ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณ คุณ ยองเจียงใหม่ ที่นำ คลิป มาให้ชมกันค่ะ (ยังดูแค่คร่าวๆอยู่ค่ะ) แต่คาดว่า อีกไม่กี่ชั่วโมง กระทู้ก็จะมีการ ดราม่า ตามมาแน่นอนค่ะ เพราะ กระทู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับ มุสลิม และ ศาสนา อิสลาม มักจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม  จากผู้พบเห็น เสมอๆ ในห้องนี้ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 55 22:18:09 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:17:35

ความคิดเห็นที่ 2 ผมชอบปรพเทศตุรกีครับ เป็น1ใน2ประเทศยุโรปที่ผมอยากไป พอมาดูคลิปนี้ ผมว่าแปลกดีเพราะมุสลิมฝั่งยุโรปของตุรกีเค้าตีความอิสลามแบบโปรเตสแตนท์เลย จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:19:57

ความคิดเห็นที่ 3 ผมชอบระบำหน้าท้องของตรุกี เร้าอารมณ์ ยั่วความกำหนัด ได้มาก จากคุณ : men of the day เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:27:37

ความคิดเห็นที่ 4 สาวๆ ในฮาเร็มงามนัก จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:38:19

ความคิดเห็นที่ 5 พูดถึงฮาเร็ม จนถึงตอนนี้ก็ยัง งงเรื่องเมีย4คนของอิสลามอยู่ คือสุลต่านจะแต่งตั้งมเหสี(เมีย)แค่4คน แต่สนมจะมีเป็น100 ซึ่งไม่แน่ใจว่าสนม ถูกตีความทางศาสนาว่าเป็นอะไร จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:44:41

ความคิดเห็นที่ 6 เศรษฐีมีได้เท่าที่ มีความสามารถเลี้ยงดู (แต่กุรอานให้ได้สี่คน สำหรับคนทั่วๆไป) บางส่วนในกุรอาน 3And if you fear that you shall not be able to deal justly with the orphan-girls then marry (other) women of your choice, two or three, or four; but if you fear that you shall not be able to deal justly (with them), then only one or (the slaves) that your right hands possess. That is nearer to prevent you from doing injustice. (Surah4. An-Nisa’, Part4) 3และหากพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกำพร้าได้ (ถ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาที่เป็นกำพร้าได้ เป็นต้นว่าไม่สามารถจะเลี้ยงเธอให้อยู่ดีกินดี หรือไม่ก็เอาเงินของเธอไปใช้จ่ายแล้วไซร้ ก็จงอย่าแต่งงานกับหญิงกำพร้า เพราะการไม่ให้ความยุติธรรมแก่เธอ และการกินทรัพย์ของเธอนั้นเป็นบาปใหญ่) ก็จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า (ให้แต่งงานกับหญิงที่มิใช่เป็นกำพร้า ที่พวกเจ้าเห็นดีเห็นชอบจะเป็นสองคน หรือสามคน หรือสี่คนก็ได้ ถ้าสามารถที่จะเลี้ยงนางเหล่านั้นด้วยความเป็นธรรม) ในหมู่สตรีสองคนหรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่า พวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงมีแต่หญิงเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองอยู่ (หมายถึงหญิงทาสของพวกเจ้า) นั่นเป็นสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง (ซูเราะฮฺที่4, อัน-นิซาอฺ, ญุซอฺที่4) จากคุณ : men of the day เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:22:10

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมผมต้องขึ้นหัวว่า ตุรกี อิสลามแบบโปรเตสแตนท์ ถ้าดูสารดคีจนจบจะเข้าใจครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:26:43

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อนผมไปทำงานที่ตุรกี (จนถึงตอนนี้ ... หลายปีแล้วหละ) ... เท่าที่ฟัง ... เป็นประเทศที่มีมุสลิมเยอะจริง แต่คนเค้าไม่อะไรซะนัก อยากกินเหล้ากิน อยากคลุมฮิญาบทำ อยากใส่ยกทรงเดินอาบแดดชายหาดก็ทำไป แต่ปีหลังๆเค้าว่ามาว่าเริ่มมีกระแสแนวเคร่งเข้ามา กำลังจะนำชารีอะห์มาใช้ ก็ไม่รู้จะเป็นไงต่อไป แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:03:32

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องขอขอบคุณท่านยอง ที่นำมุมมองของมุสลิมอีกมุมนึงมาเผยแพร่ อีกประเทศนึง  ที่อยากให้มาเผยแพร่นั่นคือ ประเทศมอรอคโค ในวีดีโอนอกจากเราได้เห็นมุมมอง เรายังได้เห็นวิธีคิดในทางลึกอีกด้วย ทำไมต้องโบกทับไม่ทำลายไปเสียเลย? นี่คือตรรก ของอิสลาม และการผสมผสานกัน ของหลักการให้เกียตรกัน นั่นคือการให้เกียตร เคารพ ในหลักคิดของผู้อื่น มุสลิมในโลกใบนี้ มีลัทธิ นิกาย เป็น ร้อย แต่มิใช่อย่างที่เราเห้น คือแบ่งออกเป็นสองค่ายใหญ่ๆ คือ ซุนีย์ และชีอะห์ เราต้องมาย้อนถึงหลักคิดของคนตุรกีที่น่าสนใจ คือ การเคารพ และให้เกีตริกัน ในหลักการความเชื่อหลักปฏิบัติ ที่ต่างกันบนศรัทธาเดียวกัน การที่ใช้สภาวะของจิดในการสื่อสารพระเจ้าเอกองค์อัลเลาะห์(ซบ) โดยไม่มีรูปแบบตายตัว เช่น การละหมาดแบบเต้นระบำ หรือจะเห็นการสื่อสารกับพระเจ้าด้วยการละหมาดที่เราเห็นทุกวันนี้ การละหมาดที่เราเห็นทุกวันนี้ หรือแบบการเต้นระบำ หรือแบบอะไรก็แล้วแต่ ลักษณะแบบนี้คือการทำให้สู่ขั้นภวังค์ยกระดับการเข้าถึงพระเจ้าด้วย สมาธิ และอาจยกระดับถึงขั้นสู่สภาวะ ฌาน การให้เกียรติ ในการนับถือศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาคริสต์ก้ยังมีอยู่ และมีสิทธเสรีภาพในการนับถือศาสนา สังคมมุสลิมในไทย สมัยก่อนก็เหมือนกับตุรกี ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็๋นเรื่องระหว่าง ตนเองกับองค์พระผู้อภิบาล  ในสมัยนี้ก็เช่นกัน ยังคงรูปแบบนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เห็นการเชิญชวน มิใช่การบังคับ หรือมองว่ามุสลิมที่ไม่คลุม ฮิญาบคือตัวประหลาด อาจเป้นเพราะ ด้วยเป้าหมายอันแหลมคน และต้องการรักษาอัตตาลักษณ์ของอิสลามนั้น เพราะจากตัวอย่างในตุรกี คือการแสดงให้เห็นว่า การกลืนด้วยวัตถุนั้น กำลังคืบคลานมาสู่คนรุ่นใหม่ ด้วยจุดอ่อน ของคำว่าเสรีภาพ เลยมากินพื้นที่ของคำว่าศาสนาลงไป แบบน้ำซึมบ่อทราย มุสลิม รุ่นใหม่ เลยตระหนักถึงข้อนี้ และเกรงว่าในยุคต่อๆไป มุสลิมจะเหลือแค่  "อิสลาม" ในบัตรประชาชนเท่านั้นและขาดซึ่งความเป็นเอกภาพ ทุกอย่างคือต้องการความเป้นเอกภาพ ปล....ผมเข้าใจในระบบคิดของคนตุรกี และผมก็เข้าใจในระบบคิดของมุสลิมยุคใหม่ ตัวผมเองนั้นก็มีแนวคิดเช่นเดียวกับคนตุรกี แต่หลักปฏิบัติผมก็ยังคงรักษาความเคร่งครัด ในหลักการศาสนาเช่นเดียวกับคนตุรกี     แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 06:21:19 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 06:16:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 06:00:34

ความคิดเห็นที่ 10 สิ่งที่ผมอยากเห็นในสังคมไทย ก็คืออยากให้คนไทย ไม่ว่าศาสนาใด ลัทธิใด  คิดแบบคนตุรกี เคารพ และให้เกียตริกันกับวิธีปฏิบัติ ความเชื่อและความศรัทธาที่ต่างกัน นี่แหละคือสังคมไทยในฝันของผมเชียวละ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 06:24:41

ความคิดเห็นที่ 11 หุหุ เข้าใจระบบคิดของใครกะใครไปทั่วโลก แต่ของตะเองไม่มีความคิดไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลย ขอให้ได้ตวัดลิ้นโชว์แฉกไปวันๆๆๆ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 06:54:38

ความคิดเห็นที่ 12 ผมคิดว่า การเชื่อหรือนับถือศาสนาเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล และที่เราเชื่อเราก็ต้องปฎิบัติดังที่คุณจิมกล่าว ที่สำคัญเราต้องเรียนรู้ที่จะให้เกียรติกับทุกๆความเชื่อ ขอขอบคุณ จขกท. ครับที่่แบ่งปันสิ่งนี้ให้ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 07:09:04

ความคิดเห็นที่ 13 ยูซุฟ  ด่าตนเองหรอ มีคนในกระทู้นี้สักคนด่า ยูซุฟ  ด่าศาสนาพุทธ หรือยัง ทำไมมันคันมากหรือไร ในสมองยูซุฟ วันๆมีสาระบ้างหรือป่าวเนี่ย ถ้ามันว่างมากนัก ไป รัชดาซอย 4 หรือร้าน Inlove สุทธิสาร นะไปชิ้วๆ จากคุณ : เพ่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 07:14:54

ความคิดเห็นที่ 14 บักจิม  มีใครในกระทู้นี้สักคนด่า บักจิม  ด่าศาสนาอิสลาม หรือยัง ทำไมมันคันมากหรือไร ในสมองบักจิม วันๆมีสาระบ้างหรือป่าวเนี่ย ถ้ามันว่างมากนัก ไป รัชดาซอย 4 หรือร้าน Inlove สุทธิสาร นะไปชิ้วๆๆ ไปบ่อยป่ะบัก  จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 07:34:12

ความคิดเห็นที่ 15 ผมชอบรายการนี้มากเลยครับ สงสัยต้องหาย้อนหลังมาชมบ่อยๆซะแล้ว จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 07:42:01

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 9   ข้อนี้ผมเห็นด้วยกัยบคุณจิม 100 % การละหมาด ก็คือ การรำลึกถึงพระเจ้าซึ่ง อิสลามสอนให้ ระลึกถึงพระเจ้า และสรรเสริญพระองค์อยู่ตลอดเวลาทั้ง วันทั้งคืนทุกลมหายใจ  ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องทำในรูปละ หมาดแบบ Tradition :ซึ่งคุณจิมเคยเล่าให้ฟังถึงการละหมาด ในเมืองจีน  ถึงแม้แต่นิกายซุนนีย์เอง มัสหับต่างๆก็ละหมาดไม่เหมือน กัน เช่น มัสหับอีมาม มาลิกี ไม่มีการกอด อก ฯลฯ  การเข้าใจอิสลามขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์และ หลักศรัทธาที่ เป็นหัวใจ ของศาสนา เรื่อง คอยจับผิดจับถูก กันนั้น เป็นเรื่อง จิบจ้อย       อัลลอฮ์ตะอาลา ทรงบัญญัติไว้ว่า การละหมาดไม่ได้ อยู่ที่ท่าทีและเครื่งแต่งกาย แต่อยู่ที่ "ความตั้งใจ" ต่อพระองค์ ไม่ใช่ท่าทางการอ่านเสียงดัง เพื่อ อวดชาวบ้าน...     ผมอยากให้คุณจิมเล่าประสบการณ์ในเรื่องนี้ ให้เป็นที่เข้าใจ  กันทั่วๆ  ถ้ามุสลิมเข้าใจอย่างคุณจิมเข้าใจแล้ว สังคมมุสลิม  ไทยจะไม่แตกเป็นเสี่ยงๆเช่นนี้   เห็นด้วยกับคำอธิบายของคุณ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 08:00:15 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 07:55:56

ความคิดเห็นที่ 17 อยากให้ศาสนาอิสลามในไทยเดินไปในแนวทางผ่อนปรนแบบประเทศตุรกีจัง แต่ตามความรู้สึกและสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ดูแล้วมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแนวทางตามแบบซาอุฯ มากกว่า จากคุณ : time wait for no one เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 08:00:57

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่ได้เข้ามาดราม่านะครับ แต่วันนี้อารมณ์ดี เลยขอพื้นที่ในกระทู้อิสลามแบบโปรแตสแตนท์ ของคุณยองหน่อยครับ ว่าด้วยรายการพื้นที่ชีวิต เป็นรายการที่ผมชื่นชอบมากที่สุดรายการหนึ่ง ด้วยโปรดิวเวอร์ท่านก็เป็นคนน่ารัก เป็นนักปฏิบัติธรรมตัวจริง เป็นคนโลกทัศน์กว้างขวาง เข้าใจคอนเซ็พของหลวงพ่อพุทธทาสได้ดี เลยได้รับเกียรติจากหอจดหมายเหตุท่านพุทธทาสให้เป็นโปรดิวเซอร์ทำรายการนี้ ศาสนา ศรัทธา ความเชื่อ ของทุกมุมโลก เลยถูกนำมาตีแผ่ ผ่านรายการนี้ ด้วย "เป็นสิทธิอันชอบธรรม" เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของโลกเสรียุคปัจจุบัน เราอาจเห็นอะไรที่แปลกๆ แต่ถ้าเรามองในมุมของเขา เราก็จะเข้าใจเขา นั่นเป็นปณิธานที่จะทำให้เราเข้าใจ โลก เข้าใจชีวิต มากยิ่งขึ้น ศาสนาอิสลาม กับวัฒนธรรมตุรกี ก็เป็นความน่ารัก ความผสมผสาน หากลองหันกลับมาบ้านเรา พุทธศาสนากับ ความเชื่อเรื่องวิญญาณหรือผี แบบไทยๆ ก็ได้รับการปรับแต่งให้สมดุลย์หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ บ้านคนไทยอาจมีศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่ อยู่บริเวณนอกบ้าน พอเข้ามาในตัวเรือน กลับพบห้องพระมีโต๊ะหมู่บูชาสวยงามลงตัว นี่แหละครับ เมื่อจิตใจดีงาม ย่อมมีความเปิดกว้าง นำสิ่งดีๆ มาใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อได้มาดูอิสลามในตุรกีนี่แหละครับ.... ถึงบางอ้อเลยว่า การผสมผสานวัฒนธรรมกับศาสนาเป็นอย่างไร โอโห เขาเป็นกันได้ขนาดนี้ก็โอเคเลยครับ...มิน่าเลยขนานนามกันใหม่ ดีครับ ความดีก็คือความดี ความเชื่อ วัฒนธรรมสังคมก็เป็นสิ่งที่สืบทอดกันยาวนาน หากมาหลอมรวมกันได้ ยอมรับในเปลือก เลือกทำเฉพาะแก่น ก็คงข้ามพ้นความขัดแย้งรุนแรงไปได้ครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 08:11:08

ความคิดเห็นที่ 19 คุณอาแมท ที่เคารพ ผมขอย้อนข้อความของผมที่เคยโพสมานาน ว่า " มุมมองของคนที่จดจำท่านรอซูล นั้นมีหลายมุมมอง มองทางซ้ายไม่เห็นทางขวา มองทางขวาก็ไม่เห็นทางซ้าย มองข้างหน้าก็มองไม่เห้นข้างหลัง การบันทึกเรื่องราวของศาสนาอิสลาม ก็บันทึกต่างมุมกัน จะมาบอกว่าอันนั้นถุก อันนี้ผิด คิอว่าไม่น่าจะถูกต้องนัก ข้อสำคัญเรา ยึดหลักหัวใจของอิสลาม คือ มุสลิม 5 กับ 6ไว้ได้หรือไม่ ถ้าเราไปฟันธงเสียเอง เกิดมีความผิดพลาดขึ้นมา คนที่รับผิดชอบนั้นคือตัวเราเอง นี่คือสิ่งที่ ครูบาอาจารย์ทางด้านศาสนาของผมได้ปลูกฝังเอาไว้ ที่บ้านผมไม่เคยคิดว่า ชีอะห์มิใช่มุสลิม แต่เพียงบอกว่าให้ห่างๆเอาไว้ เพราะแนวทางเค้ากับเราไม่เหมือนกัน แนวทางซูฟียร์ ที่พบได้ย่านอยุธยา ก็ให้มองห่างๆ แต่อย่าไปทำตามแบบเค้า และเค้าก้คือมุสลิม เพราะทุกอย่างถูกฝาก และเป็นสิทธ์ขาดของเอกองค์อัลเลาะห์ (ซบ) เท่านั้น ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เรียน ท่านสติ ด้วยความเคารพ ต้องเรียกว่าแนวทางของประเทศซาอุ ครับ หลายเรื่องกฎหมายซาอุ ก็มีอะไรทีมีวาระซ่อนเร้น เช่นกัน รัฐอิสลาม บริสุทธ์ ยังไม่มีในโลก แม้นแต่ประเทศเดียว รัฐอิสลาม บริสุทธ์จะไม่มีการกดขี่ข่มเหงกันเอง กีดกัน ทั้งในศาสนาตนเองและต่างศาสนา รัฐอิสลามบริสุทธ์ ให้สิทธิทุกคนเท่าเทียมกัน ตั้งแต่รากหญ้า ยันถึงในวัง รัฐอิสลาม บริสุทธ์ไม่มีวาระแอบแฝงเรื่องผลประโยชน์ส่วนตน เช่นการแปลงดอกเบี้ย เป็นมูลค่าผลตอบแทน ในหน่วยลงทุน ดังนั้นการที่จะให้ อิสลามในประเทศไทยเหมือนซาอุ ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง แต่ถ้าจะให้อิสลาม เป็นรัฐอิสลามบริสุทธ์ ผมสนับสนุนสุดแรงเกิด เลยละครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 08:32:52 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 08:27:52

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนท่าน time wait for no one ผมขอเรียนด้วยความเข้าใจว่า แก่นของศาสนาอิสลาม นั้นยืนบนเส้นทางสายกลาง มาตลอด แต่ภาพที่เราเห้นนั้นเป้นการล้อคเป้า ที่จะใหคนอื่น เห้นเป้นอย่างนั้น ประกอบกับบางประเทศใช้การเมืองมามีวาระซ่อนเร้น คนดู พอเห็นก็นึกว่านี่คือหลักการอิสลาม การเข้าใจศาสนาอิสลาม ต้องได้รับการศึกษา มิใช่การดูจากสื่อหรือภาพ การดูจากภาพ หรือสื่อ เราจะไม่มีวันได้ความจริงจากทุกเรื่องในชีวิตเรา จนกว่าเราจะได้ทำการค้นคว้า ศึกษา วิจัยมันด้วยตัวเราเอง และจากแหล่งข้อมูลทีถูกต้องเท่านั้นครับ เช่นอยากทราบมุสลิม ในสายซุนนีย์ ก็ต้องเจาะลึกในส่วน ซุนนีย์ อยากทราบสายชีอะห์ ก้ต้องเจาะลึกสายชีอะห์ อยากทราบสายอะไรต่างๆ อัฟกัน ในอิหน่าน ในอิรัค แม้กระทั่งในประเทศไทย  ก็ต้องเจาะลึกเป็นอย่างๆไป อย่าไปนำมารวมกันครับ ตัวอย่าง ตัวผมอยากทราบเรื่องราวของศาสนาพุทธ ผมก็มีเพื่อนพุทธ ในหลายสาย หลายแขนง ศึกษาความเป็นมาเป้นไปในแต่ละสาย ไม่ว่าสายธรรมยุติ สายธรรมกาย สายหลวงพ่อเกษม เมื่อได้รับข้อมูลแล้วผมก็พยักหน้าหงึกๆๆ และผมก้ไม่บอกว่า สายไหนคือถุกคือผิด เพราะไม่ใช่ศาสนาที่ผมนับถือ ความรู้รู้ไว้ใส่บ่าแบกหาม ไม่เอาก็ทิ้งไป ไปเก็บเอามาเป็นสาระนะในชีวิต สร้างทุกข์ สร้างนรกในหัวใจตนเอง ซึ่งทำให้ จิตใจเราขุ่นมัว ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเรา ข้อสำคัญทุกวันนี้ตัวผมยึดถือตามหลักและแนวทางที่เราเชื่อและศรัทธามั่นอย่างเข้มแข็งหรือป่าว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 08:48:39

ความคิดเห็นที่ 21 แนวทางตามอย่าง ซาอุดิอารเบีย ยังไม่ใช่แนวทางอิสลามบริสุทธิ์อย่างที่เข้าใจ ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัด การที่ยังมีระบบกษัตริย์ ที่มีการถ่ายทอดทางสายเลือดอยู่ ซึ่งผู้นำในอิสลามไม่สามารถถ่ายทอดทางสายเลือดได้ นี่คือตัวอย่างนะครับ ส่วนในตุรกีที่อาจดูเหมือนว่าน่ารักในมุมมองคนต่างศาสนิกก็ยิ่งไม่ใช่ เพราะหลักการอิสลามนั้นครอบคลุมทุกอณูของทุกมุมในการใช้ชีวิต ถ้าจะเอาอิสลามมาใช้แค่เรื่องจิตวิญญาณก็คงห่างไกลอิสลามบริสุทธิ์อยู่มากทีเดียว อิสลามบริสุทธิ์ นั้นมีแค่ในสมัยท่านศาสดา และ สาวกของท่านทั้ง 4 เท่านั้น ที่จะดูเหมือนใกล้เคียงที่สุดก็มีเพียงในสมัยท่านอุมัร ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากมุอาวิยะห์เท่านั้น อิสลามบริสุทธิ์ เป็นที่ถวิลหาของมุสลิมที่เข้าใจหลักการศาสนาทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในตุรกี ไม่นานหรอกครับจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่อิสลามบริสุทธิ์ในตุรกี ผมว่าไม่น่าเกินร้อยปีข้างหน้า เพราะว่า พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลของตุรกีในปัจจุบัน คือ พรรค AKP มีขบวนการฟื้นฟูอิสลามที่ชื่อว่า อ้ัลนูร อยู่เบื้องหลัง และทั้งประธานาธิบดีอย่าง อับดุลเลาะห์ กุล และมีนายกรัฐมนตรีอย่างรอยั๊บ ฏอยยิบ อัรดูฆอน ที่มีอุดมการณ์อิสลามอย่างลึกซึ้ง ท่านทั้งสองกำลังต่อสู้กับแนวคิดเซคคิวล่าร์ ซึ่งคามาลอตาเติร์กได้วางรากฐานไว้ ซึ่งอุปสรรคสำคัญก็คือ บรรดาผู้นำกองทัพ และ บรรดาผู้ทรงอำนาจ ในตุรกีที่กลัวว่าผลประโยชน์ของตนจะเสียไป ไม่นานครับระบบเซคคิวล่าร์จะถูกกำจัดออกจากตุรกี แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 12:32:33 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 09:42:56

ความคิดเห็นที่ 22 อัสลามุอะลัยกุมฯ คุณ ghanee.s   เข้ามารบควรให้คุณช่วยสรุปคำว่า "แนวทางอิสลามบริสุทธิ์" ให้ทุกๆคนเข้าใจหน่อยซิครับ  คุยกันตามสบายครับ ไม่ต้อง ซีเรียส  ผมอ่าน คห.ของคุณ ในเรื่อง "มารยาท" แล้ว ชอบ ใจจริงๆที่เราเริ่มคิดในเรื่องนี้กันแล้ว คุณอธิบายได้ดี จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 14:17:46

ความคิดเห็นที่ 23 วะอลัยกุมมุสลาม ผมคงต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่นักวิชาการศาสนา และก็ไม่ใช่ผู้รู้ทางด้านศาสนา คำตอบของผมย่อมไม่ใช่สิ่งชี้ขาด ในฐานะที่เป็นมุสลิมสุนหนี่ มัสหับชาฟีอีย์ คำตอบที่ได้คือ "แนวทางตามอั้ลกุรอ่าน แบบอย่างจากท่านนบีศาสดามูฮำหมัด และสิ่งที่มาจากรากฐาน ของทั้งสองครับ" แต่ทว่า กระทู้นี้ คือเรื่องตุรกี ถ้าจะถกกันว่า แนวทางอิสลามบริสุทธิ์เป็นเช่นไร คงต้องให้เกียรติ เจ้าของกระทู้ครับ เราควรถกกันใน เรื่องของจขกทเท่านั้นครับ จุดยืนของผมเป็นเช่นเดิมครับ การแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะของมุสลิมต้องเป็นเอกภาพ ผมจะถกเรื่อง"แนวทางอิสลามบริสุทธิ์" ในเฟรมของ "อลิสซุนนะห์วั้ลยามาอะห์อั้ลอาชาอิเราะห์อั้ลมาตูรีดียะห์" ซึ่งเป็นเฟรม ของมุสลิมส่วนใหญ่ในโลกนี้ยึดถือเท่านั้น และไปตั้งกระทู้ใหม่ ถ้าอยู่นอกเฟรมนี้ผมขอสงวนสิทธิ์ในการงดออกความเห็นครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:05:36

ความคิดเห็นที่ 24 พูดถึงแนวคิดเซคคิวล่าร์ในตุรกี มันก้เหมือนคอมมิวนิสต์ในจีนนั้นแหละ ไม่ว่ายังไงตราบชั่วฟ้าิดินสลายตุรกีก็จะยังเป็นแนวคิดเซคคิวล่าร์ เพราะมันเป็นอุดมการของรัฐตามรัฐธรรมนูญของเค้าครับ นายกฯตุรกี เคยเสนอกฏหมายอะไรบางอย่างอันนำมาซึ่งความเสี่ยงในการขัดต่อแนวคิดเซคคิวล่าร์ โดยเกือบโดนยุบพรรคมาแล้ว และการรัฐประหารหลายๆครั้งในตุรกีก็มาจากการพยายามล้มล้างแนวคิดเซคคิวล่าร์ของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:28:28

ความคิดเห็นที่ 25 แต่ในความคิดของผม ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ ก่อนยุคแนวคิดเซคคิวล่าร์ ในตุรกีก็ปกครองโดยระบอบคอลีฟะห์ มาตั้ง 600 ปี ในช่วง 600 ปี นั้น ไครบ้างจะคิดว่าระบอบคอลีฟะห์ของออโตมันจะล่มสลาย แต่ด้วยกับสนิมในเนื้อในตนบวกกับความพยายามของภายนอกในที่สุดก็ล่มสลายลง เรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่ความตั้งใจ เกม และก็ ไครจะอึดกว่ากัน แต่ในฐานะมุสลิม ก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของอัลเลาะห์ ตะอาลาครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 16:35:56

ความคิดเห็นที่ 26 ความจริงคือ ตุรกีเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมประเทศเดียวที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับยุโรป จักรวรรดิออตโตมัน ใช้ระบบการปกครองแบบอิสลามนำชาติพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่1จนเกือบจะสิ้นชาติ อตาเติร์กเป็นที่ทำให้ตุรกียืนหยัดขึ้นมาได้ประชาชนตุรกีในสมัยนั้นตั้งคำถามต่อการปกครองในแบบอิสลาม เฉกเช่นเดียวกับยุโรปตั้งคำถามต่อศาสนจักร ก่อนจะนำแนวคิดเซคคิวล่าร์ มาใช้ เฉกเช่นชาติตะวันตก ในคิดนี้ได้รับการยอมรับจากชาวตุรกีในซีกตะวันตกของประเทศ แต่ซีกตะวันออกของประเทศ ผู้เคร่งศาสนากลับพยายามต่อต้านจะเกิดการกำจัดโดยฝ่ายสาธารณรัฐในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญ สำหรับตุรกี การปกครองแบบรัฐอิสลามถูกทดสอบแล้วว่าไม่อาจนำตุรกียืนหยัดฝ่ากระแสโลกขึ้นมาได้ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 19:49:43

ความคิดเห็นที่ 27 ขออนุญาตร่วมสดชื่นกับ *หลากสีสันในแสงตะวันของตุรกี* ตาม feels ของกระทู้นี้-และกับ ท่านยองฯที่นับถือ [ขออนุญาต ยืมมาจากมุม ๑ ของชีวิตคนเดินทาง] 19.00 น. ได้เวลาเจี๊ยะปึ้งแล้ว เป็นบุฟเฟ่ท์อีกเช่นเคยค่ะ แต่มีอาหารให้เลือกเยอะกว่าแล้วก็ดีกว่าตอนกลางวันเยอะเลย มื้อนี้ก็กินเต็มที่ให้สมกับที่ใช้พลังงานมาตลอดบ่ายเช่นเคย    20.00 น. เมื่อกินอิ่มแล้วก็ได้เวลาที่หลายคนรอคอย เราจะไปดู Belly Dance หรือระบำหน้าท้องแบบตุรกีกัน [หากต้องการภาพประกอบ โปรดแลหา คคห.ที่ ๓ ตามสะดวกตาตนเองเถิด]          คุณแดเนียลโฆษณาไว้ซะดิบดี ทุกคนก็หวังไว้สูงมาก รถพาพวกเราไปส่งที่ "Yemeni Cave" เป็นร้านที่ตกแต่งเหมือนถ้ำกว้างๆ ตรงกลางเว้นที่ไว้แสดงโชว์ อากาศในนี้ค่อนข้างเย็นทีเดียว          ระหว่างรอพวกเราก็นั่งกันแบบไร้วิญญาณเพราะว่าง่วงกันแล้ว ตั้งแต่ลงจากเครื่องมาก็เที่ยวตะลอนๆกันยังไม่ได้หยุดพักเอาแรงเลย จนบางคน(ค.พ.ประเสริฐ)ถึงกับหลับไปตรงนั้นเลย ในที่สุด ไฟก็หรี่ลงและมีเสียงเพลงสวดดังขึ้น เอ๋? นี่มันอะไรกันเนี่ย...          ทันใดนั้น ชายชุดดำและกลุ่มชายชุดขาวที่มีชายยาวๆก็ออกมาเดินวนช้าๆ จากนั้นพวกชายชุดขาวก็เริ่มหมุนอยู่กับที่ หมุนแล้วก็หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆจนชายชุดบานออกเหมือนกระโปรงบาน ดูไปก็คิดนะว่าเค้าไม่เวียนหัวกันเหรอ แต่กว่าจะทำได้แบบนี้คงต้องฝึกกันนานมากๆ ตอนนั้นก็ดูไปงั้นแหละ คนพากษ์ก็ไม่มี คนอธิบายก็ไม่มี ดูไม่รู้เรื่องอะ          มารู้เอาทีหลังว่าเป็นการแสดง วิธีทำสมาธิของสำนักลมวน นิกายเมฟเลวี ซึ่งก่อตั้งโดย เมฟลานา ไว้จะเล่าให้ฟังอีกทีตอนที่ไปเมืองคอนย่านะ การแสดงชุดถัดมาเป็นประเพณีการแต่งงานแบบตุรกี           โดยฝ่ายหญิงจะเป็นคนเลือกฝ่ายชาย ก็จะมีโชว์การเกี้ยวพาราสีกันให้ดูเล็กๆน้อยๆ แล้วเค้าก็จะเล่นกับคนดูโดยดึงฝรั่งสาวๆขึ้นไปนั่งเป็นเจ้าสาว แล้วก็ดึงเอานักท่องเที่ยวชายให้ไปขอความรัก จากนั้นก็มีการลากคนดูไปร่วมรำวงด้วย คณะเราก็โดนไปหลายคน ก็เต้นกันไปนะ แล้วเค้าก็พาทั้งหมดออกไปไหนไม่รู้ คุณดอนบอกว่า สงสัยพวกมันพากันเต้นไปจนถึงโรงแรมเลยมั้งเนี่ย ไปนานเหลือเกินไม่กลับมาซะที [???] Credit ให้แก่ : Orn*... "Merhabar!" แมร์ฮาบาร์ [สวัสดีค่ะ] จาก http://kazekay.blogspotดอทคอม/2012/03/merhabar-part-i-bangkok-istanbul.html ไปดูรูปของวันแรกในทริปนี้ตามลิ้งค์ข้างล่างได้เลยค่ะ [-ครับ ] http://picasaweb.google.com/kazekay01/CappadociaSep62008 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:10:57

ความคิดเห็นที่ 28 ขออณุญาต ไม่อ่านความคิดเห็นของคุณกรองคำ นะครับ เหมือนดังในกระทู้อื่นๆ ขอโทษนะครับดูแล้วปวดหัวมาก ส่วนคุณยองเชียงใหม่ในความคิดเห็นที่ 26 อณาจักรออโตมันพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะใช้ระบอบอิสลามหรือครับ แปลกมากครับ ผู้ที่พ่ายในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีทั้ง ออสเตรีย ฮังการี รัสเซีย และ เยอรมัน นะครับ ทั้ง ออสเตรีย ฮังการี รัสเซีย และ เยอรมันใช้การปกครองแบบ อิสลาม เหรอครับ ถึงได้แพ้สงครามด้วย และการแพ้สงครามของอณาจักรออโตมัน หรือการที่พยายามนำระบอบอิสลามมาใช้แต่ทำไม่สำเร็จเนื่องจากการต่อต้านจากซีกตะวันตก เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าระบอบอิสลามใช้ไม่ได้ เป็นตรรกที่ทะ:-)มากครับ คงต้องรบกวนท่านยองไปอ่านประวัติศาสตร์ใหม่อีกรอบครับ และการที่มันนำมาใช้ไม่ได้เป็นเพราะ มันเป็นระบอบที่ไร้ประสิทธิภาพ หรือ เป็นระบอบที่ nonmuslim ยอมให้ถูกสถาปนาขึ้นบนโลกไม่ได้กันแน่ ประเทศที่เจริญอย่างในยุโรปในปัจจุบัน แต่ศีลธรรมเสื่อมทรามลง เป็น model ที่ตุรกีควรเจริญรอยตามหรือครับ ประธานาธิบดี กับ นายกรัฐมนตรี ของ ตุรกี กำลังนำประเทศกลับเข้า สู่หนทางที่ถูกต้อง หลังจากที่หลงทางกันมานานต่างหากครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 20:52:06 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:50:23

ความคิดเห็นที่ 29 ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกต้องหรือไม่กับการที่ตุรกีจะเป็นรัฐอิสลามหรือเป็นเซคคิวล่าร์ และแน่นอนว่า ท่านghanee.s อาจจะมองว่าการเป็นรัฐเซคคิวล่าร์ จะห่างไกลจากอิสลาม แน่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า จากการที่ดูสารคดีนี้ ความเชื่อในอิสลามแบบตุรกีก็มีความสวยงามในแบบของมัน คุณอยากเคร่งปฏิบัติตามชารีอะห์ทุกข้อ หรือคุณจะหย่อนข้อไหน บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่ คนๆนั้นไม่ทำผิดกฏหมาย หรือความสงบเรียบร้อยแห่งรัฐ เพราะหากว่าการถูกบังคับให้คนปฏิบัติตามหลักศาสนา ถือเป็นแนวทางอิสลามบริสุทธิ์ เช่นนั้นคงไม่ต่างอะไรกับความมืดสีขาว คือคุณจะไม่เห็นอะไรนอกจากสีขาวที่บริสุทธิ์เท่านั้น ป.ล. ผมเห็นด้วยกับการที่นายกฯเออโดกัน จะแก้กฏหมายหรือรัฐธรรมนูญที่จำกัดสิทธิ์ในการแสดงออกทางศาสนา เช่นการห้ามสวมฮิญาบในสถานที่ราชการ แต่ผมคิดว่าการแก้ต้องไม่เป็นไปเพื่อการบังคับ และต้องเป็นไปอย่างเสรีตามหลักเซคคิวล่าร์ อีกอย่างผมไม่ได้หมายความว่าระบอบปกครองแบบอิสลามเช่นระบบสุลต่านและคอลีฟะห์จะไม่ดี แต่จากประวัติศาสตร์ตุรกี มันแสดงให้เห็นว่าผู้นำและประชาชนในสมัยนั้น ตัดสินว่ามันไม่ทำให้ชาติรอดพ้นจากการสิ้นชาติ และนำชาติไปสู่ความอยู่รอดตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงได้ เหมือนกับประเทศไทย ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าบุรพมหากษัตริย์ไทยแต่ละพระองค์ล้วนทรงมีคุณูปการต่อประเทศ แต่พอมาในยุคสมันหนึ่ง แม้ว่ากษัตริย์จะดีเลิศเพียงใด แต่การปกครองแบบนั้นก็ถือว่าเป็นเผด็จการ ไม่อาจนำพาชาติไปสู่ความเป็นอารยะทัดเทียมนานาอารยประเทศได้ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 21:22:42

ความคิดเห็นที่ 30 แหม ๆ ๆ กระทู้แบบนี้ซิครับ น่าสนใจดี  แต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจต่อแนวคิด "แนวทางอิสลามบริสุทธิ์" ว่าจริง ๆ แ้ล้ว มันเป็นยังไง  ยอมรับครับ ลึก ๆ ก็กังวลว่าจะเป็นแบบต้องเคร่งกันมาก ๆ ไม่รอมชอมกับคนศาสนาอื่น หรือคิดไม่เหมือนตัว อะไรทำนองนั้น แบบที่กลัว ๆ กันอยู่ในตอนนี้ครับ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 31 ความคิดเห็นที่ 30 MsgStatus(Msv[30], 30); แหม ๆ ๆ กระทู้แบบนี้ซิครับ น่าสนใจดี แต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจต่อแนวคิด "แนวทางอิสลามบริสุทธิ์" ว่าจริง ๆ แ้ล้ว มันเป็นยังไง ยอมรับครับ ลึก ๆ ก็กังวลว่าจะเป็นแบบต้องเคร่งกันมาก ๆ ไม่รอมชอมกับคนศาสนาอื่น หรือคิดไม่เหมือนตัว อะไรทำนองนั้น แบบที่กลัว ๆ กันอยู่ในตอนนี้ครับ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 22:26:35 @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ท่าน CK MAN ที่ท่านเห็น สุดโต่ง ตามที่สื่อพยายามชี้นำนั้น ไม่ใช่หลักการปกครองแบบรัฐอิสลามบริสุทธเลยครับ หลักรัฐอิสลามบริสุทธ์ ต้องนำหลักการทั้งทางด้านกฎหมาย ศาสนา จริยธรรม เศรษฐศาสตร์ ศาสตร์ในทุกแขนง ของอิสลามมาหล่อหลอมเข้าด้วยกันใช้ในการปกครองประเทศ เมื่อเป้นรัฐอิสลาม บริสุทธ์ จะไม่มีช่องว่างระหว่างชนชั้น จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างศาสนา เหมือนอย่างที่เราเห้นทุกวันนี้ การรอมชอมกัยระหว่างศาสนานั้น จะให้ความสำคัญในระดับต้นๆ ทุกอย่างถูกปลูกจิตสำนึกในการรวมชาติพันธ์ โดยมิได้แบ่งแยกว่าศาสนาใด เคารพในความแตกต่างโดยไม่กล้ำเกินกัน ตราบใดที่บุคคลคนนั้ไม่แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ และบ่อนทำลายความั่นคงแห่งรัฐ ประชาชน ทุกคนจะถูกยกระดับความมีเกียตฺและให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน เปอร์เซนต์ของอาชญากรรมนั้นจะมีค่าใกล้เคียง 0 การจัดเก็บภาษีของรัฐ จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ คนทุกคนจะไม่มีข้อยกเว้นในการเรียกเก้บภาษี คนจนสุดขีดก็มีความสามารถในการออกภาษีด้วยเช่นกัน สรุป ชัดๆ ไม่มีประเทศใด กลุ่มชนใดในโลกขณะนี้ แสดงให้เห้นถึงตัวอย่างของรัฐอิสลามบริสุทธ์ ได้แม้นกระทั่งองค์กรเดียว มีแต่ในยุคของท่านศาสดามูฮำหมัดเท่านั้น สิ่งเหล่านี้แหละ คือเสน่ห์ ว่าทำไมคนในยุคนั้นถึงปลื้ม และมาเข้ารับอิสลาม กันเยอะ เพราะสามารถแปร คำสอนขององค์พระผู้อภิบาล มาเป็นรูปธรรมได้เด่นชัดที่สุดในยุคนั้น มิได้มาเข้ารับนับถือสาสนาอิสลาม ด้วยคมหอกคมดาบอย่างที่เข้าใจกัน แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 06:34:21 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 06:20:06 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 06:19:17

ความคิดเห็นที่ 32 ถูกต้องครับ พี่จิม การให้เกียรติต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นคำสอนที่สำคัญของอิสลาม ท่านศาสดาได้แสดงตัวอย่าง อย่างมากมาย ในช่วงชีวิตที่ท่านมีชีวิตอยู่ ในช่วงที่อารยธรรมอิสลามเจริญถึงขีดสุด ก็เป็นเพราะได้นำคำสอนในกุรอ่าน และแบบฉบับของท่านศาสดามาใช้ ช่วงนั้นตำราศาสนาหลายๆเล่ม เขียนโดยนักวิชาการศาสนา ที่เป็นแพทย์ เป็นวิศวกร การพัฒนาของอิสลามในสมัยนั้นเป็นการพัฒนาควบคู่กันทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสพความสำเร็จ พอย้อนกลับมาดูที่ตุรกีในปัจจุบัน ถูกต้องว่าระบบเซคคิวล่าร์ที่ คามาลอตาเติร์ก ได้วางรากฐานไว้เป็นที่ยอมรับในประเทศ แต่พอนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของประเทศพยายามที่จะปรับเปลี่ยน กลับมีความพยายามที่จะทำรัฐประหารเสียนี่ ผมมองว่าช่างคล้ายคลึงกับประเทศสารขัณจังเลย ที่ผู้ชนะเลือกตั้งไม่สามารถกำหนดทิศทาง และปรับเปลี่ยนวิถีของประเทศได้ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 08:21:07

ความคิดเห็นที่ 33 สำหรับท่านยองเชียงใหม่ ผมรู้สึกดีใจที่ท่านมีมุมมองที่ดีในให้สิทธิการคลุมฮิญาบของสตรีมุสลิม บางทีเป็นเพราะคำสอนของศาสนาของท่านเปิดโอกาสให้คนในศาสนาของท่านเลือกที่จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติคำสอนใด้ ตามประสงค์ จึงทำให้ท่านมีมุมมองตามที่ท่านได้แสดงความเห็นมา ซึ่งผมก็เคารพในความคิดเห็น และแนวทางของศาสนาของท่าน แต่ในกรณีของตุรกีซึ่งประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนับถือศาสนาอิสลาม กลับเอา Model ตะวันตกมาใช้ ซึ่งผมพอเขาใจได้ในยุคนั้น ผู้ที่แพ้สงครามก็ต้องหาทางทำให้ตนเองอยู่รอด แต่นยุคปัจจุบัน ชาติตะวันตก model เหล่านั้นสภาพของศีลธรรมเป็นยังไงละครับ แม้แต่ในเมืองไทยที่กำลังเดินตามชาติตะวันตก สภาพศีลธรรมเป็นยังไงบ้างในปัจจุบัน มันเป็นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนครับ ว่า Model นี้เป็น Model ที่ล้มเหลว ไม่สามารถยกระดับความเป็นมนุษย์ในสังคมได้ ซึ่งเจริญแต่เปลือกนอก ความสงบสุขที่มองเห็นภายนอกเป็นเพียงแต่เปลือกที่ห่อหุ้มความฟอนเฟะไว้ข้างใน ผิดกับ Model การปกครองระบอบอิสลามที่ได้แสดงตัวอย่างความเจริญถึงขีดสุดที่ควบคู่กันทั้งบ้านเมืองและจิตวิญญาณ มันถึงเวลาที่ตุรกีจะย้อนกลับไปสู่พื้นฐานเดิมของตัวเอง แน่นอนย่อมมีแรงเสียดทานซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกๆการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ถ้าเปลี่นแล้ว ทำให้เป็นความมืดสีขาว ผมยินดีครับ ผมยินดีให้ผ้ายังคงสีขาวดีกว่ายอมให้อุจาระมาเปื้อน เพื่อเอาใจคนอื่นได้ชื่นชมว่ามันเป็นศิลปะครับ อิสลามนั้นสอนให้เป็นปลาที่ว่ายทวนน้ำครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 09:40:19

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ ghanee.s อย่าหาว่าผมเข้ากับตะวันตกเลยนะครับ   "แต่ในยุคปัจจุบัน ชาติตะวันตก model เหล่านั้นสภาพของศีลธรรมเป็นยังไงละครับ แม้แต่ในเมืองไทยที่กำลังเดินตามชาติตะวันตก สภาพศีลธรรมเป็นยังไงบ้างในปัจจุบัน" ถ้าเรากล่าวว่า "ชาติตะวันตก model"  ไม่ดีนั้น ผมว่ากว้างไป ไหมตรับ เช่นเดียว กับ ชาวเยอรมัน กล่าว ว่า "สตรีไทย เป็นโสเภณี เกือบทั้งหมด"  ผมมองดูสภาพชาวบ้านสังคมคริสเตียนเขาโดยทั่วๆไป สงบสุขและร่มรื่นที่สุด  มีทั้ง โบสถ์พุทธศาสนา,คริสศาสนา และมัสยิด อย่างมากมาย ชาวคริสเตียนส่วนมากไม่ เล่นการพนัน,เหล้ายา, โสเภณี ไม่มี อเมริกา มีอยู่ 51 ประเทศ(รัฐ) รวมกันอยู่ ย่อมมีทั้งดีและเลว  ลาสเวกัส ก็มีกระจุกเดียวที่ ฮะรอม สำหรับมุสลิม มุสลิมมีอยู่ ในมิชิแกน และอริโซนา มากที่สุด  ฮอลลี่วูด = พัฒพงษ์ (สะกดผิดขออภัยด้วย) เป็นตัวแทนของประเทศทั้งสองในทางเลว ผมก็ไม่ทราบถ้าสังคมตะวันตกเลวและเต็มไปด้วย สิ่ง ฮะรอม แล้ว ทำไมมุสลิมจึงย้ายจากตะวันออกกลางไปอยู่ในตะวันตกอย่างมากมาย???   "ผิดกับ Model การปกครองระบอบอิสลามที่ได้แสดงตัวอย่างความเจริญถึงขีดสุดที่ควบคู่กันทั้งบ้านเมืองและจิตวิญญาณ"    ในปัจจุบัน Model การปกครอง นี้ไม่เหลือให้เห็นเลยในตะวันออกกลางทั้งทวีป   เราจะเอา ระบอบปกครองในปัจจุบัน ไปเปรียบเทียบกับModel การปกครองระบอบอิสลามในอดีต ที่ไม่มีเหลือให้เห็นเลยในภาคตะวันออกกลาง ในปัจจุบันนี้ ผมว่าคงไม่ได้นะครับ   ถ้าท่านรอซุลปกครอง ซาอุดิอารเบีย ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่ท่านปกครองกรุงมะดินะ ในสมัยนั้น,สังคม ในซาอุจะไม่ต่างจากในอเมริกาเลย.ในสายตาของผม เนื่องจาก ท่านรอซูลจะให้สิทธิ พลเมืองในการเลือกการศรัทธาได้โดยอิสระ  ยิว,และคริสเตียน สามารถที่จะมี การปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะได้ "มันเป็นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนครับ ว่า Model นี้เป็น Model ที่ล้มเหลว ไม่สามารถยกระดับความเป็นมนุษย์ในสังคมได้ ซึ่งเจริญแต่เปลือกนอก ความสงบสุขที่มองเห็นภายนอกเป็นเพียงแต่เปลือกที่ห่อหุ้มความฟอนเฟะไว้ข้างใน" คุณทราบได้อย่างไร? จากข้อความข้างบนนั้น คุณลองเปรียบเทียบสังคมตะวันตกในปัจจุบัน กับ สังคมตะวันออกในปัจจุบัน ความ ฟอนเฟะ ในอียิปต์ ไม่ต่างจากอเมริกาเลย ความเป็นเผด็จการในซาอุดิอาเบีย ไม่ต่างจาก ลัทธิ เผด็จการสมัย ฮิตเลอร์ครองเยอรมันนี ในสมัยสงครามโลก   อัลกุรอานไม่ได้สอนให้มนุษย์(มุสลิม) เดินถอยหลังไปสู่ยุคมืด แต่นำคนจากยุคมืดมาสู่แสงสว่าง พร้อมกับ คู่มือจรยาธรรมและคุณธรรมที่พระองค์ประทานให้ (อัลกุรอาน), แต่ในทางตรงกันข้าม อะไรที่จะทำให้เราเดินกลับไปสู่ยึดมืดอีก...เพราะเราไม่ยึดอัล กุร อานเป็นแหล่งวิชาและแหล่งคุณธรรมอันดับแรก   ผมคิดว่า Model การปกครองระบอบอิสลามที่ได้แสดงตัวอย่างความเจริญถึงขีดสุดที่ควบคู่กันทั้งบ้านเมืองและจิตวิญญาณ นั้น เป็นผลมาจาก ความบริสุทธิของความศรัทธาที่ไม่มีสิ่งอื่น, เจือปนนอกจากอัลกุรอาน ตามการปกครองของท่านรอซุลเท่านั้น อีกประการหนึ่งที่คุณเขียนว่า "ในเมืองไทยที่กำลังเดินตามชาติตะวันตก สภาพศีลธรรมเป็นยังไงบ้างในปัจจุบัน"  ในทำนองเดียวกัน  ในเมืองไทย มุสลิมที่กำลังเดินตามชาติตะวันออก สภาพ ความเจริญทางการศึกษาเป็นยังไงบ้างในปัจจุบัน" คุณจะเห็นว่า มุสลิมเราส่วนมากพูดถึงแต่ในอดีต แต่ไม่มองไปข้างหน้าว่า อิสลามมีหลักการวางแผนสำหรับมุสลิมในอนาคตไว้อย่างไร? (จะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องศีลธรรม) ปล. เป็นแค่ความคิดเห็นของผมเท่านั้นครับไม่จำเป็นต้องตอบ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 13:03:21

ความคิดเห็นที่ 35 salam พี่แมทท์ สถิติการดื่มสุราในสหรัฐอเมริกาครับ - Alcohol is the number one drug problem in America. - There are more than 12 million alcoholics in the U.S. - Three-fourths of all adults drink alcohol, and 6% of them are alcoholics. - Americans spend $197 million each day on alcohol. - In the United States, a person is killed in an alcohol-related car accident every 30 minutes. - A 2000 study found nearly 7 million persons age 12 to 20 were binge drinkers. - Three-fourths of all high school seniors report being drunk at least once. - Adolescents who begin drinking before the age of 15 are four times more likely to become alcoholics than their counterparts who do not begin drinking until the age of 21. - People with a higher education are more likely to drink. - Higher income people are more likely to drink. เครดิตhttp://www.learn-about-alcoholism.com/statistics-on-alcoholics.html สุราเป็นสิ่ง ฮารอม เป็น ต้นกำเนิดของหลายความสูญเสียนะครับ อันนี้น่าจะทราบกันดี จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:10:05

ความคิดเห็นที่ 36 จริงๆแล้ว "วัฒนธรรมตะวันตก" เป็นที่รู้กันว่ากำลังหมายถึงอะไร คงไม่สามารถบีบให้แคบเหลือเพียง ฮอลลีวูด ได้หรอกครับ และคงไม่จำเป็นต้องเอาด้านดีอื่นๆอาทิ อิสระเสรีในการแสดงออก เทคโนโลยี หรือ เอาความมั่งคั่ง จากการตระเวณกองเรืออกไปปล้นสะดมภ์โลกตั้งแต่อดีตมาเป็นตัวกลบเกลื่อน ยิ่งการพยายามเอา "วัฒนธรรมอาหรับ" หรือ "model ปกครองของอาหรับ" มาปนเปกับ "model หลักการศาสนา" ที่เขากำลังเรียกร้องให้นำกลับมาก็เป็นคนละเรื่อง ยิ่งการพยายามยกเอา "ผู้หญิงไทย" มาเปรียบเทียบสร้างความชอบธรรมแก่วัฒนธรรมตะวันตกก็ ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่มีประเทศใดพยายามยัดเยียดกระแส "ผู้หญิงไทย"  เยี่ยงชาติตะวันกระทำกับชนชาติอื่น หรือพยายามเลียนแบบหรอกครับ เคยได้ยินเหรอ Thai ladynization??? เห็นแต่  westernization ที่มันครบวงจรครับ ปกครองก็ต้องประชาธิปไตย แต่งตัวก็ต้องเปิด ใส่สูท ผูกไท้ ตั้งชื่อต้องเป็นฝรั่ง ดื่มเหล้าแพงๆเข้าสังคม ผู้หญิงต้องผลักไสให้ออกไปแสดงออกนอกบ้าน อ้อ ต้องใจง่ายด้วย คุณรู้ไหม? "ผู้หญิงไทย" ที่ถูกมองไม่ดี เพราะทำตัวแบบ "ผู้หญิงตะวันตก" เพื่อรองรับพวกตะวันตกนั่นแหละครับ ถ้าไม่นับแห่งรับรองคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่มีแค่พีฒน์พงษ์(ขอโทษถ้าเขียนผิดนะครับ)นะครับ เชียงใหม่  พัทยา ภูเก็ต นี่เป็นนโยบายหาเงินเข้าประเทศกันเลยทีเดียว  ถ้ารักษาอัตลักษณ์เดิมไว้ได้ เยอรมันคงไม่ดูถูกหรอกครับ อีกอย่าง ชาวยุโรป ชาวอเมริกันที่เขาไม่เลี้ยงลูกตาม กระแสวัฒนธรรมตะวันตกที่เชี่ยวกราก ที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิม หรือศาสนา เอาไว้ได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมครับ คุณแมทท์ต้องพยายามแยกแยะให้ได้นะครับ ค่านิยม สิ่งแวดล้อมในสังคมที่คุณอยู่มันอันตราย ทั้งเซ๊กส์ ทั้งน้ำเมา ทั้งทุนนิยมสามานย์ นึกแล้วก็เห็นว่า เมืองไทยถ้ายังเปิดรับ วัฒนธรรมตะวันตกแบบคืบต่อคืบ ศอกต่อศอกอยู่อย่างนี้ คงอีกไม่นานที่จะเลวร้ายกว่า เพราะสังคมเรายังขาดสิ่งดีๆที่ชาวตะวันตกมีอีกหลายอย่างด้วยเช่นเดียวกัน มุสลิมอาหรับที่อพยพไปก็มีหลากหลายครับ มีทั้งหนีระบอบปกครองที่ไม่นำอิสลามมาบังคับใช้ มีทั้งต้องการเผยแผ่อิสลามที่ถูกค้องที่บางครั้งทำไม่ได้ในประเทศตน มีทั้งเพื่อการค้า และก็มีทั้งแสวงหาความสุขสำราญเช่นที่เขาเดินทางมาเมืองไทยที่รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้อย่างเต็มที่งัยครับ คงไม่ใช่เพียงอพยพไปตะวันตกเพราะ ต้องการไปอยู่กับ "วัฒนธรรมตะวันตก" ตามโลกทรรศน์ที่คุณมีหรอกครับ ปล. เป็นแค่ความคิดเห็นของผมเท่านั้นครับไม่จำเป็นต้องตอบ ^^ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 14:23:58 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:12:55

ความคิดเห็นที่ 37 สถิติอาชญากรรมรุนแรงในอเมริกา http://www.fbi.gov/about-us/cjis/ucr/crime-in-the-u.s/2010/crime-in-the-u.s.-2010/violent-crime แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 14:38:11 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:35:45

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ ghanee.s อเมริกามีพลเมือง เกือบ 400 ล้านคนแล้วเวลานี้ ผมเชื่อใน สถิติที่คุณนำเสนอ, คุณทราบสถิติ การเสียชีวิตของมุสลิมใน สังคมการปกครองของภาคตะวันออกกลางหรือไม่ ว่าการตาย เนื่องจาก อุดมการณ์ทางศาสนานั้นมีมากเท่าใดต่อวัน ในปัจจุ บันนี้ ซึ่งเกี่ยวกับศาสนาโดยตรง ไม่เกี่ยวกับ สิ่งฮารอมใดๆ? ลองศึกษาดูซิ ถ้าเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร ................. "คงไม่ใช่เพียงอพยพไปตะวันตกเพราะ ต้องการไปอยู่กับ "วัฒนธรรมตะวันตก" Imam Feisal Abdul Rauf speaking at the Council on Foreign Relations in New York. ให้สัมภาษ ฟ๊อกนิ้วส์ ว่า "เราต้องการเสรีภาพเราจึงเข้ามาอยู่ใน ยูเอสเอ" จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:42:43

ความคิดเห็นที่ 39 http://www.nationmaster.com/graph/cri_tot_cri-crime เฮ้อ...จีน อินเดีย คนเขาเยอะกว่าตั้งหลายเท่า ยังไม่อ้างตัวเลขเล้ยย.. แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 14:56:01 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:44:05

ความคิดเห็นที่ 40 "ถ้าเรากล่าวว่า "ชาติตะวันตก model"  ไม่ดีนั้น ผมว่ากว้าง ไป ไหมตรับ เช่นเดียว กับ ชาวเยอรมัน กล่าว ว่า "สตรีไทย  เป็นโสเภณี เกือบทั้งหมด"   อย่าเข้าใจผิดนะครับ ข้อเขียนข้างบนนี้ผมไม่ได้ว่าหญิงไทย นะครับ แต่ ชาวเยอร์มันเขาเข้าใจเช่นนั้น ซึ่งผมไม่เห็นด้วยแต่ยก ตัวอย่างที่เราถูกเขาตำหนิ  ขอให้เข้าใจให้ถูกต้องด้วย จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:50:58

ความคิดเห็นที่ 41 ประเทศไหนโดนกองกำลัง และอาวุธทำลายล้างสูงของอเมริกาเข้าไปย่ำยี กองกำลังที่ต่อต้านที่ถูกสร้างภาพให้เป็นผู้ก่อการร้าย พวกหัวรุนแรง พวกวาฮาบีย์ ก็ต้องสูญเสียเยอะเป็นธรรมดาครับคุณแร้งแก่ ยิ่งต้องรวมการต่อต้านการกดขี่รัฐบาลที่พันธมิตรวางไว้คุมผลประโยชน์ตนเอง ตัวเลขยิ่งสูงขึ้นไปอีก ส่วนพวกอพยพที่ต้องการเสรีภาพใน ยูเอสเอ เสียเต็มปาก บางคนอาจหมายถึง ใจที่ต้องการตำแหน่งนายอำเภอในประเทศตนเองที่กำลังโดนยัดเยียดวัฒนธรรมอยู่ก็เป็นได้นะครับ ฮามิด คาไซ นี่เป็นตัวอย่างที่ดี ส่วนท่านอื่นๆอาจชอบ อิสระเสรี ก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 14:54:10 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:51:55

ความคิดเห็นที่ 42 สถิติอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา http://www.disastercenter.com/crime/uscrime.htm จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:57:20

ความคิดเห็นที่ 43 อย่างว่าครับ คุณ ghanee.s  คำว่า "เสรี" มันมีสองด้านเสมอ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:59:41

ความคิดเห็นที่ 44 เอาภาพนี้ไปดูสนุกๆแล้วกัน เขาเป็นเพื่อนรักกันทีเดียว ผมว่าออกนอกเรื่องไปมากแล้ว ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน แล้วกัน จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 14:59:52

ความคิดเห็นที่ 45 ครับ ไม่ทราบว่ารักกันแค่ไหนหรอกนะครับ เพราะศัตรูของเพื่อนคนที่นั่งกลับเป็นเพื่อนรักของสองคนที่ยืน แต่คงพอเรียกเพื่อนได้ ถึงได้มีศัตรูร่วมกันคือชายตามรูปข้างล่างงัยครับ ก็อดเคลือบแคลงไม่ได้อยู่เหมือนกันว่า มิตรภาพระดับประเทศเนี่ย "มีความจริงใจ" มากน้อยเพียงใด?? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 15:06:08

ความคิดเห็นที่ 46 อาชญากรรมย่อมคืออาชญากรรมครับ ยังไม่รวมถึงค่านิยมอื่นที่แสดงถึงความเหลวแหลกในสังคมนะครับ ไม่ว่าค่านิยมการมีเพศสัมพันธิ์ก่อนการแต่งงาน การเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น การติดยาเสพติดในวัยรุ่น คุณแมทท์ครับ เรื่องเหล่านี้ทุกคนทราบกันดีครับ แล้วก็ไม่ต้องยกตัวอย่างในตะวันออกกลางหรอกครับ ผมบอกไปแล้ว ว่านั่นไม่ใช่อิสลาม Model ซึ่งผมไม่ปลื้ม อิสลาม model ในยุคอิสลามรุ่งเรืองต่างหาก ที่ถูกถวิลหา ซึ่ง พี่จิมก็อธิบายไปแล้ว เราาจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรถ้าเราไม่ทบทวนอดีตครับ แล้วเราจะประสพความสำเร็จในอนาคตได้อย่างไรถ้าไม่รู้จักประยุกต์องค์ความรู้ที่ประสพความสำเร็จจากในอดีตมาใช้ คนบางคนอาจชอบที่จะทำตามสังคมรอบตัวเพราะมันง่ายดี และไม่ต้องเผชิญแรงเสียดทาน แต่อุดมการณ์อิสลามไม่ใช่ อุดมการณ์อิสลามไม่ตามก้นไครครับ life friction เป็นธรรมชาติของมุสลิมที่ต้องเผชิญอยู่แล้ว จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 15:15:30

ความคิดเห็นที่ 47 อัซซาลามุอาลัยกุม และสวัสดีทุกท่าน ผมกำลังดูการประชุม Economic forum เพลินไปหน่อยแวบมาดูในกระทู้นี้ ผมขอย้อนกลับมาที่ประเทศตุรกี ประเทศตุรกีนั้นถ้าปรับเปลี่ยนอีกนิดเดียว ผมว่าสวยเลย คือการเอาสถานเริงรมย์ หรืออบายมุก เอาออกไปให้หมด ก็จะกลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางศาสนาและความศรัทธา  อย่างแท้จริง สิ่งที่ผมอยากเห้นในเบื้องต้นในประเทศต่างๆในโลก คิดแบบ ตุรกีนี้แหละครับ ให้เป็นประเทศ ที่นำหลักการ รัฐอิสลาม ไปประยุกตร์กับประเทศตนเอง โดยที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนศาสนาประจำชาติแต่อย่างใด โดยตัดอบายมุก ออกไปทั้งหมด แค่นี้ในระดับนี้ก็ อัลฮำดูลิ้ลลาห์แล้วละครับ อินชาอัลลอฮ์ โลกนี้คงลดความสับสนวุ่นวายลงไปได้เยอะทีเดียว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 15:52:52

ความคิดเห็นที่ 48 คุณจะเห็นว่า มุสลิมเราส่วนมากพูดถึงแต่ในอดีต แต่ไม่มองไปข้างหน้าว่า อิสลามมีหลักการวางแผนสำหรับมุสลิมในอนาคตไว้อย่างไร? (จะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องศีลธรรม) ปล. เป็นแค่ความคิดเห็นของผมเท่านั้นครับไม่จำเป็นต้องตอบ จากคุณ : แมทท์     เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 13:03:21   : ยูซุฟ ใช่เลยครับคุณแมทท์ มุสลิมส่วนใหญ่เวลาแสดงความคิดเห็นออกมา มีแค่เรื่องจมปลักอยู่กับอดีตทั้งนั้น โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วมุสลิมก็อ้างแต่อดีตพันปีก่อน จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 16:17:32

ความคิดเห็นที่ 49 ยูซุฟแยกแยะให้ออกครับ  ทั้ง "จมปลักกับอดีต" กับ "เพ้อฝันกับอนาคต" มันคล้ายกัน แต่มันเป็นคนละความหมาย กับ การ "ถวิลหาสัจธรรม" ที่เป็นจริงทุกกาลเวลาและยังรอการนำมาใช้อีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบต่างหาก อย่าเอาไปปะปนกับเทคโนโลยีที่ต้องพัฒนาต่อเติมตลอดเวลา นะครับ เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน เรากำลังพูดถึงเรื่องศาสนาที่สมบูรณ์แบบแล้วตั้งแต่อดีตครับ ฉะนั้น อย่าหลงประเด็น เพราะศาสนาอิสลามเป็นสัจธรรมที่ เป็นจริงทุกกาลเวลาครับ ไม่มีวันหมดอายุเหมือนศาสนาอื่น ที่แม้กระทั่งศาสดาตนเองก็ได้ทำนายวันหมดอายุเอาไว้ชัดเจน อิสลามจึงเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าจะนำมาปฏิบัติในยุคสมัยใด ดูจากคัมภีร์ก็รู้ครับว่าอะไรจึงจะเรียกได้ว่า "สมบูรณ์แบบตั้งแต่อดีต" คัมภีร์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก บริสุทธิ์ ดั้งเดิม เชื่อถือได้ ไม่ต้องถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สังคายนาจากศาสนิกไม่ว่ายุคสมัยใด คัมภีร์ที่แม้จะค้นพบความจริงใหม่ๆทางวิทยาศาสตร์สักเพียงใด ก็ยิ่งพบความอัศจรรย์ และยืนยันถึงสัจธรรม ไม่ใช่พบแต่ความขัดแย้งทั้งในอดีตจวบจนปัจจุบัน จนต้องแยกเนื้อหาส่วนใหญ่ออกเป็นนิทาน เป็นอุบาย ที่หวังข้อมูลใหม่ในอนาคตมากู้สถานการณ์ เพราะนั่นต่างหากครับที่เรียกว่า "เพ้อฝันกับอนาคต" มุสลิมเขาไม่ได้จมปลักกับอดีตอย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 17:24:03 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 17:21:04

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 35 salam พี่แมทท์ สถิติการดื่มสุราในสหรัฐอเมริกาครับ - Alcohol is the number one drug problem in America. - There are more than 12 million alcoholics in the U.S. - Three-fourths of all adults drink alcohol, and 6% of them are alcoholics. - Americans spend $197 million each day on alcohol. - In the United States, a person is killed in an alcohol-related car accident every 30 minutes. - A 2000 study found nearly 7 million persons age 12 to 20 were binge drinkers. - Three-fourths of all high school seniors report being drunk at least once. - Adolescents who begin drinking before the age of 15 are four times more likely to become alcoholics than their counterparts who do not begin drinking until the age of 21. - People with a higher education are more likely to drink. - Higher income people are more likely to drink. เครดิตhttp://www.learn-about-alcoholism.com/statistics-on-alcoholics.html สุราเป็นสิ่ง ฮารอม เป็น ต้นกำเนิดของหลายความสูญเสียนะครับ อันนี้น่าจะทราบกันดี จากคุณ : ghanee.s -------------------------------------------------------------------------------------------- alcohol ก้อมีข้อดีนะครับ ถ้ากินใน moderate dose จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ แต่ถ้ากินจนเมาก้อไม่ดี หรอกนะ มันเพิ่มความเสี่ยงต่อการตายจากการจราจร ทุกอย่างมันก้อมีข้อดีของมันแหละ แค่เราจะมองอันไหน และใช้มันยังไง ยังมี คำกล่าวว่า All things are poison, and nothing is without poison; only the dose permits something not to be poisonous ปล ถามนิดนึงพวกประเทศอิสลามมีเหล้าขายมั้ยอะ สงสัยอะ ไม่ได้คิดจะไปอยู่หรอก ผมชอบเมืองไทย ปล ผมไม่ใช่ขี้เหล้านะ แค่กินบ้างเพื่อลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 19:03:06

ความคิดเห็นที่ 51 ท่าน Arkkaraเรียนด้วยความเคารพว่า พี่น้องมุสลิมในนี้ ก็บอกมาหลายคนแล้วว่า "ทุกอย่างมีทางออกเสมอสำหรับมุสลิม" มุสลิม ดื่มเหล้าได้ มุสลิมทานหมูได้ ไม่บาป แต่ต้องดื่ม และทาน ในเมื่อ โนช้อยส์ ไม่มีทางเลือก ถ้าหมอลงความเห้นว่าถ้าไม่ดื่มสุรา ต้องตาย มุสลิมก้ต้องดืม เพื่อรักษาชีวิต ถ้าหมอลงความเห็นว่าโรคของคุณอันนี้ต้องรักษา ด้วยการทานหมูเท่านั้น เป็นทางเลือกเดียวก้ต้องทาน เพื่อรักษาชีวิต การรักษาชีวิต เพื่อเก้บตัวและหัวใจ ไว้ทำการละหมาด ไว้ประกอบการดี นั้นเป้นหัวใจหลักของอิสลาม มุสลิม จะใช้คำว่าโนช้อยส์ไม่ได้กับกรณีเดียวคือ การศรัทธา ถ้าไม่ศรัทธา ก็จบข่าวเท่านั้น ส่วนในประเทศมุสลิม ถามว่ามีเหล้าขายไหม ตอบว่า บางประเทศก็มี บางประเทศก็ไม่มี จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 19:38:48

ความคิดเห็นที่ 52 - -' ผมไม่ได้จะหาเรื่องนะพี่จิม แค่บอก fact อีกส่วนนึง แค่อยากบอกว่าทุกอย่างมันมีสองด้าน แค่นั้นแหละ อยากบอกประโยชน์ของสุรา (ไม่ได้เกี่ยวว่าคนมุสลิมจะกินไม่กินยังไง เพราะเจ้าของโพสก้ิอกล่าวถึงประเทศอื่นไม่ได้กล่าวถึงประเทศมุสลิม และผมเองก้อไม่ได้บอกให้กินนะ) อ่านที่พี่จิมโพสแล้วผมนึกว่าผมโพสไรไปเนี่ย เราไปหาเรื่องเค้าเหรอ งงเลย 555 ถ้าทำให้คิดว่าหาเรื่องผมขอโทษละกาน เพราะโดยงานของผมแล้วก้อรู้ว่าการดื่มสุราอะทำให้เกิดเรื่องมากจริง แต่มันเกิดเพราะคนไม่รู้จักควบคุมตัวเอง เหล้าแค่ส่วนนึง เลยไม่ค่อยอยากให้คนไปโทษแต่ว่าเพราะเหล้า การเกิดอุบัติเหตุมีหลายสาเหตุ เพราะจริงๆแล้วจาก text book ยังบอกเลยว่าอุบัติเหตุจากการจราจรในอเมริกา ส่วนมากเกิดจากคนขับได้รับสุรา ยาต่างๆ หรือ ทั้งสุราและยา แต่รองลงมาคือความประมาทของคนนะครับ ขอบคุนคับที่ตอบคำถามไร้สาระของผมข้างบน จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 20:19:18

ความคิดเห็นที่ 53 แรกเริ่มน่ะ ศาสนาคือการปรับเข้าหามนุษย์ ทั้งใน พุทธหรือแม้แต่อิสลาม ธรรมวินัยของพระสงฆ์นั้น สามารถปรับได้เพื่อความอยู่รอด เพื่อลดทุกข์อันเกิดขึ้น แต่ต้องไม่ใช่เพื่อความหย่อนยาน เช่นกันกับอิสลาม แรกเริ่มนั้นอิสลามก็ถูกปรับเข้ากับมนุษย์ จากกรณีเริ่มมัสยิดที่เชียงราย ผมก้เลยไปดูเรื่องของการทำละหมาดไว้ การละหมาด 5เวลา ก็ถูกปรับให้เพื่อสะดวกแก่ผู้มีความจำเป็น หรือแม้แต่ละหมาดวันศุกร์ก็จำเป็นต้องทำสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำได้จริงๆแต่ต้องไม่ได้มาจากการเพิกเฉย หรืออาจะมีอื่นๆอีกหลายๆข้อที่ผมไม่รู้ แต่ปัจจุบัน ศาสนิกต่างโดยเฉพาะมุสลิมต่างมองว่าชีวิตต่างหากที่ต้องปรับเข้าหาศาสนา ซึ่งมันเกิดปัญหา เพราะ100คนก็100อัตตา อย่างเช่นกระทู้นี้ที่สารคดีเสนอเกี่ยวกับตุรกี ซึ่งคนในพันทิพก็คนไทย มองโลกทัศน์แบบที่ได้รับการปลูกฝังมาทั้งนั้น มองว่าเขาหย่อนบ้าง ทำให้ศาสนาแปดเปื้อน หรือไม่ใช่อิสลามบริสุทธิ์บ้าง หรือหากมองในมุมมองของเขา อย่างในคลิปแม้แต่อิหม่ามก็มองว่าของเขาก็ถูกต้อง บางคนในนี้อยากให้เอาร้านเหล้าหรือสถานบันเทิงออกไป แต่อย่าลืมว่าเขาก็ไม่ได้เอาเหล้ามากรอกปากขึ้น หรือจี้คุณ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของคุณ คุณมีเสรีภาพในการเชื่อหรือตีความในทางศาสนาตราบใดที่ไม่ผิดกฏหมาย มุสลิมกินเหล้า ก็เป็นเรื่องของคุณ เพราะสุดท้ายตามความเชื่อ อะไรที่คุณทำลงไปคุณก็ต้องไปเคลียร์กับพระเจ้าเองอยู่แต่ แต่ผลที่เห็นได้ก็คือโลกติเตียน เพราะอะไร อย่างที่บอกว่า100คนก็100อัตตา อย่างในมาเลเซีย ในสังคมมุสลิม เหล้าห้าม ผู้หญิงห้าม ซึ่งมันผิดหลักศาสนา แน่นอนสำหรับคนที่มันอยากผิดศีลใจจะขาด เมื่อบ้านมันไม่มีมันก็มาบ้านเรา ถามว่าการเป็นรัฐมุสลิมมันทำให้คนมีศีลธรรมสูงขึ้นหรือ ก็เปล่า ทุกอย่างมันอยู่ที่คนต่างหาก จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 21:00:58

ความคิดเห็นที่ 54 ท่าน Arkkara ผมไม่ได้ว่าท่าน สักหน่อย ผมตอบตามที่ผมเคยตอบเวลาไปสัมนาระหว่างศาสนากัน ผมตอบแบบเดียวกันเปะเลย ไม่ไร้สาระหรอกครับ เพราะมันคือเรื่องจริง อย่างท่านอาจารย์อาลี เสือสมิง บอกว่า กำลังทานอะไรอยู่เกิดติดคอ หายใจไม่ออก เจอเบียร์ขวดนึงตรงหน้าก้ต้องยกมาดวดละครับ แต่ดวดแค่ของที่ติดคอลงไปพอแระ ไม่ใช่ต่อจนหมดขวด มันก็เกินไป ชิมิชิมิ ปล  คบผมนะสบายๆไม่ต้องเกร็ง ผมอ่านประโยคและจับเนื้อใน ได้คร้าบ ซิบาบ ซิบาย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 21:29:50

ความคิดเห็นที่ 55 นั้นแหละท่านยอง ถ้าจำคำพูดของผมได้ ผมพูดเสมอว่า อิสลาม ไม่นิยมการชี้โพรงให้กระรอก กระรอกมันย่อมรู้ดีว่าที่จะไปคือที่ไหน เราต้องแข็งเอาไว้ก่อน เพราะสันดานคน มันก็ชอบอะไรง่ายๆ ผมก็เป็น อยากจะทำไปหมดทุกอย่าง แต่อะไรละทำให้เรายับยั้งไว้ได้ -ศรัทธา -คำสอนให้รู้จักมีวินัย เกรงกลัวต่อบาป -ความรักที่เรามีต่อศาสนาของเรา ไม่อยากให้ศาสนาของเรา เสื่อมถอย ไปในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าเราหย่อนแต่ต้นมือ คนในศาสนาก็นึกว่าได้เพราะความเคยชิน ทุกวันนี้ มุสลิมหลายคน เริ่มตามค่านิยมผิดๆ เราเห้นเด้กของเรา ก็ไม่อยากให้หลงระเริง ก็ดึงชายเสื้อกันเอาไว้ ดีกว่าไม่ดึง ส่วนแนวคิดอิสลาม ถึงผมจะเป็นมุสลิมโมเดริน อดีตผมก็คือมุสลิม เลวคนนึง พออายุเราอยู่ช่วง นับถอยหลัง เราเริ่มที่จะมองอะไรมากกว่าตนเอง แต่ผมคงยืนยันหลักการนี้ คนต้องปรับตัวเข้าหาศาสนา ถ้าท่านยองอยู่ที่เชียงใหม่ ลองถามโตะอีหม่าม ดูได้ครับ แต่อย่าไปถามคนที่แหก เพราะคนที่แหก คือคนที่ไม่ชอบการอยู่ในกรอบ ก็ย่อมสนับสนุนแนวคิดตนเอง ละครับ เพราะอะไร ศาสนามี 1เดียว คนมีหลายพันล้าน ถ้าให้ศาสนาปรับตัวตามคน สุดท้ายจะไม่เหลือคำสอนที่บริสุทธ์เอาไว้ ศาสนาถ้าบัญญัติได้ตามใจคน มันก็ไม่ใช่ศาสนา นะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 21:40:35

ความคิดเห็นที่ 56 คุณยองเชียงใหม่ครับ ศาสนาอื่นผมไม่ทราบครับ แต่ศาสนาอิสลามไม่เคยถูกปรับเข้าหามนุษย์ครับ ศาสนาอิสลามถูกประทานมาตั้งแต่เริ่มเพื่อบังคับใช้กับมนุษย์ครับ ถ้าปล่อยให้คนทานเหล้าเข้าสถานบันเทิง แล้วไปเคลียร์กับพระเจ้าเอง อย่างเมืองไทย อย่างอเมริกา อย่างอังกฤษเหรอครับ แล้วเป็นไงบ้างละสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากสุราขนาดไหน ผู้หญิงต้องถูกผู้ชายมอมเหล้าแล้วข่มขืนขนาดไหน ฉี่ม่วงที่ตรวจพบในสถานบันเทิงมีขนาดไหน ผมก็อยากรู้เหมือนกันเวลาลูกสาวถูกเพื่อนนหลอกไปเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนแล้วถูกเพื่อนชายมอมเหล้าพาไปข่มขืน ยังจะให้เพื่อนๆของลูกสาวกับเพื่อนชายไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองหรือเปล่า ยังจะคิดว่าสถานบันเทิงมันควรจะเปิดอยู่ไหม แล้วยังจะคิดว่าสมควรขายเหล้าให้ลูกสาวท่านดื่มอีกหรือไม่ ตัดไฟแต่ต้นลมครับดีที่สุด ถ้าลูกสาวมันอยากมากก็มีทางเดียว มันต้องหนีออกนอกประเทศไปหาประเทศที่อนุญาตเรื่องแบบนี้ ถ้าลงทุนขนาดนั้นปล่อยมันไปเหอะ ยอมครับ^^ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 21:48:36

ความคิดเห็นที่ 57 พี่จิม แหม ก้อไม่รู้อะ เพราะเข้าใจว่าเรื่องข้อห้ามนู่นนี่นั่นมัน sensitive มั้ง และโพสบนๆก้อดูดราม่ากันพอควร เลยคิดว่าจะพิมอะไรกระทบรึป่าวอะ ยิ่งตัวผมเองค่อนข้างจะไม่ค่อยคิดก่อนโพส ปล ไม่ต้องเรียกท่านก้อได้มั้ง ผมว่าผมยังเด็กอยู่เรย 20 กว่าเองอะ พูดถึงตุรกีละ คิดถึงเตอกิชดีไลท์ ที่หวานจนแสบลิ้นขึ้นมาเรย คุณ ghanee.s ที่จิงเรื่องมอมเหล้าข่มขืนอะน้อยมากๆๆนะ ถ้าทางอเมริกาเค้าจะใช้พวก date rape drug มากกว่าเหล้า และของไทยเองโดยมาที่ไปกินเหล้ากะเค้าเนี่ยสมยอมนะ ที่โดนข่มขืนโดยมากมักเป็นโดนข่มขืนโดยมากมักไม่ใช้alcohol นะ เค้าจะใช้กำลังเอาเลย และคนทำส่วนมากมักเป็นคนรู้จักไม่ก้อเพื่อน (พอดีมีวิจัยเรื่องนี้น่ะงับเลยอย่าให้ข้อมูลที่ถูกต้อง) รู้คับว่าเหล้าไม่ดีแต่อย่าโยนทุกอย่างไปที่มันเลย แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 22:08:27 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 22:00:39 จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 21:56:07

ความคิดเห็นที่ 58 ท่านghanee.s นั้นแหละครับที่ผมอยากสื่อ ท่านอาจจะมองแบบนี้ แต่มุสลิมคนอื่นๆในโลกอาจะมองต่างออกไป ต่างมากต่างน้อยก็แล้วแต่ เรื่องเหล้าสถานบันเทิง จิงๆที่ผมอยากสื่อก็คือ ต่อให้มันมากแค่ไหน หากคุณตั้งมั่นในสิ่งที่คุณเชื่อถือ แต่ให้มันตั้งในชุมชน ถ้าคนยึดมั่นในศีลในธรรม คนไม่ไป มันก็เจ๊งไปเอง อย่างผมเป็นพุทธ ผมย่อมมองในแง่คนตนเองมาก่อน มองดูตัวเองให้ถ่องแท้ เราหวั่นไหวไปกับอบายมุขก็เพราะตัวเอง หาใช่เพราะอบายมุขไม่ ผมไม่แน่ใจอิสลามมองในแนวคิดว่าโลกนี้คือการทดสอบของพระเจ้าหรือไม่ ผมแนะนำให้ลองไปหาเรื่อง โยบ กับการทดสอบของพระเจ้า อ่านดู แล้วจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 22:14:29

ความคิดเห็นที่ 59 คุณจิมมุสลิมเราดื่มเหล้าข้าวเหนียวมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แล้ว แถมยังใช้แก้บวชอีก ..อะ อย่าเพิ่งโมโหนะ กระเซ้าเล่น มันจริง นะ ...ถ้าเราใช้เทอมว่า "Ethyl alcohol  มันก็คือเหล้านั้นเอง ในฮาดีษห้ามเด็ดขาด แม้แต่น้อยนิดก็จิบดื่มไม่ได้ ไม่มีข้อยก เว้น   ในอียิปต์เขาฟัตวาว่า ดื่มได้แต่อย่าให้เกิน 0.5%  แต่ในเมือง ไทยเราผมยังไม่เห็นมีการฟัตวาในเรื่องนี้หรือไม่? คงไม่มีเพราะไม่ ไม่ถือว่าเหล้าข้าวเหนียวเป็นของ ฮารอม..แถมจะตีตราฮาลาล ส่ง นอกไปขายที่ภาคตะวันออกกลางเสียอีก .......... คุณ Arkkara       เอะอะก็ว่าอเมริกา อยู่เรื่อยชักน้อยใจเสียแล้ว เรื่อง  SEX  นี้รับประกัน  ไม่ได้ ว่าใครดีกว่ากัน ทุกศาสนามีข้อห้ามทั้งนั้น ขึ้นอยู่ที่จะถูกจับได้  หรือไม่เท่านั้น "หัวหน้าศาล ทางคุณธรรมและจริยาธรรม" ของประเทศ  ซาอุดิอารเบีย เจ้าของ "ลัทธิวะฮาบียฺ"ต้นตำหรับ,ทำปู้ยี่ปู้ยำกับสาวใช้ อินโด  เป็นข่าวใหญ่ ไม่เห็นโดน เฆี่ยน หรือ ขว้างด้วยหินจนตายเลย ข่าวเงียบ  รูปถ่ายก็มี เมื่อสองสามวันเห็นมีสมาชิกนำมาโพสต์อยู่ ^-^ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 00:35:08 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 00:19:05 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 22:41:21 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 22:39:29

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ ยองเจียงใหม่  เรื่องสุรายาเมาในศาสนาอิสลามนั้นผมถูกด่ามาจนอ่วมแล้ว  ทนไม่ได้ก็ต้อง เออออ เป็น "มูนาฟิก" ไปเลย  จริงอย่างที่คุณว่า ร้านขายเหล้ามีอยู่เต็มไปหมด แต่  ไม่มีใครบังคับเรา นอกจากเราจะหลีกเลี่ยงให้ห่างไกล  จากมันได้หรือไม่ เท่านั้น   ผมอ่านอัลกุรอาน ตามไวยกรณ์อรับหลายเที่ยวแล้ว เข้าใจว่า อัลกุรอาน บัญญัติว่า "เหล้า,การบวงสวง, การพนัน, การเสี่ยงทาย" ทั้ง 4สิ่งนี้(พหูพจน์) เป็นเครื่องมือของ ซัยตอน(ความขั่ว) จงออกให้ห่างจาก มัน (ตัวชัยตอนเอกพจน์) คือออกให้ห่างจากเจ้าตัวซัยตอน เราจะไม่ตกเป็นเครื่งมือ ทั้ง 4 สิ่งของมัน  การออกห่างนี้เรียกว่าไม่เข้าใกล้ความชั่วเลย แต่ถ้าเผลอไป แล้ว เมื่อเมาอย่า  ทำ ละหมาดจนกว่าจะส่างเมา และเข้าใจ ถ้อยคำในการละหมาด   อัลกุรอานยังบอกอีกว่า เครื่องหมักดองนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าบริโภคด้วย   ปัญญา   แต่ว่าโทษของมันมีมากกว่าคุณ  ผมก็เสนอให้คุณคิดดูแล้วกัน ว่า อัลกุรอานสอนให้เราใช้สติปัญญาในกิจการทุกๆ  อย่างรวมทั้งการทั้งในการบริโภคและดื่มของมึนเมา(เหล้าข้าวเหนียว) ด้วย แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 23:03:24 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 22:59:22

ความคิดเห็นที่ 61 คนดีชอบแก้ไข คนอาไรชอบแก้ตัว...น้ำขุ่นอีกด้วย เลิกไม่ได้ก็ยอมรับผิดก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องดันทุรังทำให้มันถูกเลย เลิกนิสัยมูนาฟิกเสีย ก็ไม่อ่วมแล้วหล่ะครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:19:13

ความคิดเห็นที่ 62 ผมถึงว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ถูกคุณ มันอาจจะผิดคนอื่นก้ได้ เอาง่ายๆเรื่องเหล้า ถ้าอย่างที่คุณแมทท์ บอกเรื่องในอียิปต์ ประเทศเค้าอาจจะตีความแบบนั้นจริง แต่คนอื่นอาจจะบอกว่าไม่ได้ ซึ่งก็คือถ้าเค้าบอกว่ากินแบบนั้นได้ เค้าก็กินไป คุณบอกว่ากินไม่ได้คุณก็ไม่ต้องกิน หรือกรณีคลุมฮิญาบ บางคนอาจจะคลุมแค่หัว บางคนก็คลุมทั้งตัว บางคนก็ปิดทั้งหน้าโผล่มาแต่ลูกตา สรุปว่าใครถูก มันก็ถูกหมด หรือผิดหมด ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมองอย่างไร จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:30:16

ความคิดเห็นที่ 63 ฉะนั้นถูก - ผิด คนจะมานิยามกันเองก็เข้าทางโจรงัยครับ จึงต้องมีศาสนาที่มีกรอบชัดเจนมาเป็นมาตรฐาน กฎหมายมนุษย์จะมานิยามกันเองโดยไม่มีบรรทัดฐานยังไม่ได้เลย ไม่งั้นก็คงไม่มีใครผิดหรอกครับ โจรก็ต้องหาความชอบธรรมให้ตนเองอยู่วันยังค่ำ นี่กฎหมายผู้สร้างมันยิ่งต้องมีบรรทัดฐานครับ ส่วนบรรทัดฐานอะลุ้มอะหล่วยได้แค่ไหนนั้น ก็มีระบุไว้ชัดเจนแล้วในกฎหมาย ศึกษาดูให้ดีก่อนดีกว่าครับ คนที่เขาเชื่อในนรก สวรรค์ ที่เป็นรูปธรรม (ไม่ได้ตีความว่าเป็นความสุข ความทุกข์อยู่ในใจอะนะ) เขาต้องเชื่อในกฎเกณฑ์ของเจ้าของนรก สวรรค์ ด้วยครับ ไม่ใช่จะมาเขียนกฎกันขึ้นมาเอง ส่วนใครไม่เชื่อ หรือคนที่ปากบอกเชื่อ แต่พฤติกรรมสวนทาง ก็แล้วไปนะครับ ผมไม่ขอเอ่ยถึงคนพวกนั้น แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 23:53:15 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:44:49

ความคิดเห็นที่ 64 ใช่ครับ ผิด ถูกอยู่ที่มุมองของแต่ละคน เหมือนกฏหมาย คนอาจจะคิดว่าการขายซีดีเก่า ไม่น่าจะมีอะไร ทั้งนี้เพราะคนไม่รู้กฏหมาย หรือถ้ารู้ก็คิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่สุดท้ายผู้พิพากษาคือผู้ตัดสินอะไรผิดอะไรถูกอยู่ดี เช่นกันหากคุณเชื่อในพระเจ้าและการพิพากษา ไม่ว่าคุณจะตีความแบบไหน ทำสิ่งนี้ผิด ทำสิ่งนี้ถูก จะด้วยรู้ หณือไม่รู้ หรือรู้แต่คิดว่าไม่เป็นไร แต่สุดท้ายการพิพากษาคือการตัดสินที่เที่ยงธรรมอยู่ดี เหมือนกับศาสนาพุทธของผม ทุกคนมีมุมมองในความดีงามต่างกัน เช่นศีล5 ขอบเขตที่เข้าใจต่างกัน แต่สุดท้ายทุกการกระทำ มันก็จะส่งผลอยู่แล้วนั้นเอง จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:52:25

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่ครับ ถ้าใช้กฎหมาย สุดท้ายผู้พิพากษาต้องตัดสินว่าถูกแน่นอน  เพราะขายซีดีเก่าเฉยๆ แต่ถ้าเป็นซีดีเก่า แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ก็ต้องผิดนะครับ หรือขายซีดีเก่า แต่ขายบนทางเท้าก็ผิดเช่นเดียวกัน มันขึ้นอยู่กับว่า ไปโดนกฎหมายข้อใดที่มีบัญญัติไว้ จะอ้างไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ส่วนการไปตัดสินคนว่าคนนี้บาปแน่นอน หรือเป็นชาวนรกแน่นอน นั้นเป็นเรื่องที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ครับ เราตัดสินได้เพียงภายนอกที่เห็นว่า พฤติกรรมนั้นถูก หรือ ผิด ตามกฎเกณฑ์ที่ยึดถือ และพิพากษาไปตามนั้น จะปล่อยผู้ร้ายฆ่าคนให้ลอยนวลไปเฉยๆเพราะไม่รู้ว่าเขารู้กฎรึปล่าว? หรือเขาพลั้งเผลอรึปล่าว? มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันต้องจัดการเท่าที่สามารถด้วยความยุติธรรมตามกฎเกณฑ์ไปก่อน หากปล่อยให้เวร กรรม ตามสนองเอง โลกเราคงวุ่นวายน่าดูครับ จะกลายเป็นกฎสัตว์ป่า หรือพูดตรงๆว่า ไร้กฎเกณฑ์ไปเสีย จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 00:03:17

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ ยองเจียงใหม่    A prominent Egyptian cleric has created controversy by issuing a fatwa that says tiny amounts of alcohol are permissible in Islam. Yusuf al-Qaradawi's fatwa says a level of 0.5% is allowed, whereas most Muslims would say alcohol of any quantity is banned. Sheikh Qaradawi was recently refused entry to Britain as the UK government said his views could spark violence. He issued his fatwa in response to a question about high energy drinks. 'Distorted' Sheikh Qaradawi is talking about tiny quantities of alcohol - equivalent to about one-eighth of a unit of alcohol. He ruled there was no religious ban on consuming drinks with a minute amount of alcohol in them if it was formed naturally through the process of fermentation. He quoted the rule derived from the sayings of the Prophet that if drinking a lot of alcohol makes you intoxicated then drinking a little is also forbidden. Sheikh Qaradawi argued that any person who consumed a large amount of high energy drink would not become intoxicated, therefore they were permissible, even though they contained tiny amounts of alcohol. But this logic has not gone down well. The editor of a newspaper in Qatar, where Sheikh Qaradawi lives, complained that the sheikh had just stirred up a controversy that everyone could have done without. The editor said the fatwa from a cleric of the status of Sheikh Qaradawi would inevitably be misunderstood and distorted to suggest he was giving permission to Muslims to drink alcohol. Sheikh Qaradawi, who is a well-known TV figure, views himself as a moderate voice of Islam.   จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 00:12:16

ความคิดเห็นที่ 67 ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นในอาหารจากการไม่จงใจ ว่ามีได้เท่าไหร่? กลับไปเรื่องเดิมที่ แร้งแก่ศรัธนญชัยจะหาเรื่องกินเหล้าโดยอ้างว่า "อัลกุรอานยังบอกอีกว่า เครื่องหมักดองนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าบริโภคด้วยปัญญา   แต่ว่าโทษของมันมีมากกว่าคุณ "???? ก่อนดีกว่า เอามาจากกุรอานบทไหน? โกหกใส่กุรอานแบบนี้ไม่เนียนเลย ไร้ยางอายมาก ตอบตรงๆนะครับ อย่าอ้อมค้อมอีก พรุ่งนี้จะเข้ามาอ่าน จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 00:28:58

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 67 คุณlaliklalee คนโง่แกมหยิ่งฉลาดแกมโกงอย่าง laliklalee ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องนำมาอธิบายให้คุณเข้าใจได้ อยากจะปล่อยให้โง่ตามประเพณีต่อไป จนแก่ตาย "ถ้าอยากจะรู้ต้องไปค้นหาเอาเอง อย่าขี้เกียจสันหลังยาว หัด อ่านอัลกุรอาน บ้าง มิน่าเล่าถึง โง่ดักดานเช่นนี้" ผมจะนำมาแสดงให้ผู้ที่สนใจเห็นเท่านั้น และจะไม่มีการ สนทนาโต้ตอบด้วยเนื่องจากอัลกุรอานบัญญัติไว้เช่นนั้น แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 02:00:13 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 01:26:19

ความคิดเห็นที่ 69 คุนแมทท์ ผมไม่ได้ว่านะมันมีใน text book อะ ต้องอ่านสอบเลยจำได้ เหมือนคนเขียนก้อเป็นอเมริกันนะ จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 01:30:29

ความคิดเห็นที่ 70 สำหรับ ผู้ที่ต้องการความฉลาดและวิทยปัญญาจากอัลกุรอานเท่านั้น Chapter (5) sūrat l-māidah Verse 90     يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالْأَنْصَابُ وَالْأَزْلَامُ رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ فَاجْتَنِبُوهُ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ   รวมทั้ง 4 สิ่งข้างล่างนี้ (เป็นพหูพจน์)   الْخَمْرُ   الْمَيْسِرُ   الْأَنْصَابُ   َالْأَزْلَامُ   رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ  เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ อันเป็นเครื่องมือหรือผลงาน ของ     الشَّيْطَانِ= เจ้าซัยตอนตัวนั้น (เอกพจน์)  فَاجْتَنِبُوهُ   ดังนั้นจงหลีกเลี่ยง “มัน”  (เอกพจน์) หมายถึง ชัยตอนตัวนั้น คือหมายความว่าให้หลีกเลี่ยง "ซัยตอนตัวนั้น" ซึ่ง ใช้ คำว่า "มัน"ซึ่งเป็น "เอกพจน์" แทนที่จะใช้คำว่า "สิ่งเหล่านั้น" ซึ่งเป็น "พหูพจน์"    คือ الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالْأَنْصَابُ وَالْأَزْلَامُ นั้นก็คือให้ออกห่างจากชัยตอน เพื่อที่จะให้พ้นจาก เครื่องมือทั้ง 4 อย่างของมัน ***** จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 01:34:35

ความคิดเห็นที่ 71 คุณArkkara   ผมกระเซ้าคุณครับ  ผมเข้าใจคุณด้วยความจริงใจ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 01:36:17

ความคิดเห็นที่ 72   يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالْأَنْصَابُ وَالْأَزْلَامُ رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ فَاجْتَنِبُوهُ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ   O you who believe! intoxicants and games of chance and (sacrificing to) stones set up and (dividing by) arrows are only an uncleanness, the Shaitan's work; shun it therefore that you may be successful.[Shakir 5:90] และ إِنَّمَا يُرِيدُ الشَّيْطَانُ أَنْ يُوقِعَ بَيْنَكُمُ الْعَدَاوَةَ وَالْبَغْضَاءَ فِي الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ وَيَصُدَّكُمْ عَنْ ذِكْرِ اللَّهِ وَعَنِ الصَّلَاةِ ۖ فَهَلْ أَنْتُمْ مُنْتَهُونَ  The Shaitan only desires to cause enmity and hatred to spring in your midst by means of intoxicants and games of chance, and to keep you off from the remembrance of Allah and from prayer. Will you then desist?[Shakir 5:91] บัญญัติที่ 5:91 กล่าวเน้นให้เราเข้าใจว่า ชัยตอนใช้เครืองมือของมันทั้ง 4 อย่างนั้น ทำให้เราหันเหออกจากแนวทางของพระเจ้าและสร้างความแตกแยกในมวลมนุษย์ ดังนั้นถ้าเราหลีกเลี่ยงตัวชัยตอนแล้วเราจะพ้นจากการทำชั่วทั้ง 4 อย่าง ไม่ใช่เฉพาะแต่การดื่มสุราแต่เพียงอย่างเดียว   จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 01:54:19

ความคิดเห็นที่ 73 จะยอม หรือ จะสมยอม จะผ่านมางเหล้า ไม่ผ่านทางเหล้ามันก็เป็นการมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนอยู่ดี ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในทุกศาสนา นี่คือความฟอนเฟะ ของสังคม อย่าบอกนะ หลักการตาม ศาสนาพุทธ คริส อิสลาม อณุญาต หามาให้หน่อยดิ คุณยองเจียงใหม่ ครับ ผมอยากรู้เหมือนกัน ถ้าผับ บาร์ ไปเปิดหน้าบ้านคุณ คุณยังจะปล่อยให้เขาไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองหรือเปล่า หรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม - ลูกสาวของคุณไปเทีี่ยวบาร์ คุณจะให้ลูกสาวของคุณไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองไหม หรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม - ลูกสาวของคุณทานเหล้า คุณจะให้ลูกสาวของคุณไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองไหมหรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม - ลูกสาวของคุณมั่วผู้ชาย คุณจะให้ลูกสาวของคุณไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองไหมหรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม - ลูกสาวของคุณมั่วยา คุณจะให้ลูกสาวของคุณไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองไหม หรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม - ลูกสาวของคุณขายตัว คุณจะให้ลูกสาวของคุณไปเคลียร์กับพระเจ้าเอาเองไหม หรือ ปล่อยตามบุญตามกรรม อยากรู้จริงๆครับ แต่ในอิสลาม เราถูกสอนให้ take action และรับผิดชอบ ตั้งแต่ ตัวเอง ครอบครัว สังคม ยัน ประเทศชาติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจากตำราเล่มในของ อิสลามสาย "ซุนนะห์วั้ลยามาอะห์" ที่เป็นสายหลัก ของโลก ก็สอนอย่างนี้ทั้งหมด ในตุรกี ก็เป็นมุสลิมสายนี้เช่นกัน และพรรคที่ชนะเลือกตั้งก็มาจากสายนี้ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของเขาที่จะ Take action ในสิ่งที่ศาสนาบังคับใช้ครับ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 11:45:26 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 09:40:42 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 09:34:55

ความคิดเห็นที่ 74 ทุกอย่างก็วนกลับสู่จุดเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แร้งแก่ที่ทรนงตัวเองว่าฉลาดเหลือประมาณ อย่างคุณ แมทท์ สุดท้ายก็ไม่อาจยกกุรอ่านมาประกอบการโกหกคำโต ใน คห. 60 ของตนเอง อีกเช่นเคย สบถ 2 -3 คำ เฉไฉไปสอน เอกพจน์ พหูพจน์ ที่อยู่นอกเหนือประเด็น แล้วก็ทำท่าจะบินหนีไปหาเหยื่อเน่ากองใหม่ ลีลาเขาหล่ะ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 10:54:57

ความคิดเห็นที่ 75 ท่าน ghanee.s เป็นคำถามที่ดีมาก หากเป็นผมโดนแบบนั้นตามหลักของศาสนาพุทธแล้ว ต้องมองปัญหา ให้ออก แล้วจึงแก้ไข โดยจะเริ่มจากตัวเรา ว่าเราสั่งสอนลูกดีหรือไม่ ไปดูที่ตัวลูกเรื่องอุปนิสัย  มองเห็นถึงปัญหา ทางแก้ก็แก้ไ แก้ได้ก็ดีไป หากแก้ไม่ได้ก็ต้องมาดูอีกที หากมันเป็นเรื่องภายในกมลสันดานของลูกสาวผม ก็คงปล่อยไป กรรมใครก็กรรมมัน ชาติคางคกยางหัวไม่ตกไม่รู้สึก ผมก็คงทำใจให้สบาย ไม่เก็บเอามาคิดให้ทุกข์ ไม่โกรธ ไม่แค้น ทำบุญ แผ่เมตตาอะไรก็ว่ากันไป ส่วนร้านเหล้า ผมก็คงทำตามขั้นตอนตามกฏหมาย ดูเรื่องใบอนุญาต เรื่องโซนนิ่ง เรื่องอนุญาตให้เด็กเข้า เป็นต้น ตามนี้ครับ อยากทราบเหมือนกันว่าท่าน ghanee.s จะแก้ไขปัญหาเช่นไรตามหลักศาสนา ซึ่งผมคิดว่าท่านคงไม่ถึงขั้นฆ่าลูกล้างอายหรอก เพราะผมเชื่อว่าสมาชิกห้องศาสนาย่อมมีมโนธรรมสูงกัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 17:56:56

ความคิดเห็นที่ 76 Khun Men of the day คคห. 6  รูป ลุงมุสลิม ที่นั่งเมียล้อมเป็น เฮา บ่าเอาเด็ดขาด ตุ้ยยังกะอึ่งกั๊ดเม่า เลยคะ ฮับบ่ได้ แต๊ๆ รวยยังไงก็ตึงบ่าเอา จากคุณ : ยองลำพูน (bossy_girl) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 18:28:16

ความคิดเห็นที่ 77     เรื่องสุราหรือ Ethyl Alcohol  ในอัลกุรอาน      เหล้าข้าวเหนียวเป็น,สุราพื้นบ้านอย่างเช่น อุ สาโท ชาวผู้ไทก็มีวัฒนธรรมในการทำและกินดื่มเช่นกัน  อุ ภูไท ผลิตโดยกลุ่มสหกรณ์การเกษตรเพื่อเกษตรกรไทย     มุสลิมนิยมกินและดื่ม เหล้าข้าวเหนียว ซี่งมี อิทิล แอลกอฮล์(Ethyl Alcohol)  มากน้อยแล้วแต่ระยะเวลาในการหมัก มาเป็นเวลานานแล้ว     ในบางกรณี ถ้าอากาศร้อน อบอ้าว เมื่อการหมัก นาน ถึงขั้น ที่จะกลาย เป็นน้ำส้มสายชู ปริมาณของ  Ethyl Alcohol  อาจะสูงมาก ถึง 0.8 % ซึ่งสูง ถึงขั้น ที่เกินกฏหมาย อนุญาต ให้ ขับรถได้      เนื่องจาก อัลกุรอานบัญญัติไว้โดยการแฝง ไว้ด้วย วิทยปัญญาในการชี้ให้เห็นประโยชน์ และโทษของ Ethyl Alcohol ด้วยการ แนะนำ ว่า บรรดาผลไม้ที่มีน้ำตาล  Fructose ซึ่งสามารถที่จะ เปลียนแปลงทางชีวะเคมี เป็น Glucose และ เปลี่ยนเป็น Ethyl Alcohol และ น้ำส้มสายชู ซึ่งมนุษย์ สามารถที่จะนำมา ใช้เป็นเครื่องดื่ม อันโอชา และ การปรุงอาหารได้, ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางชีวะเคมีตามธรรมชาติ นี้ ทำให้เกิดเครื่องดื่มที่มี คุณค่าทางอาหารและ ประโยชน์ในการแพทย์ นาๆประการ     ในขณะเดียวกัน อัลกุรอานก็เตือนไว้ว่า ในการใช้ประโยชน์จากการหมักดอง ผลไม้ตามธรรมชาติเช่นผลอินทผลัมและผลองุ่น นี้ จะต้องใช้ประโยชน์ของ มันด้วยสติปัญญา, ประโยชน์ของ Ethyl Alcohol (เหล้า) นี้ จะมีได้สำหรับ ผู้ที่ใช้ปัญญา,มีสติ และใช้ สามัญสำนึกที่ถูกต้องเท่านั้น     อัลกุรอานบัญญัติเตือนไว้อย่างชัดเจนว่า  สาร Ethyl Alcohol (เหล้า) นี้มันมีทั้งทั้งประโยชน์และโทษ ถ้าเราใช้อย่างประมาทหรือ abuse ประโยชน์ของมัน โดยการนำมาบริโภคแล้ว(Alcohol abuse) จะนำไปซึ่งการกระทำบาปและความชั่วต่างๆ ซึ่งทำให้เกิด โทษมหาศาลมากกว่า ประโยชน์ของมัน (Alcohol abuse) ซึ่งไม่ต่างจากการ เล่นการพนัน และการทำชั่วอืนๆ     สิ่งสำคัญที่อัลกุรอานเตือนไว้เกี่ยวกับผู้ที่ ดื่มสุรา(Alcohol abuse) นั้น อย่าได้ เข้าใกล้ หรือ ทำการละหมาดในสภาพที่มึนเมา เนื่องจากเขาผู้อยู่ในสภาพที่มึนเมานั้น ไม่อาจจะ มีสติและสมาธิที่จะเข้าใจ ถ้อยคำต่างๆ ในการละหมาด เขาผู้นั้นจะละหมาดไม่ได้จนกว่าจะส่างเมา     พระจ้ารู้ดีว่ามนุษย์ที่โง่เขลาและไม่อาจจะควบคุมตัวได้ มักจะ ใช้ประโยชน์ของสุราในทางที่ผิด (Alcohol abuse) จึงทรงบัญญัติเตือนไว้ว่าดังนี้      มีความชั่ว อยู่ 4 อย่าง ที่ ชัยตอน ตัวแห่งความชั่วจะใช้เป็นเครื่องมือในการ ยุยงมวลมนุษย์ให้แตกแยกกัน และ ทำลายล้างกัน และนำไปสู่การกระทำบาปต่างๆ       เครื่องมือของชัยตอนที่ใช้หลอกลวงมนุย์นั้นมีอยู่ 4 อย่างคือ   1.   الْخَمْرُ (สุราintoxicants),   2.   الْمَيْسِرُ ( การพนัน games of chance),   3.   الْأَنْصَابُ  (แท่นหินการบูชายันต์sacrificing to), และ   4.    الْأَزْلَامُ (การเสี่ยงทายในการแบ่งสมบัติ,dividing by การเสี่ยงติ้ว หรือลูกธนู)     ในการที่จะทำตัวให้พ้นจากการทำชั่วอันเนื่องมาจากเครื่องมือของ"ซัยตอน"นี้ เราจะต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เจ้าตัวชัยตอน     เมื่อเราอยู่ห่างไกลจากตัว "ชัยตอน" เราก็จะพ้นความชั่วต่างๆ ซึ่งไม่จำกัดอยู่ที่การ ดื่มสุราแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่คือ วิทยปัญญาจากอัลกุรอาน ในการสอนให้มนุษย์พ้นจาก ความชั่วทั้งหลายไปพร้อมๆกัน      เราจะเห็นว่าบัญัติสุดท้ายนี้ สอนให้มนุษย์หลีกเลี่ยงความชั่วต่างๆ โดยไม่ไปมั่วสุมกับซัยตอน ไม่ว่ามันจะอยู่ใกล้หรือไกลจากตัวเรามากแค่ไหน ก็ตาม มิใช่ห้ามแต่สุราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น        บัญญัติต่างๆในอัลกุรอานไม่มีการยกเลิกซึ่งกันและกันไปตามอารมณ์ของมุสลิมที่จะเลือกปฏิบัติตามใจชอบ       อัลกุรอานสอนให้กระทำ อะไรก็ตาม, การกระทำของมนุษย์จะต้องใช้ สติและปัญญา นำคุณค่าของสิ่งต่างๆมาใช้ อย่างไม่ตกเป็นทาสของมันอย่างงมงายและขาดสามัญสำนึก      ****** ปล.   การที่ผมไม่อ้างเลขหมายของบัญญัติในอัลกุรอานในการอธิบายเรื่องสุรรา และเครื่องมือของความชั่วอื่นๆในที่นี้นั้น,  ผมต้องการจะให้ มุสลิมและผู้สนใจ ที่จะใฝ่ความรู้และวิทยปัญญาจากอัลกุรอาน ศึกษาด้วยตนเองและค้นหาความจริงและทำความเข้าใจจากตัวบทบัญญัติเอง      สำหรับผู้ที่เกียจคร้านหลังยาวและทำตัวเป็นลาโง่นั้น ผมไม่แนะนำให้อ่าน คำอธิบายของผม เพราะความมีอคติของคนที่ขาดปัญญาของคนเหล่านี้ จะปิดบังความเข้าใจของเขาเหล่านั้น และจะทำให้เข้าใจความหมายของคำอธิบายของผมผิดไปในทางลบ       จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 02:09:15

ความคิดเห็นที่ 78 คุณยองเชียงใหม่ครับ ฆ่าลูกล้างอายไม่มีในหลักการอิสลามครับ อย่างที่ผมบอกในความเห็นข้างต้น อิสลาม สอนให้รับผิดชอบต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม เป็นหน้าที่ ของพ่อ ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว การปฏิบัติคิดว่าไม่แตกต่างจากท่านเท่าไหร่ สำหรับร้านเหล้า ผมก็ทำตามเหมือนท่าน แต่ผมจะทำมากกว่านั้น เพราะที่คุณจะทำมันแค่สเกลของชุมชนของคุณ แต่ผมจะไล่ไปที่สเกลระดับประเทศด้วย ถ้ามีพรรคการเมืองพรรคไหน ประกาศจะกำจัดอบายมุขและสถานบริการให้หมดจากประเทศ ผมจะเลือกพรรคนั้น ถ้าเรามาดูปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเรา จะพบว่า ส่วนหนี่งเกิดจากสิ่งเร้า และสิ่งเอื้ออำนวยในการทำความผิดมีมาก ผมเองมีทั้งลูกสาวและลูกชาย ตอนนี้ยังเล็กอยู่ ผมนึกไม่ออกครับว่าลูกๆของผมเวลาโตขึ้ีนไป ลูกๆของผมจะดำรงตนอยู่ในศีลธรรมที่ดีได้อย่างไร ผมไม่รู้ว่าวันไหนลูกสาวของผมจะพลาด ผมไม่รู้ว่าลูกชายของผมจะเสพยาวันไหน ผมไม่รู้ว่าลูกๆของผมมันจะทนทานต่อสิ่งเร้าภายนอกได้นานขนาดไหน ผมได้แต่พยายามเลี้ยงให้ดี อบรมสั่งสอนเขา แล้วขอดุอาร์ ขอความคุ้มครองต่อพระผู้เป็นเจ้าให้คุ้มครองเขา ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากให้พวกเขาเติบโตจากสังคมไร้อบายมุข เพราะว่า เขาจะไม่ต้องเจอกับสิ่งเร้า ไม่มีสถานบริการให้เขา ถึงแม้เขาอาจมีใจอยากจะทำ อยากจะเสพ แต่มันจะไม่ง่ายสำหรับเขา ผมก็จะเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนพวกเขาได้ง่ายขึ้นมั่นใจขึ้น คุณยองเชียงใหม่ครับ ของที่มันเสียไปแล้วมันยากที่จะกู้ให้กลับดีดั่งเดิม เรื่องบางเรื่องไม่คุ้มหรอกครับที่จะให้ลูกๆของพวกเราได้มีประสบการณ์และทดลองกับมัน หวังว่าคุณคงเขาใจหัวอกของคนที่เป็นพ่อนะครับ หลักการอิสลาม ตอบโจทย์คนที่เป็นพ่อแม่ได้ โดยเฉพาะ พ่ออย่างผมครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 07:33:47

ความคิดเห็นที่ 79   ความคิดเห็นที่ 74 MsgStatus(Msv[74], 74); ทุกอย่างก็วนกลับสู่จุดเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แร้งแก่ที่ทรนงตัวเองว่าฉลาดเหลือประมาณ อย่างคุณ แมทท์ สุดท้ายก็ไม่อาจยกกุรอ่านมาประกอบการโกหกคำโต ใน คห. 60 ของตนเอง อีกเช่นเคย สบถ 2 -3 คำ เฉไฉไปสอน เอกพจน์ พหูพจน์ ที่อยู่นอกเหนือประเด็น แล้วก็ทำท่าจะบินหนีไปหาเหยื่อเน่ากองใหม่ ลีลาเขาหล่ะ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 10:54:57 ต่อจากเอกพจน์ พหูพจน์ ล่าสุดก็โฉบไปเรื่อง อัลกอฮอล์ เพื่อบินหนีการอ้างอิงกุรอานที่ตนเอง โกหกคำโต ไปตั้งกระทู้ใหม่ตาม "ฟอร์มแร้งแก่" ล็อกอินแมทท์เอ๋ย... จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:20:18

ความคิดเห็นที่ 80   Details about typical amounts of alcohol contained in various beverages can be found in the articles about individual drinks. Drink Typical ABV Fruit juice (naturally occurring) less than 0.1% Low-alcohol beer 0.0%–1.2% Kvass 0.05%–1.5% Kombucha 0.5%–1.5% Kefir 0.5%–2.0% Boza 1% Chicha 1%–11% (usually 1%–6%) Cider 2%–8.5% Beer 2%–12% (usually 4%–6%) Alcopops 4%–17.5% Malt liquor 5%+ Makgeolli 6.5%–7% Barley wine (strong ale) 8%–15% Mead 8%–16% Wine 9%–16% (most often 12.5%–14.5%)[5] Dessert wine 14%–25% Sake (rice wine) 15% (or 18%–20% if not diluted prior to bottling) Liqueurs 15%–55% Fortified wine 15.5%–20%[6] (in the European Union, 18%–22%) Soju 17%–45% (usually 19%) Shochu 25%–45% (usually 25%) Bitters 28%–45% Mezcal, Tequila 32%–60% (usually 40%) Vodka 35%–50% (usually 40%) Brandy 35%–60% (usually 40%) Rum 37.5%–80% Ouzo 37.5%+ Cachaça 38%–54% Sotol 38%–60% Stroh 38%–80% Nalewka 40%–45% Gin 40%–50% Whisky 40%–55% (usually 40% or 43%) Baijiu 40%–60% Chacha 40%–70% Pálinka 42%–86% (legally in Hungary 48%–51%) Rakia 42%–86% Absinthe 45%–89.9% Ţuica 45%–60% (usually 52%) Poitín 60%–95% Neutral grain spirit 85%–95% Cocoroco 93%–96%[citation needed] Rectified spirit 95%-96% Ethanol 99%+ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 13:29:01 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:25:53

ความคิดเห็นที่ 81 key word มันอยู่ที่เมาหรือไม่เมา แต่เราก็เอาเฉพาะตัวเราเป็นตัวตัดสินไม่ได้ เพราะบางคนก็เมา บางคนก็ไม่เมาในระดับ แอลกอฮอล์ ที่ต่างกันออกไป แต่ทว่า ศาสนาของเรา ก็ไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวของไครของมันซะด้วย จะเอาตัวเราเองมาวัดไม่ได้ด้วย ดังนั้นมันต้องดู ว่าส่วนใหญ่ของคนทั่วไป แอลกอฮอล์ระดับไหนที่ทำให้มึนเมาครับ ซึ่งคงจะต้องพึ่งนักวิชาการละครับในการตัดสิน ถ้าจะให้ปลอดภัย หาผลิตภัณที่มี ตราฮาล้าลดีที่สุด อย่างน้อยได้รับการรับประกันจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ถึงวันแห่งการตัดสิน ผมจะอ้างกับอัลเลาะห์ครับ ว่าผมใช้สติปัญญาไคร่ครวญแล้วว่าผมจะทานหรือไม่ตามที่พระองค์สั่งในอัรกุรอ่าน ผมปรึกษาหารือกับผู้รู้ศาสนาตามที่ท่านสั่ง ผมศึกษาหาความรู้ตามที่ท่านสั่ง มีตราฮาล้าลที่ท่านผู้รู้ศาสนาได้รับรองในผลิตภัณนั้น ตามที่ท่านได้สั่งให้ผู้รู้ทำหน้าที่ชี้ขาดในสังคม ถ้าการที่ผมเชื่อตราฮาล้าลแล้วบริโภคโดยที่ผมปฏิบัติตามคำลั่งของท่านอย่างรัดกุมแล้ว ท่านจะพิจารณาอย่างไร ก็แล้วแต่ความเมตตาของท่านครับ ส่วนคนที่คิดเองตัดสินเองก็ตัวไครตัวมัน ก็แล้วกันนะครับ โชคดีในวันตัดสินครับ ส่วนการดื่มที่ผลกับศีลธรรม ในความเห็นของผม ก็ต้องตั้งแต่ระดับ เบียร์ขึ้นไป จากข้อมูล ของพี่แมทท์ ส่วนที แอลกอฮอล์ต่ำมาก มีแค่ 8 ใน 44 ชนิด นอกนั้นดื่มแล้วคนส่วนใหญ่ดื่ม แล้วกรึ่ม จนถึงหัวทิ่มทั้งหมด คิดหรือว่าคนส่วนใหญ่ในตะวันตกจะดื่ม cider ลงไปหรือครับ ให้ดิ้นตายเหอะผมไม่เชื่อ แล้วอย่างนี้ไม่ใช่ศีลธรรมเสื่อมทรามเหรอครับ ความสงบสุขโดยที่คนส่วนในสังคมส่วนใหญ่เมาหัวทิ่มถึงแม้จะเป็นบางโอกาสก็ตาม ซึ่งเป็นความฟอนเฟะอยู่ภายใน ขอโทษครับ รับไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 17:17:18 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 17:12:50