ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตแลกเปลี่ยน คำว่า ยุติธรรมผมมองว่า  มีการแปรเปลี่ยนไปตามกลุ่มชนนะครับ กลุ่มชนหนึ่ง มองเรื่องหนึ่ง ไม่เหมือนๆกัน ดังนั้นความว่ายุติธรรมโดยตัวมันเองถูกผูกเข้ากับขอบเขตของเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น และ อย่างที่สองคือ หน้าตาของมันก็ถูกผูกด้วยคำว่า"ธรรม" ของสังคมนั้น ในโลกโจรสลัด ขโมยสมบัติจากการปล้นมาแบ่งกัน อย่างยุติธรรม  ก็ได้คือ แบ่งกันตาม"ธรรม"ของ โลกโจรสลัด แต่เมื่อง ธรรมนั้นขยายไปนอกจากโลกของโจรสลัด รุปแบบ ความยุติธรรมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สังคมหนึ่งอาจมองว่า กฏหมายคือความเป็นธรรม จึงใช้กฏหมายเป็นหลักในการมองหาความยุติธรรม แต่ในสังคมเดียวกัน อาจมอง่า กฏหมายไม่เป็นธรรม ขอบเขตของความยุติธรรมจึงทะลุแง่กฏหมายออกไป เหมือนบ้านเราที่กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่นี่ ส่วนหนึ่ง อาจเพราะหาพื้นของคำว่า ยุติธรรมไม่เจอ เมื่อตกลงกันว่าจะใช้พื้น อันไหนไม่ได้ สุดท้ายถ้าโดนบีบมากเข้า ก็จะเป็นการใช้กำลังเพื่อ บังคับให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้พื้นของตัวเอง ดังนั้นพื้นของความยุติธรรมเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญมากสำหรับสังคมหนึ่งๆ ดังนั้น สิ่งที่ทำให้ ความยุติธรรมหน้าตามเป็นอย่างไรคือ ภาพของ คุณธรรมที่สังคมๆนั้นหรือ ในขอบเขตที่ ความยุติธรรมกำลังพูดถึงถืออยู่นั่นเอง สุดท้ายความยุติธรรมเป็นเพียงคำๆหนึ่ง ที่ทิศทางของมันถูกผูกด้วยธรรม   เป็นความเห็นในประเด็นนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 13:46:15 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 13:44:43 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 13:42:59

ความคิดเห็นที่ 2 ขอเสริมนะครับ ยุติธรรม  ยุติ ใน ธรรม  หรือ เมื่อมี(การตัดสินตาม)ธรรมจึงยุติ ธรรม คือ ธรรมชาติความเป็นจริง ความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ  ซึ่งต้องประกอบไปด้วย เหตุผล และกฏเกณฑ์ ที่ย่อมรับของทุกคน ครับ บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏเมือง สังคม มีกฏหมาย ธรรมะ มีกฏแห่งกรรม โจรก็มีกฏของโจร เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ กฏเกณฑ์และเหตุผล ประกอบในการตัดสินให้เป็นไปตามธรรม เรื่องจึงจะ ยุติ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:04:18

ความคิดเห็นที่ 3 ถูกต้องแ้ล้ว คือ ไม่มีอะไร "หยุด"  นอกจาก "ธรรม" ไม่ว่าการจองเวร ล้างผลาญ เวียนว่ายตายเกิด ตบตีคดีความ รวมเรียกว่า "วัฏจักร" วัฏจักรจะหยุดหมุนได้ ก็ด้วย "ธรรม" เท่านั้น -โดยความหมายของชาวบ้านทั่วไป ธรรมจะเป็นตัวแทนของ ความดีสิ่งดี ๆ  ไปจนถึงสุดดี จนไม่มีดี (นิพพานในพุทธศาสนาก็รวมอยู่ในธรรม) - โดยความหมายของชาวบ้านทั่วไป  กิเลสหรือโลก คือ ความชั่วทั้งหลาย จะตรงข้ามกับธรรม ดังนั้น กิเลส ความดีดดิ้นของหัวใจสัตว์จะยุติ คือ หยุดดีดดิ้นทุรนทุรายได้ด้วยธรรม เท่านั้น สูงสุดของศาสนาพุทธคือ นิพพาน จากคุณ : ช่างต่อเรือฯ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:18:23

ความคิดเห็นที่ 4 คำถาม ขอเรียบเรียงความสงสัยเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ 1) คำว่า"ยุติธรรม" ในทางกฏหมาย หมายถึง "ยุติด้วยข้อกฏหมาย" หรือไม่ 2) "ยุติธรรม" และ "ธรรมยุติ หรือ ธรรมยุต" มีความหมายเดียวกันรึเปล่า 3) "ยุติธรรม" นี้ขึ้นอยู่กับกาลเวลารึเปล่าครับ ขอตอบ 1) ทางกฏหมาย การตัดสินก็ต้องใช้ข้อกฏหมาย ในการตัดสิน ยุติด้วยข้อกฏหมาย ถูกแล้วครับ 2) คำว่า ธรรมยุติ แปลว่า ผู้ประกอบด้วยธรรม หรือชอบด้วยธรรม หรือยุติตามธรรม (ลองหาดูใน http://th.wikipedia.org/wiki/ธรรมยุติกนิกาย  ความหมายคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือน กัน ใช้กันคนละทาง ทางโลกกับทางธรรม ครับ 3) ยุติธรรม ทางโลก ขึ้นอยู่กับ กาลเวลา ยุคสมัยเปลี่ยนไป กฏเกณฑ์และเหตุผลก็เปลี่ยนตาม แต่ทางธรรมนั้น กฏแห่งกรรม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จะชาตินี้หรือชาติหน้า กฏแห่งกรรม ก็ยังเหมือนเดิมตลอดเวลา ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:19:12

ความคิดเห็นที่ 5 ผมลองสร้างแผนภูมิดังนี้ครับ จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:32:41

ความคิดเห็นที่ 6 ยุติธรรมในแบบพุทธ ที่เห็นชัด จับต้องได้เป็นรูปธรรมหน่อยก็ต้อง "ศีล5"  (มั้ง) นะครับ  :) จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:50:52

ความคิดเห็นที่ 7 (ข้อมูลปริมาณที่ใช้ในการสร้างแผนภูมิข้างบนนี้ผมสมมุติขึ้นเองนะครับ เพื่อประกอบการอธิบาย) (ผมของดการอภิปรายเรื่องกฏแห่งกรรมนะครับ เพราะเป็นเรื่องของเราชาวพุทธ ท่านอื่นๆก็มีศรัทธาตามหลักศาสนาของแต่ละท่าน) ในสังคม กฏหมายน่าจะเป็นหลักการในการตัดสิน ผิดหรือถูก ที่ครอบคลุมที่สุด ที่ทุกผู้ทุกนามในสังคมนั้นๆต้องยอมรับ คหสต คือ การใช้คำว่า "ยุติธรรม" นั้นไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริง ควรที่จะใช้คำใดก็ตาม ที่มีความหมายตรงกับความหมาย "ยุติด้วยกฏหมาย" หรือไม่ ความรู้สึกยุติธรรมหรืออยุติธรรมใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินด้วยกฏหมาย จะได้มีความชัดเจน ว่านี่ถูกหรือผิดตามข้อกฏหมาย ยุติด้วยกฏหมาย เถียงไม่ได้เพราะเป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย แต่จะยุติด้วยธรรมหรือไม่นี่เป็นเรื่องเราต้องพิจารณา จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:04:59

ความคิดเห็นที่ 8 ท่านเกลือเม็ด ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณในบทเขียนของท่านในเรื่องนี้ กระผมขอแจมด้วย ตามที่ท่าน กล่าวใน คห 7 กระบวนการทางสังคม และ ทางศาสนาในการระงับข้อพิพาท เพื่อให้เกิดความเป้นธรรม ด้วยตัวระบบและหลักการเอง คือต้องให้ทั้งสอง มีความเสมอภาคในการเข้าถึงความเป้นธรรม ตั้งมั่นด้วยการไม่เบียดเบียนอีกฝ่าย และปกป้องสิทธิตนเองตามพึงมีพึงได้ นี่คือกฎของธรรมชาติที่ไม่ต้องกระทบกระทั่งกัน เหตุที่มาเพราะอีกฝ่ายไปเบียดเบียนอีกฝ่าย เลยมีปัญหาขึ้นมา กฎในการระงับข้อพิพาท ส่วนใหญ่นั้นตั้งบนกติกา ว่า ละเมิดสิ่งใด คืนด้วยสิ่งนั้น นี่คือหลักการ ไปโกงเค้ามาต้องชดใช้ ด้วยเงินที่ไปโกงเค้ามา +โทษนุโทษ ที่กระทำผิด ไปเอาชีวิตเค้ามา ก็ต้องชดใช้ด้วย ชีวิต นี่คือหลักการ ซิมเปิ้ล ทีสุด แต่ที่กระบวนการมันบิดเบี้ยว ก้เพราะคนที่อยู่ในกระบวนการนั้น เพราะผู้ตัดสินนั้นเป็นคน มีความรู้สึก คนชอบเอาความรู้สึกมาผนวกกับการได้นั่งในตำแหน่งที่ต้องตัดสินคน เรื่องมันเลย อิรุงตุงนัง กลายเป้นประโยคฮิตว่า "ความยุติธรรมบนโลกใบนี้อยู่กับความพอใจ" ขอบคุณครับสำหรับบทความรู้ ขอแสดงความเคารพ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 15:37:58 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 15:37:33 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:22:33

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเข้าใจดังนี้ ยุติ คือ หยุด จบสิ้นกระบวนการ จบเรื่องราวต่างๆ ธรรม คือ ข้อปฏิบัติเพื่อให้ สิ่งที่เป็นปัญหา ข้อขัดข้องต่างๆ นั้น หมดสิ้นไป ไม่มีอะไรที่ต้องมาถกเถียง ชดใช้กันอีก ดังนั้น ยุติธรรมคือ ข้อปฏิบัติ ที่ ทำแล้ว ทำให้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ยุติไป เกิดความสบายใจทั้งสองฝ่าย(win win) เช่น โจรฆ่าคนตาย ทำลายไปหนึ่งชีวิต กฎหมายระบุแล้ว ต้องทำการประหารชีวิต เพื่อชดใช้หนึ่งชีวิตที่ตายไป และเป็นการป้องปรามที่จะไม่ให้ใครทำเช่นนี้อีก ทางญาติผู้เสียหายก็ต้องการเช่นนั้น แต่ กระบวนการทั้งหลาย ไม่ยุติ เพราะ คนที่ฆ่าเขาตายก็ไม่อยากโดนฆ่า หาทางสู้คดีทุกทาง ญาติของฆาตกรก็พยายามช่วยญาติตนเอง คนพิพากษาก็ไม่เด็ดขาด ออกมาทางเมตตาผู้กระทำผิด อ้างว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อคดี ให้ความร่วมมือ ลดโทษ อ้างว่าเพิ่งทำความผิดเป็นครั้งแรก ลดโทษ แต่คนที่ตายก็เพิ่งตายเป็นครั้งแรกในชาตินี้ไม่มีโอกาสได้รับการลดโทษประหารจากฆาตกร เพราะตอนฆาตกรมันฆ่าไม่มีคณะผู้พิพากษาไปนั่งดูอยู่ ตอนผู้ตายร้องขอชีวิตก็ไม่ได้รับการลดหย่อนเพราะฆาตกรมันมุ่งจะฆ่าอย่างเต็มที่ไม่มีใครมาช่วยดีงสามัญสำนึกให้ แต่เวลาพิจารณาโทษประหารมีข้อกำหนดมากมาย สุดท้าย จำคุก15ปี ปฏิบัติตัวมีลดโทษเรื่อยๆ ไม่กี่ปีก็ออกมาเดินปร๋อ ฆ่าคนตายอีกสักคน เข้าคุกอีก เพราะไม่ทำธรรมที่ยุติ ความยุติธรรมก็ไม่เกิด จากคุณ : พุงหมึก เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:44:22

ความคิดเห็นที่ 10 ขอตอบความเข้าใจนะครับ 1) คำว่ายุติธรรม หากมองในแง่กฎหมาย หรือ ข้อกำหนดที่มนุษย์ตั้งขึ้นเพื่อควบคุมระเบียบของสังคมนั้น ๆ ก็มุ่งหมายให้เหตุข้อพิพาทต่าง ๆ จบลงอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อบัญญัติของแต่ละกลุ่มที่ใช้ ... ซึ่งโดยแก่นแล้ว เพื่อป้องปรามมากกว่า 2) ... น่าจะคนละความหมาย 3) ยุติธรรมหากมองในแง่กฎหมาย ย่อมแปรเปลี่ยนเนื้อหาได้ตามกาล แต่น่าจะคงแก่นไว้เช่นเดิม คือ ความเป็นระเบียบของสังคม แต่ทั้งนี้ก็น่าจะขึ้นอยู่กับระดับศีลธรรมของคนในสังคม โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในการกำหนดตัวบทข้อบังคับ เป็นสำคัญ ======================================== ภาคขยายความ ... ทั้งนี้เราพึงมองว่า ความยุติธรรม ที่กำหนดโดยมนุษย์นั้น กำหนดโดยมนุษย์ ตัดสินโดยมนุษย์ ... ย่อมไม่พ้นที่จะมีความโน้มเอียง หรือ อ่อนหลักฐาน หรือ เลี่ยงบาลี ตามการพยายามหลีกหนีให้พ้นผิด ดังเห็นได้จากหลาย ๆ คดี ... ทั้งยังรวมไปถึง การพยายามกำหนดความเชื่อว่า ความยุติธรรม ของกฎแห่งกรรมสามารถหักล้าง หรือ ลบล้าง หรือ บรรเทาลงได้ ด้วยพิธีกรรมบางอย่าง (ซึ่งมักต้องใช้เงินทองเข้าแลก) ... ตรงนี้ผมมองว่า น่าจะเป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง นาย ก. ได้ไปฆ่า นาย ข. ตาย กลัวกรรมจะตามส่งผลให้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า ... จึงนำเงินไปให้นาง ค. ซึ่งเป็นภรรยาของนาย ก. จำนวนหนึ่งซึ่งมากโขสำหรับฐานะของ นาง ค. จนนาง ค. อาจจะรู้สึกว่าชดเชยกันได้ ... นาย ก. ก็อาจพาลคิดไปว่าได้หักล้างกรรมนั้น ๆ ลงไป หรือ ไม่ก็บรรเทาลงไป ... ทั้งที่จริงแล้ว กฎแห่งกรรมก็น่าจะแยกแยะ กรรม ว่าอะไร เมื่อไหร่ และ รับผลของกรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะตามเจตนาแห่งการกระทำ ดังนั้นแล้ว ... การพิจารณาว่า ยุติธรรม ดีแล้ว สำหรับกฎทางโลกย่อมอิงตามหลักฐานที่จับต้องได้ ... จึงทำให้บางที่ดูเหมือนไม่ยุติธรรม หรือ บทลงโทษก็อาจไม่สาสม (ตามความรู้สึกของแต่ละคน) ... แต่กฎแห่งกรรม กลับจะพิจารณาตามเจตนาแห่งกรรมนั้น ๆ มากกว่า ปริมาณการกระทำ เช่น บางคนอาจทำบุญด้วยทรัพย์สินมากมาย แต่ เพียงเพราะปรารถนาให้ตนเองสุขสบาย ... กับคนที่ทำบุญแต่น้อย แต่ทำให้กับผู้อื่นที่ลำบากด้วยจิตใจเมตตาอย่างแท้จริง ก็น่าจะได้ผลไม่เท่ากัน ... ซึ่งยุติธรรมตามกฎแห่งกรรมนี้ ผู้กระทำย่อมรู้อยู่แก่ตน อยู่แก่เจตนาของตน จากคุณ : x-schneider เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:57:25

ความคิดเห็นที่ 11 ฟุ้งซ่าน ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในโลกหรอกครับ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ยุติธรรมไหม คนฉลาด เอาเปรียบคนโง่ แต่ถูกกฏหมาย ยุติธรรมไหม คนมีฐานะดีกว่า สู้ความตามกฏหมายชนะ คนมีฐานะด้อยกว่า ยุติธรรมไหม เสือสิงโต จับกวางกินเป็นอาหาร ยุติธรรมไหม คนฆ่าสัตว์ มาเป็นอาหาร ยุติธรรมไหม บริษัทใหญ่ทุนมาก ใช้กำลังเงินที่มากกว่า บีบให้บริษัทเล็กทุนน้อยที่ริเข้ามา แข่งขันในตลาดให้ต้องปิดตัวเองอย่างถูกกฏหมาย ยุติธรรมไหม นักเรียนสมองดี สอบแข่งกับนักเรียนที่สมองไม่ดี แล้วชนะ ยุติธรรมไหม ฯลฯ สรุปความยุติธรรมไม่มีในโลก แต่ผู้เสียเปรียบเรียกร้อง และไขว่หาความ ยุติธรรมอยู่เสมอ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ อย่างเก่งก็ได้รับความเมตตา สักเล็กน้อย จากผู้ได้เปรียบบางคนเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 16:38:41 จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:36:56

ความคิดเห็นที่ 12 "ยุติธรรม"ที่เป็นสัจพจน์นั้น ผมไม่มีข้อสงสัยครับ เชื่อตามนั้นอยู่แล้ว แต่ความยุติธรรมที่เป็นความรู้สึกของคนละครับ จะทำยังไงให้เกิดความรู้สึกยุติธรรม โดยเฉพาะจากการถูกยุติด้วยกฏหมาย ที่อาจเป็นที่ชอบหรือไม่เป็นที่ชอบ ในกฏหมายนั้นมีความไม่รัดกุมอยู่มาก ข้อกฏหมายต้องการการตีความ มีการเลือกปฏิบัติ อคติของผู้บังคับใช้กฏหมาย แรงกดดันจากการเมือง การแทรกแซงต่างๆ แต่เราเลือกใช้คำว่า"ยุติธรรม"ในการ อภิปราย น่าจะมีการบัญญัติคำว่า "ยุติ(ด้วย)กฏหมาย" มาใช้ควบคู่ไปกับคำว่า "ยุติธรรม" น่าจะดี จะได้แยกแยะได้ชัดเจนขึ้นนะครับ จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:25:18

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยเรียนนิติปรัชญาชอบมากกับคำกล่าวที่ว่า "ความยุติธรรมมีความหมายไม่คงที่"    มากเพราะมันอธิบายได้ในหลาย ๆ อย่าง     จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 17:59:00

ความคิดเห็นที่ 14 รูปใน คห. 5 กฎแห่งกรรม ไม่ใช่ความยุติธรรม ไม่เท่ากับความยุติธรรม กฎแห่งกรรมเป็นกฎแห่งความเป็นจริงของทุกสรรพสิ่ง เหมือนแรงโน้มถ่วง เหมือนแสงอาทิตย์ เมื่อเอาคำว่า "ยุติธรรม" ซึ่งเป็นนิยามของมนุษย์ไปจับ อาจกล่าวว่ามีความยุติธรรม หรือไม่ยุติธรรมก็ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด และมุมมอง จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:27:24

ความคิดเห็นที่ 15 คนทั่วไปมักมอง "กฏธรรมชาติของสัตว์สังคม" ในลักษณะหยาบ ดิบ ตาต่อตาฟันต่อฟัน  ถ้าอาศัยหลักแห่งจิต พิจารณาความละเอียดใน "กฏธรรมชาติ" เข้าไปดูให้ลึกซึ้ง  จะเห็นสิ่งที่สวยงามซ่อนอยู่ เช่น ในความข้ดแย้งที่เกิดในทุกสังคม  มักมีคนพยายามละลายพฤติกรรมบางคน* ที่กำลังประกาศอคติอยู่ มีคนต่างศรัทธาร่วมปกป้องคนต่างศรัทธา*   หากสำเร็จ (1.) "ความยุติ(โดย)ธรรม(ชาติสังคม)" ก็เกิดแบบชั่วคราว  หากไม่สำเร็จ (2.) "คนที่ยังประกาศอคติ ก็ยังหลับตาวิ่งอยู่ในกงล้อเพลิงแห่งกรรมที่ตนก่อขึ้น" ผลจากด้านบน จะเห็นได้ชัดว่า "ฝั่งหนึ่งเปลี่ยน"(1) , "ฝั่งหนึ่งไม่เปลี่ยน"(2) "ความเปลี่ยนไป เปลี่ยนแปลง ปรับตัว เรียนรู้ เป็นธรรมชาติมนุษย์ที่สวยงาม??" -------------- แต่หากต้องการความยุติธรรมแบบถาวร  ต้องมีการลำดับ"เหตุ"ให้ละเอียดยิ่งขึ้น + ต้องมีน้ำใจนักกีฬา + ต้องมีเมตตาต่อผู้ไม่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์  + ต้องมีEQ และ IQ ในระดับที่เชื่อถือได้ + ต้องรู้จุดหมายในแต่ละสถานการณ์  + ต้องศึกษานิสัยคนมาพอสมควร  ความเจ็บแค้นจากการถูกกระทำ เกิดอยู่ในใจทั้ง 2 ฝั่ง (ณ ตอนนี้) อีกฝั่งที่โดนขยี้คำพูดลากเหมาทั้งศาสนาไปด่าแล้วก็ดี  ด่าขึ้นศาสดาเป็นขอทานมาหลายปีก็ดี วันนี้ไม่ได้พูดถึง "ไม่ได้แปลว่า ความคับแค้นใจ อัดแน่นอยู่เฉพาะฝั่งที่พูดออกมา" ผมเข้าใจว่า "คนหมู่มากไม่ให้ความเป็นธรรมคนหมู่น้อย" > "บีบคั้นให้คนส่วนน้อยรังเกียจสังคม"  มีจริง เป็นอยู่ กำลังแปรสภาพ --------------- ลองสมมติว่า  (สมมติว่า ผมทำจริงๆแล้วคล้อยตามนะ) ผมเป็นพุทธคนเดียวในกระทู้ แล้วทุกคนเป็นอิสลาม แล้วผมด่าศาสดาอิสลาม มาตลอดหลายปี สัจธรรมอิสลามยอมผม ผมด่าหนักขึ้นจนสัจธรรมอิสลามเงียบทุกที ผมไม่เห็นด้วยกับสัจธรรมอิสลาม เพราะผมคิดว่า ของผมคือที่สุดคือของจริง ผู้หญิง เด็ก หน้าไหนเข้ามา ผมลากคลุมด่าด้วยถ้อยคำเอาผิดผมไม่ได้ ผมถือว่าโง่ทั้งหมด ถึงวันนึงที่เรื่องลุกลาม และถึงจุดที่คนอิสลามส่วนใหญ่เริ่มรับพฤติกรรมผมไม่ได้ "ขอแยกห้อง"  ผมไม่แคร์ตัวผู้ตัวเมีย ที่โอดครวญ ผมสู้ต่อ  หวังลากไส้ด่าให้ถึงศาสดาอิสลามให้ได้เหมือนเคยทำมา สถานการณ์ตอนนี้ ชาวอิสลามซึ่งเป็นธรรมส่วนใหญ่ในห้อง เงียบ หยุดให้ความเห็นทั้งบวกและลบกันหมด จากการที่ผมด่าอิสลาม แต่ผมให้ลูกหาบ ตีฆ้องร้องเป่า ท้าตีท้าต่อย เวลามีคนมาด่าผม ให้ประกาศว่าไป มีคน Anti Buddha คนอิสลามที่เข้าใจ จะคิดอย่างไรกับผม?      จะร้ายจะดีก็คนไทยด้วยกัน "ความผิด" ที่ทำไปแล้ว เกิดทั้ง 2 ฝั่ง ไม่มีใครคาดโทษอะไร ในสายตาผู้ใหญ่ ฝากไว้ให้คิด  ที่เหลือจะเก็บความคับแค้น อยากระบายอย่างไรก็เชิญกันต่อ -------------------- แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 21:19:46 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 21:06:30 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 21:05:17 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:58:51

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 13 สมัยเรียนนิติปรัชญาชอบมากกับคำกล่าวที่ว่า "ความยุติธรรมมีความหมายไม่คงที่"    มากเพราะมันอธิบายได้ในหลาย ๆ อย่าง จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู ----------------------------------------------------------------------- นี่คือ อีกหนึ่งคำยืนยันว่า  "ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในโลก" "ความยุติธรรมมีความหมายไม่คงที่" เปลี่นแปลงไปตามความตะลบตะแลง ของนักกฏหมาย ช่างเลือกใช้คำพูดให้ฟังดูดีได้เก่งจริงนะ นักกฏหมายไทยเรา จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:04:50

ความคิดเห็นที่ 17 ดังที่ชี้แจงไว้ในแผนภูมิ คห5 กฏหมายนั้นคงไม่สามารถตอบสนองต่อความรู้สึกอยุติธรรมได้ครอบคลุม ความยุติธรรมในอเวนัยสัตว์นั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีการใช้ตรรกะ เหตุผล สำนึกผิดชอบชั่วดี ยุติธรรมหรือไม่ น่าจะเป็นเรื่องระหว่างสัตว์ประเสริฐด้วยกันเท่านั้นนะครับ ยังจำตัวละครในเรื่องเพรชพระอุมาได้ดี นายรพินทร์ ไพรวัลย์ ใช้ปืนไรเฟิล ดวลกับช้างป่าและสัตว์ป่าอีกมากมาย ผู้เขียนพยายามชี้ให้เห็นว่า นายพรานกับปืน ต่อสู้กับสัตว์ป่าได้อย่างยุติธรรม ผมก็เห็นว่า มันจะไปยุติธรรมได้อย่างไร มนุษย์เอากฏเกณฑ์ความคิดแบบมนุษย์ไปยัดเยียดให้สัตว์ ไม่ไปยุ่งกับมันเลยน่าจะยุติธรรมที่สุด จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 00:10:14

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เคยเข้าใจคำนี้อย่างแท้จริง จนเจอครูบาอาจารย์ ท่านบอกอย่าไปหาเลยความยุติธรรม.. เคยได้ยินไหมความยุติธรรมไม่มีในโลก.. มีแต่ "ยุติ..ที่...ธรรม" ท่านว่า เริ่มจาก "ยุติ" ที่ "เรา" แล้วก็ "ยุติ" ที่ "ธรรม" จบข่าว จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 01:58:27

ความคิดเห็นที่ 19 หุห มีชื่อเกลือเม็ดด้วย... สำหรับผม คำว่า ยุติธรรม ซึ่งผมตีความของผมเอง หุหุ หมายถึง การยุติปัญหาต่างๆ โดยการใช้ธรรรมเป็นการตัดสิน เช่นใน นาย ก. ไป ฆ่า นาย ข ตาย คำถาม คือ การ ฆ่า(ประหารชีวิต) นาย ก. ตาม นาย ข นั้น จริงๆแล้ว เราคิดว่า แบบนี้คือความยุติธรรม จริงหรือ ผมคิดว่า เราต้องตอบว่า ในปัญหานี้ เราจะช่วยให้ นาย ข มีชีวิตอย่าง ปกติสุขได้อย่างไร และอะไร คือสิ่งที่เราต้องช่วยให้คนที่รักฝังนาย ข. จะสามารถยอมรับ นาย ก ได้ ในแง่ปฎิบัติ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ดังที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า มี มิชชั่นนารีกลุ่มหนึ่ (5 คน) เดินทางไปประกาศศาสนา ให้เกับคนเผ่าๆหนึ่ง และเขาทั้ง 5 ถูกฆ่าตายทั้งหมด แต่เหล่าภรรยาและครอบครัวก็มิได้ย่อท้อ หรือโกรธแค้น แต่กลับพยายามเข้าไปประกาศใหม่ และในทีสุด คนเผ่านั้นทั้งหมด ก็กลับใจมาเชื่อพระเจ้า ภาพที่เห็นนี้ ผมคิดว่า เป็นความหมายของคำว่า ยุติธรรม อย่างแท้จริง แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 07:18:07 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:27:51

ความคิดเห็นที่ 20 โลกนี้มีแต่อำนาจ ไม่มีความยุติธรรมแม้แต่น้อย คำว่ายุติธรรมแท้จริงเป็นเพียงอาวุธ ของผู้ครองอำนาจใช้ในการปกครองประชาชนเท่านั้นเอง แต่ความยุติธรรมในความหมาย ที่แท้จริงก็มีอยู่จริงๆ นั่นก็คือ ทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ทำดีไม่ได้ดีเพราะเคยชั่ว ทำชั่วไม่ได้ชั่วเพราะเคยดี นี่แหล่ะความยุติธรรมที่แท้จริง จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:42:42

ความคิดเห็นที่ 21 ผมมีกลุ่มเพื่อนที่เป็นคนเกาหลีใต้และเป็นคริสเตียน เคยเล่าให้ฟังเรื่องกลุ่มคริสเตียนจากเกาหลีใต้กลุ่มนึง เข้าไปในอัฟกานิสถานเพื่อเผยแผ่ศาสนาครับ (evangelism) แล้วโดนฆ่าตายหมด แต่ก็ยังมีความพยายามส่งบุคลากรเข้าไปอีก จนรัฐบาลเกาหลีใต้ต้องสั่งห้ามเลยครับ ไม่รู้ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ความยุติธรรมในแต่ละท่านคงไม่เท่ากันเป็นแน่ (แผนภูมิใน คห5) แต่เมื่ออยู่ในสังคม กฏหมายน่าจะเป็นที่สุดของกฏเกณฑ์นะครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:56:09 จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:33:27

ความคิดเห็นที่ 22 แต่เมื่ออยู่ในสังคม กฏหมายน่าจะเป็นที่สุดของกฏเกณฑ์นะครับ จากคุณ  เกลือเม็ด ------------------------------------------------------ ไม่ใช่ครับ อำนาจและอาวุธ ที่เหนือกว่าครับกำหนดความยุติธรรม รัฐธรรมนูญ อันเป็นกฏหมายสูงสุดเหนือกว่ากฏหมายใด ยังถูกละเมิด และฉีกทิ้ง เขียนขึ้นใหม่ตามบัญชาของผู้ทรงอำนาจที่เหนือกว่าก็ทำได้ครับ ประเทศที่มีกำลังเหนือกว่า กล่าวหาและเข้าโจมตีประเทศอื่นที่อ่อนแอกว่า มีให้เห็นอยู่ในโลกของความเป็นจริงนะครับ ไม่ใช่ความฝัน จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:11:55

ความคิดเห็นที่ 23 "ยุติธรรม"นั้นมีอย่างแน่นอน (สัจพจน์) ไม่ต้องเป็นนักอุดมคติ (idealist) ก็สามารถรู้สึกถึงความมีอยู่ได้ครับ รอบตัวเราก็มีครับ เพียงแต่ว่า เราจะนับว่ามันเป็นความยุติธรรมรึเปล่า ระดับในการรับรู้ สำนึกรู้ ถึงความยุติธรรมของในแต่ละท่านนั้น ไม่เท่ากัน เมื่อไม่เท่ากัน ความต้องการระดับความยุติธรรม ที่จะใช้ในการหักล้างความอยุติธรรมย่อมไม่เท่ากัน หากจะเปรียบเทียบ ขอเปรียบเทียบกับปริมาณในการใช้ยาและวิธีรักษาโรคครับ ผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ต้องการยาน้อย วิธีการรักษาทั่วไป หากอาการหนัก อาจต้องการ วิธีรักษาในระดับที่แยบยลเป็นอย่างยิ่ง ในความเป็นจริง ดังเช่นสังคมที่เราอยู่ ณ เวลานี้ ความยุติธรรมอาจดูน้อย หรือเราอาจมองข้ามมันไป ถ้าอะไรมันขัดหูขัดตาไปหมด คงต้องปรับตัวปรับใจกันบ้าง ทานข้าวนอกบ้าน อาหารอร่อย ราคาเป็นที่พึงใจ เราพอใจ นั่นก็เป็นความยุติธรรมเล็กๆ นะครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 15:00:25 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:58:25 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:54:59 จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:49:12

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนอื่นผมขอสวัสดีคั้งแต่คุณเกลือเม็ดที่เค็มจัด เรื่อยลงมาจนถึง เกลือที่จืดสนิท ขอร่วมคุยสนุกกับเพื่อนๆทุกท่านด้วย และท่านต่อมาจากเกลือจืด ถ้าผม โพสต์กระทู้นี้ไม่ทันต่อเนื่องก้ขอสวัสดีด้วยครับ ในทัศนะของผม "ความยุติธรรม" ก็คือ ความเที่ยงตรงที่ไม่ลำเอียงไปฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้แต่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเป็นผู้ที่เรารักใคร่นับถือมากเท่าใดก็ตาม "ความยุติธรรม" ในแต่ละสังคมอาจจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอบู่กับบรรทัดฐาน ขบธรรมเนียมประเพณี และ ค่าคุณธรรม ของแต่ละสังคม แต่ในสังคมมนุษย์ ที่แต่ละลังคมมีความสัมพันธ์และไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันด้วยมิรภาพ สามารที่จะใช้ความยุติธรรมในความหมายร่วมกันได้  ตามหลักการของทุกๆศาสนาแล้ว "ความยุติธรรมมีความหมายร่วมกันคือ"  "ความยุติธรรม"  คือ ความเที่ยงตรงที่เกิดจากจิตใจที่ไม่ลำเอียงไปฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้แต่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเป็นผู้ที่เรารักใคร่นับถือมากเท่าใดก็ตาม ซึ่งใช้ ในชิวิตประจำวันในสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน ในการตัดสินเรื่องราวใดๆก็ตามตั้งแต่การ ตั้งแต่การแบ่งปันในครอบครัวไปจนถึงความยุติ ธรรมของผู้ปกครองประเทศ  ที่กล่าวมานี้เป็นอุดมการณ์ของผมที่วางรากฐานของความยุติธรรมที่จิตใจ และจากคำสอนตามหลักการของ "ความศรัทธา " และจากความอบอุ่นที่ได้รับมาจาก สิ่งแวดล้อมในครอบครัว แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 16:55:47 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:52:35

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับคุณแมทท์ ถ้า "ความยุติธรรม" บังเกิดในจิตใจผู้ใด ความยุติธรรมนั้นจะแผ่ไปรอบบุคคลผู้นั้น ผู้ใดได้ไกล้ชิดก็ได้รับความยุติธรรมเยอะหน่อย ผู้ใดอยู่ไกลก็ได้น้อยลงไปตามลำดับ ถ้ามีบุคคลที่มี "ความยุติธรรม" ในสังคมมากๆ สังคมนั้นก็จะมีความยุติธรรมเพียงพอ จนทำให้ทุกคนรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าสังคมที่เราอยู่ในตอนนี้ มีคนที่มี "ความยุติธรรม" ในจำนวนน้อยเกินไป หลายๆ ท่านจึงยังไม่รู้สึกถึงความ "ยุติธรรม" ครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 19:37:06 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 19:25:29 จากคุณ : เกลือเม็ด เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 19:15:03

ความคิดเห็นที่ 26 ยุติธรรม = การไม่ยึดถือตัวตน เราเขา จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 07:58:20