ความคิดเห็นที่ 1 ลองไปสังเกตดูซิว่า ความโกรธ ความสงสัย ... ความคิด มาจากไหน? ของแบบนี้ ถ้าถามแล้วเชื่อในคำตอบ คำอ่าน ก็จะเป็นเพียงความเชื่อปักใจ ถ้าคิดวิเคราะห์เอา ก็เป็นเพียงการจินตนาการเอาเอง เริ่มต้นสังเกตของเล็กๆ ในตนก่อน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:26:58

ความคิดเห็นที่ 2 เปลี่ยนใจไม่ตอบแล้ว แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 12:35:17 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 11:32:23 จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:31:30

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12101950/Y12101950.html จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:41:31

ความคิดเห็นที่ 4 ใครเป็นคนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งคับ   อันนี้ไม่มีใครรู้จริงหรอก ในทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไปไม่ถึง มีแต่ทฤษฎี ในทางศาสนาก็มีแต่ความเชื่อ พระเจ้าหรอ ?? ถ้างั้นใครให้กำเนิดพระเจ้า คับ ??   พระเจ้าเป็นความเชื่อ ท่านไม่เคย และไม่ยอมมาปรากฏกายให้ชาวโลกเห็นสักครั้งเลย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเป็นถึงพระเจ้า แค่มาปรากฏร่างอยู่บนฟ้า ในเมืองใหญ่ๆ สักแห่ง แบบชัดๆ แค่นี้ คนทั่วโลกก็จะยอมรับท่่านเข้ามาในใจแล้ว แล้ว ตาย นี่คือการดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิดคับ ??   ผมว่าดับสูญครับ สมอง และระบบประสาท ทำให้เราเกิดความรู้สึกนึกคิด ถ้าสมองตาย ก็คือดับ แล้ว สวรรค์ หรือ นรก ไรนี่มีจริงไหมคับ ??   ไม่ว่าใครจะมาตอบ ก็เชื่อไม่ได้ครับ เพราะไม่มีใครเคยไปมากก่อน หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ไปมาแล้ว แล้วอย่าลืมนะครัับ นรก สวรรค์ ในแต่ละศาสนา แต่ละความเชื่อ ก็หน้าตาไม่เหมือนกันด้วย ตกลง มีหรือไม่ ยังไม่รู้ แล้วถ้ามี จะมีหน้าตาแบบไหน ก็เป็นคำถามต่อไปอีก ไม่จบไม่สิน แต่มันจะง่ายมาก ถ้าคิดว่า มันไม่มี จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:43:33

ความคิดเห็นที่ 5 ใครเป็นคนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งคับ พระเจ้าหรอ ??  ถ้างั้นใครให้กำเนิดพระเจ้า คับ ?? แล้ว ตาย นี่คือการดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิดคับ ?? แล้ว สวรรค์ หรือ นรก ไรนี่มีจริงไหมคับ ?? จากคุณ : โสดนะจ๊ะ   เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 10:55:56   @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12101950/Y12101950.html แต่ถ้าไม่หายสงสัย และเป็นข้อกังขา ไม่เลิก ผมแนะนำหนทางเดียวครับ " ต้องลองตายดูครับ" ทุกอย่างมีคำตอบที่นั่นแล้วละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 12:04:02

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้า ผม จำไม่ผิด ศาสนา พุทธ ไม่ตอบ คำถามนี้ ครับ เพราะ ไม่เกิดประโยชน์ (ซึ่งผม ก็ไม่เห็นว่า ตอบแล้ว จะได้ ประโยชน์ อะไร เลย เพราะ คุณ ก็ อาจไม่เชื่อ ก็ได้ แม้นถ้าเชื่อ ก็ ไม่ได้อยู่ในวิสัย ที่จะทำอะไรกับ สิ่งนั้นๆ ได้เลย ครับ) พุทธศาสนา เท่าที่ รู้มา(ด้วยความเข้าใจของผมเองนะครับ ผิด อย่างไรไม่รู้นะครับ) สอนแต่ เรื่อง +ทุกข์ +เหตุแห่งทุกข์ +การดับทุกข์ และ +เหตุแห่งการดับทุกข์ ครรับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 12:29:25

ความคิดเห็นที่ 7 เผลอตอบไปซะแล้ว ขอบคุณคุณ a235 ที่แตือนสติครับ จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 12:34:44

ความคิดเห็นที่ 8 เชิญหาความรู้ได้ที่ http://www.watchtower.org/si/index.html จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 13:06:21

ความคิดเห็นที่ 9 ศาสนาคริสต์ เชิญอ่าน ปฐมกาล บทที่ 1 เลยครับ http://www.thaipope.org/webbible/01_001.htm การทรงสร้าง 1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก 1:2 แผ่นดินโลกนั้นก็ปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ ความมืดอยู่เหนือผิวน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือผิวน้ำนั้น จากคุณ : Tailogy เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 13:10:09

ความคิดเห็นที่ 10 เฮ้อ ๆๆๆๆ จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 13:24:01

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก   สร้างมนุษย์  พระเจ้าจะต้องมีคำตอบรายละเอียด  ว่า  มนุษย์ประกอบด้วยอะไรบ้าง   จิตเป็นแบบไหน   (เหมือนกับวิศวกรก่อสร้างบ้าน  ก็ย่อมจะรู้ถึงโครงสร้างบ้าน   ว่ามีอิฐ  หิน ปูน ทราย เหล็ก ขนาดไหนบ้าง) จากคุณ : canon A40 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 13:42:52

ความคิดเห็นที่ 12 เคยตอบไว้แล้ว แต่หากระทู้อ้างอิงไม่เจอ..ตอบใหม่ละกัน การพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้า 1. วิธีที่ง่ายที่สุดในการพิสูจน์พระเจ้า (แต่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง) ก็คือการมีประสบการณ์ด้วยตนเอง พระเจ้าสัญญาว่า ผู้ที่แสวงหาพระองค์(จริงๆ) เขาจะพบกับพระองค์ ฉธบ 4:29  29แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหา พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน   ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ   พวกท่านจะพบพระองค์ คำพยานของคริสเตียนมากมายล้วนยืนยันจากประสบการณ์ของพวกเขาเองว่า พระเจ้ามีจริง การพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่..นอกจากพิสูจน์โดยประสบการณ์ที่ตนเองมีแล้ว ยังสามารถพิสูจน์แบบอื่นได้อีก 2. การพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า หรือ พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ การพิสูจน์ความเชื่อทางศาสนาด้วยวิธีนี้ค่อนข้างลำบาก แต่ไม่แน่ว่าเมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากๆกว่านี้ ก็น่าจะทำได้ อย่างเช่น เรื่องการกำเนิดจักรวาล เป็นต้น   ในอดีต คริสเตียนมักถูกเยาะเย้ยถากถาง เรื่อง การกำเนิดโดยหญิงพรหมจรรย์ แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเจริญก้าวหน้า วิทยาศาสตร์ก็พบว่า เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดังเช่น เด็กในหลอดแก้ว การอุ้มบุญ(ฝากท้องกับหญิงคนอื่น) การผสมเทียม เป็นต้น 3. แต่ก็ยังมีการพิสูจน์อีกแบบหนึ่ง คือ การพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ หรือ การพิสูจน์โดยทางโบราณคดี คนไทยเชื่อว่าพ่อขุนรามคำแหงมีจริง ก็เพราะเราพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทั้งจากศิลาจารึก และการบันทึกของนักประวัติศาสตร์โบราณ เช่นเดียวกัน พระเจ้าพระเยซูคริสต์มีจริง เพราะเราพบหลักฐานทางโบราณคดี และการบันทึกในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ถูกต้อง ประกอบกับคำยืนยันเป็นพยานของบุคคลต่างๆ 4. อีกรูปแบบหนึ่ง คือ การพิสูจน์โดยใช้หลักเหตุผลอธิบายหรือปัญญา ที่จริงการอธิบายด้วยเหตุผล อาจไม่ถือว่าเป็นการพิสูจน์ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ เราต้องใช้เหตุผลและปัญญาในการตัดสินใจว่าจะยอมรับจริงหรือไม่จริง.. เช่น นรกสวรรค์มีจริงมั๊ย ใครสร้างจักรวาล มนุษย์เกิดมายังไง เกิดมาเพื่ออะไร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เราอาจไม่สามารถพิสูจน์ได้โดย 3 หัวข้อข้างบน แต่ เราสามารถใช้หลักเหตุผลในการอธิบายและตัดสินใจว่า จะเชื่อหรือยอมรับว่ามันเป็นจริงหรือไม่ 4.1 ความถูกต้องของพระคริสตธรรมคัมภีร์ ทั้งคำพยากรณ์ที่เป็นจริง และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 4.2  การกำเนิดของสรรพสิ่งตามคำอธิบายของคริสตเตียน กับ  คำอธิบายตามความเชื่อของแนวคิดวิทยาศาสตร์ อะไรมีเหตุผลกว่ากัน  (4.1 และ 4.2 ไม่ขออธิบายรายละเอียด) จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 15:05:39

ความคิดเห็นที่ 13 4.3 ใครสร้างพระเจ้า    พระเจ้าเป็นจุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง เมื่อเป็นจุดกำเนิดก็แสดงว่า ไม่มีใครสร้างพระเจ้า   ฟังคำตอบแล้ว บางท่านอาจจะหัวเราะและบอกว่าไร้เหตุผล แต่อยากอธิบายดังนี้ว่า   ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งมีคำจำกัดความหรือความหมายของตัวมัน ความหมายของคำว่า พระเจ้าก็คือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง พระเจ้าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ถูกสร้าง ดังนั้นหากมีใครสร้างพระเจ้า พระเจ้าก็ไม่ใช่พระเจ้า แต่คนที่สร้างพระเจ้าจะเป็นพระเจ้า ก็จะเกิดคำถามตามมาอีกว่า แล้วใครสร้างคนที่สร้างพระเจ้า เป็นคำถามอย่างไม่สิ้นสุด เช่นเดียวกับผู้ที่เชื่อว่า ไม่มีพระเจ้า แต่ทุกสิ่งเกิดมาตามธรรมชาติ  เราก็จะไม่ถามว่าธรรมชาติมาจากไหน เพราะโดยคำจำกัดความและความหมายของมันคือไม่มีใครสร้างธรรมชาติ เนื่องจากเขาเชื่อกันอย่างนั้นจึงเป็นคำจำกัดความของธรรมชาติ หรือแม้แต่ผู้ที่เชื่อเรื่องบิ๊กแบงก์ ก็จะไม่ถามว่าสสารตัวแรกหรืออสสารหรือคลื่นหรือพลังงานอันแรกที่ทำให้เกิดบิ๊กแบงก์มาจากไหน เพราะคำจำกัดความหรือความหมายที่เขาเชื่อเป็นอย่างนั้น ดังนั้น คำตอบที่ให้ไว้จึงไม่ใช่คำตอบที่ไร้เหตุผล อีกประการ มนุษย์เรา หรืออาจจะรวมถึงจักรวาลด้วย ต่างก็อยู่ภายใต้มิติของเวลา (Time Line) กรอบความคิดของเราจึงไปตามความคุ้นเคยว่า มีจุดสตาร์ท เดินทางไปตามเวลา และมีจุดสิ้นสุด แต่พระเจ้าอยู่เหนือมิติของกาลเวลา มันจึงไม่มีเวลา t0(ที ศูนย์) สำหรับพระเจ้า เปรียบจินตนาการได้ว่า (แต่พระเจ้าอาจไม่ใช่แบบที่กำลังเปรียบ) พระเจ้าสามารถเดินทางย้อนเวลา และไปอนาคตได้ อย่างนี้เราก็จะพบว่า ท่านไม่มีจุดเริ่มต้น และ ไม่มีจุดปลาย แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 15:09:27 จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 15:05:59

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าได้ติดตามอ่านอย่างละเอียด ผู้เชื่อในพระเจ้าต่างก็ยกวิธีการมาเยอะแล้ว แต่ก็ไม่เห็นการแย้งแบบเป็นเหตุเป็นผลเลย  จะใช้ "ตา" ท่าเดียว ( สังเกตุว่าจะไม่ใช้มาตรฐานนี้กับเรื่องพ้นญานวิสัยหลากหลายในศาสนาตนเอง ) ว่าแต่ผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้ามีวิธีพิสูจน์อะไรบ้าง ว่าไม่มีพระองค์? รออ่านคำตอบบ้างนะครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 15:37:31

ความคิดเห็นที่ 15 ใครให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง ? : พุทธมีคำตอบไว้ใน "ปฏิจสมุปบาท" เสริมในบทอื่นอีกว่า ระบบธรรมชาติเกิดมานานแล้ว เกินระบบจำนวนตัวเลข บนโลกใบนี้จะคำนวนได้ ในระบบธรรมชาติ มีระบบพลังงานอีกเป็นร้อยพันระบบ ทับซ้อนกัน ไป-มาตลอด ในระบบพลังงานที่ทับซ้อนอยู่ และทำให้ระบบธรรมชาติเปลี่ยนแปลง-ไม่แน่นอน คือ จิตวิญญาณสิ่งมีชีวิต อำนาจทางจิตของแต่ละชีวิต มีอานุภาพมากในหลักพุทธ (หากรู้จักใช้นะ) และเมื่อรู้จักใช้ ก็จะรู้ว่าจิตนั้นเป็นของเรา ไม่ใหลไปตามความเชื่อคนอื่น ที่ว่าจิตเป็นของคนนั้นคนนี้ อานุภาพจิตดวงเดียวยิ่งใหญ่ก็มี (จิตที่ประกาศหลักธรรม กลางดงศาสนาที่นับถือแต่ผู้สร้างเดียว ได้สำเร็จ) อานุภาพจิตหลายดวงรวมกันมีกำลังให้เห็นก็มี (จิตมุ่งมั่นร่วมกัน ช่วยสร้างเสรีภาพ สร้างประชาธิปไตย สร้างเทคโนโลยี) เมื่อตาย ดับสูญ หรือเวียนว่ายตายเกิด ? : เมื่อยังไม่ตาย จิต(ของเรา)ก็ "เกิด-ดับ"วันละเป็นร้อยพันครั้ง ตามหลักการทำงาน "รับ-รู้" ในระบบจิต หากเลือดไม่เลี้ยงหัวใจ ไฟฟ้าไม่เลี้ยงสมอง เมื่อร่างกายตายแต่ความรับ-รู้ของจิต ยังทำงานในระบบเดิม อาจหลอกตัวเองว่ายังไม่ตาย อาจหลอกตัวเองว่าไปสวรรค์ อาจะหลอกตัวเองว่าไปนรก ถ้าไม่เคยรู้ว่า จิตดวงนี้เป็นของเรา  ปลายทางของจิตที่ไม่รู้ คือ วิ่งตามกระแสพลังงานในธรรมชาติ วนเวียน กลับไป-มา อยู่ในระบบเช่นเดิม --------------- จริงๆ เห็นตามท่าน a235 , ท่านpromp888 ,ท่านvrod แต่ไหนๆท่านดำมอมแมมก็ตอบตามความเข้าใจท่านแล้ว ผมเสนอทางเลือกเสริม ตามความเข้าใจผมบ้างละกัน จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 15:59:24

ความคิดเห็นที่ 17 ทุกศาสนาช่วยตอบทีคับ     ใครเป็นคนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งคับ                                  ข้าพเจ้า พระเจ้าหรอ ?? ถ้างั้นใครให้กำเนิดพระเจ้า คับ ??                แม่ข้าพเจ้า แล้ว ตาย นี่คือการดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิดคับ ??         ดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิด ก็ได้ แล้ว สวรรค์ หรือ นรก ไรนี่มีจริงไหมคับ ??                        มีจริง จากคุณ : โสดนะจ๊ะ                                                    จาก P : W จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 16:22:47

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าจะเอาคำตอบ ก็ตอบไม่เหมือนกันทุกคนหรอก เพราะความคิด ความเชื่อของแต่คนมันต่างกัน อาจจะมีบางข้อที่ตรงกับเรา และมีบางข้อที่ต่างกับเรา.. เพราะระดับสติปัญญา ความเชื่อ ของมนุษย์แต่ละคนมันต่างกัน.. อย่างเช่น ถ้าเอาตามความเห็นของเรา เราก็ชอบตอบว่า... 1.. ธรรมชาติ ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง ไม่มีใครสร้างธรรมชาติ มันเกิดมันสร้างตัวของมันขึ้นมาเอง ไม่ใช่แค่โลก แต่ทั้งจักรวาลทั้งหมดรวมเรียกว่า ธรรมชาติได้หมดเลย 2.. พระเจ้า ไม่มีจริง เป็นเพียงนาม(ชื่อ) ที่คนรุ่นก่อนนู๊นนน!! สมมุติขึ้นมา เพราะไม่มีใครอธิบายลักษณะรูปพรรณสัณฐานของพระเจ้าได้ เป็นเพียงนามสมุติที่มนุษย์นับถือ และบูชากันเท่านั้น  3..ตายแล้ว ก็คงเวียนว่ายตายเกิด ตราบใดที่ยังมีกิเลสที่เรียกว่า ความใคร่ และปฏิสนธิกันอยู่ เพราะถ้าตายแล้วสูญ ประชากรโลกก็คงลดอย่างเดียว ไม่มีเพิ่มและไม่มีเด็กมาเกิดใหม่ 4..นรก-สวรรค์ จะมีจริงหรือไม่ ยังพิสูจน์ไม่ได้ตราบใดที่เรายังไม่ตาย แม้แต่คนที่เขาบอกว่ามีญาณวิเศษสามารถมองเห็นนรก-สวรรค์ได้ เขาก็ไม่เคยเอาหลักฐานที่เขาเห็นมาให้ดู เช่น ภาพถ่าย หรือวิดีโอชีวิตความเป็นอยู่ในนรก-สวรรค์ ฉะนั้นคำตอบข้อนี้เป็น ปัจจัตตัง คือ รู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น (เมื่อตายไปแล้ว).. ปล..เป็นความเห็นส่วนตัวน่ะ     นานาจิตตังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 17:47:05

ความคิดเห็นที่ 20 ขออนุญาต  กล่าวถึง พระเจ้า สักเล็กน้อย นะครับ พระเจ้า ในความเข้าใจ ของผม มี อยู่ 2 อย่าง ที่ ขัดกัน ไม่อาจอยู่รวมกันได้เลย ตามความเข้าใจ ของ หลายท่าน ที่ผม ได้รู้มา คือ 1 ความเป็น นิรันดร์ ของ พระเจ้า 2 ความสามารถ ของ พระเจ้า ที่ ทำได้ ทุกอย่าง สองอย่างนี้ ขัด กัน อย่างไม่น่าให้อภัย ครับ เพราะ ถ้า 1 จริง 2 ก็ไม่จริง เพราะ ถ้า พระเจ้านิรันดร์ ก็ ทำให้ ตัวเอง "สูญ"(ไม่กลับมามีอีก) ไม่ได้ กับ ถ้า 2 จริง 1 ก็ไม่จริง เพราะ ถ้า ทำให้ ตัวเอง "สูญ"(ไม่กลับมามีอีก) ได้ ก็ ไม่เป็น นิรันดร์ เหตุที่ สงสัย เริ่ม ด้วย แค่นี้ ครับ เพราะ ไม่ว่า จะ ข้อไหน ก็ ไม่ดี ทั้งนั้นเลยครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 18:43:30

ความคิดเห็นที่ 21 # 20 ความเห็นของคุณ คงเหมือนกับสมาชิกบางท่านได้กล่าวว่า ให้พระเจ้าทรงสร้างก้อนหินที่พระองค์ไม่สามารถทำลายได้ ผมมีบ้างอย่างอยากแบ่งปัน คุณอาจมีความเป็นเลิศในการโต้วาที หรือการค้นหาอะไรทีผิดๆถูกๆ สิ่งสำคัญที่มากกว่าความรู้ด้านวาจาคือ ควาามสามารถในการสร้าง หรือหว่านสันติ สร้างหรือทำลาย ผมเชื่อว่าหลายๆคนมีสิทธิที่จะเลือกเสมอ ว่าจะเดินไปซายหรือขวา สิ่งที่่พระคัมภีร์เขียนไว้ คือ เจตนาแห่งการสื่อสาร มายังมนุษย์ของพระเจ้า แก่ทุกชน ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธ์ เมื่อพระเจ้าทรงตรัสว่า พระองค์ทำได้ทุกสิ่ง นั่นเป็น เจตนาการสื่นสารว่า พระองค์สมบูรณ์ด้วยฤทธิเดช อำนาจ ที่จำกัด เืมือพระองค์ตรัสว่า พระองค์ดำรงนิรันดร์ นั่นคือพระองค์เป็นอยู่ตลอด ทำไมไม่มองสิ่งที่พระองค์เจตนาสื่อสาร แต่หาช่องเล็กช่องน้อย เอาข้อความเหล่านี้มา เย้ยหยัน เหมือนประหนึ่งโอ้อวดว่าตนมีปัญญาเป็นเลิศ นอกจาก หาเรื่องดูหมิ่น เยาะเย้ยศาสนาอื่นๆแล้ว สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่มีปัญญาประกาศศาสนาด้วยวิธีอื่นแล้ว ใช่หรือไม่ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 21:08:52

ความคิดเห็นที่ 22 ใครเป็นคนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งคับ ...พระพรหมณ์ รึเทพมังกรดีกันน้อ พวกเค้าก็บอกเค้าสร้างและสร้างผู้สร้างของผู้สร้างด้วย พระเจ้าหรอ ?? ถ้างั้นใครให้กำเนิดพระเจ้า คับ ?? ....พระจ้าไม่มีทางถูำกกำเนิด แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า พรมหณ์ แท้จริงเจ้าถูกกำเนิดแต่เจ้าลืมกำพืดตน แล้ว ตาย นี่คือการดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิดคับ ?? .... ลองตายก่อนแล้วกลับมาบอกนะครับ เพราะทุกคนก็อ้างศรัทธาตนเป็นหลัก แล้ว สวรรค์ หรือ นรก ไรนี่มีจริงไหมคับ ?? ... คำตอบอยู่ข้างบน .... .. .. . ระหว่างคนสองพวกคือ ไม่เชื่อฉันผู้ืสร้างก็คือคนอกัญญู กับ.. ไม่เชื่อฉันผู้แถลงความก็ลองไปดู คุณเชื่อและปฎิบัติตามทางไหน... แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 05:25:22

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านคห.21 คุณเกลือจืดแล้ว  เข้าใจได้   แต่  สองบรรทัดนี้ขอชี้แจงนะครับ " นอกจาก หาเรื่องดูหมิ่น เยาะเย้ยศาสนาอื่นๆแล้ว สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่มีปัญญาประกาศศาสนาด้วยวิธีอื่นแล้ว หรือ " เข้าใจครับว่าคุณหมายถึง#20  . .   แต่คำ  " สาวกของพระพุทธเจ้า " หมายถึง คู่แห่งบุรุษสี่  ที่เป็น   สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติถึงความรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์ เป็นผู้เข้าถึงสัมมาปฏิบัติ ผู้ควรแก่ของที่เขานำมาถวายบูชา  ผู้ควรต้อนรับ  ผู้ควรแก่ทานเพื่อผลอันเจริญ ผู้ควรกระทำอัญชลี  เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า, ดังนี้ฯ ดังนั้น  สาวกของพระพุทธเจ้า  ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าว ขอชี้แจงเท่านี้ครับ  เห็นด้วยกับบรรทัดบนๆ  เข้าใจคุณครับ ส่วนคห.17  จขกท.ถามทุกศาสนา ผมก็ตอบตามความเชื่อผมครับ ดังนี้   ใครเป็นคนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งคับ                                  ข้าพเจ้า จากความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม กัมมัสสโกมหิ  (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)   กัมมทายาโท  (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน) กัมมโยนิ        (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)   กัมมพันธุ       (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)   กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)   ข้าพเจ้า เป็นคนทำกรรมต่างๆเอง  ทุกสิ่งอย่างที่ข้าพเจ้าพบเจอ ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้า ได้ทำไว้ก่อนแล้วทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงตอบอย่างนั้น พระเจ้าหรอ ?? ถ้างั้นใครให้กำเนิดพระเจ้า คับ ??                แม่ข้าพเจ้า เมื่อตอบข้อแรกไปอย่างนั้น  ข้อนี้ก็ต้องตอบอย่างนี้  ตามความจริง แล้ว ตาย นี่คือการดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิดคับ ??         ดับสูญ หรือ เวียนว่ายตายเกิด ก็ได้         ข้อนี้ก็ตอบตามความเชื่อผมที่ว่า  ผู้ที่ยังไม่จบกิจ ยังต้องเวียวว่ายตายเกิดแน่ๆ แต่ผู้ที่จบกิจเป็นพระอรหันต์แล้ว  ท่านจะมาเกิดอีกหรือไม่ก็ได้ แล้ว สวรรค์ หรือ นรก ไรนี่มีจริงไหมคับ ??                        มีจริง ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ  แต่นรกสวรรค์ที่ผมเชื่อ  อาจต่างจากชาวพุทธหลายๆท่านก็ได้ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 09:48:02

ความคิดเห็นที่ 24 คคห 21 คุณเกลือจืดพยายามจะบอกว่าสิ่งที่พระเจ้าสื่อสารไม่จำเป็นต้องเป็นตรรกะ 100% ก็ได้ใช่หรือเปล่า จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:34:48

ความคิดเห็นที่ 25 คห ที่ 21 ของ คุณ เกลือจืด คุณ หมิ่น เย้ยหยัน พระเจ้า ของคุณ อยู่ นะครับ กลับไปอ่าน คห ของ คุณ อีกที นะครับ ที่ว่า "พระองค์สมบูรณ์ด้วยฤทธิเดช อำนาจ ที่จำกัด" คำว่า จำกัด แค่ไหน ครับ ที่เรียกว่า "จำกัด" ข้อ สอง คือ คุณ อยู่ใน ลักษณะ ทำตน เสมอ พระเจ้า ครับ เพราะ พระเจ้า ทำอะไร คนอย่าง คุณ กับ ผม จะ รู้ ประสงค์ ของ พระองค์ ได้อย่างไร เพราะ อย่างนั้น จึง เป็น เหตุว่า คุณ เอาอะไร ไปตัดสินว่า พระเจ้ิา ต้องการอะไร ครับ คุณ เอง ต่างหาก ที่ ลบหลู่ พระเจ้า ของคุณ อยู่ทุกวัน ครับ ที่ ผม จะมา ก็ เพื่อ จะบอกว่า อย่าไป กำหนด ว่า พระเจ้า ต้อง อย่างนั้นๆ อย่างนี้ๆ ก็ ในเมื่อ พระเจ้า ก็ คือ พระเจ้า แล้ว คุณ เอา ความคิด ของ คุณ ที่เป็น คนธรรมดา ไป บังอาจ ตัดสินว่า พระเจ้า มีเจตนาอะไร อย่างนี้ หรือ  ที่ เป็นการ ศรัทธา พระเจ้า ผมว่า ไม่ใช่ มั๊ง ครับ ก็ ในเมื่อ อะไร ก็ เป็น พระประสงค์ ของ พระเจ้า แล้ว คุณ จะ มาสนใจกลบใครอื่นทำไม สนใจแค่ คุณ ก็ น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือครับ เพราะ อื่น จาก คุณ คือ ประสงค์ ของ พระเจ้า ครับ ------------- ขออภัย หาก ไม่สุภาพ หรือ ไม่เหมาะสม แต่ ด้วย เจตนาดี ครับ เห็น บอกว่า นับถือ พระเจ้า แต่ ก็ เห็น บ่อยๆว่า ทำตน เสมอ พระเจ้า ทุกครั้งไป จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:39:52

ความคิดเห็นที่ 26 # 23 ขอรับคำเตือนด้วยใจขอบคุณครับ # 24,25 เป็นไงครับ ทำไมยังอ่านจับใจความไม่ได้ใ่ช่ไหมครับ เจตนาแห่งการสื่อสารคืออะไร พวกท่านน่าจะเป็นความเก่งเป็นเลิศด้านโต้วาที คต.เรา พยายามไม่แตะต้อง ศาสนาที่พวกคุณเชื่อ พวกคุณก็ไม่ลดละ ที่จะนำเรื่องเล็กๆน้อยมาโจมตี..อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ถ้าคุณพูดโดยรู้จัุกคิดสักนิด คิดเพื่อคนอื่นอ้าง คุณชอบไหม ถ้ามีคนเอาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเยาะเย้ย ผมพยายามบอกแล้่ว่า อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการสื่อสารคืออะไร พวกคุณย่อมเข้าใจดี ว่าควรตีความหมายอย่างไร คต. บอก พระเจ้าทรงฤทธิ์ไม่จำกัด อันนี้ตอบว่า ให้พระเจ้าสร้าง...ให้ได้ พุทธบอก เกิดแล้วเดินได้เจ็ดก้าว แบบนี้เประเสริฐน่าเชื่อถือ เป็นเหตุและผล คต. บอก ชีวิตนิรันคร์ อันนี้บอก บอกเป็นไปไม่ได้..ไม่มีอะไรนิรันดร์ ต้องนิพพานเท่านั้น และบทพิสูจน์เรื่องนิพพาน ทำได้ไหม หรืออยากให้ผม ลากเรื่อง พระเตมีย์ใบ้ - พระเวสสันดร มาเล่นไหม คงมันพิลึก สิ่งที่พระพุทธศาสนาสอน และยังอธิบายไม่ได้ มีเยอะแยะไปหมด ทำไมไม่คิดว่า ฝั่งตนก็มีสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ทำไมเฝ้าแต่หาเรื่องคนอื่น ....... แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 17:03:16 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 17:02:21

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ เกลือจืด ครับ  เวลาเจอปัญหาอย่างนี้  ในทางพุทธเรามีคำสอนว่า ให้ ชนะด้วยวิธีสงบนิ่ง แจ่มใสดุจจันทร์เพ็ญ ผมว่าในทางศาสนาท่าน ก็มีคำสอนคล้ายๆนี้ แต่ผมไม่รู้ ป่วยการที่จะตามต่อครับ มันจะไม่จบ  มีแต่จะบานปลาย เสียเวลา เสียอารมณ์ ..   ..  ..   ...    ..   ..   .. ข้างบนนี้  ถึงจะเป็น  " คำเตือนด้วยใจ " แต่ คห.23   ไม่ได้เตือน    แค่ชี้แจงให้เข้าใจครับ และก็ขอบคุณที่เข้าใจ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:12:59

ความคิดเห็นที่ 28 งงจริงๆผมถามดีๆกลับได้คำตอบอย่างนี้ จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:17:09

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ จขกท.  ผมตอบไปแล้วในคห.17   และอธิบายคำตอบใน คห. 23ครับ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:57:43

ความคิดเห็นที่ 30 ขออภัย อีก ครั้ง ครับ ขออภัย จริงๆ ครับ ขออภัย ด้วย นะครับ ----------------------------------------- อ่าน ของ ผม แล้ว จับ ได้ แต่ว่า ผม เย้ยหยัน เท่านั้น ผม ขออภัย จริงๆ ครับ ที่ ผม สื่อได้ เพียงเท่านนี้ ครับ ขออภัย จริงๆ ครับ ------------------ เพิ่มเติม ครับ ถ้า เห็นว่า ไม่สมควร เก็บ ข้อความเหล่านั้นไว้ บอกได้ ครับ แล้ว จะลบให้ ครับ หรือ เห็นว่า เก็บไว้ เพื่อ ให้ ท่านอื่น มาเห็น แล้ว รู้ว่า ผม ทำได้ เพียงเท่านี้ ก็ ไม่เป็นไร ครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 19:27:00 จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 19:25:18

ความคิดเห็นที่ 31 # 27 เมื่อผมอ่านความคิดเห็น ผมอ่านสิ่งที่คุณต้องการสื่อ และเห็นว่า คุณพยายามอธิบายสิ่งที่ดี และก่อนหน้านั้นผมรู้ตัวครับว่าแรงไป # 30 ผมคงต้องขออภัย ถ้าเข้าใจท่านผิด เพียงแต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ท่านกำลังกล่าวว่าพระเจ้าพูดเท็จ เพราะตรรกะที่ว่า พระเจ้าเป็นนิรันดร์ แต่พระเจ้าไม่สามารถสลายพระองค์เองได้ (ทำนองนี้) นั่นคือการพยายามเอา ตรรกะบางอย่างมาหักล้างกันเอง เสมือนการพยายามจับผิด ทั้งๆที่ผมพยายามบอกแล้วว่า การที่พระเจ้าบอกทรงยิ่งใหญ่ หรือนิรันดร์ ต้องดูว่าพระเจ้าสื่อสารอะไรกับเรา ไม่ใช่การพยายามเอา ข้อความมาตีความจับผิด ดังนักโต้วาที เพราะถ้าคุณพยายามจับผิดเรื่องของพระเจ้า สักวันก็จะมีคนที่เขารักพระเจ้า ก็จะโต้ตอบโดยหาข้อผิดพลาดของพุทธศาสนามาขุดบ้าง โต้กันไปมา ไม่รู้จบ เมื่อกี๋ผมก็เห็นมีแล้ว ไม่รู้ว่าใคร แต่ที่แน่ๆ เขาเอาคืนเรื่องพระเจ้าสิบชาติแล้ว (ด้วยเกียรติของผม ผมไม่รู้ไม่เกี่ยวด้วย) สุดท้าย ก็จะเป็นสงครามศาสนาใน เว็บ pantip ไป ถ้าผมเข้าใจท่าน a235 ผิด ก็ต้องขออภัยด้วย จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:34:24

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณหลายๆท่านมากคับ ผมเริ่มรู้บ้างแล้ว สงสัยคงต้องลองตายจริง แหๆ :p ผมเริ่มรับรู้แล้วว่าต่อให้ผมรู้ คำตอบของมันจริงๆ ผมก็ไม่มีปัญญามาเปลี่ยนแปลงมันได้ ส่วนคำตอบผมไม่อยากรู้แล้วหละ เพราะรู้แล้วผมงคงไม่สบายใจแหงๆ แต่ก็ได้ฟังหลายท่านชี้แนะบ้างแล้ว ก็เลื่อมใสในหลายๆศานาในนี้งับ :) จากคุณ : โสดนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:35:45

ความคิดเห็นที่ 33 โสดจิงหรอ จ๊ะ ?? จากคุณ : bossy_girl เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:57:05

ความคิดเห็นที่ 34 จิงงับ แหะๆๆ :P จากคุณ : โสดนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 22:43:36

ความคิดเห็นที่ 35 ที่ ต้องการ สื่อ คือ พระเจ้า พูด หรือ คน ยัดเยียด ใส่ ปาก พระองค์ ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:30:06