ขออนุญาตเสริมในวีดีทัศน์นี้ ตอนรับอุทก ที่ยังไม่มีใครค่อยทราบกัน
ในวันนั้นได้ทรงประชวร ถ่ายเป็นพระโลหิต และมีพระดำรัสให้ออกเดินทางต่อไปสู่เมืองกุสินารา ในระหว่างทางทรง
กระหายน้ำมาก จึงเสด็จเข้าประทับพักยังร่มไม้ริมทาง ตรัสให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์เห็นน้ำในแม่น้ำขุ่น
เพราะกองเกวียน จำนวน ๕๐๐ เล่ม เพิ่งแล่นผ่านไป จึงกลับมาทูลอาราธนาให้เสด็จต่อพระพุทธองค์ตรัสให้
พระอานนท์กลับไปตักน้ำมาถวายใหม่อีกครั้ง
คราวนี้น้ำในแม่น้ำที่ขุ่นนั้นกลับใสสะอาด เป็นที่อัศจรรย์ พระองค์จึงตรัสถึงสาเหตุที่น้ำในแม่น้ำขุ่นในครั้งแรกว่า
เกิดจากบุพกรรม คือกรรมแต่ชาติปางก่อนเมื่อครั้งที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพ่อค้าเกวียน ครั้งหนึ่งขณะนำกอง
เกวียนจำนวน ๕๐๐ เล่มไปค้าขายยังต่างเมือง พระองค์สั่งให้นำ กะทอ คือเครื่องครอบสวมปากวัวไว้ทั้งหมด
เพราะเกรงจะดื่มน้ำในแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เดินทางผ่านอันอาจไม่สะอาด ครั้นเดินทางถึงแม่น้ำสายใหญ่แล้วจึงสั่งให้ถอด
กะทอออก ฝูงวัวจึงได้ดื่มน้ำ กรรมอันนั้นได้ติดตามมาสนองในขณะจวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ทำให้ได้น้ำมา
ดื่มอย่างยากลำบาก
ส่วนสาเหตุที่น้ำในแม่น้ำซึ่งขุ่นข้นกลับใสขึ้นมานั้น เกิดจากผลบุญเมื่อพระองค์สวยพระชาติเป็นพ่อค้าเกวียน
นำกองเกวียนออกเดินทางค้าขายผ่านสถานที่กันดารน้ำที่เตรียมไว้หมด คนทั้งหลายพากันอดอยากสิ้นกำลัง พระองค์
ไม่ทรงย่อท้อพยายามเสาะหาสถานที่อันมีต้นหญ้าขึ้นอยู่เขียวชะอุ่ม แล้วให้ช่วยกันขุดดินและแผ่นหินที่ขวางกั้นอยู่
ทำให้เกิดเป็นบ่อน้ำขึ้นในสถานที่กันดารผู้สัญจรเดินทางผ่านไปมาได้อาบกินเกิด
กุศลแก่ผู้สร้าง
ไม่ใครยิ่งใหญ่กว่ากรรม
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ยังทรงมีบุพกรรม คือกรรมแต่ชาติปางก่อน
พิจารณากันดูนะครับ
แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 17:13:20
แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 17:12:16
แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 17:10:32