ความคิดเห็นที่ 1 ความเห็นของผู้เีขียนที่พระคุณเจ้านำมาเล่าให้พวกเราฟัง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:09:12

ความคิดเห็นที่ 2 ่ควรเข้าใจเสียใหม่ว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:12:49

ความคิดเห็นที่ 3 ชาวพุทธควรสนใจพระไตรปิฎกให้มาก จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:13:46

ความคิดเห็นที่ 4 ครูบาอาจารย์(ที่เป็นชาวพุทธแท้)นำความรู้จากพระไตรปิฎก จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:14:36

ความคิดเห็นที่ 5 พระไตรปิฎกรักษาพุทธพจน์ไว้ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:15:20

ความคิดเห็นที่ 6 พระพุทธศาสนาที่มาถึงเราได้ เพราะมีพระไตรปิฎกที่รักษาไว้ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:16:19

ความคิดเห็นที่ 7 มีบางพวกที่ชอบอ้างการปฏิบัติ ข้อมูลต้องสอดรับกับในพระไตรปิฎก จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:17:46

ความคิดเห็นที่ 8 อ้างอิง หมายเลข ๑ ใน คห 7 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:18:37

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ควรห่างไกลจากพระไตรปิฎก จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:19:23

ความคิดเห็นที่ 10 พูดธรรมะแล้วไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎก  ควรเป็นที่น่าสงสัยว่านำคำอธิบายส่วนตัวมาแทนคำตรัสของพระพุทธเจ้า จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:21:38

ความคิดเห็นที่ 11 อัตตา-อนัตตา จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:22:10

ความคิดเห็นที่ 12 ชาวพุทธไม่ควรหลงถ้อยคำแล้วเข้าใจผิดอย่างนั้น จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:22:47

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อมูลจากงานวิจัย ดร.อภิญญา "ศาสนทัศน์ของชุมชนเมืองสมัยใหม่-ศึกษากรณีวัดพระธรรมกาย" (งานวิจัยเคยลงใน สยามธุรกิจรายสัปดาห์ ฉบับ 22-28 พย 2541 และเคยตีพิมพ์ในวารสาร "พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"ฉบับเดือนมกราคม-เมษายน 2541) ------------ มาตรการปลุกกำลังใจ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:24:27

ความคิดเห็นที่ 14 โทรศัพท์บอกบุญ (ผมประสบมากับตนเอง อันนี้ยืนยันได้ว่าข้อมูลงานวิจัยถูกต้องแน่นอน) ...บอกบุญอย่างไม่คิดชีวิต... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:25:45

ความคิดเห็นที่ 15 ใคร เสนอว่า องคุลีมาล  ไม่ต้องอ่านพระไตรปิฎก  -- ถูกต้อง ตาม หลักฐาน ปฐมภูมิ  เพราะ สมัยนั้น  ยังไม่มีพระไตรปิฎก แล้ว องคุลีมาล   ก็ ไม่ ต้อง  "เจริญสมาธิแบบเพ่งลูกแก้ว" ด้วย แล้ว องคุลีมาล   ก็ ไม่ ต้อง  "เรียน วิชา ธัมมกายด้วย"      ************************************************ องคุลีมาล  บรรลุ มรรค ๔ ผล ๔  กระทำนิพพานให้แจ้ง  (ตอนไหน) ตาม หลักฐาน ปฐมภูมิ นั้น ใคร ใดนั้น --- ช่วย แสดง ข้อความด้วย  ว่า  "ปรากฎอยู่ ในพระไตรปิฎก  ที่ มีทีหลัง ปฐมสังคายนา) หรือ  ตาม หนังสือเล่มนี้ ------ ตามภาพ  (ที่ ต้อง อ้างทีหลัง พระไตรปิฎก  และทีหลัง  ธรรม (พระสูตร) พระวินัย ด้วย) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:17:32

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบพระคุณ คุณต่อฯ     ที่ได้นำเสนอให้ทราบครับ จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:00:31

ความคิดเห็นที่ 17 คุณต่อmcu ผมจะบอกว่า แม้ผู้เขียน "กรณีธรรมกาย" เอง ท่านก็ทำแค่ตัวเข้มตัวเอนเท่านั้นเอง ฉะนั้น คุณเลิกทำไฮไลต์เสียเถอะ! ถ้าคุณต้องการเน้นสีแฟนซี ตามที่คุณเกิด "ฟีลลิ่ง" กับตรงนั้น.. คุณควรจะคัดข้อความแล้วเรียบเรียงเอาเอง แล้วก็อ้างอิงแหล่งที่มา ว่าไป ไม่ควรไปทำเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกับต้นฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีชื่อผู้เขียนจั่วหัวกระดาษอยู่อย่างนั้น อีกประการหนึ่ง จำเป็นต้องพูดกันไว้ตรงนี้ ไม่หลังไมค์ล่ะ รำคาญ!! คือถ้าจะมีข้อความประเภท ชุมนุมเทวดา อินทร์พรหมยมยักษ์ อะไรนั่น คุณควรใช้กับกิจกรรมจำพวกจัดพิมพ์เผยแพร่ หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก, สมเด็จโตพยากรณ์, อรหันต์จี้กงท่องนรกเยือนสวรรค์ ฯลฯ อะไรพวกนี้ .. แล้วคุณจะเผื่อแผ่ให้กำจรกำจายไปทั้งสามโลกยังไงก็เอาให้หนำเลยครับ อย่าเอางานเขียนของท่านเจ้าคุณอาจารย์มาทำลิเกอย่างนี้เลยครับ ! ท่านผู้เขียนเอง ท่านยังไม่ลงโองการตั้งศาลพระภูมิไว้ในหน้าคำนำเลย นี่คุณจะล้ำยุคไปถึงไหน!! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:24:54

ความคิดเห็นที่ 18 ขอขอบคุณคุณระนาดเอก แล้วจะรับไว้พิจารณาครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 18:34:39

ความคิดเห็นที่ 19 ไอ้เจ๋อใจป๊อด! ที่เข้ามากิฟนี่น่ะ ด้วยเห็นว่า "กรณีธรรมกาย" มีเนื้อหาดีแล้ว ชอบแล้ว เพราะเนื้อหา "กรณีธรรมกาย" ตอน องคุลิมาลไม่ได้อ่านพระไตรปิฎกนั้น ได้ชี้แจงให้เห็นถึง "ความงี่" ของอ้ายพวกธรรมกาย ที่เปลือยสภาพของตนว่า ไม่รู้จักว่าพระไตรปิฎกคืออะไร สำคัญอย่างไร จึงเพื่อป้องกันไม่ให้ความเสื่อมย่ำแย่ลงไปกว่านี้ ก็ต้องสอนกันตั้งแต่เด็กๆ เพื่อให้รู้จักและพูดได้ว่า "เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระไตรปิฎกก็สอนธรรมวินัยแทนพระพุทธเจ้า" หรือที่เข้ามากิฟนี่น่ะ ด้วยเห็นว่า "กรณีธรรมกาย" มีความชัดเจนเน้นย้ำสำเร็จรูปอยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำไฮไลต์แต่อย่างใด อีกทั้งการเผยแผ่เนื้อหา "กรณีธรรมกาย" นี้ ไม่ควรจะนำ "ตน" หรือนำประกาศการแสวงบุญ "ของตน" ใส่ลงไว้ในการนี้ แต่ควรมุ่งประโยชน์แห่งการปกปักษ์รักษาพระศาสนาเป็นหลัก โดยไม่ต้องใส่ใจใยดีว่าตนหรือใครคือผู้เผยแพร่เนื้อหากรณีธรรมกาย นั่นคือ - จงไม่มี "ตน" อยู่ในงานพระศาสนาเลย !! ด้วยเล็งเห็นเช่นนี้ใช่ไหม จึงเข้ามากิฟ!? หรือว่าเพราะไม่มีปัญญาจะต่อกรโต้แย้งกับ ต่อmcu ในที่อื่น เมื่อเห็นเพื่อนฝูงเขาติงเตือนกันหน่อย เท่านั้น ก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเสี้ยม ขึ้นมาเชียว ? เรื่องอัปยศเก่าก่อน ยังล้างความทุเรศไม่หมดเลย ยังจะเอาอีกหรือ ! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 23:18:19

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมของคุณระนาดเอกครับ(ผมพอจะทราบเจตนาของท่านบางส่วนและชัดเจนขึ้นใน คห 19)  ...ตอนแรกที่คิดไฮไลท์   เคยมีเพื่อนสมาชิกเคยเสนอให้ไฮไลน์เพื่อช่วยในการอ่านให้เร็วขึ้นและเพื่อนในโซเชียล เน็ตเวิค บางคนบอกว่าจะอ่านเห็นชัดดี....ผมเลยไฮไลท์ตามที่ตนเห็นว่าเป็นประโยคที่น่าจะสำคัญครับ แต่ได้เขียนมาตลอดว่า การไฮไลท์เป็นส่วนที่ จขกท เป็นผู้ไฮไลท์เท่านั้น  ซึ่งควรให้ความสำคัญกับเนื้อหาของครูบาอาจารย์เป็นหลัก... ....ผมจะกลับไปพิจารณาดูว่าควรไฮไลท์ในส่วนที่เป็นตัวเอนหรือตัวหนาของหนังสือ  หรือไม่ก็ตัดการไฮไลท์  หรือ อาจจะไฮไลท์ในส่วนที่่เห็นว่าสำคัญจริงๆ(นานๆไฮไลท์เสียทีก็ได้).... ....ในส่วนการอธิษฐานจิตตอนสุดท้ายนั้น  ผมเองเข้าใจว่า กระทู้ลักษณะนี้เป็นการให้ธรรมทานเป็นในส่วนของการช่วยเผยแพร่ธรรมะของพระผู้มีพระภาคฯและของครูอาจารย์ที่มีความห่วงใยพระศาสนา...เนื้อหาบางส่วนจากชุมนุมเทวดาเป็นเื้นื้อหาที่ดีจึงนำมาลงไว้...อย่างไรเสีย ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรตามที่มีการแนะนำไว้ หากเพื่อนๆท่านอื่นๆมีคำแนะนำก็เพิ่มเติม  จะหน้าไมค์หรือหลังไมค์ก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 08:14:49 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 08:13:10

ความคิดเห็นที่ 21 ...รบกวนคุณ "ต่อmcu" แนะนำหนังสือของหลวงพ่อ ที่ใช้ข้อความมาลงด้วยครับ ผมจะไปใช้อ้างอิงเพื่อประโยชน์อื่นๆ ต่อๆ ไป  หรือตามไปอ่านทั้งหมด... จากคุณ : Olive2004 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 11:26:03

ความคิดเห็นที่ 22 ผมชอบนะที่ highlight ข้อความที่คุณต่อmcu เห็นว่าสำคัญ เพราะไม่มีเวลา(ไม่มีความเพียร)มากพอที่จะอ่านบทความต้นฉบับได้ทั้งหมด สำคัญคือคุณต่อต้องทำอย่างซื่อตรงต่อเจตนารมณ์ของผู้แต่ง และพยายามอย่าตั้งคำโปรยให้ตีความไปได้หลายแง่จนเกินไป ถ้าคุณต่อทำอย่างสุจริตใจ เชื่อว่าความพยายามครั้งนี้ก็จะเป็นกุศลต่อตัวเองและเพื่อนร่วมห้องศาสนาเป็นอย่างมาก จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:19:39

ความคิดเห็นที่ 23 ความหมายของประโยค ทั้งสอง ทำให้ประเด็นเปลี่ยนไปเยอะ 1.องคุลีมาลไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก 2.องคุลีมาลไม่ต้องอ่านพระไตรปิฎก ประเด็นที่แท้จริงของผู้เขียนใน นสพใพิมพ์ไทย คืออะไร??? จากคุณ : AkALiKo23 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:28:51

ความคิดเห็นที่ 24 เรียนคุณ Olive2004 คห 21    ลองสอบถามหาต้นฉบับจาก นสพ พิมพ์ไทย http://pimthai.co.th/ ---------------- ขอบคุณคุณลำปาว คห 22 ครับ  ผมจะจำไว้และระมัดระวังครับ (และหากมีความเผอเรอหรือข้อผิดพลาด ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ท้วงติงได้เสมอ) ---------------- เรียนคุณ AkALiKo23  คห 23     เนื้อหาตามที่พระคุณเจ้าลงไว้ในหนังสือกรณีธรรมกาย  เขียนได้อย่างชัดเจนแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 14:24:44 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:24:11

ความคิดเห็นที่ 25 อ่วมผู้น่าสงสาร คำว่าไอ้ น่าจะใช้เรียกคนใกล้ตัวในครอบครัวของเอ็งเถอะ คนปฏิบัติธรรม ซ่นตนอะไรฟะ คนไม่ตอบโต้ ก้แส่จะสอดกิเลสให้เขา เอ็งเมื่อไหร่จะมาตามนัดสักทีฟะ มาได้ทุกวัน มีคนจะสอนสมาธิเอ็งมากมาย ความอัปยศมันอยู่ที่ความคิดเอ็งคนเดียว โทสะอย่างเอ็ง อย่าไปใส่ความเขาข้างเดียว ข้าให้กิฟเอ็ง ก็คือให้ทานอย่างหนึ่ง เอ็งคงเก่งแต่ในกระดานมั๊ง คนปฏิบัติธรรม เขาไม่มองความเป็นตัวตน ว่าข้างเขา ข้างใคร อะไรถูกก็ว่าตามถูก อะไรผิดก็ว่าตามผิด ไปตอบกระทู้เก่าๆ ไอ้อ่วมของริททีก่อนเถอะ พวกลิ่วล้อมันก็ใช้วิธีตามลบกระทู้ อ่านของเจ้าคุณประยุตต์ แล้ว ก็ต้องอ่านของพระเทพญาณมหามุนีด้วยสิ เอ้ย ท่านพระเทพญาณมงคลด้วยสิ สำหรับ ท่านต่อ ปล่อยไปเถอะ เขาแค่ตัดแปะ มีปัญญาเพียงแค่นี้ก็พอแล้ว เอ็งนี่มีพรสวรรค์ เรื่องสรรหาคำมากระทบกระทบกดดัน ไปรักษาทางจิตบ้างนะ ศึกษาธรรมะอะไรของเอ็ง ถึงแส่หาเรื่อง สอดส่ายโทสะให้คนอื่นบ่อยๆ แล้วก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไร เอ็งจะโพสต่อก็ได้นะ หรือสันดานเดิม มันนอนเนื่องเป็นอนุสัย รักษาไม่หาย ให้ฝึกสำรวม กาย วาจา ใจ สัมมาวาจา ก็เป็นหนึ่งในมรรค ท่านเจ้าคุณประยุทธ ก้สอนบ่อยๆ จะตั้งกระทู้ถกเฉพาะเนื้อหาวิชาการก็ได้นะ จะตามไปอ่านอีกที แต่ต้องสัมมาวาจา ไม่มีกระแทกแดกดัน เอ็งคงลงแดงตายมั๊ง ถ้าพูดจาด้วยสัมมาวาจา แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:27:49 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:27:18 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:19:18 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:01:21 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:58:43

ความคิดเห็นที่ 26 จริงๆก็เห็นด้วยในมุมของคนพูดที่บอกว่า พระองคุลีมารไม่ได้อ่านพระไตรปิฏก สิ่งที่เขาต้องการสื่อก็คือ การบรรลุธรรมนั้น ไม่ต้องรู้ครบ 84000 พระธรรมขันธ์ ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องท่องจำศัพท์อะไรมากมาย แค่หยุดแล้วปล่อยวางได้แบบที่ พระองคุลีมาร ที่ได้พระพุทธเจ้าสอนธรรมได้ตรงจุด แต่ถ้าจะตอบในประเด็นอื่น ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เจ้าของคำพูด ตรงประเด็นนัก น่าจะเป็นเรื่องของการโต้วิวาทะมากกว่า เพราะมันคนละประเด้น ถ้าอ่วมจะตอบ จะรอดูว่าชาตินี้เอ็งจะใช้สัมมวาจาได้นานสักกี่กระทู้ ขอรับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:18:30 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:04:54

ความคิดเห็นที่ 27 โธ่ ไอ้โง่เอ๋ย คนที่ลบกระทู้ฤทธีน่ะ คือผู้ดูแลเว็บ ฤทธีโดนแบนไปแล้ว ยังจะเสนอหน้ามาในชื่อใหม่ มันก็ผิดกฎ ผู้คุมกฎเขาก็จัดการให้ซะเท่านั้นเอง ไอ้ห้อยไอ้โหนร่างทรง ข่าวว่าโดนริบถ้วนหน้า ไอ้เวรเจ๋อนี่ก็ขี้ขลาดชาติตัวเมีย เที่ยวท้าคนนั้นคนนี้ออกไปเจอ จะสอนสมาธิ อวดเก่ง แล้วเป็นไง พอนัดเข้าให้จริงๆ ที่วัดปากน้ำ บ้านมงเลยนั่นแหละ หัวหด หนีกระทู้ไปเลย ปะล่อมปะแล่มบอกว่า ขอไม่คบ ไม่ถูกจริต .. มาตอนนี้ยังจะมีหน้าบอกว่า เมื่อไหร่จะมาตามนัดสักที ? โธ่! ไอ้ผ้าถุง!! แสดงความขลาดเขลา กลายเป็นหมาหัวเน่าคาเว็บ หันหน้าไปหาใครไม่ได้.. มาวันนี้ โดดเกาะฤทธี ทั้งที่ไอ้นั่นมันตัวอัดธรรมกายแท้ๆ เมื่อก่อนก็ฟาดธรรมกาย .. แต่แล้วอยากดัง ไปจาบจ้วงพระพรหมคุณาภรณ์ กลายเป็นหมาหัวเน่าอย่างทันใจ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมจริงๆ!! ไม่มีใครเอาด้วย หันไปหันมา เห็นบักฤทธีตั้งท่าจะโดดเกาะธรรมกายเหมือนกันเว้ยเฮ้ย แจกเบอร์มือถือให้ไป บักฤทธีก็หัวหด ไม่หือไม่อือซักแอ๊ะ!! ไอ้พวกนี้มันน่าจะรวมตัวกันตั้งสมาคมปอดแหกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เอาไปอีกทีนะไอ้เจ๋อ เบอร์เดิม 08-9767-8580 โทรมาซักทีสิโว้ย จะดูหน้าไอ้ขี้โม้ยูโดซะหน่อย ว่าทำสมาธิได้เรื่องแค่ไหน?! จะยืนมุดหัวอยู่ตรงไหนของวัดปากน้ำ เมื่อไหร่ กี่โมง ก็บอกมาเลย จะรอต้อนรับรอสอนสมาธิกันกี่คน ขนกันมาให้หมด เอาให้พอ จัดให้เต็ม กูไปคนเดียวนี่แหละ มือเปล่า ตีนเปล่า นั่งสมาธิ เดินจงกรม สบาย!! เลิกขี้หมูไหลกันเสียทีนะ พวกมงอ่ะ กล้าๆ หน่อย กูรอเดินวิชชาอยู่ตั้งนานแล้ว ไอ้พวกคุดทะราดเอ๊ย!! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:37:02

ความคิดเห็นที่ 28 เคยมีครูบาอาจารย์เล่าให้ัฟังว่า.....       พระพุทธองค์ตรัสว่า พระองค์เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น แต่ไม่สามารถจะทำแทนหรือปฏิบัติแทนได้ เพราะธรรมชาติทั้งหลาย หรือความจริงอันนี้เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาเอง ปฏิบัติเอง คำสอนต่างๆเป็นเพียงแนวทาง หรืออุปมาอุปไมย เพื่อนำให้เข้าถึงความรู้ตามความเป็นจริง ถ้าไม่รู้เท่าตามความเป็นจริงเราก็จะเป็นทุกข์ เหมือนดังตัวอย่างว่า เรามักใช้คำว่า "สังขาร" เมื่อเราพูดถึงร่างกาย แต่ความจริงนั้น เราหารู้จัก "ความเป็นจริง" ของสังขารนี้ไม่ แล้วเราก็ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับ "สังขาร"นี้ ทั้งนี้เพราะเราไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับสังขารหรือร่างกายของเรานี้ เราจึงเป็นทุกข์ หรือความทุกข์จึงเกิดขึ้น         จะยกตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่ง สมมุติว่าเราเดินไปทำงาน ระหว่างทางก็มีบุรุษผู้หนึ่งคอยต่อว่าเราอยู่เป็นประจำ ตอนเช้าก็ด่า ตอนเย็นก็ด่า เมื่อได้ยินคำด่าเช่นนี้ จิตใจก็หวั่นไหว ไม่สบายใจ โกรธ น้อยใจ เศร้าหมอง บุรุษผู้นั้นก็เพียรด่าเช้าด่าเย็นอยู่เช่นนั้นทุกวัน ได้ยินคำด่าเมื่อใด ก็โกรธเมื่อนั้น กลับถึงบ้านแล้วก็ยังโกรธอยู่ ที่โกรธที่หวั่นไหวเช่นนี้ก็เพราะความไม่รู้จักนั่นเอง        วันหนึ่ง เพื่อนบ้านก็มาบอกว่า "ลุงคนที่มาด่าลุงทุกเช้าทุกเย็นนั้นนะ เป็นคนบ้า เป็นบ้ามาหลายปีแล้ว มันด่าคนทุกคนแหละ ชาวบ้านเขาไม่ถือมันหรอก เพราะมันเป็นบ้า" พอรู้อย่างนี้แล้ว ใจของเราก็คลายความโกรธทันที ความโกรธความขุ่นมัวที่เก็บไว้หลายวันแล้วนั้น ก็คลายหายไป เพราะอะไร?       ก็เพราะได้รู้ความจริงแล้ว แต่ก่อนนั้นไม่รู้ เข้าใจว่าเป็นคนดี คนปกติ ฉะนั้นพอได้ยินว่าเป็นคนบ้า จิตก็เปลี่ยนเป็นสบาย ทีนี้มันอยากจะด่าก็ให้ด่าไป ไม่โกรธ ไม่เป็นทุกข์เพราะรู้เสียแล้วว่าเป็นคนบ้า นี่..ที่จิตใจสบายก็เพราะรู้เท่าทันความจริงนั่นเอง เมื่อมันรู้เอง มันก็วางของมันเอง ถ้ายังไม่รู้มันก็ยึดมั่นถือมั่นอยู่นั่นเอง อีกเหมือนกัน แต่พอรู้ความเป็นจริง จิตใจก็สบายนี่แหละคือความรู้เท่าตามความเป็นจริง คือรู้ว่าคนนั้นเป็นบ้า      คนผู้รู้ธรรมก็เหมือนกันพอรู้จริงความโลภ ความโกรธความหลงก็หายไป เพราะรู้เท่าทันความเป็นจริง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:59:20

ความคิดเห็นที่ 29 เอากิ๊ฟไปครับ ท่านต่อ ฯ  สาธุ. จากคุณ : kamnitnoom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 11:41:28

ความคิดเห็นที่ 30 มาดู คนเก่ง ...เจ๋งไปเลยฮะ ...เท่โคตรๆ //...มาโหลด  PDF ไฟล์ไปอ่าน ขอบพระคุณครับ จากคุณ : สายัณห์ ตะวันเพลิง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:16:53

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 23 เพียงเท่านั้น จากคุณ : เท่านั้นจริงๆ.. (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:41:27

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องทำไฮไลท์หน้าหนังสือตอนโพสต์ ส่วนตัวผมไม่ค่อยซีเรียสนะ เพราะตัวเองก็เคยทำ : ) ด้านที่มีประโยชน์ ก็เห็นว่ามีอยู่ เพียงแต่ที่คุณจขกท ทำ ส่วนตัวรู้สึกว่าออกจะฉูดฉาดไปหน่อย อันนี้ต่างคนชอบไม่เหมือนกัน ก็ไม่ว่ากัน : ) ------------------- เข้าเรื่อง สังเกตเส้นไฮไลท์ของคุณจขกท มันคดเคี้ยวแทบทุกอัน น่าจะใช้โปรแกรม paint ใช่ป่ะ  ผมก็เคยใช้ลำบาก ขออนุญาตแนะนำโปรแกรมฟรี (แต่เวอร์ชั่นต้องไม่ใหม่กว่า 5.3) ตัวเล็กโหลดง่าย ใช้งานง่าย ทั้งแคปภาพหน้าจอ หรือตกแต่งภาพ ลิงค์ดาวน์โหลด http://www.aplusfreeware.com/categories/mmedia/FastStoneCapture.html คลิบสอนวิธีใช้เบื้องต้น (เพิ่งค้นเจอตะกี้) แรกๆ จะสอนวิธีแคปภาพหน้าจอ ท่อนท้ายๆ จะสอนเข้าเมนูตกแต่งภาพนิดหน่อย จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:30:47

ความคิดเห็นที่ 33 ลองทำเล่นๆ เป็นตัวอย่าง เผื่อเห็นแล้วอยากใช้ : ) จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:36:15

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณคุณปล่อยครับ ผมโหลดโปรแกรม และ จะลองศึกษาดู แต่หากว่าไฮไลท์แล้วช้ากว่าของเดิมหรือใช้แ้ล้วไม่เสถียร  อาจจะใช้ของเดิม(ซึ่งโดยปรกติผมใช้มือลาก mouse ไฮไลท์ (งาน handmake อิอิอิ) แต่จะศึกษาดูว่าของเดิมมีโปรแกรมที่จะทำให้ไฮไลท์แบบทำให้ไม่เฉไปมาหรือไม่ครับ) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสีการไฮไลท์จะปรับเป็นสีสบายตาขึ้น ตอนนี้คิดไว้น่าจะสีเขียวอ่อน หรือ สีออกอ่อนๆครับ สรุึปว่า ยังคงไฮไลท์เหมือนเดิม เพราะมีเพื่อนๆแสดง คห (เีสียงส่วนใหญ่)ให้มีการไฮไลท์ต่อไป  แต่จะปรับให้สีออกสบายตาขึ้น  มีการระมัดระวังไฮไลท์ที่จำเป็นจริงๆทำให้ไม่ให้ไฮไลท์มากเกินไป    ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือมีเจตนาอะไรไม่ดีแอบแฝง  เคารพครูบาอาจารย์อย่างสูง (จขกท เกรงกลัวบาปกรรมครับ) หากแต่วิธีการนี้เป็นอีกวิธีที่ช่วยเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาให้แผ่หลายออกไป(จะมากจะน้อยก็ไม่เป็นไรครับ ) ก็จะลองทำดูครับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 55 09:31:54 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 09:12:06

ความคิดเห็นที่ 35 พระไตรปิฏกบันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้า บันทึกพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าไว้ เป็นคำภีร์สูงสุดในพระพุทธศาสนา มีแต่พวกพระสัทธรรมปฏิรูปเท่านั้นที่ไม่เคารพ เชื่อถือ ลังเลสงสัย ในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฏก จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 09:17:31

ความคิดเห็นที่ 36 ร่วมกันรักษาพระธรรมวินัย... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 10:39:09

ความคิดเห็นที่ 37 สงสัยลืมปฏิบัติธรรมข้อ "ขันติ" กัน จากคุณ : lastphenix เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 23:46:03

ความคิดเห็นที่ 38 เพิ่งได้ฟังธรรมจากพระอาจารย์มา ดับความโกรธต้องใช้ "ขันติและโสรัจจะ ในปัจจุบันธรรม" คุณต่อใช้ "ขันติ" อดทนต่อคำพูดเสียดสีต่อว่า และตอบด้วยข้อความที่สุภาพเป็นเหตุเป็นผลอันเป็น "โสรัจจะ" ตรงนี้ขอชื่นชมครับ ผมต้องพยายามฝึกเอาอย่างคุณต่อแล้ว จากคุณ : ดอกหญ้า (Klaibann) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:09:51