ขออนุญาตยกข้อความจากบทความที่เคยลงไว้ในห้องนี้
---------------------------------------
เป็นธรรมดาอยู่เองที่พี่น้องผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกายจะรู้สึกไม่พอใจบ้าง แต่ก็ขอให้เข้าใจว่า เรื่องที่เขียนมานี้ไม่ใช่การพยายามตั้งข้อกล่าวหา หรือว่าใส่ร้าย ถ้าจะพูดให้ถูก ควรเรียกว่าเป็น "การตั้งคำถามเพื่อขอให้ตอบ" มากกว่าจะมีเจตนาอย่างอื่น
พี่น้องชาววัดพระธรรมกายและผู้เห็นด้วย พึงทราบว่าพระพุทธศาสนาที่เรานับถืออยู่นี้ เป็นศาสนาที่ก่อตั้งขึ้นโดยพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาที่เกิดขึ้นโดยการประกาศพระธรรมคำสอน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ดังนั้น ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา จะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะตัดสินได้ว่าผิดถูกหรือไม่ ก็ต้องไปดูที่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
เป็นเรื่องที่มีปัญหามานานแล้ว ที่ทางวัดพระธรรมกาย ดูเหมือนจะใช้วิธีการเผยแผ่ในรูปแบบแปลก ๆ มากมาย ถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่ว่ากันบ่อย ๆ อย่างเรื่อง ซื้อบุญ ขายบุญ อ้างความเป็นเศรษฐี ยอดเศรษฐี บุญใหญ่ ดุสิตบุรี หรือเรื่องราวพิลึกกึกกืออีกมากมายก่ายกองแล้ว เรื่องที่ใหญ่กว่านั้น ที่ยังคงอธิบายไม่ได้ ก็คือปัญหาการสอนเรื่อง นิพพานเป็นอัตตา เป็นตัวตน มีอายตนนิพพาน มีพระพุทธเจ้าภาคขาว - ภาคดำ ซึ่งชาวธรรมกายต้องยอมรับตามตรงว่า เรื่องเหล่านี้ไม่มีในคัมภีร์พระไตรปิฎก และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเล่มไหน ๆ นอกจากคำสอนของครูบาอาจารย์
ผู้เขียนเกิดไม่ทันหลวงพ่อสด ไม่ทราบว่าวิธีการสอนของท่านนั้นจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร และที่ทางสายปฏิบัติธรรมกาย นำมาเผยแพร่กันอยู่นี้ จะเป็นของหลวงพ่อสดจริงหรือไม่ แต่ผู้เขียนเคยได้อ่านปฏิปทา และพอรู้จักประวัติของท่านบ้าง ก็พออนุมานได้ว่า ท่านเป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง
แต่ถึงท่านจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ไม่เกินกว่าฐานะที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ ในพระศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และที่แน่นอนที่สุดก็คือ ท่านเป็นครูอาจารย์รุ่นหลังมาก ๆ ดังนั้น วิธีการปฏิบัติ การแนะนำสั่งสอนของท่าน ก็ย่อมเป็นเรื่องหนึ่งที่รับฟังได้ในฐานะที่ท่านเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่มีข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่บอกได้ว่า ทุกคำสอนที่ออกมาจากท่าน หรือ ที่ลูกศิษย์อ้างว่าออกมาจากท่าน หรือเป็นเรื่องที่ท่านสอน จะถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาเสมอไป
เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ที่เมื่อมีข้อสงสัย ข้อวิพากษ์วิจารณ์ ข้อถกเถียง หรือข้อสนทนา ในเรื่องพระพุทธศาสนา ในเรื่องหลักธรรม ในเรื่องคำสอน จะของบุคคลไหน หรือของครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตาม ฝ่ายหนึ่งที่อ้างคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา มักถูกฝ่ายศรัทธาในครูบาอาจารย์ บอกว่า "อย่าเชื่อตำรา ให้เชื่อการปฏิบัติ" หรือพยายามอ้างเหตุผลร้อยแปดประการ เพื่อจะบอกไม่ให้เชื่อถือในพระไตรปิฎก หรือเชื่อถือในข้อความที่มีในพระไตรปิฎก ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาชั้นต่าง ๆ
และพยายามบอกว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์ปฏิบัติ หรือสิ่งที่ฉันเองได้ปฏิบัติ ทำให้ฉันตัดสินได้เอง โดยไม่ต้องอาศัยพระไตรปิฎก ไม่ต้องอาศัยคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาใด ๆ
เมื่อปัญหามาถึงเรื่องที่ว่า "ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ได้กล่าวถึงเรื่องนิพพานไว้อย่างไร" หรือ "ในพระไตรปิฎกเถรวาท กล่าวถึงเรื่องพระนิพพานไว้ว่าอย่างไร" ท่านผู้เชื่อถือในครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ก็จะพยายามปฏิเสธทุกข้อความที่บอกตรงกันข้ามกับข้อปฏิบัติ หรือตรงกันข้ามกับคำพูดของครูบาอาจารย์ของท่านนั้น ๆ
โดยกล่าวว่า "พระไตรปิฎกเก่าแล้ว" บ้าง โดยกล่าวว่า "ผลจากการปฏิบัติสิสำคัญกว่า" บ้าง
หารู้ไม่ว่า "เมื่อใดที่คุณปฏิเสธพระไตรปิฎก เมื่อนั้นคุณก็ปฏิเสธทั้งหมดของพระพุทธศาสนา"
ทำไมจึงกล่าวอย่างนั้น ก็เพราะพระไตรปิฎก เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียวที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของพระพุทธศาสนา บ่งบอกถึงการมีอยู่ของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าหากไม่มีพระไตรปิฎก เราจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไร ? คือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ต้องย้ำกันให้ชัดก็คือ ไม่ว่าครูบาอาจารย์ที่ไหน ๆ ก็ตาม ในชั้นต้นที่สุด ท่านก็เป็นฆราวาสธรรมดา ๆ ที่ได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา
ท่านเข้ามาบวชได้เพราะอะไร? เพราะวิธีการบวชที่มีอยู่ในพระวินัย ในพระไตรปิฎกใช่หรือไม่?
ถ้าบอกว่าคำสอนตรงนั้น ๆ ในพระไตรปิฎกไม่น่าเชื่อถือ อยากถามว่า แล้วการบวชเป็นพระภิกษุของท่านครูบาอาจารย์ท่านนั้น ๆ ได้มาจากไหน? ไม่ใช่ในพระไตรปิฎกหรอกหรือ?
เช่นเดียวกับบรรดาลูกศิษย์ที่นับถือ ถ้าท่านบอกว่าพระไตรปิฎกเก่าแล้ว พระไตรปิฎกไม่น่าเชื่อถืออย่างนั้น ๆ การปฏิบัติของครูบาอาจารย์ท่านสำคัญกว่า หรือแม้กระทั่งบอกว่า พระไตรปิฎกถูกสังคายนามาหลายครั้ง อาจมีข้อผิดพลาดอย่างนั้น ๆ
ก็ต้องถามว่า แล้วความเป็นภิกขุภาวะของครูบาอาจารย์เหล่านั้น ท่านได้มาจากไหน? ถ้าไม่ใช่ได้มาจากพระไตรปิฎก แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าภิกขุภาวะของท่าน ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา ถ้าเราไม่เชื่อพระไตรปิฎก ?
หรือเราจะเลือกว่า ตรงนั้น ๆ ที่เป็นเรื่องการบวช เราเชื่อ แต่ตรงส่วนที่เป็นคำสอนที่ขัดกับของครูบาอาจารย์ เราไม่เชื่อ
ผู้ที่จะพูดอย่างนั้น ก็คงต้องถามว่า "คุณเอาเกณฑ์อะไรมาบอกว่าตรงนั้น ๆ ถูก หรือผิด หรือจะเอาครูบาอาจารย์ของคุณเป็นเครื่องตัดสิน ครูบาอาจารย์ของคุณเป็นพระพุทธเจ้าหรือยังไง??
เรารู้จักพระพุทธศาสนา รู้จักพระพุทธเจ้า รู้จักชื่อพระอรหันตสาวก รู้จักคำว่า ทาน ศีล ภาวนา นิพพาน นรก สวรรค์ มาจากพระไตรปิฎกใช่หรือไม่?
ถ้าไม่เชื่อพระไตรปิฎก ถ้าปฏิเสธพระไตรปิฎก ก็ขอให้บอกเลิก "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ" ไปได้ทันที เพราะท่านได้ "ปฏิเสธทุกอย่างของพระพุทธศาสนา ที่มาจากพระไตรปิฎกไปแล้ว"
คงสงสัยว่าอยู่ดี ๆ ผู้เขียนถึงทะลุกลางปล้องมาพูดถึงเรื่องครูบาอาจารย์กับพระไตรปิฎกไปได้?
นั่นก็เพราะกิจกรรมที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว อย่างธุดงค์ธรรมชัยนั้น บอกอยู่เองว่า " เป็นการใช้เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ นำรูปหล่อทองคำของหลวงพ่อสด ไปไว้ยังวัดปากน้ำ"
ผู้คนที่ได้พบเห็นกิจกรรมนี้ ก็มองเห็นเพียงสองสิ่ง คือ รถขนรูปหล่อหลวงพ่อสด (ที่ออกแบบรูปรถขนได้ประหลาดสุด ๆ ) กับขบวนแถวพระธุดงค์
นั่นแสดงว่า สิ่งสำคัญในกิจกรรมนี้ ก็คือการนำรูปหล่อหลวงพ่อไปยังวัดปากน้ำ และมีขบวนแถวพระ(ที่อ้างว่า) ธุดงค์ ตามหลัง เป็นเหมือนขบวนเกียรติยศ
การธุดงค์ เป็นเรื่องปฏิบัติขัดเกลากำจัดกิเลส ของพระภิกษุสงฆ์ เป็นเรื่องปฏิบัติธรรมโดยแท้ แต่ทางวัดพระธรรมกาย ได้นำเอารูปแบบ การเดินเป็นขบวน แบกกลด สะพายบาตร เดินเป็นกิโล ๆ มาอ้างเอาเองว่าเป็นการธุดงค์ โดยที่ไม่ได้เห็นเลยว่า เกิดการปฏิบัติขัดเกลาอะไรบ้าง แล้วก็นำเอาเรื่องการขนรูปหล่อหลวงพ่อสดไปวัดปากน้ำ มาอ้างเหมือนกับเป็นการบูชาครูบาอาจารย์อย่างสูงสุด และเพื่อการ (บอกว่า) บูชาครูบาอาจารย์ นั้นเอง ถึงกับเอาคำว่า ธุดงค์ อันเป็นข้อปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ มาบิดเบือน บิดผัน บิดรูปแบบ สร้างภาพพิเศษ ประดิษฐ์ประดอยให้เลิศหรูอลังการ เป็นขบวนเกียรติยศตามหลังรูปหล่อหลวงพ่อสด
เราจะบอกได้หรือไม่ว่า วัดพระธรรมกาย กำลังแสดงความกตัญญูต่ออาจารย์ โดยการ อกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า??
เพื่อข้ออ้างที่บอกว่าจะบูชาครูบาอาจารย์ ถึงกับบิดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่เรียกว่า อกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า แล้วจะให้เรียกว่าอะไร !?
ผู้เขียนลองคิดดูเอาเองว่า หลวงพ่อสด ซึ่งท่านไม่เกี่ยวอะไรด้วย เพราะท่านก็มรณภาพไปตั้งนานแล้ว ท่านจะพอใจ นึกกระหยิ่มยิ้มโสมนัส อยู่บนทิพย์วิมานแห่งใดแห่งหนึ่ง ว่า "ลูกศิษย์ของอาตมานี้ช่างกตัญญูจริงหนอ ถึงกับบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อบูชาอาตมากันเลยทีเดียว"
หรือท่านอาจจะกำลังกุมขมับอยู่ แล้วนึกว่า ท่านสอนอะไรผิดไปหรือเปล่า ผู้ที่ (อ้างเอาเอง) ว่าเป็นลูกศิษย์ของท่าน จึงได้ออกอาการเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้
พี่น้องชาววัดพระธรรมกาย อาจจะนึกเสียใจ โกรธ หรือไม่พอใจ ที่ได้รับคำติเตียนจากชาวพุทธหลายท่าน หลายองค์กร หลายครั้ง แต่ก็ขอให้เข้าใจว่า ชาวพุทธเหล่านั้น ก็รักและเคารพพระพุทธศาสนา และบางท่านก็อาจจะเคารพหลวงพ่อสด (ผู้ที่พี่น้องชาววัดพระธรรมกายอ้างว่าเป็นครูบาอาจารย์นั่นแหละ) มากกว่าด้วยซ้ำไป แต่ท่านเหล่านั้นก็เห็นแก่พระพุทธศาสนา และขอร้องให้พี่น้องชาววัดพระธรรมกาย หรือทางวัดพระธรรมกาย หรือแม้แต่ผู้ที่ปกครองวัดพระธรรมกาย อย่างพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ก็ตาม ว่า ขอให้ช่วยเห็นแก่พระพุทธศาสนา อย่าได้ย่ำยีพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยข้ออ้างว่ากำลังบูชาครูบาอาจารย์ หรือกำลังอ้างว่า หาโอกาสให้คนได้สร้างบุญใหญ่
และขอฝากไปถึงพี่น้องชาวพุทธบางท่าน แม้จะไม่ใช่ชาววัดพระธรรมกาย แต่เห็นด้วยกับกิจกรรมนี้ และ / หรือ พยายามจะบอกว่า "พวกคุณมีปัญหาอะไรกันนักหนา ! พระท่านมาเดินกันเยอะแยะ ไม่ดีหรือยังไง ! ว่ากันอยู่ได้ ใจบาปหยาบช้าซะจริง"
อยากจะบอกว่าท่านว่า "พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ขบวนพระภิกษุปุถุชนสงฆ์" ที่เดิน ๆ กันมา
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 08:56:40