ความคิดเห็นที่ 1 จะดับทุกข์ชาติหน้าได้ไง ทุกข์มันเกิดชาตินี้เดี๋ยวนี้ตอนนี้เกี่ยวอะไรกับชาติหน้าอะ จากคุณ : สาวไฉไล เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:05:17

ความคิดเห็นที่ 2 เอามาจากไหนครับหลวงพี่ แต่ที่แน่ๆ คือ ผมไม่เชื่อหลวงพี่ เพราะหวลวงพี่ตอบไม่ได้ว่า คนเรานั้นถ้ายังไม่สามารถจบกิจในชาตินี้ หากตายแล้วจะเป็นอย่างไร ๑ คนดีคนชั่วตายแล้วก็มีค่าเท่ากัน ๑ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 3 ดับทุกข์ ทั้งชาตินี้ และ ชาติหน้า ถ้าไม่ถึงอรหัตตผล ก็มีชาติหน้า      ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มี ชาติ หน้า ผู้ที่พยายาม พูด ปรมัตถ์  ปะปน กับ สมมต โดยไม่อธิบายให้ชัดแจ้ง  คือ ผู้ทำให้ ชาวพุทธที่ยังไม่เข้าใจ ปรมัตถ์กับสมมติ อย่างชัดเจน เกิดความสับสน  ไม่เข้าใจพุทธธรรม เป็นการทำบาป     โดยที่ตนคิดว่าเป็นการทำดี   เพราะไม่พิจารณาการอธิบายพระธรรมได้ดี ให้ชัดเจนพอ   ทำให้คน สับสน เข้าใจผิด แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 21:59:25 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 21:43:27 จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:31:33

ความคิดเห็นที่ 4       -----------  ชีวิต เป็น ความต่อเนื่องของการเกิดดับ ของจิต  เป็นกระแสต่อเนื่องไปเหมือนกระแสน้ำ   ไม่อาจนับว่าเป็นตัวตนที่แน่นอนได้   -----------  จิต ที่ยังไม่พ้นอาสวะ  ก็ต้องเกิดใน กายใหม่ อีก  (แม้ไม่นับว่าเป็นตน แต่ก็มีจิตต่อเนื่องของจิตเดิม  ก่อใก้เกิด กาย ใหม่ในภพใหม่อีก)     ------------  จิตที่พ้นอาสวะ ย่อมไม่เกิดใน กายใหม่ อีก                     อริยสัจจ์ 4  ทำให้พ้นทุกข์ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และ พ้นทุกข์ที่อาจจะมีในอนาคตชาติหน้า(ถ้ายังไม่หมดอาสาวะ)  เมือหมดอาสวะจึงไม่มีชาติหน้าและไม่มีทุกข์ในชาติหน้า         จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:56:11

ความคิดเห็นที่ 6 จะถามแบบนี้ใช่มั้ยครับ "ใครเชื่อว่าชาติหน้ามีจริงบ้าง?" อริยสัจ ๔ เป็น ธรรมในการดับทุกข์ได้ตั้งแต่ที่ผู้มีปัญญาเห็นแจ้งได้ แม้ในปัจจุบัน (มีผู้ฟังอริยสัจ 4 เพียงครั้งเดียวก็บรรลุโสดาบันได้) จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:18:31

ความคิดเห็นที่ 7 เชื่อว่าเป็น "ตรรกะวิบัติ" (fallacy)  ครับ  หลวงพี่ What จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:20:35

ความคิดเห็นที่ 8 ไปเหอะ ! เสียเวลา... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:31:21

ความคิดเห็นที่ 10 กรณีศึกษา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12108150/Y12108150.html ความคิดเห็นที่ 35 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน สิ่งใดไม่เที่ยง ต้องทนอยู่ สิ่งนั้นไม่ใช่เรา แล้ว สิ่งใดเที่ยง ไม่ต้องทนอยู่ สิ่งนั้นใช่เรา --- มั๊ย --- เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)     เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 21:58:54   ***************** แน่นอนว่า ถ้าสิ่งใดเที่ยง(นิจจัง) ไม่ต้องทนอยู่(สุขัง) สิ่งนั้นจึงจะเป็นเรา(อัตตา) แต่ในขันธ์ ๕ ของเรานี้ มันมีขันธ์ใดบ้างที่เที่ยงและไม่ต้องทนอยู่บ้าง? จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 20:08:08 [แก้ไข] ********************************************************* log in นี้ ----- เมื่อเสนอเช่นนี้ (๑) มติเช่นนั้น ---- ตรงกับ  "วัดไหน" --- สอนไว้ว่า  "นิพพาน  อัตตา" หมายเหตุ ในที่สุด  ก็ --- ได้ ---- ลอกคราบตัวเอง ออกมาว่า "เป็นขาวพุทธแบบไหน?" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) [Bloggang] เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 08:40:27 [แก้ไข] จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:24:14

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้ นี้ "มาร"  เสนอ --- อริยสัจ ๔ กับ ความเชื่อเรื่องชาติหน้า เพราะ เสนอ ทิฏฐิว่า --- แน่นอนว่า ถ้าสิ่งใดเที่ยง(นิจจัง) ไม่ต้องทนอยู่(สุขัง) สิ่งนั้นจึงจะเป็นเรา(อัตตา) ********************************************************** ชาติ หน้า มีจริง แบบ สาสวาสัมมาทิฏฐิ   ต่างกับ สัสสตทิฏฐิอย่างไร เสนอไว้ในกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12114594/Y12114594.html#24 คคห 22  23  24 และ กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12117110/Y12117110.html#27 จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:27:38

ความคิดเห็นที่ 12 What am I? (๑)  เคย แสดง หรือ อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท หรือ อริยสัจสี่  แบบ "ที่เซนเถรวาท เสนอ ตาม ลิงค์ ข้างบนไหม?" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:29:12

ความคิดเห็นที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12114594/Y12114594.html#26                                                          (๔) ดู ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์  หน้า ๑๘ key word -- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง --  ท่านพุทธทาสแปลไว่าว่า วิญญาณ (ที่มาจากนามรูป -- แห่ง สัมภเวสี ตาม อาหาร ๒ ทีรอการเกิดใหม่) อัน ตัณหาในอารมณ์ (คือรูป เป็นต้น เพราะ ยังมี จิตอนุเสติในสิ่งใดนั้น  จึงมี วิญญาณ ฯ ดู วิญญาณฐิติ ๔) อาสัยแล้ว  (ที่ กายนั้น ที่คือ มหาภูตธาตุ ๔  ที่ เรียกว่า  จิตบ้าง  มโนบ้าง วิญญาณบ้าง) ----  วิญญาณนั้น (ไม่ว่า วิญญาณตอนไหน  ที่คือ กิริยาที่แรู้แจ้งได้ ที่มีอยู่ในสิ่งนั้น  / ซึ่ง ยังไม่ใช่ วิญญาณ  แบบ ไม่ว่างอยู่อย่างเดียว คือความเกิดแห่ง อายตนะสอง ตาม จูฬสุญญตสูตร) ----- คือ  อุปาทาน  ---- (วิญญูปาทานขันธ์ / เพราะมี วิญญาณขันธ์  จึงมี วิญญูปาทานขันธ์) พระโสดาบัน ตรัสว่า เกิดอีก ๗ ครั้ง  (จากความจำ)                                       ทำไมไม่แปลว่า สัมภเวสี คือ พระโสดาบัน  ที่สิ้นสังโยชน์ ๓ = ---  ยัง เกิด -- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง --  ได้ อีก เพียง  ๗ ชาติ (เกิด ๗ ครั้ง) พระอนาคามี ที่สิ้นสังโยชน์ ๕  (ตามอานิสงส์ของอานาปานสติ  ๗ อย่าง) -- ก็ อีก ๕ ครั้ง (๕ ชื่อ) = ---  ยัง เกิด -- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง --  ได้ อีก เพียง  ๕ ชาติ (เกิด ๕ ครั้ง)                      เกิดแบบนี้  ---- ไม่เป็น สัสสตทิฏฐิแน่ๆ  ------ *********************************************************                   เมื่อ "อริยบุคคล"  มี ปัญญา ตรงตามที่ตรัส ก็ ย่อม รู้สึกว่า ----ไม่มีอะไรเกิด (ตาม ที่ตรัสตอบปัญญาของจอมแห่งเทวดา คือ)                  คือ ไม่เกิด "-- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง "   จึง ไม่มีอะไรตาย ไม่ว่าแบบไหน (ส่วน กายนี้ ตามจูฬสุญญตสูตร ก็ เป็นไปตาม พระไตรลักาณ์) จึง อมตะ อมตะ คือ "ไวพจน์ ของ นิพพาน"  คือ "ความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ โมหะ" นั้น  ไม่เกิด ไม่ตาย  มันคือ นิโรธธาตุ  (ดู นิสสรณิยธาตุ ๓) -- ธาตุ เป็นที่  ดับแห่ง แห่งราคะ โทสะ โมหะ  -- คือ  นิพพานธาตุ ที่ พระอรหันต์ ผู้ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ท่าน กระทำให้แจ้ง ----  ที่ มีอยู่ ตาม  ----- จูฬสุญญตสูตร   ธรรมทั้งปวง จึง  อนัตตา พระไตรลักษณ์ ของพระบรมศาสดา  จึง ได้แก่ สังขาร (สังขตธรรม) ทั้งปวง อนิจจตา สังขาร (สังขตธรรม) ทั้งปวง  ทุกขตา ---- ทนได้ยาก ธรรมทั้งปวง (วิราคธรรม สังขตธรรม อสังขตธรรม) --อนัตตา   ไม่ใข่ อัตตา  เพราะ ไม่มีอัตตาในธรรมที่ไม่ใช่อัตตา                ********************************************                                                สรุป พระพุทธภาษิต ที่ตรัส -- นิโรธธาตุ   หรือ นิพพานธาตุ ที่ พระอรหันต์ ผู้ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ท่าน กระทำให้แจ้ง ----  ที่ มีอยู่ ตาม  ----- จูฬสุญญตสูตร  นั้น                                    ย่อม แตกต่างกับ มาร ในพระพุทธศาสนา "สมัยนี้" ที่เสนอว่า  --- แน่นอนว่า ถ้าสิ่งใดเที่ยง(นิจจัง) ไม่ต้องทนอยู่(สุขัง) สิ่งนั้นจึงจะเป็นเรา(อัตตา) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:51:42

ความคิดเห็นที่ 14 พระไตรลักษณ์ ของพระบรมศาสดา  ตาม ที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา ได้แก่ สังขาร (สังขตธรรม) ทั้งปวง อนิจจตา สังขาร (สังขตธรรม) ทั้งปวง  ทุกขตา ---- ทนได้ยาก ธรรมทั้งปวง (วิราคธรรม คือนิพพาน   สังขตธรรม อสังขตธรรม) --อนัตตา ---    ไม่ใข่ อัตตา  เพราะ ไม่มีอัตตาในธรรมที่ไม่ใช่อัตตา จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:53:08

ความคิดเห็นที่ 15 ประเด็น -- แล้วคุณเชื่ออย่างไร? ไม่ต้อง เชื่ออย่างไร? เพราะ กาลามสูตร  ตรัสไว้  เป้น พุทธยันต์กัน เชื่อที่ กั้นขวาง มรรค ผล กระทำนิพพาน ตามที่ตรัสไว้  ให้แจ้ง ด้วย สุตมยปัญญา  ตามด้วย จินตามยปัญญา ตามด้วย ภาวนามยปัญญา สรุป ที่ผมเสนอ ไม่ต้อง เชื่อผม เพราะ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้  ยังทรงยังอยู่ ส่วน ใครจะเชื่อ มาร  (สิ่งที่กั้นพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เป็นต้น)  ก็  พิจารณาเองว่า "เป็นพุทธบริษัท ของพระบรมศาสดาพระองค์ใด" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:57:09

ความคิดเห็นที่ 16 สิ่งสำคัญที่สุดในมรรค แปด หรือมรรคมีองค์แปด คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ คืออะไร คือความคิด ความเห็น ความเข้าใจ ที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ตรงตามความเป็นจริง ของอะไร ของกาย และใจเรานี้นั่นเอง หากยังไม่มีความคิด ความเห็น ความเข้าใจ ที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง มรรคที่เหลืออีกเจ็ด ก็จะไม่เป็นสัมมา หรือเรียกว่า มิจฉา ก็ได้ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:14:48

ความคิดเห็นที่ 17 ใครที่ตั้งกระทู้ถามของตนเองแล้ว ควรจะอ่าน คห.ของผู้มีน้ำใจมาตอบทุกตัวอักษรแล้วนำกลับไปคิดวิเคราะห์ด้วยนะครับ จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:07:16

ความคิดเห็นที่ 18 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12122490/Y12122490.html สัมมาทิฏฐิ เป็นประตูด่านแรก ของมรรคมีองค์แปด ^^^^^^ (๑) สัมมาทิฏฐิ  ที่เนื่องกับ ปริยัติธรรม   ของบุคคลใด  เนื่องกับ  "สัญญาปริยัติใดนั้น"  มีอยู่ เช่น กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12121143/Y12121143.html คคห ใด  พิจารณาเอง ****************************************************** ืืื                                                  ส่วน (๒) สัมมาทิฏฐิ ที่เนื่องกับ "ปฏิปทา"   ของบุคคลใด  เนื่องกับ  "สัญญาปริยัติใดนั้น"  มีอยู่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12121143/Y12121143.html               พระสูตรที่ ๑ พุทธวรรค นิทานสังยุตต  นิทาน สํ  ๑๖/๕๑๑๙                        ดูปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์หน้า ๒๕๗ ตรัส มิจฉาปฏิปทา  ฯ สัมมาปฏิปทา ฯลฯ ********************************************************** ท่านพุทธทาส (ตามภาพ) เสนอไว้ใน หมายเหตุของผู้รวบรวม พระสตรข้างบน ว่า (ปฏิปทา) คือ บุคคลเผลอ หรือปล่อน(สัมมา)สติ เมื่อ ตากระทบรูป  จนกระทั้งความเผลอสติ (ซึ่งเรียกในที่นี้ว่า  อวิชชา) นั้น ได้ทำให้เกิด อาการต่างๆขึ้น อย่างครบถ้วน  ตามที่กล่าวไว้ในพระบาลีนี้ ท่านพุทธทาส สรุปเสนอว่า  พระสูตรนี้ คือ  ทรงมุ่งหมายให้ ปฏิจจสมุปบาท เป็นเรื่องของการปฏิบัตื  (มิใช่เป็นเพียงทฤษฏี) **********************************************************                                           ถูกฝาถูกตัว  คือ ?              ส่วน  ปฏิจจสมุปบาท  ที่ตรัสแก่ภิกษุ ก่อน  ปฐมสังคายนา ว่า                  "เป็นธรรมที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง จากใครมาก่อน" นั้น ชาวพุทธ ช่วย กำหนดว่า  "เจ้าชายสิทธัตถะ  อาสัย สัมมาทิฏฐิ ในองค์มรรค หรือไม่   ถ้าต้องใช้   "ทำอย่างไรจึงเกิดมี สัมมาทิฏฐิขึ้น"  ในฐานะ จอมศาสดา (ไม่ใช่ฐานะสาวกของใคร)   แล้ว ทรงใช้อย่างไร? ซึ่ง เนื่องกับ  พระสูตรใดนั้น  ที่ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา  ใน พระไตรปิฎก ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:29:10

ความคิดเห็นที่ 19 เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ก็ใช้อริยสัจ ดับทุกข์ในชาตินี้ก็ได้นี่ คุณwhat.  อริยสัจ4 ไม่เห็นเกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง ชาติหน้าหรือชาติเดียวแล้วสูญ คุณwhatเอามาโยงกันไม่เป็นเหตุเป็นผล จากคุณ : สะพานหัน เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:58:27

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ตายแล้วจบ ไม่เกิดอีก ก็ควรใช้ ชีวิตให้คุ้มค่า หาความสุขให้เต็มที่ จะมัวเสียเวลาหาทางดับทุกข์ ไปทำไม คนเราจะ มีทุกข์ อะไรกันหนักหนา อยู่ไม่ถึง 100 ก็ตายแระ หาความสุขเข้าไว้ จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อ ตายทุกข์ก็ดับ เองแหละ ในเมื่อ ทุกข์ มันดับได้เองเมื่อถึงเวลา ถ้าใครเชื่อท่าน what คงไม่ต้องปฎิบัติธรรม ใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกลัว กรรมชั่ว ไม่ต้องกลัวนรก ไม่ต้องกลัวว่าจะเวียนตาย เวียนเกิด จากคุณ : aonlines เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:39:42

ความคิดเห็นที่ 21 ศาสนาพุทธของเรา หรือ ของท่านไหนๆ ก็ยังไม่ได้ตรงกันกับของพระพุทธองค์ ตราบเมื่อมีสัมมาทิฐิเป็นพระอริยะสงฆ์จึงจะถูกตรง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยความไม่ประมาทครับ จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:06:29

ความคิดเห็นที่ 22 ไปอยู่ไหนมา เขาไปกันถึงไหนแล้ว อ่านหนังสือที่เขาทำวิจัยเกี่ยวกับชาตินี้ ชาติหน้าจากประสบการณ์ของคนทั่วโลกบ้างหรือเปล่า มีเยอะแยะ มีทั้งฝรั่งเขียน ไทยเขียน  มีหลักฐานพยานบุคคลมากมาย.........สงสัยเพิ่งออกจากถ้ำ อย่ามัวแต่ตีความในตำรากันเลย ดูโลกแห่งความจริงบ้างซิ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:12:59

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่อง ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า  -- ตายแกล้วเกิดทันที                                        ถ้า ใครยังมี อวิชชา ที่เสนอ ที่เชื่อ ที่ ฯลฯ ---ก็ไม่จริงทั้งนั้นๆ ********************************************************** กระทู้ที่น่าจะเนื่องกับ เรื่อง ชาติหน้า http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12134938/Y12134938.html สัมมาทิฏฐิ ๒ หมายเหตุ สัมมาทิฏฐิ ๒  เกิกจาก  วิชชา ของจอมศาสดา   ที่ อวิชชาสิ้นแล้วสมบรณ์ ด้วย พุทธวิสัย ศึกษาเสีย ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:29:11

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ตายแล้วจบ ไม่เกิดอีก ก็ควรใช้ ชีวิตให้คุ้มค่า หาความสุขให้เต็มที่ จะมัวเสียเวลาหาทางดับทุกข์ ไปทำไม คนเราจะ มีทุกข์ อะไรกันหนักหนา อยู่ไม่ถึง 100 ก็ตายแระ หาความสุขเข้าไว้ จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อ ตายทุกข์ก็ดับ เองแหละ ในเมื่อ ทุกข์ มันดับได้เองเมื่อถึงเวลา ถ้าใครเชื่อท่าน what คงไม่ต้องปฎิบัติธรรม ใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกลัว กรรมชั่ว ไม่ต้องกลัวนรก ไม่ต้องกลัวว่าจะเวียนตาย เวียนเกิด จากคุณ : aonlines   เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:39:42   ********************* ความสุขที่มนุษย์ชื่นชอบนั่นแหละเป็นสิ่งที่นำความทุกข์มาให้ สิ่งสูงสุดของชีวิตที่เกิดมาคือการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความทุกข์ใจใดๆ ดี-ชั่วมันก็ให้ผลอยู่แล้วในขณะที่ทำ ดูให้ดีแล้วจะเห็น จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:26:07

ความคิดเห็นที่ 25 ไปอยู่ไหนมา เขาไปกันถึงไหนแล้ว อ่านหนังสือที่เขาทำวิจัยเกี่ยวกับชาตินี้ ชาติหน้าจากประสบการณ์ของคนทั่วโลกบ้างหรือเปล่า มีเยอะแยะ มีทั้งฝรั่งเขียน ไทยเขียน  มีหลักฐานพยานบุคคลมากมาย.........สงสัยเพิ่งออกจากถ้ำ อย่ามัวแต่ตีความในตำรากันเลย ดูโลกแห่งความจริงบ้างซิ จากคุณ : ไม่คิดมาก   เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:12:59    *********** เรื่องพวกนี้เขาเอาไว้สอนเด็ก ส่วนผู้ใหญ่เขาจะใช้หลักกาลามสูตร จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:28:10

ความคิดเห็นที่ 26 What am I? (๑)  เคย แสดง หรือ อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท หรือ อริยสัจสี่  แบบ "ที่เซนเถรวาท เสนอ ตาม ลิงค์ ข้างบนไหม?" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)     เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:29:12   ************** ยังไม่ทิ้งตำราอีกหรือคุณเซนฯ ถ้าจะถามก็ควรตั้งคำถามให้อ่านง่ายๆหน่อย และอย่ามากนัก เพราะตามตอบไม่ไหว จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:33:51

ความคิดเห็นที่ 27 ไปกระทู้ใหม่ดีกว่า http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12135973/Y12135973.html จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:45:46

ความคิดเห็นที่ 28 คห  25    อ้าว........หลักกาลามสูตร์นั่นแหละโลกแห่งความจริงไงล่ะ เขาวิจัยมาจากความจริง ผู้ใหญ่ใช้หลักกาลามสูตร์ไม่เป็นก็หลงตัวเองแล้ว ของง่ายๆคนเพี้ยนๆย่อมไม่รู้เรื่อง จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 01:48:48