ความคิดเห็นที่ 1 นักลงทุน เขาก็ไม่ค่อยคิดกับเรื่องนี้หรอก ขอให้เงินกลับมา ขายอะไรได้ก็ขายทั้งนั้น บาปมั้ย บาปแน่ จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:04:18

ความคิดเห็นที่ 2 ขายปืน กระสุน รถถัง บาปไม้ครับ ถ้ามองว่าเพื่อป้อกันประเทศ ปกป้องผู้บริสุทธิไม่ให้ข้าศึกมาทำร้าย แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับด้านไหนที่เราจะมอง ถ้าบาป ก็น่าจะ logic เดียวกัน เป็นผู้จัดหาวัตถุ ในการทำลาย กินเหล้าเมาก็ ขับรถชน ตีกัน เมาเหมือนหมาไม่มีสติ ครอบครัวเดือดร้อน พาลไปทำเรื่องแย่ๆตามมาอีกเนื่องจากขาดสติ ถ้าไม่บาป ก็น่าจะ กินเพื่อนกระตุ้นความดันโลหิต หม่ให้เป็นโรคความดันต่ำ เพื่อเข้าสังคม เพื่อเป็นตัวเชื่อในการสร้างความสัมพันธ์ทางการเจรจาธุรกิจ แถมเค้าไม่ได้ยัดเยียดให้คุณซื้อกินซะหน่อย คนไปซื้อนั้นแหละกระ:-)กระสนไปเอง แต่โดยส่วนตัวผมว่าไม่ควรนะ โลกนี้มันทุนนิยมนำศีลธรรมอยู่แล้ว ขนาด 7-11 ยังขายทั้งเหล้าทั้งบุหรีเลย จากคุณ : Depth In The Ocean เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:06:44

ความคิดเห็นที่ 3 คิดแล้วก็อดเห็นใจคนไทยที่เป็นผู้ประกอบการในสาขาอาชีพพวกนี้จัง โรงแรมทุกโรงแรม เขาก็ต้องมีเหล้า เบียร์ ไวน์ไว้ขาย แม้กระทั้งร้านอาหารใหญ่ๆบางประเภท แต่เมื่อต้องทำมาหากิน กลับได้ยิน ...คำก็บาป สองคำก็บาป     และถ้ามันต้องเป็นบาปร้ายแรงจริงๆ ก็พากันเปลี่ยนศาสนา เปลี่ยนนิกายไปให้หมดทุกคน หรือไม่ก็ให้ฝรั่งมาเทคโอวอร์ไป จะได้หมดเรื่องหมดราว จากคุณ : MM (ongchai_maewmong) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:18:28

ความคิดเห็นที่ 4 เป็น 1 ในอาชีพที่พระพุทธเจ้าตรัสไม่ควรกระทำ อย่านำโลกของศาสนาไปว่ากล่าวคนอื่นเลยว่าบาปรึเปล่าเพราะมันไม่มีประโยชน์ ให้นำหลักคำสอนมาดูที่กายกับใจคุณเองจะดีกว่า เรื่องการค้ามันก้เรื่องของเขา จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:49:21

ความคิดเห็นที่ 5 เอิ่ม เรื่องของเรื่องคือ ผมไม่ได้ติเตียน คนทำธุรกิจนี้หรอกนะครับ ประเด็นคือ ที่บ้านผมจะขายของพวกนี้ด้วย ผมก็เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ถ้าเลี่ยงได้ ผมก็คงจะเลี่ยงอย่างว่าครับ ทำไปแล้วรู้สึกไม่มีความสุข ผมก็คงไม่ทำ จขกท จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:03:58

ความคิดเห็นที่ 6 1. ตามหลักศาสนา ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ชาวพุทธทุกคนไม่ควรทำ 2. ในเรื่องการค้า เราขายแต่ไม่ได้บังคับให้ใครซื้อนี่ครับ ถ้าทำใจได้ตามนี้ ไม่มีเจตนาให้ใครขาดสติ โดยมโนกรรมก็ยังไม่บาป *แต่มีความหลงเจืออยู่ เพราะยังมองไม่เห็นผลกระทบด้านเสียหายที่จะมีต่อสังคม ซึ่งในที่สุดตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมก็ต้องรับผลไปด้วยครับ  (ก็บาปอีกนั่นแหละ-แต่อาจให้ผลแบบแนบเนียนกว่า มองเห็นยากหน่อย) 3. แม้ไม่ได้บังคับให้ใครซื้อใครกินก็ไม่ควรทำครับ เพราะ เป็นการเอาตัวเข้าไปอยู่ในเส้นทางที่สนับสนุนให้เกิดการขาดสติโดยตรง ถ้ารู้เห็นคนเมาขาดสติ แล้วสำนึกว่าเราก็มีส่วนสนับสนุนนะ ทำใจเศร้าหมองได้ครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 13:10:36 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:09:36

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องบาปบุญตามที่ผมคิดนะ ถ้าไม่ตรงรบกวนชี้แนะด้วยครับ 1.แม้เราเป็นส่วนหนึ่งของต้นทางแต่ไม่รับรู้ ไม่มีเจตนาเช่น ทำบุญโดยบริสุทธ์ใจ แต่ไปขวางทางการค้าของใครบางคน ทำให้เขาไม่พอใจ 2.หรือเราแค่รับผล ไม่มีเจตนา เช่นคนในครอบครัวกินเหล้าแล้วขาดสติส่งผลไม่ดี ก็ไม่มีบาปทางใจจากการกระทำนั้นครับ แต่เป็นวิบากทางกาย ทางวาจา... ซึ่งส่งผลเสียน้อยกว่าบาปทางใจ. *แต่ถ้าแยกแยะไม่ดี หลงไปรับเป็นอารมณ์เข้ามากระทบอาจทำให้ใจเศร้าหมองด้วย จึงต้องฝึกสติ แยกให้ออกว่าอะไรเป็นอะไร เราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่แค่ไหน ดังนั้น ตามข้อ 1. เราอาจต้องจะทำอะไรหรือไม่ต้องทำอะไร เพื่อแก้ปัญหา ขอแต่ใจเราไม่หมองก็ไม่บาปครับ เพราะจริงๆแล้วไม่มีเจตนา ตาม คห.2 ก็เช่นกัน แต่ถ้าขัดใจไม่ได้ไปซื้อเหล้าให้ ชงเหล้าให้ ถือว่าเข้าไปอยู่ในเส้นทางสนับสนุนโดยตรงแล้วครับ แต่.....เนื่องจากเรื่องกฏแห่งกรรมนี้ซับซ้อนมาก ถ้าไปซื้อเพราะตั้งเจตนาว่าทำตามคำสั่ง ทำแค่เพราะเรามีหน้าที่ต้องเชื่อฟังและทำตาม ไม่ได้ตั้งเจตนาว่าจะซื้อเพื่อให้ใครกินแล้วเมาขาดสติ ก็ไม่มีบาปด้านมโนกรรมอีกนั่นแหละ ... และเช่นเดิม มีวิบากทางกายตามมา จนกว่าจะหลุดจากความหลงผิด... คิดหาวิธีแก้ไขได้จึงค่อยพ้นทุกข์ไป แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 13:29:53 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:24:21

ความคิดเห็นที่ 8 ปุถุชน คนทั่วไปผู้ที่ยังไม่สดับ จากคุณ : คับแค้นเหลือคณา เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:12:02

ความคิดเห็นที่ 9 ว่ากันด้วยเรื่องของ แนวคิดทางธุรกิจ กับ แนวทางศาสนา แนวคิดทางธุรกิจ > แนวทางศาสนา ผลที่ได้คือ กำไร > ธรรม แนวคิดทางธุรกิจ < แนวทางศาสนา ผลที่ได้คือ กำไร < ธรรม . . . คุณคิดว่านักลงทุนเขาจะสนใจธรรมะไหม? เขาคงไม่สนอะ เขาต้องอยากได้กำไรมากไว้ก่อน เรื่องอื่นมาทีหลังเป็นธรรมดา ในเมื่อเราห้ามเขาขายเหล้าไม่ได้ เราก็ห้ามตัวเราเองไม่ให้กินมันจะง่ายกว่า จากคุณ : IT Boys เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:15:08

ความคิดเห็นที่ 10 อือ แค่รูุ้ว่าไม่สบายใจนะดีแล้ว อย่างน้อยรู้ว่านั้นคือสิ่งที่ไม่ดีเพราะทำแล้วไม่สบายใจ แต่ถ้าคุณจะทำถึงขั้นที่ว่า ให้บ้านตัวเองหยุดขาย เราก็ต้องดูว่าคนขาย(เจ้าของร้าน) เขายินดีที่จะทำให้หรือไม่ ถ้าไม่ เราก็ต้องปล่อยไปตามวิถีชีวิตของเขา แค่ตัวเราอย่าทำก็พอ จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:32:56

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ จขกท.  อย่าขายของพวกนี้เรยครับ     เงินที่ได้ไม่คุ้มกับบาปกรรม ที่จะตามไปอีกนาน จากคุณ : yariv_80 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 01:54:35

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าไม่หวังกำไรจากตรงนี้ งดขาย นั้นดีที่สุดเลยครับ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:42:04

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นมิจฉาอาชีวะครับ บาปหรือไม่ก็คิดเอาเอง ถ้าเราไม่กินเสียอย่างใครจะบังคับเราได้ล่ะ? จากคุณ : wichcha เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:24:48

ความคิดเห็นที่ 14 ผิดซิ !! สร้างบาปเต็ม ๆ เลยล่ะ เขาเรียกว่า มิจฉาวณิชชา มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายที่ผิด หรือไม่ชอบธรรม หมายถึง บุคคลไม่ควรค้าขายสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสัตว์และต่อสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์ ข้อที่คุณ จขกท. สงสัย คำตอบอยู่ในข้อที่ 4. คือ มัชชวณิชชา จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:54:20

ความคิดเห็นที่ 15 ***ถ้าไม่มีคนกิน  ก็ไม่มีคนขาย *** จะแก้ปัญหามันต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ เช่น มีการสร้างหน่วยงาน สสส. องค์กรต่อท้านการดื่มเหล้า โฆษณาห้ามกินเหล้า เมาไม่ขับ ฯลฯ..นั่นมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ที่ถูกต้องน่าจะแก้ที่ต้นเหตุดีกว่ามั้ย เช่น ออกกฏหมายผู้ที่ดื่มสุราให้มีโทษเท่ากับ เสพยาบ้า ยาไอซ์ ให้เอาสุรา เบียร์ เป็นยาเสพติดประเภท 1 ใครขายเหล้าขายเบียร์ มีโทษเท่ากับขายยาบ้า..ใครผลิตเหล้าเบียร์ขายมีโทษเท่ากับผลิตยาเสพติดประเภทที่ 1 ลองเอาแบบนี้ดูซิ ปัญหาทุกอย่างก็คงจะจบ (แต่ในความเป็นจริงคงทำไม่ได้แน่นอน ตราบใดที่ภาษีบาปเหล่านี้ยังคงทำรายได้อย่างมหาศาล ) จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:04:04

ความคิดเห็นที่ 16 มนุษย์เกิดมายังไม่ทำอะไร ก็มีบาปอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ? จากคุณ : เคราติน เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 12:59:46

ความคิดเห็นที่ 17 ถามว่าผิดศีลไหม...ไม่ผิดศีลครับ ถามว่าควรทำไหม....ไม่ควรครับ เพราะเป็นอาชีพที่ข้องเกี่ยวกับอบาย เป็นเหตุให้ตัวเองหรือผู้อื่นเดือนร้อนได้เพระสิ่งเหล่านี้ ถามว่าบาปไหม...ขอตอบว่าเป็นการก่ออกุศลจิต สร้างอกุศลกรรมครับ ที่่เหลือคิดเอาเอง.....^^ จากคุณ : อวตาร เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 21:50:48

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ต้องถามคนขายหรอก ถามคนซื้อ ว่าเมื่อไหร่จะเลิกซื้อ เมื่อไหร่จะเลิกดื่ม ถ้าคนซื้อเลิกซื้อ คนขายเขาก็เจ๊งไปเอง จากคุณ : hasanzaa เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 22:31:09