนักของเทวดา อยู่ร่วมกับเทวดาได้ ด้วยฐานะทั้ง ๓ นั้น.
อธิบาย บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า สจฺจํ ภเณ ความว่า พึงแสดง คือพึงกล่าวคำสัตย์. อธิบายว่า ควรตั้งมั่นอยู่ในคำสัตย์พูดแต่ความจริงกับคนอื่น. บทว่า น กุชฺเฌยฺย ได้แก่ ไม่ควรโกรธต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าด้วยเหตุอะไร. บทว่า ยาจิโต ความว่า บรรพชิตผู้มีศีล ชื่อว่าผู้ขอ. ความจริง บรรพชิตเหล่านั้นไม่ขอเลยว่า "ขอท่านจงให้" ย่อมยืนอยู่ที่ประตูเรือน ก็จริง(เช่นพระมาบิณฑบาต). ถึงกระนั้น โดยเนื้อความก็ชื่อว่าย่อมขอทีเดียว. บุคคลอันผู้มีศีลขอแล้วอย่างนั้น เมื่อไทยธรรม(ของถวาย)แม้เล็กน้อยมีอยู่ ก็ควรให้ (เช่น น้ำขวดเดียวจากเซเว่นก็เรียกได้ว่าได้ให้แล้วถ้าเจอพระ หรือจะให้กับคนก็ได้). สองบทว่า เอเตหิ ตีหิ ความว่า บรรดาเหตุเหล่านั้น ด้วยเหตุแม้เพียงอย่างเดียว บุคคลจะไปเกิดในเทวโลกได้. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีบรรลุโสดาบันเป็นต้น ดังนี้.
***************************** (เรียบเรียงเป็นภาษาปัจจุบันจาก) อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ ๔.เรื่องปัญหาของพระโมคคัลลานเถระ[๑๗๗] http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=27&p=4
จากคุณ |
:
Serene_Angelic
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ค. 55 01:17:11
|
|
|
|