ความคิดเห็นที่ 1 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 21:41:27 จากคุณ : หด (Ant-san) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:30:07

ความคิดเห็นที่ 2 ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าคนเหล่านั้นต้องการอะไร Islam will dominate the world  = อิสลาม จะ ครอง โลก จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:34:05

ความคิดเห็นที่ 3 สาเหตุน่ะหรือครับ ๑. สถานที่ที่จะสร้างเป็นมัสยิด ห่างจากวัดเพียง ๒๐๐ เมตร ๒. ในเวียงป่าเป้า  "ไม่มีชาวมุสลิม หรือครอบครัวชาวมุสลิมเลยแม้แต่คนเดียว" จึงแทบไม่มีเหตุผลอะไรในการสร้างมัสยิดเลย ๓. ข้ออ้างของผู้จะสร้าง บอกว่า "เพื่อให้ชาวมุสลิมที่บังเอิญเดินทางผ่านไปในบริเวณนั้น จะได้เข้าไปละหมาดได้"  ซึ่งเป็นข้ออ้า่งที่ไม่สมเหตุสมผล  ปกติตามสนามบิน สถานีรถไฟ  ห้างสรรพสินค้า ก็มีที่ละหมาดสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมอยู่เต็มไปหมดอยู่แล้ว ๔. มีการสอบถามของชาวบ้าน ชาวเวียงป่าเป้า ว่าทำไมจึงไม่มีการบอกกล่าวให้กับชาวเวียงป่าเป้าได้ทราบมาก่อนเลย  ก็มีผู้ดำเนินการสร้างนั่นแหละ บอกว่า "ตามพรบ.อิสลาม  สร้างได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร"  ถ้าจะเอาสิทธิเสรีภาพตามกฏหมายแบบนี้ โดยไม่คำนึงถึงชุมชนหรือคนในท้องถิ่นนั้นเลย จะเอากันถึงขนาดนั้นเลยหรือ?? คิดว่ามีเหตุจำเป็นในการสร้างอยู่ตรงไหนบ้างล่ะครับ? ถ้าหากว่ามีการอนุมัติหรือยอมให้สร้างได้ ถ้าเกิดชาวพุทธบอกว่า ขอไปสร้างวัดหรือสถานที่สำหรับสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ในท่ามกลางชุมชนชาวมุสลิมบ้าง พี่น้องชาวมุสลิมจะยอมหรือเปล่า  ด้วยข้ออ้างแบบเดียวกันว่า "เผื่อชาวพุทธที่เดินทางผ่านไปแถวนั้น จะได้เข้าไปสวดมนต์บ้าง" แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:49:00 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:43:54 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:43:26 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:41:07 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:40:31 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:38:55 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:37:38

ความคิดเห็นที่ 4 อะไรคือข้อเสียของการสร้างมัสยิด ? แล้วมัสยิดอยู่ไกล้วัดมันเกี่ยวอะไรด้วยครับ ? ชุมชนบ้านผม มีวัดสามแห่ง มัสยิดสามแห่ง เดิน 5 นาทีก็ถึงกัน มุสลิม กับ คนพุทธ อยู่กันได้ปกติ ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่เห็นว่าจะมี  พุทธ กับ มุสลิม ตีกัน ..จะมีก็แต่มุสลิมตีกันเองมากกว่า มัสยิดนอกจากจะเป็นที่ละหมาด ยังสามารถเข้าไปพักผ่อนได้ครับ ผมว่านี่หละครับคือกรณีแบ่งแยกอย่างชัดเจน จากคุณ : Sleeping เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:47:03

ความคิดเห็นที่ 5 อีกอย่างความจำเป็นของการละหมาดของมุสลิมทุกคนคือ คำสั่งไช้ครับ มีข้อกำหนดชัดเจน จำเป็นต้องทำ และมีเวลาชัดเจน มันต่างจากการสวดมนต์ของชาวพุทธอย่างชัดเจนครับ เอามาเทียบกันไม่ได้ จากคุณ : Sleeping เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:49:44

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ ไม่มีการแบ่งแยกอะไรกับใครเลย ก็ในท้องถิ่นนั้นมีแต่ชาวพุทธ ไม่มีชาวมุสลิมเลยแม้แต่คนเดียว แต่อยู่ ๆก็มีการสร้างมัสยิดขึ้นมาโดยไม่มีชาวมุสลิมในท้องถิ่นนั้นเลย ช่วยอธิบายหน่อยเถอะครับว่าสร้างมาเพื่ออะไร?? ถ้าหากจะอ้างว่า พอถึงเวลาต้องละหมาด ต้องไปหาที่ละหมาด เป็นคำสั่งใช้ เป็นพระบัญญัติหรืออะไรก็แล้วแต่  ก็ตามสถานที่ต่าง ๆ  อย่างห้างสรรพสินค้า ตามสถานีรถไฟ สนามบิน ก็มีจุดให้บริการทำละหมาดได้ตามสบายอยู่แล้ว  มีความจำเป็นอะไรอย่างไรหรือ ถึงต้องสร้างมัสยิดเพียงเพื่อจะ "ละหมาด" ในชุมชนที่ไม่มีชาวมุสลิมอยู่เลยแม้แต่คนเดียวนั่นน่ะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:54:48 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:50:51

ความคิดเห็นที่ 7 เอ...วัดมาสร้างในพื้นที่มุสลิมอาศัยอยู่ส่วนมากเยอะแยะไป อย่าใจแคบสิครับ สร้างมัสยิดที่ไม่มีคนใช้ กระทบศรัทธาชาวพุทธด้วยหรือนี่???   สร้างศาลพระภูมิ ศาลเจ้า ร้านขายเหล้า( 7/11) ผับ บาร์ ใกล้วัดไม่เห็นเป็นไร จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:54:19

ความคิดเห็นที่ 8 การจดทะเบียนมัสยิดไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ ถ้ามีการะดึงดัน สามารถฟ้องศาลปกครองเอาผิดกับเจ้าพนักงานฐานละเว้นฯ ได้ หลักเกณฑ์ มัสยิด หมายถึง สถานที่ซึ่งมุสลิมใช้ประกอบศาสนกิจโดยจะต้องมีละหมาดวันศุกร์เป็นปกติ เมื่อผู้ใดจะขอจัดตั้งมัสยิดก็ให้ยื่นเรื่องราวขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ที่จะจัดตั้งมัสยิดนั้นพร้อมด้วยรายการและเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดตั้งมัสยิดคือ 1. จำนวนสัปปรุษในท้องที่ซึ่งจะจัดตั้งมัสยิดและหลักฐานแสดงความเห็นชอบของปวงสัปปรุษ 2. รายการจำนวนที่ดินซึ่งจะยกให้แก่มัสยิดที่จัดตั้งขึ้นหนังสือสำคัญเกี่ยวกับที่ดิน แผนผังแสดงสิ่งก่อสร้างของมัสยิดแผนที่แสดงเขตที่จะตั้งมัสยิดขึ้นใหม่และอยู่ห่างจากมัสยิดอื่นเท่าใด 3.ชื่อเจ้าของที่ดินและสัญญาที่จะยกที่ดินให้แก่มัสยิด 4.รายการเงินทุนที่จะใช้ในการก่อสร้างมัสยิด 5. กำหนดเวลาที่จะทำการก่อสร้างมัสยิดให้แล้วเสร็จ 6. คำมั่นว่าจะจดทะเบียนนิติบุคคล การยื่นเรื่องราวทะเบียนมัสยิด 1. การขอจดทะเบียนมัสยิดให้อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น แห่งมัสยิดนั้นร่วมกันยื่นเรื่องราว ขออนุญาตจดทะเบียนมัสยิด ( ม.อ. 1 ) พร้อมด้วยหลักฐานความเห็นชอบของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 2. เมื่อนายอำเภอได้รับเรื่องราวจะตรวจสอบความถูกต้องแล้วจึงเสนอเรื่องพร้อม ด้วยความเห็นไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ ( ผู้ว่าราชการจังหวัด ) 3. เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องและความเห็นจากนายอำเภอแล้วจะพิจารณา สั่งการภายในกำหนด 30 วันแล้วจะแจ้งผลการพิจารณาไปยังนายอำเภอ เพื่อแจ้งให้ผู้ยื่นเรื่องราวทราบเป็นลายลักษณ์อักษรว่ารับจดทะเบียนมัสยิด หรือไม่ ในกรณีไม่รับจดทะเบียนให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงเหตุผลไว้ด้วย 4. เมื่อมัสยิดใดได้รับแจ้งการอนุญาตให้จดทะเบียนแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือสำคัญทะเบียนมัสยิด ( ม.อ. 2 ) ให้ผู้ร้องรับไปและทำสำเนาขึ้นอีก 3 ฉบับส่งไปเก็บ ณ อำเภอท้องที่ศาลากลางจังหวัด และกระทรวงมหาดไทย 5. เรื่องราวที่ขอจดทะเบียนและหลักฐานทั้งหมดให้พนักงานเจ้าหน้าที่เก็บไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:55:37

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 7     เอ...วัดมาสร้างในพื้นที่มุสลิมอาศัยอยู่ส่วนมากเยอะแยะไป อย่าใจแคบสิครับ สร้างมัสยิดที่ไม่มีคนใช้ กระทบศรัทธาชาวพุทธด้วยหรือนี่???   สร้างศาลพระภูมิ ศาลเจ้า ร้านขายเหล้า( 7/11) ผับ บาร์ ใกล้วัดไม่เห็นเป็นไร จากคุณ : laliklalee   ^ ^ มุสลิมอาศัยอยู่ส่วนมาก กับไม่มีมุสลิมอาศัย มันต่างกันนะครับ เอ้อ ถ้าเกิดว่าสร้างมัสยิดแถวหนองจอก หรือแถวมีนบุรีอะไรก็ว่าไปอย่าง นี่ไปสร้างในที่ๆ "ไม่มีแม้แต่เงาของชาวมุสลิมอยู่เลย"  ช่วยอธิบายหน่อยเถอะว่าเพื่ออะไร?? แล้วในเมื่อคุณก็บอกเองว่า "สร้างมัสยิดที่ไม่มีคนใช้" ก็นั่นน่ะสิ แล้วจะสร้างไปหาพระแสงเลเซอร์อะไร?? แล้วอีกอย่างหนึ่ง  ในท้องที่นั้น ไม่มีมุสลิม แล้วก็ไม่มีสัปปุรุษเลยแม้แต่คนเดียว แต่อยู่ ๆ ก็สร้างขึ้นมาเฉย ๆ แบบนี้ จะให้เรียกว่าอะไร?? แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:58:42 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:57:52 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 19:56:58 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:55:59

ความคิดเห็นที่ 10 วัดถ้าจะมาสร้างในเขตมุสลิมไม่มีใครว่า มีเยอะแยะไปให้เห้น ทั้งใน กทม และตจว ชื่อสุเหร่าเป็นชื่อวัดก็มี เยอะแยะเป็นกระตั้ก สร้างสุเหร่าแล้วไม่มีแมวไปละหมาด มันก็ตึกร้างเอาไปออกรายการคนอวดผีได้ สร้างวัด ไม่มีคน ไปวัด ก็ไม่รู้ว่า จะให้เรียกอะไร ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผมว่าระบบคิดของสังคมไทยมันตลกๆ เค้ามีแต่คนส่วนน้อยกลัวคนส่วนใหญ่ นี่กลายเป้นคนส่วนมาก แถมมากกว่า 90 เท่า กลัวคนส่วนน้อย อย่างนี้เค้าเรียกว่า ใจมด นะครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:01:35 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:59:42

ความคิดเห็นที่ 11 ท่าน chohokun อย่าพึ่งรีบร้อน ถ้าไม่มี มุสลิม แม้นแต่ คนเดียว มัสยิดไม่เกิดหรอกครับ อย่าไปเต้นตามกระแส ป่วนเมืองใครสร้างขึ้นมาหรือป่าว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:01:02

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 7 แน่ใจหรือว่าวัดมาสร้างในพื้นที่มุสลิมได้อย่างเสรี  ในมาเลย์ เวลาจะสร้างวัดยากแค่ไหน แต่พอตอนทำลายทำไมง่ายจัง ในอัฟกานิสถาน รัฐอิสลามแท้ๆ ไม่มีแม้ที่สำหรับหินเก่าแก่  ที่นี่เมืองพุทธ รัฐพุทธ นะครับ จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:02:18

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วประหลาดดี 1. ไม่มีมุสลิมแถวนั้นแล้วกลุ่มไหนเป็นคนขอสร้าง? จากที่ไหน? 2. กลุ่มคนต่อต้านก็ติดป้าย "ตื่นเถิดชาวพุทธ...เราโดนแล้ว ร่วมแสดงพลังพิทักษ์พระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติ" ?????????? เล่นเอางง แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:04:25 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:03:37

ความคิดเห็นที่ 14 เชียงราย ไม่ใช่ไม่มีมุสลิม อยู่ มีมากกว่ากทม เสียอีกถ้านับตามสัดส่วน ผมไปเชียงรายหาร้านอาหารอิสลามง่ายกว่ากทม ด้วยซ้ำ อยากกินอาหารจีน อิสลาม ผมก็ระเห็ดไปกินที่เชียงรายนี่แหละ พรรคพวกผมที่เป้นพุทธศาสนิกชนอยู่เชียงรายเป้นกระตั้ก ไม่ใครเค้าจะเต้นแบบนี้ มุสลิม กับพุทธในเชียงราย ไม่เห้นบ้าบอคอแตก มารบกันเลย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ชาวมุสลิมที่มีเชื้อสายชาวยูนนานนั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกพ่อค้าที่เดินทางมาค้าขายบริเวณมณฑลยูนนาน เข้าสู่ประเทศพม่า ลาว และเข้าสู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย คนกลุ่มนี้จะถูกคนพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่าเป็นพวก “จีนฮ่อ” ซึ่งมีเอกลักษณ์ทั้งทางด้านภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากชาวจีนโพ้นทะเลกลุ่มอื่นๆ ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย (ที่มาของคำว่า “ฮ่อ” นั้นยังคงเป็นปริศนาและมีความซับซ้อนว่ามีที่มาจากที่ใด เพราะเหตุไรชาวยูนนานจึงถูกเรียกว่า “ฮ่อ” ทั้งที่ชาวยูนนานเองก็ไม่ได้เรียกตัวเองว่า “ฮ่อ” ปัจจุบันยังมีนักวิชาการที่สนใจวิชาศึกษาและพยายามค้นหาต้นตอ และถกเถียงถึงที่มาของคำๆ นี้) (เจียแยนจอง, 2537) ถึงแม้นว่าผู้อพยพชาวจีนยูนนานที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของไทย จะถูกคนพื้นเมืองเรียกรวมๆ กันว่าเป็นพวก “จีนฮ่อ” แต่ชาวจีนฮ่อก็มีลักษณะที่หลากหลายแบ่งเป็นได้หลายกลุ่ม อพยพมาจากหลายส่วนของมณฑลยูนนาน ดังนั้นจึงมีพื้นฐานทางสังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป จากประวัติการอพยพถิ่นฐานแบ่งได้เป็นกลุ่มๆ ดังนี้ กลุ่มแรก กลุ่มพ่อค้าชาวยูนนาน เป็นกลุ่มคนที่เดินทางค้าขายในช่วงหน้าหนาวและหน้าแล้งโดยใช้ม้า-ล่อเป็นพาหนะ จากหลักฐานของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือของไทยในสมัยนั้น ได้กล่าวถึงกองคาราวานของพวกพ่อค้าชาวยูนนานที่เดินทางค้าขายไปมาระหว่างเทือกเขาต่างๆ จาก ยูนนานและจังหวัดในภาคเหนือของไทย (Hellet, 1890 และ Bock, 1884 อ้างใน Suthep Soonthornpasuch, 1977) มีบุคคลท่านหนึ่งในกลุ่มนี้ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากกษัตริย์ไทย ทรงแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง (ท่านขุนชวงเลียง ลือเกียรติ) เนื่องจากได้สร้างความเจริญและมีส่วนให้ความช่วยเหลือต่อคนส่วนรวม ท่านจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำของชาวมุสลิมในจังหวัดเชียงใหม่และในภาคเหนือในสมัยนั้น กลุ่มที่สอง กลุ่มชาวยูนนานอพยพ กลุ่มนี้เป็นผู้อพยพชาวยูนนานที่หลบหนีออกจากประเทศจีนเนื่องจากแรงกดดันทางการเมืองในช่วงศตวรรษที่ 19 ประเทศจีนปกครองโดยราชวงศ์เซ็ง ซึ่งดำเนินนโยบายบีบคั้นและทำการกดขี่ชาวจีนแมนดารินเป็นอย่างมาก จนในปี ค.ศ. 1856 มุสลิมชาวยูนนานทั้งหลายจึงได้รวมตัวกันต่อต้านพื้นที่แถบตะวันตกของมณฑลยูนนานและตั้งเมืองตาลีฟูเป็นเมืองหลวงของยูนนาน แต่ต่อมาภายหลังผู้นำมุสลิมคือสุลต่านชาวยูนนานชื่อ สุลัยมาน ถูกสังหารจึงทำให้ชาวมุสลิมถูกไล่ล่าสังหารอย่างโหดร้าย คนจำนวนนับพันถูกเข่นฆ่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มุสลิมชาวยูนนานเป็นจำนวนมากหลบหนีเข้าสู่ประเทศพม่า เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณลุ่มน้ำสาละวิน กลุ่มที่สาม กลุ่มทหารกู้ชาติจีน หลังจากการปฏิวัติประเทศจีนได้ประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1949 ภายใต้การนำของท่านเหมาเจ๋อตุง ซึ่งถือว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนประสบชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) หรือพวกจีนคณะชาติ ทำให้ทหารกองพล 93 ของจีนคณะชาติต้องถอยร่นลงมาอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า และต่อมาส่วนหนึ่งได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศไต้หวัน อีกส่วนหนึ่งปักหลักอยู่ทางภาคเหนือของไทย ซึ่งรัฐบาลได้จัดสถานที่เป็นศูนย์ผู้อพยพอยู่ประมาณ 50 กว่าศูนย์ทั่วภาคเหนือ กลุ่มที่มีบทบาทและเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อการตั้งถิ่นฐานของชาวมุสลิมเชียงใหม่ คือ กลุ่มของท่าน นะปะซาง (พ่อเลี้ยงเลานะ) ได้เข้ามาตั้งแคมป์อยู่บริเวณทุ่งเวสาลี ฝั่งตะวันออกของถนนโชตนา เมื่อพี่น้องมุสลิมมีจำนวนมากขึ้น ทั้งชาวมุสลิมที่มีเชื้อสายปากีสถานและชาวยูนนาน ท่านพ่อเลี้ยง เลานะจึงเป็นผู้นำสำคัญในการก่อสร้างมัสยิดขึ้นที่บริเวณดังกล่าวเรียกว่า “มัสยิดช้างเผือก” ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว กระแสคลื่นของผู้อพยพชาวจีนยูนนานยังคงหลั่งไหลมาโดยไม่ขาดสายเป็นระลอกๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2430 กลุ่มของท่านเจิงชงหลิ่งได้เดินทางเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของเจ้าอินทนนท์กำลังปกครองเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้น ท่านเจิ้งชงหลิ่งเป็นผู้นำคนสำคัญยิ่งของชาวยูนนานมุสลิมที่ได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมพารในประเทศไทย ท่านได้มีบทบาทในการสร้างหลักปักฐานให้กับชุมชนมุสลิมยูนนานและเป็นแกนนำในการสร้างมัสยิดบ้านฮ่อ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการสนองคุณแผ่นดินในการสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าให้กับกิจการของทางราชการต่างๆ จนได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็น ขุนชวงเลียง ลือเกียรติ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:04:54

ความคิดเห็นที่ 15 ผมถามถึงข้อเสียของการสร้างมัสยิดในที่แห่งนั้นครับ ช่วยตอบหน่อย มันคืออะไร จากคุณ : Sleeping เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:05:03

ความคิดเห็นที่ 16 ทำไมศาสนสถานของศาสนาอื่นๆ ดูเหมือนกันสร้างกันได้ง่ายจังเลย ประเทศนี้ แต่กับการจะจัดตั้งสร้างวัดขึ้นมาซักแห่งหนึ่งนี่ทำไมเป็นเรื่องยุ่งยากมาก ๆ สำนักนักสงฆ์ที่บ้านผมที่ต่างจังหวัดทำเรื่องขอจัดตั้งเป็นวัดมาเป็นสิบกว่าปีแล้วยังไม่ได้เลย ติดปัญหาข้อกฏหมายอะไรไม่รู้ยุ่งยากไปหมด ผมสงสัยจังถ้ามีชาวพุทธไปขอจัดตั้งวัดในประเทศมุสลิมนี่พอจะเป็นเรื่องที่ทำได้หรือไม่ครับ เช่น ถ้ามีชาวพุทธในอียิปหรือซาอุฯ รวมตัวกันขอจัดตั้งวัดขึ้นซักแห่งนึงมันจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไหมนะ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น จากคุณ : time wait for no one เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:05:13

ความคิดเห็นที่ 17 MCE  รีบบินกลับมาประเทศไทยด่วน ถ้าจะลากไส้ เอาปัญหานอกบ้านมาไว้ในประเทศไทย อย่าลืมว่าคนแรกที่จะทำลายประเทศไทย คือคนไทยแบบ MCE นี่แหละ เดวพี่จิม ไปลากไส้ คนพุทธ ฆ่ามุสลิม ล้านกว่าคนมาบ้างเอาไหม มันจะไม่จบเอา แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:07:56 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:07:27

ความคิดเห็นที่ 18 ประเด็นนี้ยังไม่จบเลย เปลี่ยนประเด็นเป็นจะสร้างวัดในประเทศมุสลิมอีกละ จากคุณ : Sleeping เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:10:09

ความคิดเห็นที่ 19 ผมยกตรรกะมาให้คุณดูเฉยๆต่างหาก ว่าถึงเป็นอย่างนั้นจะกระทบอย่างไร?? แต่คุณก็อ่านไม่แตกอีก เพราะอันที่จริงก็ยังไม่ได้ไปพิสูจน์กันเลยว่าที่อ้างว่าไม่มีคนมุสลิมมาใช้นั้นจริงแท้แค่ไหน? เพราะยังไม่ทันได้สร้าง??? หากไม่มีมุสลิมมาใช้จริงตามที่อ้างจะเรียกว่ามัสยิดได้อย่างไร? แม้จะสร้างเป็น "บาแล หรือ มุศ็อลลา" ที่เป็นที่รวมละหมาด ก็ไม่สามารถเรียกได้เลยด้วยซ้ำ หากเปิดให้บริการแล้วเป็นอย่างนั้นจริงตามที่กลัวกันไปล่วงหน้า ก็สมควรทุบทิ้งทำศาลาพักร้อนแก่ผู้สัญจร ก็น่าจะเป็นประโยชน์เสียกว่า แต่หากสร้างที่รวมละหมาด ในที่ที่ไม่มีมุสลิมอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ยกตัวอย่างว่า ห้องละหมาดที่สนามบิน สถานีรถไฟ หรือ ห้างสรรพสินค้า ก็ไม่ได้มีมุสลิมอยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเช่นกัน แต่สร้างเพราะเป็นทางผ่านนั่นเอง เฮ้อ... เปิดโลกทรรศน์หน่อยดีกว่าไหม? ว่านอกเหนือจาก "มัสยิด" หรือ "ห้องละหมาดตามสนามบิน และสถานที่ต่างๆ" ยังมีรูปแบบใดอีกบ้าง สำหรับรวมละหมาดของมุสลิม จะได้ไม่ตื่นตูมกันมากเกินไปครับ http://www.oknation.net/blog/naichumpol/2012/03/15/entry-1 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:23:13 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:22:29 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:19:07 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:11:45

ความคิดเห็นที่ 20 เรียน ท่าน time wait for no one ด้วยความเคารพ ตอนนี้เราพูดถึงประเทศไทย มิได้พุดถึงต่างประเทศ ประเทศไทยการจดทะเบียนศาสนสถานเป้นเรื่องยาก ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม วัด หลักฐานหนังสืออนุญาตให้สร้างวัดของกรมการศาสนา หลักฐานประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องตั้งวัดในพระพุทธศาสนาหรือสำนักสงฆ์ หลักฐานการแต่งตั้งเจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทน หลักฐานการเลื่อนสมณศักดิ์เจ้าอาวาส (ถ้ามีการเลื่อนสมณศักดิ์) หลักฐานการได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ต้องแสดงบัญชีจำนวนที่ดินของวัดที่มีอยู่ก่อนแล้วทั้งหมด พร้อมทั้งนำ หนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดิน ที่มีอยู่แล้วทุกแปลง ไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย ต้องแสดงจำนวนพระภิกษุสามเณร มูลนิธิเกี่ยวกับคริสต์จักร หนังสืออนุญาตให้จัดตั้งมูลนิธิ บัญชีมูลนิธิ (แบบ ม.น.2) ซึ่งระบุรายชื่อกรรมการด้านหลัง ตั้งแต่ฉบับแรก ฉบับที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย ข้อบังคับ หรือตราสารการก่อตั้งมูลนิธิ รายงานการประชุมกรรมการมูลนิธิซึ่งลงมติเกี่ยวกับที่ดินแปลงที่จะขอได้มา หรือลงมติเกี่ยวกับที่ดินแปลงที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน หรือลงมติเกี่ยวกับที่ดินแปลงที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อที่และเจตนาของผู้โอนใน การขอได้มาซึ่งที่ดินในกรณีรัฐมนตรีฯ อนุญาตให้มูลนิธิฯ ได้มาซึ่งที่ดินแล้ว หนังสือมอบอำนาจของมูลนิธิ (ถ้ามี) ต้องแสดงบัญชีจำนวนที่ดินของมูลนิธิฯ ที่มีอยู่ก่อนแล้วทั้งหมด พร้อมทั้งนำหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินที่มีอยู่แล้วทุกแปลง ไปแสดงต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ด้วย ใบอนุญาตให้จัดตั้งสุสาน (กรณีขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นสุสาน) มัสยิดอิสลาม ทะเบียนมัสยิด (แบบ ม.อ.2) ประกาศฯ แต่งตั้งอิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น ประกาศฯ แต่งตั้งกรรมการมัสยิด รายงานการประชุมกรรมการมัสยิด และมอบหมายให้ผู้ใดเป็นผู้ทำการแทน ซึ่งลงมติเกี่ยวกับที่ดินแปลงที่จะขอได้มาหรือลงมติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเจตนาในการขอได้มาซึ่งที่ดินระหว่างเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีฯ หนังสือมอบอำนาจของคณะกรรมการมัสยิด (ถ้ามี) ต้องแสดงบัญชีจำนวนที่ดินของมัสยิดฯ ที่มีอยู่ก่อนแล้วทั้งหมด พร้อมทั้งนำหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินที่มีอยู่แล้วทุกแปลง ไปแสดงต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ด้วย ใบอนุญาตให้จัดตั้งสุสาน (กรณีขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นสุสาน) จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:13:14

ความคิดเห็นที่ 21 ผมถึงบอกว่างานนี้มันตลกๆ เมื่อไม่มีชุมชนก็ไม่มีมัสยิด ถ้ามีมัสยิด โดยไม่มีชุมชน ก็ไม่มีคนไปปฏิบัติศาสนกิจ ถ้าไม่มีมุสลิมแม้นแต่คนเดียว แล้วจะไปเกรงว่าขัดกับวัฒนธรรมพุทธได้เช่นไร งง  ละ งง จริงๆ กลัวอะไรไม่กลัว ไปกลัว กับ เสือ ที่ยังไม่ได้เขียนลงบนกระดาษด้วย ซ้ำ งานนี้มีการปั่นกระแสการเมืองท้องถิ่นหรือไม่ มันฝืนๆกับตรรกและคอมม้อนเซนส์นะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:18:45

ความคิดเห็นที่ 22 รู้สึกว่างานนี้ แนวร่วมไม่น่าจะมีเพียงชาว อ. เวียงป่าเป่า เท่านั้นนะครับ แต่น่าจะแฝงตัวอยู่ตามส่วนต่างๆของประเทศไม่น้อย ลำพังที่เห็นในห้องนี้ก็มีประเภท คอยเชียร์ คอยเสี้ยม อยู่หลายคน แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:33:02 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:32:23 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:32:02

ความคิดเห็นที่ 23 มันเป็นเรื่องของกีฬาสีนะครับ ท่านละลิกละลี้ ที่มันร้ายคือ น่าจะเป้นกีฬาสี ของสีเดียวกันสะเอง แต่เอาอิสลามเป็นเหยื่อ เอาพุทธศานิกชนเป็นเครืองมือ เหมือนกับทางอิสลาม ที่แบ่งกลุ่ม เอาจุฬา กับไม่เอาจุฬา อะไรปานนั้น แต่ของเราโต้แย้งกันภายใน ไม่ปล่อยบานปลายออกไปในภายนอกให้เห็น และไม่เอาศาสนาอื่นเป็นเหยื่อ   แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:54:05 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:53:15 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:50:28

ความคิดเห็นที่ 24 คห.12 เปิดโลกทรรศน์หน่อยดีกว่านะครับ  ดูข่าว มัสยิด ที่ถูกต่างศาสนิกทำลายบ้าง จะได้ไม่หัวรุนแรง http://atcloud.com/stories/8920 http://www.youtube.com/watch?v=lEgW5yGVEYY http://www.thaimuslim.com/view.php?c=3&id=16374 http://www.pinonlines.com/?q=node/17834 http://muslimthai.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=109&id=19464 http://musliminside.com/index.php?do=/forum/3586-3656-3634-3623-3626-3634-3619-3650-3621-3585-3617-3640-3626-3621-3636--34/3592-3637-3609-3610-3640-3585-3607-3635-3621-3634-3618-3617-3633-3626-3618-/ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:58:56

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ถ้าใครเป็นเอามาก อยากหาที่ระบาย ก็ลองหาเกมส์นี้ที่คอเดียวกันเขียนขึ้นมาเล่นไปพลาง ก็แล้วกันนะครับ +++++++ ข่าวแปลกสังคมมุสลิม เผยคนอยู่เบื้องหลังเกมส์ทำลายมัสยิดและมุสลิม สำนักข่าวมุสลิมไทย  นักการเมืองกลุ่มขวาจัดของออสเตรียอยู่เบื้องหลังเกมออนไลน์ทำลายรูปมัสยิดและมุสลิม ข่าวเว็ปไซต์ tech2.in.com/india - นักการเมืองกลุ่มขวาจัด (Freedom Party) ของออสเตรียที่อยู่เบื้องหลังการสร้างเกมแอนนิเมชั่น ออกแถลงการณ์ในเว็ปไซต์ของพรรคเมื่อวันศุกร์ (03/09) ว่า ทางการสั่งแบนเกมออนไลน์ ซึ่งให้ผู้เล่นทำลายรูปมัสยิดและมุสลิม เพื่อสะสมแต้ม เกมดังกล่าวมีชื่อว่า Bye Bye Mosque ซึ่งมีผู้เข้าไปเล่นกว่า 200,000 คน หลังจากเริ่มเปิดเมื่อวันจันทร์สัปดาห์ก่อน โดยพรรค Social Democrats และพรรค Green รวมทั้งชุมชนชาวมุสลิม และคริสเตียน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกมดังกล่าว อัยการท้องถิ่นได้แถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กำลังสอบสวนพรรคฟรีด้อม ต่อกรณียุยงให้เกิดความแตกแยกโดยใช้เกมดังกล่าว ความขัดแย้งในออสเตรียปะทุขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากผู้นำชุมชนมุสลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาหากจะสร้างมัสยิดที่มีหออะซานเห็นเด่นชัดในทุกรัฐของออสเตรีย ในออสเตรียมีมัสยิดที่มีหออะซาน 4 แห่ง แต่ในรัฐ Styria ยังไม่มีมัสยิดเช่นนี้ รัฐนี้มีมุสลิมประมาณ 1.6% ของประชากรทั้งรัฐ และหากจะนับในภาพรวมของทั้งประเทศ ออสเตรียมีมุสลิมประมาณ 5 แสนคน ในจำนวนประชากรทั้งประเทศ 8 ล้านคน ซึ่งส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์แคธอลิก ในการประชุมระดับชาติ พรรคฟรีด้อมได้เสนอให้มีการลงคะแนนเสียงพิเศษ เพื่อการห้ามสร้างหออะซานมัสยิด และห้ามแต่งกายแบบคลุมหน้า ก่อนการเลือกตั้งระดับรัฐครั้งใหม่ในกรุงเวียนนา การก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยพรรคฟรีด้อมครั้งนี้ มีขึ้นก่อนการเลือกตั้งในรัฐ Styria ซึ่งจะมีขึ้นภายในเดือนนี้ http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=29&id=14659 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:02:45

ความคิดเห็นที่ 27 "การไปสร้างมัสยิดในสถานที่สงครามนั้น มันขัดความรู้สึกของ ชาวอเมริกัน ที่รักสงบ" จริงหรือ??? รู้สึกว่าที่อเมริกา จะมีกรณีต่อต้านการสร้างมัสยิดนอกเหนือจากที่ ground zero ด้วยนี่นา? ใช้เกณฑ์ใด? หรือว่าอเมริกาถือว่าประเทศตนเป็นสถานที่สงครามหมดแล้ว? +++++++++++ ชาวบ้านบนเกาะ staten ของสหรัฐประท้วงต่อต้านการสร้างมัสยิด     มุสลิมไทยดอทคอม  ชาวบ้านบนเกาะ staten ของสหรัฐประท้วงต่อต้านการสร้างมัสยิด เกาะ Staten, นิวยอร์ก – ชาวบ้านที่พักอาศัยในย่านถนน กรีลี่ อเวนิว ประมาณ 150 คน ออกมาชุมนุมประท้วงบริเวณชายหาดมิดแลนด์ บนเกาะ staten นอกชายฝั่งกรุงนิวยอร์ก โดยมีการตะโกน โบกธง และชูป้ายต่อต้านการเสนอสร้างมัสยิดแห่งหนึ่ง โดยรถที่ผ่านไป-มา ได้บีบแตรเสียงสนั่นเพื่อสนับสนุนการประท้วงดังกล่าวด้วย การประท้วงดังกล่าวเริ่มขึ้นในตอนบ่าย ที่หน้าสำนักนางชีของโบสถ์ เซนต์มากาเร็ต แมรี่ (St.Margaret Mary R.C.) ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว โดยสถานที่นี้เป็นจุดที่ก่อความขัดแย้งขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อชุมชนเพิ่งทราบว่า กลุ่มมุสลิมกำลังติดต่อซื้ออาคาร 2 ชั้นครึ่งที่เคยเป็นสำนักชี เพื่อทำเป็นมัสยิดและศูนย์ชุมชน ผู้ประท้วงแสดงความข้องใจว่า เหตุใดโบสถ์จึงไม่แถลงในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ชาวบ้านรู้สึกเหมือนเป็นการถูกลอบโจมตีจากกลุ่มมุสลิม และโบสถ์ไม่เห็นความสำคัญของชุมชน หลายคนกล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ 9/11 พวกเขาไม่อาจไว้ใจใครได้ นอกจากปัญหาเรื่องการปิดบังของโบสถ์แล้ว ชาวบ้านยังมีความกังวลในเรื่องการจราจร เนื่องจากบริเวณ ถนนกรีลี่ นี้ มักจะมีรถติดหนักช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งมีการจัดช่องทางพิเศษสำหรับรถที่ต้องการเร่งความเร็วไว้ แต่หากมีการตั้งมัสยิดและศูนย์ประชาคมขึ้นที่นี่ ก็จะทำให้เกิดปัญหาที่จอดรถของผู้มามัสยิด ซึ่งปัจจุบันที่จอดรถก็หาได้ยากอยู่แล้วโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ ช่วงเช้าวันอาทิตย์มีการแจกใบปลิวให้กับผู้มาร่วมพิธีทางศาสนา ตามโบสถ์แคธอลิคหลายแห่งบนเกาะ   นอกจากโบสถ์แห่งนี้แล้ว สำนักนางชีของโบสถ์ เซนต์เทเรซ่า บนถนนวิคทอรี่ บูเลอวาร์ด ในคาสเซิ่ลตัน คอร์เนอรส์ ก็ถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ทำประโยชน์เช่นกัน อัยมาน แฮมมัส กรรมการบริหารสาขาท้องถิ่นของ สมาคมมุสลิมอเมริกัน (MAS) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ติดต่อขอซื้ออาคารดังกล่าว ให้ความเห็นว่า คนเหล่านี้ตกเป็นเครื่องมือของความเกลียดกลัวอิสลามโดยไม่มีเหตุผล และโดยไม่ยอมศึกษาหาความรู้ เขาเน้นว่า ชาวอเมริกันไม่ควรตัดสินผู้อื่นจากสิ่งที่มองเห็นภายนอก หรือจากข้อมูลทางสื่อเท่านั้น ที่ผ่านมา MAS ประกาศตัวตลอดมาว่าเป็นองค์กรอิสระของชาวอเมริกันที่นับถืออิสลาม และประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ที่เกิดขึ้นทั้งใน และนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของปัจเจกชน กลุ่มบุคคล หรือรัฐบาลใดๆ ก็ตาม แฮมมัสกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นชาวอเมริกัน เขาเรียกร้องให้มีการก่อตั้งคณะทำงานขึ้นบนเกาะ Staten แห่งนี้ เพื่อปรึกษาหารือกันในการสร้างความเข้าใจระหว่างศาสนิกต่างๆ ในการเสริมสร้างสันติ และความสามัคคี  - www.muslimthai.com http://muslimthai.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=95&id=13668 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 21:19:50 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:16:46

ความคิดเห็นที่ 28 คุณอาแมท ครับ ผมคงไม่ต้องหาอะไร เพราะผมยึดตามกฎหมาย ผมไม่เชื่อทั้งชาวบ้าน และไม่เชื่อทั้งฝ่ายตั้งมัสยิด ผมฟันธงว่ามีการเมืองมาเกี่ยวข้อง มัสยิดในสายตาของผม มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ไม่มีก็ละหมาดบนถนน แค่นั้นเอง กางเต้นท์บนท้องนาก็ทำได้ ศาสนาอิสลามของเรา ให้ยึดหัวใจกับเอกองค์อัลเลาะห์(ซบ) ถ้ามัสยิดตั้งได้จริงแสดงว่า มีสัปบุรุษ ถ้าตั้งไม่ได้แสดงว่าสัปบุรุษ ไม่ครบ หลักเกณพ์ตามกฎหมายไม่ครบ เรื่องของเรื่องมีคนจงใจ ให้พุทธกับมุสลิม ทะเลาะกันแค่นั้นเอง เพื่อให้คะแนนเสียงตรงนั้นมันแตกก้อน เหมือน เรื่องภาคใต้ ต้องการให้คะแนนมันแตก รวมไม่ติดเลยมีการปล้นปืน ขึ้นมา มุกเดิม ซ้ำๆๆ นะครับคุณอา จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:19:01

ความคิดเห็นที่ 29 สัมภาษณ์กมล กับมัสยิดแม่ขะจาน http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=OyHStzPnApo#! อ้างอิง : http://musliminside.com/index.php?do=/Aba/blog/3586-3656-3634-3623-3648-3624-3619-3657-3634-3594-3634-3623-3652-3607-3618-/ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 21:26:11 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:25:31

ความคิดเห็นที่ 30 ถามนิดนึงครับ เป็นความรู้ ถ้ามี มัสยิด แล้วต้องมีเครื่องขยายเสียง โทรโข่ง ลำโพงกระจายเสียงถ่ายทอด ทุกครั้งที่มีการทำละหมาด ด้วยรึเปล่าครับ ....ถ้าเป็นผม เป็นคนในที่นั้น ก็จะไม่ต่อต้านนะครับ คนไทยด้วยกัน ต่างศาสนาก็อยู่กันได้อย่างสงบ ...แต่ถ้า เวลา พระสวดทำวัตร นั่งสมาธิวิปัสสนา แล้ว มีเสียงดังมารบกวนที่สัปปายะ มันก็ดูรบกวนกัน แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างดำเนินพิธีของกันและกัน ก็อยู่อย่างสงบดีครับ เพราะทุกศาสนา ก็มุ่งสั่งสอนให้เป็นคนดี ขอบคุณครับ จากคุณ : สายัณห์ ตะวันเพลิง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:28:43

ความคิดเห็นที่ 31 อิสลามมีมัสยิดมาตั้งแต่ยังไม่มีการคิดค้นเครื่องขยายเสียงครับ การเรียกร้องคนให้มาละหมาดเมื่อถึงเวลา เราเรียกว่า การอะซาน และในยุคแรกๆเราก็ใช้วิธีการป่าวประกาศโดยไม่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง ยุคนี้การใช้เครื่องขยายเสียงตามสมควรของวัด มัสยิด หรือ โรงเรียน เป็นสิ่งที่ไม่สร้างความเดือดร้อนหรอกครับ สังคมเดือดร้อนเพราะคนไม่เข้าสถานที่เหล่านี้มากกว่า การใช้เครื่องขยายเสียงมากเกินความจำเป็นมีกันทั้งนั้นแหละครับ ทั้งวัตถุประสงค์ทางพิธีกรรมที่ไม่ได้มีรับรองในศาสนา หรือแม้แต่วัตถุประสงค์ทางการเมือง คุณสายัณห์ ตะวันเพลิง ลองดูพิธีกรรมนี้สิครับ ว่าเสียงดัง ยาวนานขนาดไหน?   จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:49:44

ความคิดเห็นที่ 32 ผมขอพูดตรงๆเลยว่าในอนาคตมุสลิมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะอะไรนั่นก็เพราะว่าศาสนาของเขาใช้เทคนิคในการใช้ผู้หญิงในการเผยแพร่ศาสนาเช่นผู้ชายสามรถมีเมียได้4คนแล้วทีนี้ลองคิดดูผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบในเรื่องกามอยู่แล้วเพราะเวลามีเมียเป็นอิสลามผู้ชายก็ต้องเปลี่ยนศาสนาด้วยและถ้าสามีไปมีเมียใหม่ต่างศาสนาเมียใหม่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นอิสลามด้วยพูดง่ายๆศาสนาเค้าใช้กามหรือการสืบพันธ์เป็นการเผยแผ่ศาสนาแต่ศาสนาเราใช้การละกามมาเป็นการเผยแผ่ศาสนาผมว่าอนาคตศาสนาพุทธเองคงถูกกลืนแน่ๆและถ้าพิจารณาดูแล้วผมว่ามันน่ากลัวมากครับ จากคุณ : wutthitham (wutthitham) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:53:59

ความคิดเห็นที่ 33 สังคมไทยสมยอมความสำส่อนและกดขี่ทางเพศเพราะไม่นำอิสลามมาแก้ปัญหาต่างหากครับ ไม่ใช่เพราะหันมายอมรับหลักการอิสลาม คุณกลัวผิดเรื่องแล้วครับ ผมว่าผู้ชายพุทธทั่วไปไม่อยากเข้ารับอิสลามเพราะเรื่องเพศหรอกครับ  ไหนจะเที่ยวผู้หญิงไม่ได้ ดูส่วนสัดผู้หญิงอื่นไม่ได้ ดูภาพลามกอนาจารไม่ได้ ไหนจะต้องรับผิดชอบต่อผู้หญิงหากจะมีเพศสัมพันธุ์ด้วย ใช้เพียงถุงยางอนามัยอย่างชอบธรรมเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000135777 อย่าลืมว่า อิสลามเป็นศาสนาแรก และศาสนาเดียวที่มาจำกัดจำนวนภรรยาทั้งเปิดเผย และไม่เปิดเผยของมนุษย์เพศชายตั้งแต่อดีตกาล และมาวางมาตรการรุนแรงของผู้สำส่อนทางเพศนะครับ สถิติการข่มขืน การทำแท้งของประเทศที่บังคับใช้กฎหมายอิสลามในเรื่องนี้ก็ต่ำมาก http://www.nationmaster.com/graph/cri_rap-crime-rapes เปิดใจหน่อยสิครับ wutthitham แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 22:13:36 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 22:12:00 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:04:48

ความคิดเห็นที่ 34 ศาสนาเดียวที่มาจำกัดจำนวนภรรยาทั้งเปิดเผย และไม่เปิดเผยของมนุษย์เพศชายตั้งแต่อดีตกาล อยากจะหัวเราะให้ตกเก้าอี้ กร๊ากกก ใครนะมีภรรเมียเกินโหลฮาเร็มต่างๆๆ นั่นมีไว้ทำอะไรหรา เอาไว้เก็บจานชามหม้อไหหรองาย กร๊ากกก เปิดใจหน่อยสิครับ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:17:02

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ wutthitham (wutthitham) เข้าใจผิดแล้วค่ะ จะเป็นอะไรไหมคะ หากจะสละเวลา สักเล็กน้อย เข้าไปอ่าน และทำความเข้าใจ ในเนื้อหาหัวข้อของ กระทู้ นี้ค่ะ   http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/03/Y11876594/Y11876594.html แล้วคุณจะเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น เอาใจช่วย ให้คุณมีความเข้าใจ ในศาสนา อิสลาม มากกว่านี้ค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:19:04

ความคิดเห็นที่ 36 อันนี้ข้อมูล เสริม เพิ่มเติมค่ะ ความคิดเห็นที่ 2 2. ทำไมมุสลิมมีภรรยาได้ 4 คน? ถ้าใครบอกว่าศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่อนุญาตมีภรรยาได้เยอะที่สุด ผมก็จะขอเถียงว่าอิสลามเป็นศาสนาที่อนุญาตให้มีภรรยาได้น้อยที่สุดต่างหากล่ะครับ! งงใช่ไหมล่ะครับ? ยังไม่พอแค่นั้นครับ ผมจะให้คุณงงเพิ่มเข้าไปอีก.. เนื่องจากสังคมปัจจุบันมองว่าอิสลามเป็นศาสนาที่กดขี่สตรีเพศ ผมก็จะขอเถียงว่าอิสลามเป็นศาสนาที่ยกฐานะของสตรีต่างหากล่ะครับ! งงว่าทำไมมันถึงกลับตะละปัดอย่างนี้ใช่ไหมครับ? สาเหตุที่คุณงงก็เพราะคุณไม่เคยดูคัมภีร์หรือบัญญัติศาสนาของคุณเลย ส่วนอีกประการคือคุณไม่เคยใคร่ครวญถึงอดีตเลย นอกจากมีประวัติศาสตร์ไว้เป็นเพียงตำนานเล่าขานหรือไว้เรียนเพื่อให้สอบผ่านก็เท่านั้น ประการแรกเรามาดูเรื่องบทบัญญัติของคัมภีร์กัน.. คัมภีร์อัล-กุรอานได้บัญญัติเรื่องแต่งงานไว้ว่า “หากพวกเจ้าไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่บรรดา(สตรี)กำพร้าได้ ก็จงแต่งงานกับสตรีที่ดีแก่พวกเจ้า จะสองคน หรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ก็จงแต่งงานกับสตรีเพียงคนเดียว หรือไม่ก็สตรีที่มือขวาของเจ้าครอบครองอยู่(คือทาสหญิง) นั่นเป็นสิ่งดียิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง” (คำแปลบทอัน-นิซาอฺ โองการที่ 3) ดังนั้นคัมภีร์อัล-กุรอานของศาสนาอิสลามจึงเป็นคัมภีร์เดียวนะครับที่มีระบุประโยคที่บอกว่า “จงแต่งงานกับสตรีเพียงคนเดียว” และศาสนาอิสลามได้จำกัดจำนวนของการมีภรรยาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งการจำกัดจำนวนของการมีภรรยานั้นไม่มีในศาสนาอื่นนะครับ นั่นหมายความว่าศาสนาอื่นอนุญาตให้มีภรรยากี่คนก็ได้โดยที่ไม่จำกัดจำนวนไงครับ แต่สังคมเราปัจจุบันลืมข้อนี้ไปซะสนิท มนุษย์เราขี้ลืมจนถึงขั้นลืมประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษตน.. คนไทยในอดีตมีภรรยากันเป็นสิบ ยิ่งมียศศักดิ์สูงก็ยิ่งมีภรรยามาก แต่การมีภรรยาหลายคนของคนในอดีตเขาไม่ได้ให้ความเท่าเทียมแก่บรรดาภรรยา เขาจะยกย่องภรรยาคนแรกมากที่สุด ส่วนคนต่อๆมาจะถือว่าเป็นนางสนมหรือไม่ก็เมียน้อย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามไม่เห็นด้วย ดังนั้นอิสลามจึงเป็นศาสนาที่มายกเลิกอนารยธรรมเหล่านี้ต่างหากล่ะครับ อิสลามไม่มีเมียหลวงเมียน้อย แต่จะมีกฎข้อบังคับให้สามีให้ความเท่าเทียมกับภรรยาทุกๆคน เราจะไม่เรียกว่าใครเป็นเมียหลวงเมียน้อย แต่จะเรียกเป็นภรรยาคนที่ 1..2..3..4.. นอกจากนั้นแล้วอิสลามก็เป็นศาสนาที่มายกสถานะของสตรี จากในอดีตที่ผู้คนถือว่าสตรีเป็นสินค้า แต่อิสลามได้เข้ามายกสถานะสตรีซึ่งเป็นเพศแม่ ให้ได้ถูกรับการปกป้องคุ้มครองจากสามีและกฎหมายอิสลาม ในขณะที่สังคมยุคปัจจุบันกำลังจะนำอนารยธรรมในอดีตกลับมาใช้คือ เห็นผู้หญิงเป็นสินค้าและมีหน้าที่ไว้บำเรอให้ความสุขแก่ผู้ชาย ไม่ว่าจะปรากฏในรูปของโสเภณี, ดารานักร้อง, หรือนักเต้นโชว์ก็ตาม(ในอดีตกาลก็มีสิ่งเหล่านี้) ซึ่งสังคมเราก็กำลังนำสิ่งต่ำทรามในอดีตกลับมาใช้ใหม่ และสำหรับเรื่องสถานขายบริการทางเพศ(ไม่ว่าจะปรากฏในรูปของสถานบันเทิงชนิดใดก็ตาม) นั่นก็คืออีกปัญหาหนึ่งของสังคม บรรดานักเรียกร้องสิทธิสตรี(ที่เกลียดระบบเมีย 4 ของอิสลาม) เขาไม่เคยเล็งเห็นถึงโทษของการบังคับให้ผู้ชายมีภรรยาได้คนเดียว เขาคิดว่าสถานบริการต่างๆทั่วโลกที่ทำกำไรมหาศาลทุกวันนี้ได้ลูกค้ามาจากไหนกันนักหนาล่ะ? ก็สามีพวกคุณทั้งนั้นแหละ! เพราะความพอใจในผู้หญิงหลายคนนั้นเป็นนิสัยโดยธรรมชาติของผู้ชาย ดังนั้นอิสลามจึงป้องกันปัญหาเรื่องความมักมากของผู้ชายไม่ให้ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นอย่างไม่ถูกต้อง จึงให้มีการแต่งงานซะ แล้วสตรีคนนั้นก็ถือว่าเป็นภรรยาของคุณ ซึ่งมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลให้ความรักและความคุ้มครองอย่างดี .. ศาสนาอิสลามได้วางระบบระเบียบไว้เหมาะสมแล้วสำหรับมนุษย์ ทั้งเรื่องการอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้มากกว่า 1 แต่ไม่เกิน 4 และทั้งกฎหมายอิสลามที่ไม่อนุญาตให้มีสถานบันเทิงซักชนิดเดียว ซึ่งถ้าประเทศไหนรัฐไหนนำกฎนี้ไปใช้ สังคมนั้นก็จะเกิดความสันติสุข(ดังชื่อของศาสนา) จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 14:21:08   จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:24:12

ความคิดเห็นที่ 37 ฮาเร็มน่ะสำหรับกษัตริย์ และเจ้าชายในวังต่างหากครับ ศาสดาของอิสลามไม่เคยมีฮาเร็มอย่างนั้นแน่นอนทั้งก่อนได้รับการแต่งตั้งและหลังการแต่งตั้งเป็นศาสดา http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/08/K6916823/K6916823.html ขอชี้แจงด้วยบทความนี้ http://www.miftahcairo.com/index.php/site-map/127-2012-03-29-14-13-57/276-2012-03-29-14-22-45 ส่วนเหตผลการมีภรรยามากกว่า 4 คนของท่านศาสดากลับไปอ่านกระทู้เก่าๆดีกว่านะครับ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/10/Y4816219/Y4816219.html กระทู้นี้น่าจะถูกลากจูงออกมาไกลจากหัวข้อกระทู้มากแล้ว แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 22:38:27 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:31:17

ความคิดเห็นที่ 38 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ความคิดเห็นที่ 30    ถามนิดนึงครับ เป็นความรู้ ถ้ามี มัสยิด แล้วต้องมีเครื่องขยายเสียง โทรโข่ง ลำโพงกระจายเสียงถ่ายทอด ทุกครั้งที่มีการทำละหมาด ด้วยรึเปล่าครับ ....ถ้าเป็นผม เป็นคนในที่นั้น ก็จะไม่ต่อต้านนะครับ คนไทยด้วยกัน ต่างศาสนาก็อยู่กันได้อย่างสงบ ...แต่ถ้า เวลา พระสวดทำวัตร นั่งสมาธิวิปัสสนา แล้ว มีเสียงดังมารบกวนที่สัปปายะ มันก็ดูรบกวนกัน แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างดำเนินพิธีของกันและกัน ก็อยู่อย่างสงบดีครับ เพราะทุกศาสนา ก็มุ่งสั่งสอนให้เป็นคนดี ขอบคุณครับ จากคุณ : สายัณห์ ตะวันเพลิง    เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:28:43     ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ นี่ละครับความสวยงามของการอยู่ร่วมกัน ผมมีเรื่องเล่าถึงการผสมผสาน ซึ่งมีอยู่ทุกวันนี้เป็นหลักฐานคือ การบอกเวลา ของเรานั้นเอง ในสมัยก่อนไม่มีเครื่องขยายเสียง การบอกเวลาในกลางคืน ที่เราออกเสียงว่า "ทุ่ม" นั้นมาจากเสียงกลอง ที่ตีดังมาจากหอเรียกร้องให้ทำการละหมาด และการบอกเวลาในเวลา กลางวัน ช่วงเช้า ที่เรียก "โมง" นั้นคือเสียงระฆังจากโบสถ์ ซึ่งกำหนดเวลาเพื่อพระท่านจะได้ทราบเวลาเพล นี่ละครับคือการอยู่ร่วมกัน มัสยิดหลายที่ ในกทม อยู่ติดกับวัด มัสยิดในย่านบ้านผม ตลาดเอียมสมบัติ อยู่คนละฝั่งคลองกัน บางที่ติดกันอาศัยลานจอดรถซึ่งกันและกัน เช่นวัดต้นไทร อยู่ฝั่งถนนอ่อนนุช ฝั่งตรงข้ามคลองมีชุมชนมุสลิมอยู่ แต่ไม่มีถนนเข้า ก็อ าศัยจอดรถ ลานวัดกัน แบบนี้มีเยอะหลายวัด อาศัยซึ่งกันและกัน โรงเรียนวัด แต่นักเรียนอิสลามเยอะ วิชาศาสนาก็ให้ อุซตาซ ไปสอน โรงเรียนสุเหร่า ก็มีนักเรียนพุทธ ไปเรียนใครจะแขวนพระเครื่อง ไปก็ไม่มีใครว่า ผมถึงบอกว่าช่วงหลังนี้มีคนจงใจดึงศาสนามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:47:32

ความคิดเห็นที่ 39 เรียน wutthitham (wutthitham) ผมว่าคุณน่าจะได้ข้อมูลมาจาก ยูทูป ผมให้ข้อคิดอย่างนึงว่า การเพิ่มประชากร มิได้เพิ่มจากการมีเมีย 4 ไปสำรวจดูได้ ตอนนี้มีกี่คนที่ภรรยา 4 และไปดูว่าแต่ละครอบครัวมีบุตรกี่คน ก้เหมือนกันนั้นแหละครับไม่เกิน 3 คน ของผมก้มีคนเดียว แถมมีกิ้กไม่ได้เสียด้วย การขยายตัวของศาสนา มิใช่การมีเพศสัมพันธืกันเป้นหลัก อิสลามเน้นการปฏิบัติอย่างแข็งกร้า วิธีการทำให้ศาสนาของท่านไม่ถูกกลืน นั่นคือการรนณรงคืให้ศาสนาของท่านเคร่งครัดในหลักธรรมเน้นปฏิบัติอย่างจริงจัง นี่แหละคือแก่นของการักษาศาสนาให้คงอยู่ อย่างแท้จริง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:57:03

ความคิดเห็นที่ 40 มาม่าเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ เคยอธิบายไว้ในหระทู้ก่อนแล้วนะครับ 1. เวียงป่าเป้าเป็นอำเภอบ้านป่า คือมีแต่คนพื้นถิ่นอาศัยอยู่ การคมนาคมลำบาก ทำให้อำเภอเวียงป่าเป้ามีแต่ชาวพุทธท้องถื่น แทบจะไม่มี(หรืออาจจะไม่มีเลย)ที่จะมีชุมชนมุสลิม 2. เมื่อไม่มีชุมชนมุสลิม ก็ย่อมไม่มีความจำเป็นในการสร้างสุเหร่า 3. เท่าที่ผมเข้าใจการละหมาดสำหรับผู้เดินทาง ไม่จำเป็นต้องเป็นสุเหร่าก็ได้ อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องใช่มั้ยครับ อีกเรื่องคือ ได้ยินมาว่า การละหมาด5เวลา สำหรับผู้เดินทางไกล อ้างจาก ลิ้งนี้ http://jutamas2.** ไม่ใช่ลิควิด **/2010/12/blog-post.html เห็นว่าเปิดโอกาสให้รวมการละหมาดในแต่ละวันด้วยสำหรับกรณีเดินทางนั้น เพื่อสะดวกสำหรับผู้เดินทาง ดังนั้น การตั้งสุเหร่าเพื่อผู้เดินทางนั้นยิ่งไม่จำเป็น กรณีละหมาดวันศุกร์ อ้างตามเวปนี้ http://www.piwdee.net/Lamat/lamat23.html เห็นว่ายกเว้นการละหมาดวันศุกร์สำหรับผู้เดินทาง จึงยิ่งไม่จำเป็นเข้าไปใหญ่ สรุปคือ เป็นการอ้างของฝ่ายสนับสนุนการสร้างสุเหร่า ที่ไม่อยู่บนพื้นฐานการผ่อนปรนทางศาสนา ภาษาเหนือเรียกว่า พวกบักเดียว อีกกรณีหนึ่ง คือไม่มีชุมชนมุสลิมในพื้นที่ แล้วใครจะเฝ้าสุเหร่า ขนาดวัดคนอยู่ตเ็มวันคนยังปล้น สุเหร่าไม่มีคนเฝ้าจะไม่โดนได้อย่างไร จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 23:50:24

ความคิดเห็นที่ 41 จากที่ได้อ่านความเห็นทั้งหมดสรุปได้ว่า คนเหล่านี้แฝงตัวในประเทศต่างๆหวังจะยึดประเทศและเพิ่มจำนวนตามหลักการ คำสอนที่เปิดทางให้แพร่พันธุ์ กันเยอะๆ เช่น แต่งงานต้องเข้ารีต เปิดโอกาสให้มีเมียได้ 4 คน ใครออกนอกรีตโดนแขวนคอ ล้วนเป็นการปิดโอกาส ศาสนาอื่นๆในการเผยแพร่อย่างสิ้นเชิง จะสังเกตได้ว่าประเทศ ที่คนเหล่านี้อยู่เยอะๆ มักปิดโอกาสศาสนาอื่นๆอย่างชัดเจน คำถามไม่ได้ติดแค่ตั้งหรือไม่ตั้ง แต่ผมอยากให้คิดไปอีก 1000 ปี ข้างหน้า ว่ามีคนเหล่านี้เยอะๆประเทศจะเป็นอย่างไร และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทุกสิ่งอย่างย่อมไม่เทื่ยง ไม่เว้นแม้เเต่ศาสนาพุทธ แต่การจะหายไปควรเนื่องด้วย คนมีความรู้ เห็นแจ้ง รับรู้ทุกสิ่งอย่าง ถึงขั้นไม่ต้องการศาสนาแล้ว หาใช่การโดยกลืนชาติไปเช่นนี้สุดท้ายประเทศก็กลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่เราเริ่มคิดเป็นแต่หาเหตุและผลไม่ได้ การต้องมานั่งร้องหาตลอดเวลา การถูกตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ตัดมือ ปาหิน เฆี่ยนตี การต้องถูกบังคับใช้แต่งกายตามที่เขียนไว้ ต้องถามว่าเป็นธรรมแล้วหรือ?                                                                      "จงอย่าอยู่ในความประมาท" แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 00:49:10 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 00:05:11

ความคิดเห็นที่ 42 ตกลงว่า "พวกบักเดียว" ที่ออกมาประท้วงการสร้างสุเหร่า เพราะกลัวไม่มีคนมาละหมาด หรือกลัวไม่มีคนเฝ้างั้นหรือ? ผมว่าคนๆนี้เขาอธิบายเหตุผลไว้แล้วว่าทำไม? ส่วนเรื่องกฎหมาย จำนวนสัปบุรุษผ่านเกณฑ์การตั้งมัสยิดหรือไม่ รอผู้รู้จริงมาให้ข้อมูลดีกว่าครับ http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=OyHStzPnApo แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 00:09:17 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 00:07:51 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 00:07:33

ความคิดเห็นที่ 43 ดูคลิป จากคคห ที่ 29 บังกมล บอกว่า สาเหตุที่ประชาชนไม่อยากให้สร้างมัสยิด เพราะกลัวว่ามุสลิมจะมาสร้างความแตกแยกในท้องถิ่น และจะเป็นที่สะสมอาวุธและความรุนแรงเหมือน 3 จังหวัดภาคใต้  - - * ผมว่าต้องแยกแยะน่ะ จาก คคห ที่ 3 ที่ว่า "ในเวียงป่าเป้า  "ไม่มีชาวมุสลิม หรือครอบครัวชาวมุสลิมเลยแม้แต่คนเดียว" จึงแทบไม่มีเหตุผลอะไรในการสร้างมัสยิดเลย" พอดูคลิปก็ บังกมลก็ยื่นยันว่า มีมุสลิมเข้ามาค้าขายบริเวณน้ำพุร้อน และส่วนหนึ่งก็ทำสวนกาแฟ สวนส้ม และเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมจากส่วนต่างๆของประเทศ ร่วมถึงต่างชาติ มาเลย์ อินโด บรูไน สิงคโปร์..ที่จะเข้ามาเที่ยว ที่ต้องสร้างตรงจุดดังกล่าว ก็เพราะเป็นเส้นทางไป-มา ของนักท่องเที่ยวระหว่าง เชียงใหม่ - เชียงรายจะได้สะดวกในการประกอบศาสนกิจ อาเซียนกำลังจะเข้ามาแล้วน่ะครับ กลุ่มประเทศอาเซียนมีอะไรบ้าง  ปฏิญาณว่าไว้อย่างไร ตื่นตัวกันบ้างเถอะครับ ใกล้ 2015 แล้ว อย่าทำเป็นไม่คุ้นชินกับความแตกต่างกันอยู่เลย เราจะได้พัฒนาไปพร้อมกับนานาประเทศ http://youtu.be/OyHStzPnApo จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 01:15:40

ความคิดเห็นที่ 44 คห.42 ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น จริงอยู่ผมเป็นชาวพุทธ คำว่าบักเดียวถ้าไม่ใช่ชาวเหนือก็คงไม่เข้าใจความหมายที่ถูกต้อง ผมค้นหาข้อมูลตามที่แนบไว้ และในส่วนอื่นๆ ในส่วนของกฏหมาย ไม่มีหลักเกณฑ์บอกชัดว่าการตั้งมัสยิดต้องมีอะไรบ้าง เพียงแต่ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดอนุญาต ดังนั้น แบบหนังสือหนังสือขออนุญาตจัดตั้งมัสยิด จึงเป็นหลักฐานสำคัญว่าคน ก่อตั้งเขียนอะไรใส่ลงไปบ้าง เพราะเท่าที่ดูข้อกฏหมาย (ข้อกฏหมายไปหาอ่านเอง) และประกอบกับคลิป ใน คห. 42 ที่มีการอ้างว่ามีมุสลิมประกอบอาชีพแถวนั้นเป็นชุมชน ทั้งค้าขาย และทำสวน ตามที่ในคลิปว่าไว้ ซึ่ง ผมว่าขัดกับข้อมูลอื่นที่บอกว่าไม่มีมุสลิมในพื้นที่ อันนี้ผมไม่ขอบอกว่าว่าใครผิดใครถูก มาถึงประเด็นจริงๆเลยคือ การตั้งมัสยิดตามกฏหมายต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั้นหมายความว่าหนังสือเห็นชอบของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก็ยังใช้ไม่ได้เพราะยังไม่ครบองคืประกอบตามกฏหมาย คือต้องส่งเรื่องให้นายอำเภอผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ตามกฏหมายเป็นผู้อนุญาตอีกที หากอนุญาต ก็ผ่านมาที่ผู้ว่า เพื่อส่งเรื่องประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั้นหมายความว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ประกาศฯ มัสยิดนั้นก็ไม่ได้รับรองตามกฏหมาย แต่ส่วนนี้ผมหมายถึงการจัดตั้งนะครับ มาดูเรื่องขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งของ่ายมาก คือส่งเอกสารต่างๆ(ไปหาเอาเอง)ไปที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด คณะกรรมการฯอนุญาก็สร้างได้เลย จนเสร็จพร้อมประกอบพิธี ถึงขออนุญาตจัดตั้ง รายละเอียดก็อย่างที่บอกไป ผมว่าหากจะคัดค้านนะ ถ้าคิดแบบเจ็บแสบ ไปขัดค้านต่อเจ้าหน้าที่พิจารณาอนุญาตจัดตั้งดีกว่า ฟ้องดึงเรื่องลากยาวศาลปกครองก็ว่ากันไป หากสุดท้ายไม่ได้จัดตั้งอาคารนั้นก็เป็นแค่อาคารเปล่าๆไม่ใช่มัสยิดที่ถูกต้องตามกฏหมาย นั้นคือเสียสิทธิ์อะไรต่างๆทั้งเรื่องภาษี หรือถ้าหากจะเล่นคือใช้เครื่องขยายเสียงไม่ได้ก็แล้วกัน ซึ่งอันนี้ผมพูดตามกฏหมายนะอาจจะดูโหดร้ายไป เพราะกฏหมายไม่ได้พูดถึงดีชั่ว แต่พูดถึงว่าถูกหรือผิดกฏหมายแค่นั้น แต่หากจะพูดแบบสมาชิกห้องศาสนา ผมว่าค่อยๆคุยกันดีกว่า เพราะการที่จะทำอะไรหรือให้เกิดการแตกแยกนั้นไม่สมควร และข้อเรียกร้องของคนในพื้นที่คือ มันใกล้วัดไป ถ้าผู้ซื้อที่จะไม่ยอมจะเอาที่เดิมก็ไม่ว่ากัน แต่ผลระยะยาวที่จะตามมานั้นไม่มีใครรู้ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 02:35:40

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 37     ฮาเร็มน่ะสำหรับกษัตริย์ และเจ้าชายในวังต่างหากครับ ศาสดาของอิสลามไม่เคยมีฮาเร็มอย่างนั้นแน่นอนทั้งก่อนได้รับการแต่งตั้งและหลังการแต่งตั้งเป็นศาสดา แล้วกษัตริย์ และเจ้าชายในวังแถวตะวันออกกลางที่มีฮาเร็มพวกนั้นมันนับถือศาสนาอะไรหราจ๊ะนู๋ ลา. . ลิก อ้างสวยหรูนะอิสลามให้สิทธิผู้หญิงใช้ผัวร่วมกันได้โดยชอบธรรม 1ผัวต่อ4นาง แล้วทำไมไม่ให้สิทธิสตรีมีผัวได้4คนบ้างล่ะนู๋ก้อลานตา กระทู้นี้โดนลากไถไปไหนต่อไหนแล้ว จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 05:03:34

ความคิดเห็นที่ 46 ท่านยองเชียงใหม่ ผมเข้าใจว่าไม่น่าจะใช่มัสยิด หรอกครับ แต่มีคนนำไปขยายประเด็น น่าจะเป็นห้องละหมาด เหมือนตามทางหลวง ในบ้านเราที่มีตามปั้ม หรือ ตามศูนย์อาหาร เพื่อให้คนเดินทาง มัสยิดในจังหวัดนนท์หลายมัสยิดผมมีโอกาส เข้าไปขออนุญาต แต่หลายมัสยิดก็ไม่ได้รับการอนุมัติ ทั้งๆที่มีคนละหมาดเต็มเหยียด เพราะติดเงือนใข ทั้งหลักการศาสนา และกฎหมายบ้านเมือง การตั้งมัสยิดตามหลักการศาสนา จะต้องมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่าเสียงบนหอบังถึงกัน และมีคนมาละหมาดร่วมกันไม่น้อยกว่า 40 คน กฎหมายบ้านเมือง -ต้องมีที่ดิน -ต้องมีสมาชิกลงทะเบียนมาละหมาด หรือสัปบุรุษไม่น้อยกว่า 40 ครัวเรือน   โดยสมาชิกนั้น ไม่ซ้ำ กันกับชุมชน อื่นหรือมีชื่อไปซ้ำซ้อนมิได้  ถ้าตั้งขึ้นจริงโดยไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็ไปฟ้องร้องเอา เรื่องมันก้จบ เท่านั้นเอง  ที่มีออกมาโวยวาย ผมเชื่อว่ามีการเมืองหนุนหลังโดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่นที่แข่งขันกัน หรือลามปามไปถึงระดับชาติ เรื่องนี้ผมไม่อยากให้พี่น้องมุสลิม อย่าไปเต้นตาม ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ก็ไม่เห็นต้องไปวอรี่อะไร ไปหาที่อื่นตั้งสะ ขยับให้พ้นตรงนั้นไปสัก 2-3 กิโลเมตร ไปอยู่กลางทุ่งนาเป็น สถานที่ละหมาดเล็กๆพอ ผมอยากให้ไปดูที่บ้านแขก จังหวัดพิศนุโลก มีทั้งมัสยิด มีทั้งโบสถ์ มีทั้งวัด ไม่เห้นว่าจะไปทำลายจริยธรรมอะไรกันเลย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:23:16 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:18:01 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:14:09

ความคิดเห็นที่ 47 ยูซุฟ  อย่าลืม นะว้อยส์ พระมหากษัตริย์ไทย ไม่มีสักองค์เดียว ที่นับถือศาสนาอิสลาม ฮ่องเต้ โชกุน พระมหาษัตริย์ ในลาว ในเขมร ในเกาหลี ในญี่ปุ่น ในอินเดีย ในเนปาล ประเทศยุบยับไปหมด อิสลามมะ เห็นมีตำแหน่ง สนม นางกำนัล มเหษี ซ้าย ขวา กันทั้งน้าน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:41:08

ความคิดเห็นที่ 48 พี่จิม ... แรงไปไหมคับ จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 08:59:33

ความคิดเห็นที่ 49 สรุปว่า จขกท.ได้คำตอบหรือยังครับว่า ทำไมต้องประท้วง???? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:26:54

ความคิดเห็นที่ 50 Daffie ขอบคุณครับเผลอไป ขอโทษครับ ผมไม่อยากพูดเรื่องจริงก็แบบนี้ละ ขอถอนคำพูดเอาเป็นว่าพวกระบบเลี้ยงทาส แบบในเรื่อง"นางทาส"สิ พวกเลี้ยงทาส ที่มีบรรดาศักด์กวาดเรียบ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:01:59 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:58:50

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 49 สรุปว่า จขกท.ได้คำตอบหรือยังครับว่า ทำไมต้องประท้วง???? จากคุณ : laliklalee ----------------------------------------------------------- เหมือนจะได้ ถ้าเอาตาม คห 3 แต่ว่า ที่อื่นวัดอยู่ใกล้มัสยิดเค้าก้ออยู่กันได้นี่ ผมอยู่แถวบางรัก วัดม่วงแค กับ สุเหร่ายังอยู่ใกล้ๆๆกันได้เลยไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลย ยังไม่กระจ่างนัก อาจมีเรื่องการเมือง หรือ เบื้องหลังซักอย่างอยู่ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:20:07

ความคิดเห็นที่ 52 สาเหตุมันอยู่ตรงนี้ http://www.thealami.com/main/content.php?page=news&category=2&id=740&fb_comment_id=fbc_10150900048246544_22868447_10150901509901544#fc5958834 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อย่างไรก็ตามในการประชุมพบว่าทางกลุ่มต่อต้านนำโดยชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า ยังคงแสดงท่าทีต่อต้านเช่นเดิม โดย นายบุญนาค จอมธรรม ประธานชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า ได้เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีเนื้อหากังวลเกี่ยวกับความมั่นคง เนื่องจากตรวจสอบเขตพื้นที่ยาก และ เคยเห็นเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้มาแล้ว รวมทั้งมีเนื้อหาเกรงว่า จะกระทบต่อเรื่องอื่นๆ เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ฯลฯ โดยหลังจากเลิกประชุมแล้วยังได้มีการนำป้ายผ้าไปแสดงถึงจุดยืนอีกครั้งบริเวณหน้าห้องประชุม โดยมีรายละเอียดว่า ตื่นเถิดชาวพุทธ...เราโดนแล้ว ร่วมแสดงพลังพิทักษ์พระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติ โดยเครือข่ายพุทธสมาคม ชมรมชาวพุทธ และ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา จากนั้นได้แจกแผ่นซีดีจำนวนมาก ให้กับผู้เข้าร่วมประชุม บนแผ่นระบุ ว่า  ชาวพุทธต้องรู้...กฏหมายอิสลามอิสลาม-กฏหมายล้างพุทธ โดย ภูวดล แดนไทย และยังระบุอีกด้วยว่า อภินันทนาการจากวัดสามชุก สถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี คลื่น F.M.100.25 MHz. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ตรงที่ผมไฮไลท์ นั้นแหละครับ เจ้าของเวบ ที่นำเสนอเรื่อง "นาลันทา" และ "รายการคนไทยควรคำนึง" http://www.surasiha.com ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผลงานชิ้นเอก ของ นายคนนี้นี่แหละ หวานจนน้ำตาลหยดเชียวละ ทำให้บ้านเมืองร้าวฉาน ทุกฝ่าย ร่วมมือกันปรองดอง เอามือพายยิกๆๆ แต่แปลกเนอะ นายคนนี้ เอาอะไรพายก็ไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:39:36 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:23:40 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:22:00

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 47 MsgStatus(Msv[47], 47); ยูซุฟ  อย่าลืม นะว้อยส์ พระมหากษัตริย์ไทย ไม่มีสักองค์เดียว ที่นับถือศาสนาอิสลาม ฮ่องเต้ โชกุน พระมหาษัตริย์ ในลาว ในเขมร ในเกาหลี ในญี่ปุ่น ในอินเดีย ในเนปาล ประเทศยุบยับไปหมด อิสลามมะ เห็นมีตำแหน่ง สนม นางกำนัล มเหษี ซ้าย ขวา กันทั้งน้าน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:41:08 ก็มุสสลิ่มเขาอ้างสวยหรูไงว่าอิสลามดีที่ซู้ด ให้สิทธิสตรีใช้ผัวร่วมกันได้ ไม่ได้พูดถึงศาสนาอื่น แล้วไหงไอ้พวกชอบอ้างบรรพบุรุษมาหากินถึงไปลากเอาเบื้องสูงลงมาด้วยเกี่ยวข้องวะ เนรคุณแผ่นดินจิงๆๆ     ความคิดเห็นที่ 50 MsgStatus(Msv[50], 50); Daffie ขอบคุณครับเผลอไป ขอโทษครับ ผมไม่อยากพูดเรื่องจริงก็แบบนี้ละ ขอถอนคำพูดเอาเป็นว่าพวกระบบเลี้ยงทาส แบบในเรื่อง"นางทาส"สิ พวกเลี้ยงทาส ที่มีบรรดาศักด์กวาดเรียบ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:01:59 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 09:58:50 ปากปลาหมอเดี๋ยวก็ไถไปเรื่อยๆๆ ขอโทษถอนคำพูดแต่ไม่ยอมลบข้อความตะเองลูกผู้ชายตัวเจงๆๆๆเลย ตะเองไม่เปิดใจ แต่เจือกอยากให้คนเปิดใจ :-)ยยย จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:25:28

ความคิดเห็นที่ 54 ท่าน Arkkara อยู่สุเหร่าวัดม่วงแค หรือครับ ขนมเบอรดินอร่อย ของป้า อะไร นะ  ผมจำไม่ได้ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:27:33

ความคิดเห็นที่ 55 คห 53 เอ่อ ถ้าพี่จิมลบเดี๋ยวก้อมีคนหาว่า ใจตุ๊ด ต้องไปแก้ไข/ลบ ข้อความอีกแหละ ทำยังไงก้อผิดอะ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:29:27

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 51 MsgStatus(Msv[51], 51); ความคิดเห็นที่ 49 สรุปว่า จขกท.ได้คำตอบหรือยังครับว่า ทำไมต้องประท้วง???? จากคุณ : laliklalee ----------------------------------------------------------- เหมือนจะได้ ถ้าเอาตาม คห 3 แต่ว่า ที่อื่นวัดอยู่ใกล้มัสยิดเค้าก้ออยู่กันได้นี่ ผมอยู่แถวบางรัก วัดม่วงแค กับ สุเหร่ายังอยู่ใกล้ๆๆกันได้เลยไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลย ยังไม่กระจ่างนัก อาจมีเรื่องการเมือง หรือ เบื้องหลังซักอย่างอยู่ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:20:07 ฮ่าๆๆๆๆ ชงเองกินเองเก็บถ้วยล้างจานเอง ฮ่าาาาา จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:30:05

ความคิดเห็นที่ 57 คห 56 นายหมายถึงไรอะ ไม่get เค้าถามเราเลยตอบมันยังไงเหรอ งง อะ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:31:30

ความคิดเห็นที่ 58 ไฟล์ประกอบ นี้มาจาก คห 45 """"แล้วกษัตริย์ และเจ้าชายในวังแถวตะวันออกกลางที่มีฮาเร็มพวกนั้นมันนับถือศาสนาอะไรหราจ๊ะนู๋ ลา. . ลิก"""" ซึ่งเป็นประโยคคำถาม ยูซุฟ แถม ใช้คำว่า "มัน " อีกนะ โคตร ไม่หมิ่นคนอื่นเลย แล้วถามข้อความที่เป้นประวัติศาสตร์ในชั้นปฐม และเป็นข้อมูลสาธารณะ เรื่องจริง และไม่มีการกล่าวมาดร้าย ไม่การกล่าวหมิ่นแต่อย่างใด ดังนั้น ไม่มีความจำเป้นต้องลบ ที่เค้าขอโทษ Daffie  เพราะน้องเค้าขอร้อง ว่า แรง กลับไปเกิดชาติใหม่ ก็ไม่ยอมไปเกิด คงเป้นสัมภเวศีอยู่แถวนี้ เดวปั้ดจับใส่หม้อ ถ่วงน้ำ ด้วยคาถา ของไอ้ โต้ด สะร้อก "lk359846t740usjckaid[w44ukW แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:41:23 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:40:23

ความคิดเห็นที่ 59 คำว่า เนรคุณ มันหมายถึงอะไร ฟะ ยูซุฟ แปลให้ฟังให้ ชื่นใจ ในภูมิปัญญาของเอ็งหน่อย ฟะ ข้าฯจะเนรคุณหรือไม่ มันก็เรื่องของข้าฯ แต่ที่แน่ๆเอ็งเนรคุณแผ่นดินหรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:45:03

ความคิดเห็นที่ 60 พี่จิม ผมเป็นพุทธนะ แต่อยู่ แถวสุเหร่าวัดม่วงแค อะครับ เพิ่งย้ายกลับมา กทม ก่อนนี้อยู่เชียงใหม่ แถวตลาดช้างเผือก มัสยิดหรือสุเหร่าซํกอย่างอะ ก้ออยู่ใกล้วัด เค้าก้อไม่เห็นมีไรนี่นา จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:47:04

ความคิดเห็นที่ 61 คห.53 นายยูซุฟ ถามหน่อยสิ....ตัวเป็นพุทธแต่แอบอ้างชื่อมุสลิมเพื่อแสดงพฤติกกรรมเกรียนๆแบบนี้ เป็นพวกเดียวกับ นายชลิตนักต้มตุ๋นหรือไม่? เบื่อพวกอ้างสำนึกบุญคุณแผ่นดิน แต่กลับเนรคุณผู้สร้างแผ่นดิน ดังพวกสำนึกบุญคุณกระดานดำ แต่กลับเนรคุณครูยังงัยอย่างงั้น แผ่นดินที่คุณอยู่ทุกวันนี้ ใช้เมีย ใช้ผัวร่วมกันแบบไม่จำกัดเพศ วัย รูปแบบ ระยะเวลา และจำนวน จนเป็นธรรมดามาแต่ไหนแต่ไรแล้วมิใช่หรือ? ยอมรับเถิด ถุงยางแจกถึงในโรงเรียนมานานแล้ว  วิธีแก้ปัญหามันไม่ได้ส่อให้เห็นการอ้างยึดถือปฏิบัติของความเชื่อคุณเลย เพียงเปิดตาอีกข้างก็จะมองเห็นความสำส่อน ฟอนเฟะ บนหน้าแผ่นดิน  ที่เกิดจากการละเมิดระบอบที่ผู้สร้างวางเอาไว้ เอาระบอบอารมณ์ตนเองเข้ามาแทนที่แม้แต่ความเชื่อตนเองที่เหลือเพียงตำรา กับเวทีความคิด ไม่น่าเข้าใจยากนะครับ ยูซูฟฟฟ... จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:58:49

ความคิดเห็นที่ 62 พึ่งทราบว่าเป็นพุทธศาสนิกชน น่ารักมากครับ พี่จิมมีเพื่อนพุทธศาสนิกชนมากกว่าเพื่อมุสลิมเสียด้วยซ้ำ ก็ไม่เห้นจะทะเลาะอะไรกัน ชุมชนมัสยิดช้างเผือกคือ มัสยิดปาทาน เก่า ผมไปละหมาด ทั้งที่ช้างเผือกและช้างคลาน หลานๆที่นั่นอยู่มา 30 กว่าปีแระ ที่ย่านช้างเผือก แต่หลานๆพี่จิม เป้นพุทธ เหมือนท่านกันทุกคน บางคนก็เป็นนักร้องวงดังสะด้วย บางคนก็ทำธุรกิจทัวร์และหอพัก ผมถึงบอกว่า พุทธ กับมุสลิม ในเชียงใหม่ไม่เห้นมีปัญหาอะไร ที่เชียงรายก็ไม่มี หลายมัสยิดก็ใกล้วัด ถ้าไปดูที่แม่สายยิ่งแล้วกันใหญ่ พุทธ อิสลาม เกือบครึ่งๆ ไม่เห้นเค้าจะมาส่องสุมอาวุธอันใด เป็นอิสลาม พม่า อิสลามจีนฮ่อ อิสลาม มาลายู เดินกันจะชนกันตายแระ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 11:06:24 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:04:39

ความคิดเห็นที่ 63 ผมอยากให้ดูข้อความที่ไฮไลท์ นี่คือข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 22/05/2555   http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=379993 @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มัสยิดเวียงป่าเป้า เชียงราย ยังไม่ได้ข้อยุติ ชาวบ้านดีเดย์ 24 พ.ค. ประท้วงแน่ หากยังไม่ยุติการก่อสร้าง ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ห้องเรียนวัดพระแก้ว อ.เมือง จ.เชียงรายพระเทพรัตนามุณี เจ้าคณะภาค 6 พระเทพสิทธินายก เจ้าคณะ จ.เชียงราย นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการที่ชาวมุสลิมทำการก่อสร้างมัสยิด ณ บ้านโป่งน้ำร้อน ม.6 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ติดถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ โดยมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพุทธสมาคม จ.เชียงราย ชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า ไปร่วมหารือเพื่อหาทางออก เนื่องจากได้มีชาวบ้านจำนวนมากในพื้นที่ ออกมาต่อต้านการก่อสร้างดังกล่าว โดยชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า ยังคงแสดงท่าทีต่อต้านเช่นเดิม และแจ้งว่าจะมีการเคลื่อนไหวของชาวบ้านในการประท้วง วันที่ 24 พ.ค.นี้แน่นอน หากยังไม่ยุติการก่อสร้าง นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับในอนาคตจะมีการจัดหาคนกลางเพื่อประสานระหว่างสองฝ่าย*** เพื่อให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องภายนอกยุติการเคลื่อนไหว เพื่อให้เรื่องราวสงบลงก่อน *** จากนั้นกลุ่มที่ก่อสร้างกับชาวบ้านในพื้นที่จึงค่อยตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ทั้งนี้การชุมนุมวันที่ 24 พ.ค.หากว่าอยู่ในกรอบกฎหมายก็ยอมรับได้ แต่อย่าได้ปลุกระดมผู้คนออกมาทำผิดกฎหมาย เพราะทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ฯลฯ เฝ้าจับตาอยู่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:30:28

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นมะ การเมืองทั้งน้านนนนนนนนนน กรณีนี้ มิใช่กรณีแรกที่เกิดในบ้านเรา เรื่องอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่อศาสนาก็เป้น เคสที่ผมอยู่ในเหตุการณ์เคส เขื่อนน้ำโจน  สื่อออกข่าวใหญ่โตชาวบ้านประท้วงไม่ให้สร้างเขื่อน ว่าตัดไม้ทำลายป่า ปรากฎว่า คนที่ประท้วงไม่ใช่ชาวบ้านท้องที่ กลายเป็นกลุ่มปลุกม้อบขึ้นมาใครจากไหนมายกป้ายกันไม่รู้ ชาวบ้านเองนะอยากให้สร้างเขื่อนจะตายไป เพราะความจริงป่าไม้ไม่เหลือแล้ว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:35:00

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดเห็นที่ 61    นายลาลิก ถามหน่อยสิ....ชื่อนี้มันต้องเป็นมุสลิมหรือไง อคติหราป่ะ ชื่ออรับเป็นคริสต์เป็นยิว ก็มากมาย นะนะโยนขี้ให้อับดุลเละห์อีกอ่ะ อยากเป้นพะเอกคนเดียวหราไง? ทั้งที่ร่วมแก๊งเดียวกันมา ชื่อลาลิก แล้วมันต้องเป็นลา ด้วยหราป่ะ? เบื่อพวกอ้างสำนึกบุญคุณแผ่นดิน แต่กลับเนรคุณเจ้าของแผ่นดิน ดังพวกสำนึกบุญคุณกระดานดำ แต่กลับเนรคุณครูยังงัยอย่างงั้น แผ่นดินที่คุณอยู่ทุกวันนี้ ใช้เมีย ใช้ผัวร่วมกันแบบไม่จำกัดเพศ วัย รูปแบบ ระยะเวลา และจำนวน จนเป็นธรรมดามาแต่ไหนแต่ไรแล้วมิใช่หรือ? ยอมรับเถิด ว่าภรรเมียเกินโหลก็มีไม่จำกัดวัย ถุงยางแจกถึงในโรงเรียนมานานแล้วมุสลิมก็มารับไปแจกไปมากมาย วิธีแก้ปัญหามันไม่ได้ส่อให้เห็นการอ้างยึดถือปฏิบัติของความเชื่อคุณเลย เพียงเปิดตาอีกข้างก็จะมองเห็นความสำส่อน ฟอนเฟะ บนหน้าแผ่นดิน  ที่เกิดจากพวกอ้างผู้สร้างแต่ตะเองหลงผิด เอาระบอบอารมณ์ตนเองเข้ามาแทนที่แม้แต่ความเชื่อตนเองที่เหลือเพียงตำรา กับเวทีความคิด ในชีวิตจิงๆรบราฆ่าฟันกันไม่หยุดจนทุกวันนี้ ไม่น่าเข้าใจยากนะครับ ลาลิก.. จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:37:12

ความคิดเห็นที่ 66 อืม อ่านแล้วนึกถึงตอนเห็นซากโรงแรมที่ใต้ ไกด์บอก ชุมชนรอบข้างเป็นมุสลิม เค้าว่า โรงแรมนำเครื่องดื่มมึนเมามาบริการแขก บาป เค้าเลย เขี้วงอิฐบ้าง ทางบ้าง วางเพลิงบ้าง ฯลฯ จนเจ้าของต้องสั่งปิด ....ฉันต์เดียวกัน เมื่อชุมชนนั้นๆไม่ยอมรับก็ไม่เห็นต้องเค้นคอใครไปสร้าง การนำเรื่องแบบนี้ รึเรื่องแบบฮิญาบที่หนองจอกมาขยายความ รังแต่จะสร้างความแตกแยกระหว่างพุทธกับมุสลิมเปล่าๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:43:08

ความคิดเห็นที่ 67 อืม ผมว่าเรื่องขอตั้งมัสยิดแล้วโดนต่อต้านรอบเนี๋ยเนี่ย  ตัวนึงที่จับได้คือมันใกล้วัดมากเกิน ตรงนี้ ไม่รู้ว่าคนที่ก่อตั้งมัสยิดที่เป็นประเด็นอยู่นี้ ได้คำนึงถึงรึปล่าว จริง ๆ ถ้าไม่ได้ใกล้วัดมากเกินไป คนในพื้นที่เค้าอาจจะเข้าใจในและไม่ต่อต้านมากแบบนี้ก็ได้  ก็ทำอะไรล่อแหลมจิตใจคนในพื้นที่เ้ค้าแบบนี้ มีการต่อต้านก็ไม่แปลกอะไรครับ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:43:25

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 58     """"แล้วกษัตริย์ และเจ้าชายในวังแถวตะวันออกกลางที่มีฮาเร็มพวกนั้นมันนับถือศาสนาอะไรหราจ๊ะนู๋ ลา. . ลิก"""" ซึ่งเป็นประโยคคำถาม ยูซุฟ แถม ใช้คำว่า "มัน " อีกนะ โคตร ไม่หมิ่นคนอื่นเลย ไปเปิดดิกดูสิ จิงโบงี่ หรือไม่รู้จักดิก รู้จักแต่ ดิ๊กๆๆ มันคืออะไร สรรพนามบุรุษที่สามมีอะไรบ้าง แล้วถ้าจิงโบงี่เห็นว่าเป้นการหมิ่นร้อนตัว จิงโบงี่มีเชื้อเจ้าชายตะวันออกกลางด้วยหรา เป็นมันไปหมดเลยนะจ๊ะ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:43:33

ความคิดเห็นที่ 69 คห.65  คุณจูจุ๊บ.. คุณคงเป็นพุทธที่ชื่อยูซุฟเป็นคนแรกสินะครับ แต่ก็ไม่แปลกเพราะ ชลิต ยังชื่ออับดุลเลาะฮ์ได้เลย อ้อ..ผมไม่อยากสร้างภาพตนเองให้เป็นพระเอกเหมือนใครบางคนหรอกนะครับ  มองผมเป็นโจรต่อไปแหละดีแล้ว ผมยินดีอยู่คนละฝ่ายกับพระเอกอย่างพวกคุณครับ ศาสนาผมเชื่อว่าผู้สร้างเท่านั้น คือเจ้าของที่แท้จริงครับ ศาสนาคุณก็สอนไม่ให้ยึดติดอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของสิ่งใดไม่ใช่หรือ แม้กระทั่งตัวเองยังไม่ใช่เจ้าของเรือนร่างตนเองเลย ลองศึกษาความเชื่อตนเองให้ดีก่อนดีกว่ามาแสดงภูมิในนี้ไหม? ยูซุฟ อีกอย่าง...ความฟอนเฟะที่เกิดจากการสนองกามารมณ์จนดาษดื่นในสังคมทั้งในอดีตจวบจนปัจจุบัน  อย่าดันทุรังนำไปเปรียบเทียบกับการแต่งงานที่เปี่ยมไปด้วยการช่วยเหลือ และความรับผิดชอบเลยครับ จะโกหกสร้างภาพใส่ใคร อย่างไร ความจริงก็เด่นชัดจากความเท็จอยู่ดี ^^ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:52:37

ความคิดเห็นที่ 70 คท 65   ถ้ามีมุสลิม ใช้ชื่อล๊อกอินแนวๆพุทธบ้าง เพื่อโจมตีเหมือนที่ท่านทำบ้างหละ ท่านคิดว่า สนุกมากไหมหละ .... (แค่ยกตัวอย่าง) ท่านรักพ่อหลวงจริงๆหรอ ... ถ้ารักจริงต้องไม่เสี้ยมให้คนในชาติแตกคอกันซิ ... รักชาติ ศาสนา(ตามใจ) พระมหากษัตริย์ จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:57:32

ความคิดเห็นที่ 71 คห.66 โรงแรมอะไร? ที่ไหน? เหรอ ด้วยหลักคิดเดียวกันกับจิตใจพุทธศาสนิกที่ถูกกระทบจากการตั้งมัสยิด ถ้าเกิด โรงแรมนี้ ตั้งใกล้วัดในระยะ 200 เมตร จะถูกต่อต้านไหมครับ? คุณมองมาตรฐานในเรื่องนี้เหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร itoursab ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:58:01

ความคิดเห็นที่ 72 ยูซุฟ เป็น ซิกข์ จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:59:03

ความคิดเห็นที่ 73 นี่ละอาการแถของจริง แถทุกวัน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:02:31 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:01:33

ความคิดเห็นที่ 74 sick ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:01:39

ความคิดเห็นที่ 75 Sick & Six 6666666 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:03:30

ความคิดเห็นที่ 76 ศาสนาอื่น การแต่งงานระหว่างพี่สาวกับน้องชาย มีห้ามไหม? จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:08:18

ความคิดเห็นที่ 77 อีกอย่างคือ การต่อต้านนั้น มีเหตุผลอะไร? การสร้างสุเหร่าใกล้วัดแปลกตรงไหน? อีกอย่างที่อยากรู้มากคือกลุ่มไหนเป็นกลุ่มที่ขอสร้าง แล้วเจตนาคืออะไร จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:12:12

ความคิดเห็นที่ 78 นี่อีกสายรายงานนึง http://www.thealami.com/main/content.php?page=news&category=2&id=736 เพื่อเป็นการสอดคล้องจากการอนุมานของผม ใน คห 63 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 พ.ค.55) กลุ่มชมรมน้อยหนานเวียงป่าเป้า และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวนประมาณ 20 คน นำโดย นายบุญนาค จอมธรรม ประธานชมรมน้อย-หนานเวียงป่าเป้า ได้ทำการจัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาในการก่อสร้างมัสยิดที่ บ้านโป่งน้ำร้อน ม.6 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สถานที่จัดประชุม ที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ด้วยปริมาณคนแค่นี้ 1 ครอบครัว ตจว ก็เกินแล้วละ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:33:46 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:31:07

ความคิดเห็นที่ 79 ทะนี้ เหตุการณ์ที่เกิด อยู่ที่ ณ บ้านโป่งน้ำร้อน ม.6 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า ติดถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ ผู้นำกลุ่มชาวบ้าน นายบุญนาค จอมธรรม มีธุรกิจ โฮมเสตย์ ที่ บ้านห้วยหันลาดใน หมู่ 7 ต.บ้านโป่ว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย 57260 อยู่ในลำดับ ที่ 26 ตามลิ้งค์  http://www.cots.go.th/homestay.php และเป็นผู้ตรวจการภาคประชาชน ปี 2554-2555 สาขาสิ่งแวดล้อม หรือพุดง่ายๆ คือ NGO หรือไม่ ตามลิ้งค์ในลำดับเอกสารที่ 12 http://www.google.co.th/urlsa=t&rct=j&q=&esrc=s&frm=1&source=web&cd=1&sqi=2&ved=0CFIQFjAA&url=http%3A%2F%2Fwww.opm.go.th%2Finspweb%2Fnetwork%2Fdata%2F%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25204%2520%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%252054-55.pdf&ei=ncq9T7ycFcOJrAel4dnGDQ&usg=AFQjCNFL__pCiF7sNdlTWOcsNbSnDpKWfw&sig2=mCywEfLpPnb0M-ZPBAsgqA ข้อสังเกตุ ด้วยที่อยู่แสดงว่าผู้นำกลุ่ม อยู่กันคนละหมุ่บ้าน คนละตำบล จากคลิปยูทูบ บอกว่ากำนัน ที่โป่งน้ำร้อน เป้นคนอนุมัติ มีอะไรกันเป้นการส่วนตัวหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:56:18 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:52:39 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:50:58 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:49:50

ความคิดเห็นที่ 80 มาดูโครงสร้างทางภูมิศาสตร์กัน อาณาเขตตำบล : แม่เจดีย์ ทิศเหนือ ติดกับ ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ทิศใต้ ติดกับ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ทิศตะวันออก ติดกับ ตำบลวังเหนือ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และ ตำบลโหลงขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ตามลิ้งค์ และตามภูมิศาสตร์มิเห็นมีส่วนใด ติดกับตำบล  ต.บ้านโป่ว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย http://www.thaitambon.com/tambon/ttambon.asp?ID=571106 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:04:17

ความคิดเห็นที่ 81 .... จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:10:20

ความคิดเห็นที่ 82   สรุป พี่น้องพุทธ และมุสลิมใจเย็นๆนะครับ งานนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน และมีคนพยายามต่อยอดให้เป็นเรื่อง แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 13:17:02 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 13:16:01 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:15:30

ความคิดเห็นที่ 83 ผมเห็นว่า พี่น้องมุสลิม ส่วนใหญ่ก็คงใจเย็นตั้งรับแรงบีบคั้นที่ละเมิดกฎหมายด้วยความอดทน เหมือนกับทุกเรื่องที่ถูกกลุ่มผู้ถืออำนาจมากกว่ากระทำตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั่นเองครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:26:05

ความคิดเห็นที่ 84 เขากลัวว่า ถ้าสร้างแล้ว จะมีปัญหาความรุนแรง เหมือนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รึเปล่า จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 13:57:55

ความคิดเห็นที่ 85 ท่านแล้วทำไม 12 ทุกคนมีสิทธ์กลัว แต่ใครละไปเพิ่มให้ความกลัวนั้นเพิ่มดีกรีจนกลายเป็นความหวาดระแวง หรือมีใครจงใจ เอาความกลัว ของคนมาขยายผล เพื่อผลอะไรบางอย่าง มุสลิมในภาคเหนือ ไม่ได้มีสายมาลายู นะครับ เป็นสาย จีนฮ่อ ปาทาน เป็นส่วนมาก สายมาลายูนะน้อยมาก ไม่ต้องไปไกลยันเหนือสุดโต่ง นั้นหรอก แค่นครสวรรค์ สระบุรี สายมาลายูแทบไม่เหลือแลวละครับ สังคมไทย เป้นสังคมการสื่อสารทางเดียว ชอบฟังไม่ชอบคิด ติดข่าวลือ มันถึงได้วุ่นวายไม่รู้จบสักที สิ่งที่ผมสงสารคือแผ่นดินไทยของเรา นั้นแหละครับ ประเทศไทยมีอะไรมากมาย เกินกว่า เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ตั้งเยอะ มากมาย แต่คนไทยขาดอยู่อย่างเดียวที่สู้เค้าไม่ได้คือ คุณภาพของคน มันเลยไปไม่ถึงไหนสักที จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:10:41

ความคิดเห็นที่ 86 มาทำความรู้จักบ่อน้ำพุร้อนก่อนนะครับเผื่อฉุกคิดได้ ว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่ ? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ น้ำพุร้อนแม่ขะจาน ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย น้ำพุร้อนแม่ขะจานเป็นจุดพักรถระหว่างทางจาก เชียงใหม่ไปสู่เชียงราย หรือจากเชียงใหม่ไปสู่พะเยา น้ำพุร้อนแม่ขะจานแต่เดิมมีอยู่แค่ฝั่งเดียว ก็คือฝั่งขวามือหากมาทางเชียงใหม่ หรือฝั่งซ้ายมือถ้ามาจากเชียงราย พะเยา ภายในมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 90 องศาเซียลเซียส ซึ่งสามารถต้มไข่ได้เลยครับ น้ำพุร้อนแม่ขะจานเป็นบ้อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่า ผู้แก่ของหมู่บ้านโป่งน้ำร้อนเล่าว่า เมื่อก่อนบริเวณนี้ยังไม่มีหมู่บ้าน เป็นป่าดงดิบ เมื่อก่อนเรียกว่าโป่งดิน มีสัตว์ทั้งน้อย ทั้งใหญ่ ลงมากินดินโป่งเป็นประจำ และบริเวณน้ำพุร้อนก็ยังเป็นทางผ่านระหว่างพ่อค้าจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยมีม้าและวัวเป็นพาหนะ เป็นเส้นทางเดินไปตามไหล่เขา และถือเป็นจุดพักแรมค้างคืน เพราะพื้นเป็นลานกว้าง ทำเลสะดวก และมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ หากคุณเดินทางไปเที่ยวเชียงราย หรือขากลับเชียงใหม่ ไม่ควรพลาดที่จะแวะพักทั้งคนและรถ เพื่อสัมผัสกับปรากฎการณ์ธรรมชาติ “น้ำพุร้อนแม่ขะจาน” ซึ่งอยู่บริเวณ กม.64-65 บนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ในอดีตถ้าขับรถมาจากเชียงใหม่เราจะเห็นน้ำพุร้อนทางด้านขวามือ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของแม่ขะจาน แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงและขยายพื้นที่ทางด้านซ้ายด้วย ซึ่งสถานที่ใหม่นั้นสวยงามและกว้างขวาง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้า OTOP เครื่องประดับ ไม้แกะสลัก และของที่ระลึก ไว้บริการนักท่องเที่ยว แต่ถ้าได้แวะมาแล้ว ก็ควรเดินเที่ยวทั้งสองฝั่งนะคะ เพราะจะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันค่ะ ฝั่งซ้ายดูใหม่และทันสมัย แต่ฝั่งขวานั้นจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะพื้นที่อยู่ติดกับเชิงเขาค่ะกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือ การต้มไข่ ซึ่งมีทั้งไข่ไก่และไข่นกกระทา ต้มในบริเวณบ่อต้มไข่ที่จัดไว้ให้ ด้วยความร้อนราว 80 องศาเซลเซียส จะสามารถทำให้ไข่สุกได้ภายใน 3 นาทีนอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับนั่งแช่เท้า เพื่อความผ่อนคลายจากการเดินทางอันแสนเมื่อยล้า หรือจะใช้บริการอาบน้ำแร่ก็ได้ค่ะ ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า “น้ำพุร้อน” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำร้อนไหลขึ้นมาจากใต้ดิน แสดงให้เห็นว่าภายในโลกยังคงมีความร้อนอยู่ ปัจจุบันพบแหล่งน้ำพุร้อน 112 แหล่ง กระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ วัดอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40 – 100 องศาเซลเซียส โดยทั่วไปเรารู้จักน้ำพุร้อนเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามหัศจรรย์ แต่น้ำพุร้อนยังสามารถนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้า ด้านอุตสาหกรรม และการเกษตรกรรมอีกด้วย http://maekachan.wordpress.com/ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:23:32

ความคิดเห็นที่ 87 .... จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:24:48

ความคิดเห็นที่ 88 ต้มไข่ได้ด้วย ทั้งหมดได้เห็นบรรยากาศ ข้อสังเกตุของผมคือกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ดังนั้นการสร้างสถานที่ละหมาด ก็พออนุมานได้ว่าเฉกเช่นการสร้างที่สนามบิน หรือ ที่ท่ารถหมอชิต เช่นเดียวกัน ผมว่าน่าจะเป็นการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ว่า สถานที่ละหมาด กับมัสยิดนั้นคนละเรื่องกันเลยครับ แต่มีคนนำมาขยายผล จากเรื่องไม่เป้นเรื่องเลยทำให้เป้นเรื่อง แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:28:19 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:27:33

ความคิดเห็นที่ 89 ที่บอกว่ามีการแจกแผ่นพับ หรือซีดี โจมตีว่าร้ายต่างๆนานา แนะนำให้เก็บไว้เป็นหลักฐานครับ แล้วแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาต ดูหมิ่น ด้วยการโฆษณาอะไรก็ว่ากันไป เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างบอกว่าอยู่บนประเทศไทยยอมรับกฏหมาย ถ้าอ้างศรัทธาก็จะมีแต่ฝ่ายตนเองที่ถูก ก็ต้องอ้างกฏหมายแล้วไปต่อสู่กันเอาเอง มเห็นด้วยนะครับ ถ้าหากอ้างว่าเป็นสถานที่ละหมาดเท่านั้น เพราะที่ไหนก็มีได้ แต่หากจะตั้งเป็นมัสยิด ขั้นตอนมันมาก ยิ่งสมัยนี้จะสร้างใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หากอ้างตามคำของพี่จิมที่ต้องมีจำนวนสัปบุรุษในเขตไม่น้อยกว่า40 ถ้าแบบที่ยื่นขอไป มีไม่ถึง หรือมีการใส่ข้อมูลเท็จ หรือพิจารณาของคณะกรรมการฯไม่เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ก็มีสิทธิ์เข้าคุกได้ง่ายๆ หรือจะเรื่องแบบก่อสร้าง เชียงรายอยู่ในเขตแผ่นดินไหวอาคารสร้างใหม่ต้องรองรับแผ่นดินไหวหมด แต่มัสยิดไม่น่าจะมีแบบเฉพาะ เช่นแบบบ้านหรืออาคารที่มาจากหน่วยราชการ ซึ่งเข้าออกแบบให้ทนแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ถ้ามีคนไปร้องขอตรวจสอบแบบ แล้วถ้าเกิดแบบมันไม่ทนแผ่นดินไหว ก็ต้องทุบ ตามกฏหมายครับ ว่ากันจริงๆน้ำพุร้อนแม่ขะจาน จริงๆมันไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางอยู่แล้วครับ ผมเคยไปตั้งแต่ร้านค้ายังมุงคา แม่ขะจานเป็นน้ำพุร้อนที่บังเอิญขึ้นริมถนนครับ คนเลยเอาไว้เป็นจุดพักรถไปในตัวเพราะเมื่อก่อนจากเชียงราย มาเชียงใหม่ผ่านมาทางสายนี้มันโหดมาก ถนนก็ไม่ค่อยดี แต่เดี๋ยวนี้พอถนนหนทางดีขึ้นคนเดินทางขาประจำก็ไม่ค่อยได้ใช้พักรถแล้ว เค้าเลยปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว (อย่าเข้าใจผิดว่าเค้าปรับปรุงเพราะคนมาเยอะขึ้นแต่เค้าปรับปรุงเพราะคนน้อยลงเลยมาดักนักท่องเที่ยวครับ)คือพวกรถทัวร์ไปแม่สาย ขากลับก็จะมาแวะที่ตรงนี้ไปในตัว เค้าเลยสร้างอะไรให้มันดูดีเช่นห้องน้ำ หรือร้านค้าของที่ระลึกมาดักพวกรถทัวร์นั้นเอง ซึ่งถ้าเทียบแม่ขะจานกับ น้ำพุร้อนสันกำแพง หรือฝาง จะต่างกัน แม่ขะจานเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างทางเป็นจุดพัก แต่สันกำแพงกับแพง เป็นจุดหมายปลายทางครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:41:51 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:35:25 จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:27:50

ความคิดเห็นที่ 90 นี่ประเทศไทยน่ะโว๊ยยย!! ไม่ใช่ซาอุ.. ถ้าอยากสร้างกันมากนัก ก็ย้ายไปอยู่ซาอุให้หมดซิ ที่นี่เมืองไทย เมืองพุทธ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย มาอาศัยประเทศเขาอยู่แล้ว ก็อยู่กันสงบ ๆ หน่อย จะสร้างอะไรกันนักหนา ดีน่ะ ที่เมืองไทยยังให้อิสระในการนับถือศาสนา ถ้าสมุมติว่าประเทศไทยบังคับให้คนที่มีสัญชาติไทย นับถือพุทธเท่านั้น แล้วพวกคุณจะไม่ประท้วงกันมากกว่านี้หรอ ถ้าอยากเผยแพร่ศาสนากันมากนัก ก็ไปเผยแพร่ประเทศอื่นซิ คนในประเทศนี้เขายังอนุรักษ์ของเดิม (ศาสนาพุทธ) เขาไม่เนรคุณศาสนาของบรรพบุรุษหรอก ...ให้สำนึกถึงบุญคุณของประเทศที่อาศัยอยู่บ้างซิ... จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:31:26

ความคิดเห็นที่ 91 "คนในประเทศนี้เขายังอนุรักษ์ของเดิม (ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู) เขาไม่เนรคุณศาสนาของบรรพบุรุษหรอก" ...ให้สำนึกถึงบุญคุณของประเทศที่อาศัยอยู่บ้างซิ...??? บลาๆๆๆ ++++++++ ไม่รู้สมัยพระพุทธเจ้าจะโดนพวกฮินดูบางคนกล่าวอย่างโง่เขลาอย่างนี้รึปล่าวนะ? ^^ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:47:53 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:46:55

ความคิดเห็นที่ 92 มามะมาดูรายการเจาะข่าวตื้นดีกว่าจะได้ไม่เครียดนะ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 14:56:22 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:55:56

ความคิดเห็นที่ 93 ท่านมีดกรีดใจ ผมถามหน่อยว่า มุสลิมในประเทศไทย 7 เชื้อสาย มี 10.8 ล้านคน ถ้าตามสำมะโนประชากรประมาณ 6 ล้าน  เป็นคนไทยใช่หรือไม่ ? ตอบชัดๆเลยนะ สั้นๆ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 15:13:13 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 15:12:46 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 15:04:41

ความคิดเห็นที่ 94 ที่นี่เมืองไทยนะครับ ไม่ใช่เมืองแขก จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:05:11

ความคิดเห็นที่ 95 ความคิดเห็นที่ 93 พวกแขกจริงๆก็ไม่ใช่คนไทยอยู่เเล้ว สมัยก่อนเข้ามาค้าขาย รับราชการ มาหาประโยชน์จากแผ่นดินไทย พอออกลูกออกหลานมา ลูกหลานเหล่านั้น ก็นึกว่าตัวเองเป็นคนไทยซะงั่น จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:10:50

ความคิดเห็นที่ 96 . แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 16:29:42 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:19:14

ความคิดเห็นที่ 97 . แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 16:29:56 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:25:59

ความคิดเห็นที่ 98 ดูกันชัดๆ ระหว่างคนไทย กับ คนแขก แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 16:30:35 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:28:59