ความคิดเห็นที่ 1 Q1 : ผมอยากทราบว่าศาสนาพุทธนี้ ถ้าเราจะถือแต่หลักธรรมอย่างเดียว อย่าง บริสุทธุ์ โดยไม่มีการกราบไหว้รูปเคารพทุกๆชนิดจะเรียกว่าเป็นพุทธศาสนิกชนหรือไม่? A1 : เป็นพุทธศาสนิกชนแล้วครับ แต่การกราบไหว้พระพุทธรูปหรือรูปเคารพอื่นอาจจะมีความจำเป็นสำหรับบางคนด้วยเหตุหลายประการ จึงไม่ควรจะถือตัวถือตนว่ามีระดับสติป้ญญาสูงกว่าเขา Q2 : และศาสนาพุทธ มี Requirement ให้เคารพ รูปปั้นต่างๆหรือไม? A2 : ไม่มีครับ แต่เป็น option เสริมสำหรับบางคนที่ยังต้องการที่พึ่งทางใจที่เป็นรูปธรรม Q3 : พุทธศาสนิกชนจะถือศีล 227 แต่มีครอบครัว เยี่ยงสามัญชนธรรมดาได้หรือไม่? A3 : ไม่ได้ครับ เพราะว่าในศีล 227 ข้อนั้นมีข้อห้ามเรื่องการใช้ชีวิตสมรสหรือการใช้ชีวิตแบบฆราวาสอยู่หลายข้อครับ แต่ถ้าจะเลือกถือเป็นบางข้อที่สามารถทำได้ก็ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใดครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 03:18:12

ความคิดเห็นที่ 2 คำถามของ คุณแมทท์ น่าจะระบุให้ชัดนะครับ ว่าหมายถึง พระพุทธรูปและปูชนีวัตถุเกี่ยวกับพระรัตนตรัยเช่น พระสถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือจะตั้งคำถาม หมายไปที่ รูปปั้นเคารพทุกอย่างรวมทั้งที่นอกเหนือจากพระรัตนตรัยด้วย เพราะว่า สองคำถามนี้ อาจจะมีคำตอบไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างหลัง คือรูปเคารพทุกประเภท ชาวพุทธ ก็อาจจะไม่ได้กราบไหว้ทั้งหมดทุกประเภทอยู่แล้ว ใครจะกราบสิ่งใด ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลอื่นหลายๆอย่างของคนนั้น -------------------------------------------------------- แต่ถ้าคำถาม หมายถึง การกราบไหว้พระพุทธรูป ตามปกติ ชาวพุทธ ๙๙% ก็จะกราบไหว้อยู่แล้ว จริงอยู่ การไหว้นั้น เป็นการแสดงออกทางกาย แต่ กายและใจนั้นสัมพันธ์กัน  เจตนาที่เกิดขึ้นจากใจอาศัยความเคารพนอบน้อมนั่นแหละ ยังวาโยธาตุให้กายขยับไหว พนมสองมือก้มกราบ  บุคคลที่มีใจเลื่อมใสศรัทธา กิริยาทางกายก็จะแสดงปรากฏให้เห็นสื่อผ่านออกมา พระโยคาวจรเจ้า หรือบุคคลผู้เจริญกรรมฐานภาวนา หรือแม้ชาวพุทธที่มีความศรัทธานั้น ถ้าไปสังเกตุดู การกราบไหว้ ก็จะเห็นถึงภาวะที่น่าเลื่อมใสในการกราบนั้นๆ มีความอ่อนโยนนอบน้อมในกิริยาท่าทาง ที่เป็นดังนี้ก็ด้วย สภาวะธรรมที่เรียกว่า ยุคลธรรม ๖ อันได้แก่    ปัสสัทธิ   (สงบจากอกุศล)    ลหุตา    (เบาจากอกุศล)    มุทุตา    (อ่อนโยน)    กัมมัญญตา  (ควรแก่การงาน)    ปาคุญญตา (คล่องแคล่วต่อกุศล)    ยุชุกตา (มุ่งตรงต่อกุศล) -------------------------------------------------------- เรื่องของการกราบไหว้ พระพุทธรูปนี้ ไม่ได้มีข้อกำหนดบังคับ ว่าจะต้องไหว้ทุกวัน หรือไหว้ทุกสัปดาห์อย่างไร แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นออกมาจากใจเสียมากกว่า บางคนอาจจะถูกสอนให้ไหว้มาแต่เด็ก ก็ไหว้มาตามที่ถูกสอนนั้นๆ แต่เมื่อได้มาศึกษามาภาวนาจน เข้าใจทราบซึ่งถึงแก่นมากขึ้น ก็เกิดอยากกราบมากขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครบอก ความศรัทธาที่เกิดจากการได้ประสบกุศลธรรมต่างๆ ตามที่ทรงสอนนั้น ก็ให้เกิดปีติทราบซึ้งเลื่อมใส และไม่ต้องให้ใครมาบอกให้กราบ เค้าก็จะยินดีกราบอยู่เสมอ พระพุทธองค์นั้น แม้จะทรงปรินิพพานมานานแล้ว   แต่พระธรรมวินัยก็ยังคงตั้งมั่นสืบต่อมาอยู่ ทรงตรัสไว้ว่า ธรรมและวินัยนั้นจะเป็นพระศาสดาของเธอ และผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็เห็นเราตถาคต พระพุทธรูปนั้น เป็นตัวแทนอย่างหนึ่ง เป็นปูชนียวัตถุ ที่สื่อให้ระลึกถึง พระพุทธองค์ เมื่อกราบไหว้นั้น จิตใจของผู้นั้นก็ได้ระลึกถึง พุทธคุณ เป็นพุทธานุสสติ การกราบไหว้พระพุทธรูป นั้นจึงเป็นกุศลธรรม ที่มีประโยชน์ -------------------------------------------------------- ลักษณะการไหว้ที่แสดงออกนั้น ชาวพุทธในแต่ละประเทศอาจจะมีท่าทางการแสดงออก ที่ต่างกันออกไปบ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นการไหว้แบบไหน ถ้าคนที่ไหว้ มีใจเลื่อมใสศรัทธาแล้ว กิริยาก็ย่อมแสดงออกมาสื่อให้เห็นถึง สภาวะจิตใจของผู้นั้นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า (มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา  มโนเสฏฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ) -------------------------------------------------------- เรื่องการพนมมือไหว้นั้น ก็ถือได้ว่า เป็นประเพณี และมารยาทพื้นฐาน ที่ได้มีการทำสืบกันมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว เช่นในการ ถือไตรสรณคมณ์ ในการอุปสมบทนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงสอนในเบื้องต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลอุปสัมปทาเปกขะอันภิกษุพึงให้บรรพชา อุปสมบท อย่างนี้ ข้อแรกให้ปลงผมและหนวด ให้ครองผ้ากาสายะ ให้ทำผ้าห่มเฉวียงบ่า ให้ไหว้เท้าภิกษุทั้งหลาย ให้นั่งกระหย่ง ให้ประคองอัญชลี [ ประนมมือ] พึงสอนให้ว่าตาม อย่างนี้ว่า          พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ,          ธมมํ สรณํ คจฺฉามิ,          สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ. http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=1 -------------------------------------------------------- นอกจากนี้ในสมัยพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว เหล่าพุทธศาสนานิกชน ก็ได้นำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในสถูปต่างๆ และก็ได้กราบไหว้บูชา เพื่อระลึกถึง พระพุทธคุณ ระลึกถึงพระรัตนตรัย สืบมา ดังที่ได้แสดงใน มหาปรินิพพานสูตรว่า      [๑๖๒] พระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ แปดทะนาน             เจ็ดทะนาน บูชากันอยู่ในชมพูทวีป ส่วนพระสรีระอีกทะนาน             หนึ่งของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบุรุษที่ประเสริฐอันสูงสุด พวก             นาคราชบูชากันอยู่ในรามคาม พระเขี้ยวองค์หนึ่งเทวดา             ชาวไตรทิพย์บูชาแล้ว ส่วนอีกองค์หนึ่ง บูชากันอยู่ในคันธาร             บุรี อีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในแคว้นของพระเจ้ากาลิงคะ อีก             องค์หนึ่ง พระยานาคบูชากันอยู่ ฯ                          ด้วยพระเดชแห่งพระสรีระพระพุทธเจ้า นั้นแหละ             แผ่นดินนี้ชื่อว่า ทรงไว้ซึ่งแก้วประดับแล้วด้วยนักพรตผู้             ประเสริฐที่สุด พระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีจักษุนี้ ชื่อว่า             อันเขาผู้สักการะๆ สักการะดีแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์ใด             อันจอมเทพจอมนาคและจอมนระบูชาแล้ว อันจอมมนุษย์ผู้             ประเสริฐสุดบูชาแล้วเหมือนกัน ขอท่านทั้งหลายจงประนม             มือถวายบังคมพระสรีระนั้นๆ ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น             พระพุทธเจ้าทั้งหลายหาได้ยากโดยร้อยแห่งกัป ฯ             http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0 -------------------------------------------------------- ส่วน ศีล ๒๒๗ นั้น เป็นศีลของ พระภิกษุสงฆ์ครับ   ซึ่ง ฆราวาส คงจะนำมาประยุกต์ใช้ได้เพียงบางข้อเท่านั้น แต่คงนำมาใช้ทั้งหมดไม่ได้ เช่น ในศีลพระปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อนี้  จะขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่อง ชายหญิง มาแสดงดังนี้นะครับ ปาราชิก ข้อที่ ๑ ก็ได้แก่ ๑. ก็ภิกษุใดเสพเมถุนธรรม เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้ http://www.84000.org/tipitaka/read/?1/20 สังฆาทิเสส ข้อที่ ๑ ได้แก่ ๑. ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เป็นสังฆาทิเสส http://www.84000.org/tipitaka/read/?1/301-305 อนิยต ๒ ได้แก่ ๑๙. ๑. อนึ่ง ภิกษุใดรูปเดียว สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือในอาสนะกำบัง... ๑๙. ๒. อนึ่ง สถานหาเป็นอาสนะกำบังไม่เลยทีเดียว หาเป็นที่พอจะทำการได้ไม่ แต่เป็นที่พอจะพูดเคาะมาตุคาม... http://www.84000.org/tipitaka/read/?1/631-650 จะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นฆราวาส ที่มีครอบครัว มีภรรยา เป็นต้น ก็คงจะไม่สามารถถือศีล ๒๒๗ ตลอดชีวิตได้   จึงได้มีการถือเพียงศีล ๕ เป็นพื้นฐานไว้ก่อน แต่(ในฐานะฆราวาส นั้น) ในเวลาที่ต้องการสำรวม หรือเจริญกรรมฐานภาวนา ตั้งใจเป็นพิเศษ ในวันนั้น หรือสัปดาห์นั้น ก็อาจจะถือ ศีล ๘ หรือ อุโบสถศีล มีการเจริญ อินทรีสังวรศีล สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นต้น เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะแก่การเจริญ สมาธิ ปัญญา และกุศลธรรมเบื้องสูงต่อๆไปได้ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 05:02:43 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 04:55:46

ความคิดเห็นที่ 3 อนุโมทนา กับคุณแมทท์ เป็นคำถามที่ดี จริงๆ พุทธศาสนา ประกอบด้วย พุทธบริษัท4 กว่าจะถึงความเป็น อุบาสก อุบาสิกา จริงๆ นั้น ต้องเป็นผู้ถึงไตรสรณะก่อน คือ พระโสดาบัน ในพุทธศาสนา มุ่งสอนให้คนละสักยทิฏฐิ สีลพตปรามาส วิจิกิจฉา ลองอ่านเพิ่มเติมที่ http://nkgen.com/23.htm จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 05:02:43

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนท่านแมทท์ที่นับถือ กรองคำ ยินดีในการโอกาสได้แสดง วิสัชนา ตาม ปุจฉา จากท่านสหายทางธรรมผู้อาวุโส ตาม ข้อคำถาม* อันนับเป็นเบื้องต้น-คือปฐมบทแห่งฐาน เพื่อขึ้นไปสู่ความเข้าใจถึง องค์ประกอบหลักของ พระพุทธศาสนา หากแปลง ปุจฉา เป็นคำถามอื่น เช่นว่า...หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร? ถาม นร.ระดับประถม ต้น ถึง ปลาย  คำตอบที่เกิดจากการเรียนรู้ ด้วยการสอนของครู ผ่านตำราตามระดับชั้นปี  ก็จักได้คำตอบอย่างหนึ่ง ถามคำถามเดียวกัน กับ นร.ระดับชั้น ม.ต้น ถึง ม.ปลาย  คำตอบที่เกิดจากการเรียนรู้ ด้วยการสอนของครู ผ่านตำราตามระดับชั้นปี รวมกับทัศนคติทางศาสนาตามภูมิปัญญาส่วนตน-[ซึ่งแต่ละคนย่อมจะมีปลีกย่อยต่างกันไป] ก็จะได้คำตอบอีกอย่างหนึ่ง คำถามเดียวกัน คำตอบจาก ผู้ที่ผ่านห้องเรียนระดับอุดมศึกษา  ก็จะกว้างและแตกต่างออกไปจาก คำตอบของ  นร.ประถม ต้น-ปลาย/ม.ต้น-ปลาย  ซึ่งคำตอบนั้นจะรวมทั้ง โลกทัศน์ในมุมมองจากองค์ประกอบสังคมที่แผกต่างกันมากกว่าระดับอื่นในชั้นต้น  แต่ทั้งหมดนั้นจะมี หลัก ๑ ที่วางอยู่เป็น/บน ฐาน ที่เหมือนกันหมด  นั่นคือ ไตรสรณคมน์* ไตรสรณคมน์* เป็น หัวใจของพระพุทธศาสนา ด้วยการยอมรับความเป็น ศาสนิกชน คือเป็นผู้ที่เคารพเชื่อฟังในพระธรรมคำสอนตามแนวทางแห่งพระพุทธองค์ แม้เพียงไม่กี่ข้อพระธรรม เช่น เบญจศีล~เบญจธรรม   หรือ ศีลาจริยวัตร แห่งพระสงฆ์  ซึ่งมีถึง ๒๒๗ ประการนั้นก็ตาม ผู้ใดแม้น มีจิตแท้ของเขาผูกติดอยู่อย่างมั่นคงกับ ไตรสรณคมน์*  คือ ยึดมั่นในพระมหาไตรคุณแห่ง พระพุทธเจ้า ผู้บังเกิดขึ้นแล้ว [พุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี]  เขื่อฟังในพระธรรมคำสอนแห่งองค์พระสัมมาฯ  และ เคารพนบไหว้ให้ความศรัทธาต่อพระสงฆ์ ผู้รักษาและสืบทอดพระธรรมคำสอนแห่งองค์พระสัมมาฯ เพื่อให้เกิดมีการปฏิบัติตามข้อธรรมที่ถูกต้อง ผู้นั้นคือ/ได้ชื่อว่าเป็น ศาสนิกชน ของพระพุทธศาสนา โดยสมบูรณ์แล้ว และ ๑ ใน ไตรสรณคม* คือ พระพุทธเจ้า แม้แต่ พระธุดงค์ ... เมื่อออกจาริกไป แรมคืนและวันยาวนานเพียงชีวิต ๑ ในป่ากลางเทือกเปลี่ยวไกลไร้คน เมื่อท่านปลงกลดลงตั้งอยู่   เมื่อถึงกาลสวด ท่อง อ่าน ข้อพระธรรมแห่งพระสัมมาฯ  องค์พระสัมมาฯพระพุทธเจ้า [รูปเคารพ] ตามสัญญาของพระธุดงค์รูปนั้นก็พลันปรากฏขึ้นในดวงจิตสำนึกแท้ ด้วยความรู้ตัวตนเองว่าเป็นพุทธ เมื่อก้มกราบลงตามวรรค ๓ คือ อัญชลี ~ วันทา ~ อภิวาท   แม้เบื้องหน้าเพียงว่างเปล่า หรือเพียงเป็นเท่าโคกดินปลวก พระพุทธเจ้า ก็ปรากฏเป็นรูปเคารพ อยู่ในจิตสำนึกคือสัญญาแท้ของพระธุดงค์รูปนั้น เปรียบได้ดั่งเห็น พระพุทธรูป/รูปเคารพ ด้วยสายตาจริง ที่มองไปยังพระพุทธรูป ที่ตั้งเป็นประธานอยู่ในโบสถ์วิหาร เช่นนั้น เปรียบได้ดังนี้แล-ครับ ท่านแมทท์ที่นับถือ...กับ ปุจฉา ข้อที่ว่า พุทธแท้ไม่กราบไหว้รูปเคารพใดๆได้หรือไม่? และกับที่ท่านฯกล่าวถึง พุทธศาสนิกชน [ทั่วไป] ใน ปุจฉา ว่า พระธรรมล้วนๆเท่านั้น ได้หรือไม่ เพียงพอแล้วหรือไม่ ? สำหรับ ความบริสุทธิ์ แห่งการแสดงถึงความศรัทธา เชื่อฟัง และนับถืออย่างมั่นคงในพระพุทธศาสนา ? ตอบแบบ กรองคำ ก็คือ พุทธคน ๑ ไม่มีรูปเคารพใดๆเลยก็ได้  ตราบใดที่ตลอดเวลา-ทุกลมหายใจ พุทธคน ๑ นั้น รับรู้สภาวะของตนเอง ที่ปฏิบัติตนอยู่ใน กรอบ ข้อพระธรรม ใดๆนั้นๆ แต่ พุทธคน ๑ หรือ พุทธคนใด ใคร-คนไหนเล่า ที่จะสามารถ บังคับ สำนึกในจิตแท้อันเป็น พุทธ ของตน ให้มองไม่เห็น พระพุทธเจ้า[พระพุทธรูป-รูปเคารพ] ที่เกิดขึ้น/ปรากฏขึ้น ในขณะที่เขา พุทธคน ๑ นั้น ดำรงตนอยู่ในครรลองของข้อพระธรรมแห่งองค์พระสัมมาฯ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต... พระพุทธวจนแห่งองค์พระสัมมาฯ ที่นำมาแสดงไว้ข้างบนนี้ สำเร็จดีแล้วใน ไตรสรณคมน์*  คือ หัวใจของพระพุทธศาสนา อันพุทธศาสนิกชนทั้งปวง ได้น้อมนำเข้าสู่จิตวิญญาณของตน เพื่อประคองความเป็น ปุถุชน ให้พ้นจากสัตว์เหล่าอื่น ฯ ส่วน ปุจฉา ที่เป็น Requirement นั้น...กรองคำ ขออนุญาตท่านฯไม่ตอบตรง  แต่ขอแนะนำให้ท่านแมทท์ พิจารณาในสิ่งแวดล้อม เมื่อท่านฯได้มีโอกาสสัมผัสด้วยการร่วมงานของชาวพุทธ หรือเมื่อได้พบเห็น ไม่ว่างานบุญ หรืองานกุศล ในงานทำบุญทำกุศลของชาวพุทธ ส่วนที่สำคัญ จะมีศาสนพิธี เป็นหลักที่ ๑ ดูตามแถวเผดียงสงฆ์ หรือการจัดอาสนะสำหรับพระสงฆ์ที่อาราธนานิมนต์มาในพิธีใดๆนั้นๆ ขวามือสุดแถวของพระสงฆ์ทั้งหลายนั้นคืออะไร ? โต๊ะหมู่บูชา ไม่ว่าจะขนาด โต๊ะหมู่ ๕ ,หมู่ ๗ หรือ หมู่ ๙ นั้น ชั้นที่เหนือทุกชั้น คือบนสุดนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ พระพุทธรูป หรือรูปเคารพบูชาปางใดปางหนึ่งเท่านั้น แต่นั่นคือ องค์สมเด็จพระพุทธบรมศาสดา โคตมะพุทธเจ้า อันเป็นประธานแห่งสงฆ์ทั้งหลายในพุทธศาสนพิธีนั้นๆ this's more than the OPTIONs นะครับ ท่านแมทท์ สหายทางธรรมศาสนิกอิสลามผู้อาวุโสที่นับถือ ของ กรองคำ ไตรสรณคมน์* ไตรสรณคมน์ น. ที่พึ่ง ๓ คือ พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์, การปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย ผู้ที่จะเป็นพุทธบริษัทต้องถือไตรสรณคมน์ คือ ปฏิญาณว่าตนนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกหากผู้นั้นกล่าวตำหนิติเตียนพระรัตนตรัย หรือไปปฏิญาณ ตนนับถือศาสนาอื่น สรณคมน์จะขาด เขาขาดจากความเป็นพุทธบริษัทจะต้องทำพิธีปฏิญาณตนใหม่จึงจะเป็นพุทธบริษัท โดยสมบูรณ์ต่อไป (เหมือน ไตรสรณะ). อ้างอิง : พจนานุกรม อ.เปลื้อง ณ.นคร จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 05:11:45

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านชาวมหาวิหาร ผมขอถาเพิ่มเติมนะครับ คือเรื่องแรก คือเรื่องรูปเคารพ ผมขออนุญาตมองต่างมุมว่า ก่อนพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท่านก็มิได้ไหว้รูปเคารพใดๆ ดังนั้น การไหว้รูปเคารพจึงไม่ใช่เหตุและผลของเส้นทางสู่พระนิพาน อันนี้ท่านคิดเห็นอย่างไรครับ ส่วนเรื่อง การถือศิล 227 ข้อนั้น ผมมอง มันเป็นเพียงแนวทางที่ใช้ในการควบคุมจิตใจ เพื่อให้พระสงฆ์ 1. บรรลุธรรมอย่างง่ายขึ้น 2. ควบคุมพระสงฆ์ให้อยู่ในระเบียบวินัย หรืออื่นๆ ดังนั้น คนทั่วไปอาจไม่สามารถปฎิบัติได้ 277 ข้อได้ แต่ศิล 227 ข้อนั้น ก็คงไม่ใช่บทบังคับว่า ถ้าไม่ถือศิล 227 ข้อแล้วไม่สามารถเข้านิพานได้ ปัญหาที่น่าคิด ถ้าเราไม่ยึดศิล 227 ข้อแล้ว ยังสามารถเข้าถึงนิพานได้หรือไม่ (หมายถึง คนทั่วไปที่รักษาธรรมในจิตใจ จนบริสุทธิ์แล้วนะครับ) หมายเหคุ ขอบคุณท่านแมทท์ที่ได้เปิดประเด็นที่น่าสนใจนี้ ผมเองก็เหมือนท่านแมทท์ อยากคุยกันแบบนี้่จริงๆ (แต่ก็ไม่กล้าถาม) ผมก็อยากรู้เรื่องของพุทธ อิสลาม และอื่นๆ ด้วยใจจริง ดังที่ผมเคยบอกว่า ผมไม่กลัวพุทธศาสนาจะรณรงค์ให้มีการประกาศมากขึ้น หมายถึงมีคนศรัทธามากขึ้น แต่ที่กลัวคือ กลัวสังคมกำลังลงเหว ในขณะที่เหล่านักศาสนา มัวแต่มาถกกันว่า ศาสนาไหนดีกว่ากัน แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 05:25:27 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 05:24:53 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 05:19:46

ความคิดเห็นที่ 6 นำเรียนท่าน login เกลือจืด ที่นับถือ หวังอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้ เราท่านทั้งปวงจักได้สนทนากัน ด้วยแนวคิดข้อธรรมของพระพุทธศาสนา แบบคนแก่คุยกันเบาๆ ด้วยเรื่องราวพื้นๆ จากความเข้าใจ ~ จากที่แต่ละคน ปุถุชน คือเราท่าน ที่มีการศึกษาแนวทางพุทธศาสนามาแบบ พุทธ จากพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธองค์ เพราะด้วยฉะนั้นแลท่านฯ  ---  กรองคำ จึงเข้ามาร่วมวิสัชนา ดังที่เห็นนั้น ฯ ถ้าหากท่าน login เกลือจืด มีดำริเล็กน้อยขึ้นมาระหว่างบรรทัดใดนั้นแล้ว  แล้วคิดจะเชิญชวน ท่านชาวมหาวิหาร สาธยายเรื่องราวของ อุเทสิกเจดีย์อีกครั้ง ๑ อีกรอบ ๑  [ไม่ว่าจะเพื่อสนองต่ออะไร-สิ่งใดๆ-สิ่งนั้นๆ ตามเจตนาแห่งจิตของท่าน login เกลือจืด ก็ตามที] เชื่อได้ว่าท่าน login เกลือจืด จักต้อง ทำใจไว้ให้เที่ยงมั่นก่อน อย่าได้ให้ท่านชาวมหาวิหาร สาธยายเรื่องราวแห่ง ธาตุเจดีย์ทั้ง ๔ เป็นเด็ดขาด ๓ บรรทัด จบ-ขอบอก นะ --- เพราะท่านชาวมหาวิหารจักไม่มีเวลากับเรื่อง ปัจเจกศรัทธา เช่นนี้เลย การกราบไหว้-ไม่กราบไหว้รูปเคารพ โดยยกอ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่สั่งสอน ขอส่งกรวยดอกไม้ กราบอาราธนา ออกไปตั้งวงกระทู้สู่ขวัญกับท่าน login นบนอบ เป็นกระทู้ใหม่เถิด ท่านฯอาจจะได้อรรถรสซาบซึ้งกว่า...รถลากพร้อมแล้ว-นิมนต์ครับ ท่าน login เกลือจืด ปล. ขอได้โปรด คิดให้กว้าง-และอย่าอ้างสังคม เมื่อจะนำสิ่งใดอื่นเข้ามาเจือปน ให้กระทู้นี้ จืด จนคนวัยแก่เบือนหน้าหนี นิ่งอยู่ใน อุเบกขาธรรม เลย --- ได้โปรดเถิด-นะ ฯ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 06:02:51 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 05:48:21

ความคิดเห็นที่ 7 ....เรื่องรูปเคารพในศาสนาพุทธ  ไม่มีปัญหาอะไร   จะมีหรือไม่มีก็ได้   แต่เพื่อตอบสนองความต้องการของปุถุชนทั่วไป  จึงมีการสร้างรูปเคารพขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นบาปตรงไหน   เป็นบุญด้วยซ้่ำ   แทนที่จะเอาวัตถุต่างๆไปสร้างอาวุธ หรือสร้างบ่อน หรือสร้างโมเต็ล หรือสถานที่สำหรับทำบาปอื่นๆ  แต่เอาวัตถุต่างๆนั้นมาสร้างรูปเคารพของพระพุทธเจ้า ก็จะกลับกลายเป็นบุญไป.... เพราะทำให้คนที่เห็นรูปเคารพนั้น  ได้มีโอกาสระลึกถึงตัวตนจริงๆของรูปเคารพนั่นขึ้นมาในใจทันที  แม้สักเสี้ยววินาทีก็ยังดี ....ศาสนาพุทธไม่ได้มีบทบัญญัติใดๆให้สร้างรูปเคารพ  แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติใดๆว่าห้ามสร้าง ....ศีล ๒๒๗ ของพระ มีบทบัญญัติมากมายหลายสิบข้อ ทั้งทางตรงทางอ้อมในเรื่องห้ามเกี่ยวข้องกับการเสพย์กามคุณหรือเสพย์เมถุน หรือวิถีการดำเนินชีวิตต่างๆของคนทั่วไป ..ชาวบ้านธรรมดาจึงไม่อาจจะถือปฏิบัติได้  นอกจากไปบวชเท่านั้น ....ความวุ่นวายเดือดร้อนต่างๆในโลกมนุษย์  ที่เกิดจากมนุษย์ก่อเรื่องขึ้นมา  เป็นเพราะกิเลสในใจของมนุษย์(โลภ โกรธ หลง ราคะ ฯลฯ สารพัดอย่าง)นั่นแหละก่อเรื่องขึ้นมา   ศาสนาพุทธเห็นภัยร้ายอันนี้  จึงสอนให้ชาวพุทธหาทางขจัดชำระล้างสาเหตุของความทุกข์ร้อนอันนี้ออกไป ....ศาสนาคริสต์สอนให้กำจัดความโกรธอย่างดี  และสอนให้กำจัดความโลภ ความหลง ได้ในระดับหนึ่ง    จึงมีความสุขสงบพอควร ....แต่ไม่ทราบในศาสนาอิสลามมีคำสอนไหนที่สอนให้กำจัดกิเลสพวกนั้นบ้าง ?   ถึงแม้ดูเหมือนจะมีบ้าง แต่ก็มีคำสอนขัดแย้งกันเองมากมาย  เช่น มีคำสอนห้ามฆ่าในบางแห่ง แต่ในหลายๆแห่งสอนให้ฆ่าได้... ความเดือดร้อนในศาสนาอิสลามจึงมีมาเรื่อยๆ ตลอดสายทางประวัติศาสตร์  ทั้งขัดแย้งทำสงครามสังหารกันเอง  และทำสงครามกับศาสนาอื่นๆ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 06:20:40

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ พี่กรองคำที่นับถือ ผมบ่นเรื่องสังคมเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้...(คิคิ แอบหัวเราะในใจกลัวโดนบ่นอีก) ผมเองก็ post ข้อความในจังหวะยังไม่เห็นพี่กรองคำส่งข้อมูลเข้ามา จึงเห็นคำตอบที่ท่านชาวมหาวิหารตอบเท่านั้น ผมเองเข้ามาใ้ช้บริการของห้องศาสนาไม่นานนัก ตัวเองก็แปลกใจ ที่หลายๆท่านเฝ้าแต่ตำหนิท่านนบน้อม (คือไม่รู้เรื่องที่มาที่ไปของเรื่อง) คือผมไม่ get ในบางประเด็นถ้าใครจะอ้างเรื่องคุณนบน้อม พี่กรองใช้คำว่า ตามคำสอนของพุทธองค์ อันนี้ผมชอบความคิดเห็นโดยอ้างได้ เพราะถ้าใครถามผมเรื่อง คต. สิ่งที่ผมจะตอบก็ต้องอ้างหลักของคำสอนในไบเบิล ถ้าเราจะให้ความเห็นส่วนตัว ผมก็จะพยายามใส่ให้ชัดเจนว่านี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว มีหลายคำศัพท์ที่ผมไม่เข้าใจ (ขออภัยจริงๆครับ) คือคำว่า อุเทสิกเจดีย์ นั้นหมายถีงอะไร แล้วยัง ไตรสรณคมณ์ นั่น OK พี่ comment ตรงปลายความคิดเห็น ส่วนเรื่องไหว้ ไม่ไหว้รูปเคารพนั้น ประเด็นที่ตั้งไว้ (ไม่ใ่ข่เพื่อโจมตีพุทธศาสนา แต่อย่างใด) สมมติว่ามี คต. ที่เขาต้องการ หรือ สนใจ ศึกษาธรรม และนั่งสมาธิ แต่ใจของเขายังนับถือพระเจ้าอยู่ และเขาไม่ต้องการไหว้สิ่งที่สร้างใดๆด้วยผลงานมือมนุษย์นั้น เขาสามารถจะศึกษา เพื่อเข้าสมาธิ ได้หรือไม่ แบบนี้เป็นไปได้ไหมครับ ขอบคุณครับ ที่พี่กรองคำได้อ่านความคิดเห็นของผม และได้ให้ comment มา แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 07:13:08 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:05:54

ความคิดเห็นที่ 9 ประเด็นของท่านโขตานเอ่ยเรื่องการฆ่ามนุษย์นั้น ที่จริงในศาสนาคริสต์ก็มีเรื่องเหล่านี้ และผมก็เชื่อว่า คริสเตียนก็เป็นใบ้รับประทาน ถ้ามีสักคนยกมาโจมตี กรณีของอิสลาม ผมก็เห็นใจ เพราะโดนเล่นในเรื่องนี้บ่อย ของ คต. ถ้าไปดูในพระคัมภีร์เดิม ก็มีไม่น้อยทีเดียว .................................................. จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:11:46

ความคิดเห็นที่ 10 การกราบไหว้พระพุทธรูป (หรือควรจะเรียกว่าสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า) ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ เหมือนกับที่บางบ้านแขวนรูปในหลวงไว้ข้างฝา แล้วกราบไหว้นั่นเอง (ต้องขออนุญาตนำบุคคลที่ผู้คนยกย่องมาเปรียบเทียบให้เห็นแบบชัด ๆ) ทีนี้หากมีใครคนหนึ่งนึกฟุ้งซ่านขึ้นมา คิดว่านี่กรอบรูป นี่กระดาษ นี่กระจก ไม่ใช่พระองค์ท่านตัวจริง เช่นนี้ก็คงกราบไม่ลงกันเลยทีเดียว แต่ความเคารพนั้น เป็นเรื่องของจิตใจ ไม่ใช่แค่กริยาท่าทาง เพราะฉะนั้น ผู้ที่กราบสัญลักษณ์เหล่านั้นด้วยใจนอบน้อมอย่างแท้จริง จะประสบบุญเป็นอันมากทีเดียว ทีนี้พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานไปนานแล้ว มันยากแล้วที่ชนรุ่นหลังจะนึกถึง แต่ว่าสัญลักษณ์ยังอยู่ ส่วนคำสอนและความเข้าใจก็ย่อมเลือนไปตามกาลเวลา คนที่กราบไหว้ "ตัว" พระพุทธรูป สมัยนี้มีมากกว่า ผู้ที่กราบไหว้โดยระลึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น หากเรามองเป็นสัญลักษณ์ก็ไม่ได้ผิด แต่สัญลักษณ์นั้นเราทำขึ้นในใจก็ได้เช่นกัน พระพุทธศาสนา มิได้เลือกที่รักมักที่ชัง คือ ไม่ได้บังเกิดขึ้นมาเพื่อพระภิกษุ ไม่ได้บังเกิดขึ้นมาเพื่อคนฉลาด ไม่ได้บังเกิดขึ้นมาเพื่อผู้ศรัทธาเท่านั้น แต่บังเกิดขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของสรรพสัตว์เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น แม้บางเรื่องจะมีประโยชน์น้อย หรือไม่ใช่แก่นของพระพุทธศาสนาก็ตาม แต่หากจะยังประโยชน์แก่ผู้คนได้ เรื่องนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร หากมีคนสองคน คนหนึ่งมีปัญญาเบา โง่เขลา ไม่เข้าใจธรรม ทำชั่วตลอดชีวิต และไม่เคยกราบไหว้พระพุทธรูปเลย กับอีกคนหนึ่งมีปัญญาเบา โง่เขลา ไม่เข้าใจธรรม และทำชั่วตลอดชีวิตเช่นกัน แต่ได้เคยกราบพระพุทธรูปมาบ้าง ชะตาชีวิตของสองคนนี้จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคนที่สองแม้จะยังประโยชน์ในพระศาสนานี้ไม่ได้ แต่ด้วยความคุ้นเคยกับการทำความเคารพสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ในอนาคตชาติจะมีชาติหนึ่งที่ได้มีโอกาสพบพระพุทธเจ้าตัวจริง แล้วนึกอยากเข้าไปทำความเคารพ และตอนนั้นเองที่จะได้ฟังธรรมจนยังประโยชน์ในพระศาสนาได้ในที่สุด ต่างจากคนแรกที่แม้จะได้พบพระพุทธเจ้าตัวจริง ก็จะยังไม่นำพาและไม่เข้าไปหา เพราะไม่เคยสั่งสมเหตุในการเคารพไว้นั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้จะมีเรื่องที่ไม่ใช่แก่นปนอยู่บ้าง แต่แก่นของพระพุทธศาสนาก็ถูกรักษาไว้อย่างดี ด้วยพระวินัย ๒๒๗ ข้อนั้น พระวินัยเหล่านี้มิได้มีประโยชน์แค่ให้บรรลุธรรมเท่านั้น แต่เพื่อความอยู่เป็นสุขแห่งสงฆ์ เพื่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก และเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา เพราะแม้ว่าการบรรลุธรรมจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากมีปัญหาใด ๆ ซึ่งมีอยู่มากในโลกเกิดขึ้น ก็ยากที่จะมีโอกาสหรือมีเวลาที่จะประพฤติปฏิบัติได้อย่างสะดวก เพราะต้องมีอันเป็นไป อย่างใดอย่างหนึ่งในปัญหาใด ๆ ที่อาจมาขัดขวาง เราลองดูก็ได้ รู้ว่าการปฏิบัติธรรมสำคัญ ฉะนั้น ปฏิบัติธรรมอย่างเดียวไม่ต้องคิดเรื่องอื่น อย่าว่าแต่ 3 วัน 7 วัน หรือ 1 ปีเลย แค่ปฏิบัติธรรมไปไม่กี่นาทีก็เจอปัญหาเสียแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องหิว ง่วง เพลีย เหนื่อย เมื่อย ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง ปวดเอว ตัวร้อน ไม่สบาย หรืออาจมีใคร ๆ นำเรื่องทุกข์ใจมาให้ หรือก่อกวนจนปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะโลกนั้นวุ่นวายอย่างนี้ ฉะนั้น จะเอาแค่แก่นไม่ได้ เพราะตราบที่เราฝ่ากระพี้ไปไม่ได้ เราก็ไม่มีวันเจอแก่น เราจึงต้องมีมาตรการเพื่อรองรับเรื่องไร้สาระรอบตัวให้มีน้อยที่สุด และแม้การบรรลุธรรมจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ตราบที่เรายังต้องติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น เราจะเอาแต่ตัวเองก็ไม่ได้ เพราะศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ได้เลย ถ้าทุกคนคิดจะเอาแต่ตัวเองเท่านั้น หากเรารู้ว่าแก่นคืออะไร แต่ตัวเราเองยังเข้าไม่ถึงแก่นนั้น เป็นเพียงรู้จำหรือรู้เพราะพิจารณาอย่างแยบคายก็ตามที แล้วพอเราเห็นผู้ที่ไม่สนใจแก่น ไม่สนใจสิ่งที่เราคิดว่าควรสนใจ ไปสนใจกระพี้หรือสิ่งที่เราคิดว่าไม่ควรสนใจ แล้วเราเกิดความคิดดูถูกเหยียดหยาม รำคาญใจ เช่นนี้แล้วเราจะไม่มีวันเข้าถึงแก่นได้เลย เพราะทิฏฐิที่เกิดขึ้น ด้วยความรู้จำและเป็นผู้พิจารณาได้อย่างแยบคายนั้น เป็นเครื่องกางกั้นการบรรลุมรรคผลได้เป็นอย่างดีทีเดียว การที่เราดูถูก ดูหมิ่นผู้อื่นว่าไม่รู้ไม่เห็นเหมือนอย่างเรานั่นแหละ ที่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าตัวเราก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นของพระศาสนาเลย แต่สำคัญว่าตนเองเข้าใจแล้ว รู้แล้ว เพราะอ่านมามาก ศึกษามามาก ทั้งยังฉลาดคิดพิจารณาจนลึกซึ้งเกินกว่าที่ผู้อื่นจะคิดได้ นี่แหละมันหนักหนายิ่งกว่าคนที่สนใจแต่กระพี้เสียอีก เพราะเข้าใจตนเองไปว่า สิ่งใดคือแก่น เรารู้แล้ว เข้าใจแล้ว เมื่อเห็นผู้อื่นเข้าใจไปทางอื่น ก็เกิดทิฎฐิขึ้นว่า เขาไม่รู้ เขาไม่เข้าใจ และพยายามทำให้เขาเปลี่ยนความคิดให้เหมือนตนเอง ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ยังไม่เคยสัมผัสถึงแก่นด้วยตนเองเลย แค่เพียงรู้ว่าแก่นคืออะไรเท่าน้น อย่าว่าแต่อะไรเลย พระอรหันต์บางรูป ถูกถามคำถามทางธรรม ท่านยังตอบว่าอาตมารู้น้อย ไม่อาจตอบได้เลย แต่ท่านเข้าถึงแก่นแล้ว ส่วนผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงแก่น แต่ทำทีเป็นรู้มาก เที่ยวมีปัญหากับทิฎฐิของผู้อื่นไปทั่ว อย่างนี้แหละที่จะไม่มีวันเข้าถึงแก่นที่แท้จริงได้เลย จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:15:17

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าในจิตใจยังนับถือศาสนาหรือหลักการของลัทธิอื่นๆอยู่   การมาฝึกจิตตามหลักศาสนาพุทธก็ฝึกได้  ไม่มีปัญหา   ..แต่ปัญหาคือจิตจะรวมลงเป็นสมาธิแน่นหนาหรือเป็นฌานหรือเป็นอัปปนาสมาธิยาก ยากมากๆ  แทบเป็นไปไม่ได้  ...สาเหตุเพราะ ขาดพลังศรัทธาแบบเต็มใจ เต็มที่  ถ้าจะได้ผลจากการฝึกสมาธิก็อาจจะได้แค่สมาธิในระดับตื้นๆ ต้นๆ   เพราะสมาธิในระดับแน่นหนาเต็มที่นั้น  พลังของศรัทธาก็ต้องเต็มที่ ด้วย  ถ้ายังไม่มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในพระรัตนตรัย แล้ว จิตจะรวมลงเต็มที่ได้ไงกัน ? ..แม้แต่ชาวพุทธที่มีความเชื่ออย่างเต็มที่ในพระรัตนตรัยอยู่ตามปกติแล้วก็ตาม  ก็มีน้อยคนที่จะฝึกจนได้จิตรวมเป็นอัปปนาสมาธิ หรือเป็นฌาน จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:16:24

ความคิดเห็นที่ 12 เล่าเรื่อง ที่อยากให้เห็นว่า บางครั้ง คต. ก็ปรับตัวได้ยากในสังคมไทยในบางเรื่อง พ่อลูกชายสุดที่รักของผม ไม่รู้มันเป็นไร จำเฉพาะเจาะจงว่าชอบดนตรีไทยมากๆ ทั้งๆที่โบสถ์ก็มีดนตรีสากลให้เล่น เขาก็มาขออนุญาตเข้าชมรมดนตรีไทย ซึ่งผมก็ไม่อนุญาต เพราะบอกว่า คนที่จะเล่นดนตรีไทยได้ ต้องไหว้ครู ต้องไหว้เครื่องดนตรี วันหนึ่งก็จับได้ว่า ไปสมัครอยู่ชมรมดนตรีไทยเรียบร้อยแล้ว... เค้าก็บอกว่า คุณครูบอกไม่ต้องไหว้ก็ได้ เอา..จะห้ามก็คงไม่ได้แล้ว สักพักหนึ่ง มีข่าวครูดนตรีไทยท่านนั้น ยิงครูใหญ่จนเสียชีวิต ผมได้ข่าวตั้งแต่ตีสอง เพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟัง ผมก็รู้ว่า ลูกชายรักครูดนตรีไทยนั้นมาก จึงไม่ได้พูดอะไร เพราะก็อยากฟังเสียงจากทาง รร. ว่าพวกครูเขาจะสอนเด็กไว้อย่างไร ลูกชายผมพอกลับจาก รร.  ก็นอนซึมแล้วบอกเรื่องครูของเขาไปยิงคนตาย เค้าบอกแม่ว่าไม่กล้าเล่าให้พ่อฟัง กลัวพ่อว่าครูของเขา ...ผมฟังแล้ว(ภรรยาเล่าให้ฟัง) เศร้าใจจริงๆ..... แม้แต่ลูกบางครั้งยังไม่เข้าใจประเด็นสำคัญของสิ่งที่เราผู้เป็นพ่อสื่อสาร เท่าที่ผมทราบมา ครูดนตรีไทยเป็นคนดี และกระทำไปเพราะความโกรธขึ้นหน้า... นี่สุดหล่อของผม ตอนนี้เพิ่งเข้า ม.1 ก็ไปสมัครชมรมดนตรีไทยเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:28:52

ความคิดเห็นที่ 13 # 11 ขอบคุณท่านโขตานครับ บังเอิญ ผมเคยได้ยินว่า มีคนที่เป็น คริสตชน บางท่านไปฝีกสมาธิหรือศิล จากวัดหรือสำนักสงฆ์ อะไรทำนองนี้ ผมก็สงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไรครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:33:30

ความคิดเห็นที่ 14 ขอขอบคุณท่านพักผ่อนมาก ทำไม รู้สึกเหมือนได้ฟังพระเทศนาอยู่เลย หรือท่านเป็นพระสงฆ์ อ่าน 2 รอบแล้ว กำลังจะอ่านรอบที่สามครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:44:15

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคน1คนสามารถนับถือได้หลายศาสนา หรือเอาแบบอย่างที่ดีของศาสดาแต่ละท่านมาปฏิบัติได้ เอาว่าผู้นับถือในแต่ละศาสนาส่วนใหญ่นั้นยังไม่สามารถทำได้ถูกต้องตามหลักของศาสนาขั้นต้นที่ตนนับถือได้เลย ศาสนาที่ไม่สงบนั้น เพราะจิตใจด้านร้ายที่มีอยู่แล้วในทุกคน เลยออกมาในรูปแบบการใช้ตำราเป็นเครื่องมือเพื่อทำร้ายบุคคลอื่น และว่าศาสนาอื่นไม่ดี เราควรจะใช้ศาสนาทำให้ตนและผู้คนรอบข้างมีจิตใจที่ดี ดังที่เคยได้ยินคำกล่าวว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 08:23:58

ความคิดเห็นที่ 16 เด็กๆผมวิ่งเล่นผ่านวัดผ่านโบสถ์ผมก็หยุดฟังหยุดดูแล้วก็ให้เกิดความสงสัยหาเหตุผลตามอายุความรู้และปัญญาที่มี ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อคำพูดของใครๆถ้าผมไม่ได้รับเหตุผลที่ผมเข้าใจ อายุมากขึ้นคุยกับคนมากขึ้นถามตอบให้เหตุผลกันมากขึ้นเริ่มพบความแตกต่างของความคิดมาดขึ้น แต่ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดผมได้นอกจากเหตุผลที่ผมคิดว่าถูกต้อง การที่คนเราจะทำอะไรให้กับตัวเองโดยคิดว่าสิ่งนั้นดีที่สุดแล้วนั้นคงไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายนัก เพราะว่าเราทำเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง สิ่งนี้สำหรับแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 09:41:36

ความคิดเห็นที่ 17 "นับถือศาสนาพุทธ" บางที คนที่พูดอย่างนั้น อาจจะเพียง ทำตามๆ กันมาตามที่คนเขาบอกกัน ว่าต้องไปวัด ถือศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฯลฯ เรียกว่าเป็นการนับถือศาสนาพุทธ แต่ "แก่นแท้" จริงๆ ที่เมื่อ 2500 กว่าปี ที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบคือ "ทางดับทุกข์" "ทางดับทุกข์" นั้น มีอยู่แล้ว ก่อน 2500 ปีกว่านั้นเสียอีก เป็นเวลายาวนาน นับไม่ถ้วน... (มีพระพุทธเจ้าองค์ก่อนที่จะตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจุบันนับไม่ถ้วน) "มีมาอยู่แล้ว" แต่ก่อนนั้นไม่ได้ถูกเรียบเรียง อธิบาย ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง การที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้นจึงถือว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลก สามารถเรียบเรียง อธิบายได้ เหมือนเปิดของที่คว่ำให้หงาย จึงถือว่าเป็นสุดยอดสิ่งใดๆ ผู้คนจึงศรัทธาในธรรมที่สามารถใช้ได้จริง จึงเกิดเป็นศาสนาพุทธ... ส่วนพิธีกรรมต่างๆ การไหว้ การสวดมนต์ เป็นส่วนแต่งเติมมาทีหลัง เพื่อระรึกถึงความดี พระคุณ ของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เนืองๆ ปล. คนพุทธก็มีความคิด ปฏิบัติหลากหลาย บางทีก็ปฏิบัติสบายๆ (แบบผมไม่ได้ทำบุญตักบาตรทุกวัน ทำบ้างตามโอกาส) บางคนก็ปฏิบัติเป็นกิจวัตร(ตักบาตร สวดมนต์ทุกวัน) บางคน ไม่ทำอะไรเลย!!!!! ลองแยกศาสนาพุทธออกในเรื่อง "สังคม" "พิธีกรรม" และ "แก่นแท้" จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 10:13:28

ความคิดเห็นที่ 18   เรื่องรูปเคารพ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องกราบไหว้ครับ  ผมยืนยันว่า "ไม่ใช่สิ่งจำเป็น"  และศาสนาพุทธ ก็ไม่มีข้อบัญญัติใด ๆ บังคับว่า ต้องกราบไหว้รูปเคารพ แม้ว่า รูปปั้นนั้น จะเป็นพระพุทธปฏิมา ก็ตาม   โดยแท้จริงแล้ว คำสอนในพระพุทธศาสนา ออกแนวว่าจะไม่สนับสนุนให้ไปกราบไหว้ รูปปั้นใด ๆ ด้วยซ้ำนะครับ  นอกเสียจากการหาทาง หรือหาวิธี ระลึกถึง พระพุทธองค์  หรือพระพุทธคุณ ด้วยวิธีต่าง ๆ วิธีใด ๆ ก็ได้ ก็ถือเป็นการเคารพนับถือแล้ว และที่สำคัญสุดแห่งการเคารพนับถือพระพุทธองค์ นั่นก็ไม่ใช่การการบไหว้รูปปั้น หรือ ด้วยวิธีอื่น ๆ ที่งมงาย แต่พระองค์ตรัสสอนเอาไว้ว่า.....     การปฏิบัติดี ตามหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้เคยสั่งสอนเอาไว้ดีแล้วนั้น...คือการแสดงความเคารพ นับถือ ต่อพระองค์ ชนิดที่ถูกต้องสูงสุดทีเดียว   ดังนั้น หาก ท่านเจ้าของกระทู้ จะปฏิบัติธรรม ในพุทธศาสนา (เลือกเอาเฉพาะคำสอนที่ดี ๆ และไม่ขัดกับหลักคำสอนในศาสนาอิสลาม) ด้วยความตั้งใจแล้ว  ก็ได้ชื่่อว่า ท่านได้ให้ความเคารพนับถือพระพุทธองค์ ในตัวอยู่แล้วนะครับ  โดยไม่จำเป็นต้อง ตั้งโต๊ะหมู่บูชาใด ๆ ให้ผิดหลักทางศาสนาของท่าน และไม่จำเป็นต้อง หารูปปั้นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ มาไว้เพื่อบูชา (แท้จริงศาสนาพุทธดั้งเดิม ก็ไม่มีรูปเคารพอยู่แล้ว)    บ้านผม แม้จะมีรูปเคารพ มีพระพุทธรูป หลากหลายปางลีลา ผมก็มีเอาไว้ชื่นชมในเรื่องของงานศิลป์ ซะเป็นส่วนใหญ่  แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธ ที่ภรรยา หรือคนอื่น ๆ ในบ้าน จะทำการกราบไหว้ ขอพร ฯลฯ เพื่อความสบายใจของเธอ และผมเพียงขอร้องทุกคนในบ้าน ว่า ...ให้กราบไหว้อย่างเดียว ขออย่าจุดธูป อย่าจุดเทียน (หากไม่ใช่วันที่ไฟฟ้าดับ)  แต่หากใครจะจุดธูป จะจุดเทียน ก็ขอให้มาบอกเหตุผลกับผมก่อนว่า .."จุดเพื่ออะไร"  หากมีเหตุผลเพียงเพื่อ ทำตาม ๆ กันมา  ฯลฯ  ผมก็จะอธิบาย จนเขาเข้าใจ ถึงเรื่องว่า ทำไม คนแต่ก่อน จึงต้องจุดธูปเทียน บูชา ฯลฯ และหากไม่จุดจะได้หรือไม่ ดีกว่าหรือไม่ อย่างไร ฯลฯ จนเป็นที่เข้าใจตรงกัน   ส่วนเรื่อง การรักษาศีล ทั้ง 227 ผมเห็นทีว่า ท่านเจ้าของกระทู้ คงจะรักษาไม่ได้นะครับ  หากท่านยังต้องอยู่ร่วมกับ ภรรยาตามปกติวิสัย    อย่างไรก็ตาม หากท่านเพียง ต้องการรักษาศีล "บางข้อใน 227"  ก็สามารถทำได้ครับ และผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ด้วย    และที่แน่ ๆ ผมคิดว่า ท่านจะสามารถรักษาได้เกินกว่า 100 ข้อแน่นอนครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 11:28:38 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 11:21:50 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 10:34:34

ความคิดเห็นที่ 19 การปฎิบัติของท่าน อาจกระทบศรัธทาเดิม สังคมเดิมของท่าน ท่านมีครอบครัว มีสังคม ให้พิจารณาตรงนี้ด้วย อย่าเพิ่งไปถึง 227 เลยนะ เอา ศึล 5 8 10 ก่อน  เดี๋ยวจิต มันจะกระทบกันกับศรัทธาเดิม ท่านอาจศึกษาของมหายาน เซน วัชรยาน หรืออะไรก่อน ที่ผู้ศรัทธาใหม่จะเ้ข้าใจได้ง่ายกว่า   เพราะมหายานเอง ก็เหมือนกิ่งก้านสาขา ดอกผลของต้นไม้ ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เมื่อศรัทธาท่านพร้อม ความรู้ท่านมากพอ เวลาท่านมากพอ ท่านก็ค่อยลงมาศึกษา รากเหง้าของพุทธ คือคัมภีร์ฝ่ายเถรวาท ซึ่งตรงนี้เป็นการลงสู่ รากเหง้าของทุกข์ และมันทุกข์จริงๆ นะท่าน ตอนนี้ไม่มีสแตนอิน จิตท่านต้องเข้าไปหยั่งดูความทุกข์ ความสุขในทุกสถานการณ์ ทุกอณูอารมย์ของจิต ระมัดระวังอารมณืของท่านต่อสิ่งเร้ารอบตัวท่าน แล้วพิจารณาเหตูของมัน จากธรรมที่่ท่านได้ปฏิบัติมา                    เวลาท่านเห็นพระพุทธรูป ท่านรู้สึกอย่างไร ท่านเท่านั้นที่รู้ เหมือนพบคนแปลกหน้า ใจดี มีเมตตาไหม เหมือนคนเคยคุ้นเคยกันมาก่อน หรือเหมือนศรัตรู หรือเป็นกลางๆ อย่างไร เวลาท่านจะกราบ หรือกล่าวไตรสรณคมณ์ จิดท่านน้อมโดยธรรมชาติหรือเปล่า  ภาษานักปฎิบัติธรรมท่านว่าจิตมันลงด้วยหรือเปล่า อุปมาเหมือนเราจะทำอาหารรับประทาน  ท่านต้องการรสชาดแบบใด ท่านย่อม ต้องเตรียมเครื่องปรุงเช่นนั้น จากคุณ : lekton เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 10:38:42

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ไม่ทราบในศาสนาอิสลามมีคำสอนไหนที่สอนให้กำจัดกิเลสพวกนั้นบ้าง ?   ถึงแม้ดูเหมือนจะมีบ้าง แต่ก็มีคำสอนขัดแย้งกันเองมากมาย  เช่น มีคำสอนห้ามฆ่าในบางแห่ง แต่ในหลายๆแห่งสอนให้ฆ่าได้... ความเดือดร้อนในศาสนาอิสลามจึงมีมาเรื่อยๆ ตลอดสายทางประวัติศาสตร์  ทั้งขัดแย้งทำสงครามสังหารกันเอง  และทำสงครามกับศาสนาอื่นๆ ............. สิ่งพุทธศาสนาก็เรื่องหนึ่ง  ความรักสงบของศาสนิกพุทธก็เรื่องหนึ่ง เรื่องหลังผมคิดว่าไม่จริงทั้งหมด อย่างน้อยก็ดูห้องศาสนาในสามเดือนนี้ ล๊อกอินศาสนิกไหนที่ก่อความวุ่นวายในห้องศาสนา  คริสต์ อิสลามหรือ ? ไหนใครตอบหน่อยครับ ว่ามีล๊อกอิน อิสลาม ตั้งกระทู้โจมตีพุทธ กี่กระทู้ ถึงบอกว่า "ไม่รักสงบ" ทำไมถึงมองข้ามความจริงข้อนี้.. ยกตัวเองด่าทอศาสนาอิสลาม? หรือพื้นที่ ที่นี่คือโลกของการอวยตัวเอง ถ้าจะอวยได้ก็ต้องมีใครสักคนเป็นผู้ร้าย สวนเรื่องธรรมในอิสลาม ที่ลุงโขมองว่าขัดแย้งเพราะลุงโขมองอย่างอคติหนะครับ ทำให้ดูเหมือนขัดแย้ง ไม่เห็น้ดวยไม่เป็นไร แต่ไม่จำเป็นต้องโจมตีหรือให้ร้าย หรือให้หลักฐานเท็จ แต่อย่างใด  ซึ่งที่มีปัญหาส่วนมากขึ้น คือเอาเรื่่องโกหกใส่ร้ายมาแปะ แม้แต่ลุงโขเองก็แปะข้อสรุป ผิดๆเกี่ยวกับศาสนาอิสลามกี่ครั้ง ได้ข้อโทษกันบ้างหรือยัง ผมคิดว่า สาเหตุพวกนี้ จะเรียกว่าความสงบในศาสนิกพุทธไม่ได้หรอกนะครับ ส่วนเรื่องที่บอกว่าขัดแย้งนั้น ลุงมีอคติ ลุงก็บอกว่าขัดแย้ง  โดยเฉพาะธรรมเรื่องการฆ่า ในนี้ มีพุทธท่านใดไม่กินเนื้อสัตว์ บ้างมากน้อยแค่ไหน....    การฆ่ากินเป็นอาหาร ทำไมจึงไม่เป็นการเบียดเบียนสัตว์ การให้คนอื่นฆ่าให้กิน ทำไมจึงไม่เป็นการเบีียดเบียนสัตว์ หรือกรณี ทำสงคราม ปกป้องประเทศ พุทธศาสนาสอนห้าม ฆ่าคน ถ้าบรรพบุรุษเราไม่ฆ่าใครสักคนปกป้องบ้านเมือง เราจะมีแผ่นดิน ให้อยู่พิมพ์ แสดงความเป็นคนไทยกันอยู่เช่นทุกวันนี้หรือ  ถ้ามีคนเอามีดถือเข้ามา จะฆ่าคนในครอบครัวลุง ลุงโข จะสวัสดีเค้าหรือต่อสู้ป้องกันตัว ผมคิดว่า พระเส้าหลิน น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าลุงโขมาก ธรรมเรื่องการป้องกันตัว ธรรมเรื่องฆ่าเพื่อกิน   ก็เป็นธรรม คือธรรมชาติของมนุษย์ อย่าเอามาโจมตีว่าเป็นเรื่องความขัดแย้ง โดยลืมมองส้นเท้าตัวเองเลยว่า ถึงตอนนี้ มีคน ฆ่าเพื่อให้เราอยู่ และ มีสิ่งใดตายเพื่อให้เรามีชีิวิต มากน้อยเท่าไหร่แล้ว แต่อิสลาม ถึงแม้จะอนุญาตให้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่ก็มีกรอบ มีหลัก  และบอกว่าถ้ามีคนจะฆ่าเรา เราควรยิ้มให้ หรือต่อสู้ ธรรมพวกนี้จะชัดตอนชีวิตเราไม่ได้โดนกรอบสังคมปกป้อง เช่นช่วงวิกฤต ช่วงความขัดแย้ง ช่วงสงคราม ถึงตอนนั้น ผมก็ย้ำแล้วว่า ลุงโขคงเป็นคนแรกๆ ที่ทิ้งคุณธรรมที่ไม่ฆ่าเพื่อปกป้อง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเรื่อง ฆ่าคอมไม่บาปออกจากพระท่านหรอกครับ ... เรายึดถือธรรมต่างกัน ในเมื่อไม่เห็นด้วยก็เลี่ยงที่จะวิพากษ์เสีย เพราะมันเป็นธรรมของคนละศาสนาของคนละปัจเจก ถ้าลากมารวมกัน ถ้าจะวิพากษ์ศาสนาอื่น ย่อมต้องยอมรับให้ศาสนาอื่นวิพากษตัวเองด้วย ผมใหความเคารพธรรมในพระพุทธศาสนาในส่วนที่ผมเห็นด้วย ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วย ผมก็เลี่ยงเสีย แต่ไม่ใช่เพราะคนละศาสนา ผมจึงต้องตั้งป้อมโจมตีเหมือนคนคลั่งอย่างที่ลุงโขและศาสนิกพุทธที่รักสงบ บ้างท่านทำ ส่วนมุสลิมท่านอื่น ผมขอตรงนี้ อย่าพึ่งเข้ามาโต้ตอบ ผมเองไม่สบายใจที่ลุงแมทท์เล่นขุดบ่อล่อปลาแบบนี้ ลุงใช้คำว่า สังคมพุทธ สังคมคริสต์ และ ต่อว่าสังคมมุสลิมโดยนัย ทั้งๆที่ลุงก็รุ้เห็นความจริงว่า สังคมพุทธ(สมาชิกพุทธหลายท่าน)ในนี้ ตลอดสามเดือนเป็นผู้ตั้งกระทู้ เล่นอิสลามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าก่อนหน้าจะเป็นอย่างไร ลุงแมทท์จงใจไม่พูดถึงประเด็นนี้ และเรียกมันว่าความสงบของสังคมพุทธ ผมก็ย่อมทราบแล้วว่าลุงมีเจตนาอย่างไร ต่ออิสลาม โดยเฉพาะในประเทศไทย ลุงพร้อมจะเล่นการเมืองทุกวิธี  ลุงยกกลุ่มหนึ่งเพื่อกดกลุ่มหนึ่ง ผมไม่เห็นความเป็นธรรมใดๆจากลุง เหมือนที่ลุงกรอง พึ่งทำกับผมเมื่อวาน ด่าโดยอคติ โดยไม่อ่านความจริงให้กระจ่าง  ในสองวันนี้ ผมเสียศรัทธา ต่อผู้ใหญ่ถึงสองท่าน  ผมเองย่อมทราบดี ต่อ ความแค้นโดยส่วนตัวต่อ วาฮาบี หรือ อะไรก็ตาม แต่อย่าเอาศาสนา การเมืองมาใช้ในนี้ ยุแหย่ ให้ พุทธที่โดนหลอก อย่างลุงโข ต่อว่าอิสลามเลยครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 11:17:37

ความคิดเห็นที่ 21 ถือศีลเยอะ แต่มีครอบครับ แล้วคนรอบข้างจะอยู่ด้วยได้ไง จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 11:19:50

ความคิดเห็นที่ 25 Smiling-girl ไม่เคยไปตอบกระทู้ ของศาสนาอื่นเลยหรือครับ ผมพึ่งทราบ :D  ถึงได้โวยวายเหมือนโดนน้ำร้อนลวกแบบนี้ อย่าทำตัวเป็นมาเฟีย กระทู้ศาสนาอื่น แจมได้ ศาสนาตูห้ามแจม ผมว่าไม่เหมาะว่าไหมครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:03:50

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นผู้ทรงวัยวุฒิ (คุณวุฒิ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ อิอิ) มาตอบแล้ว แทบไม่กล้าเข้ามาแซวเลย ขอแทรกเสียหน่อยละกัน 1. กฏเรื่องเคารพไตรสรณคมณ์ เอาโลกความจริงนะครับสมัยนี้ สมัยไหนๆ พระพุทธ(ครูใหญ่)  พระธรรม(คำสอน)  พระ(อริยะ)สงฆ์(ครูน้อย) -การให้ความเคารพ คือ การอ่อนน้อมถ่อม"ตัวตน"ลงมา จากความโอ้อวดหยิ่งถือดีทั้งหลาย -สงสัยทั้ง 3 ได้มั้ย ได้ครับ เด็กๆผมก็สงสัย หาจุดบอดไปเรื่อย เจอรูรั่วตรงพระสงฆ์เยอะมาก แล้วคนปกป้องศาสนาเขา ก็ยกระดับคำอ้าง ว่า พระอริยะสงฆ์เท่านั้นที่ควรเคารพ* , สมมติ(ว่าเป็น)สงฆ์ คือ คนธรรมดานี่ล่ะ (ประเภทบวชแต่รักษาศีล 5 ยังไม่ได้) ไม่ว่าศาสตร์ไหน ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะให้ความเคารพครูทำไม (พอดีผมอวดดีมาก *-*) เรื่องพระธรรม สมัยนี้ช่องโหว่จะอยู่ที่ เรื่องเหนือธรรมชาติ ปฏิหาริย์จากอำนาจจิต สิ่งที่มองไม่เห็น ภพ-ชาติ พุทธก็จะมี"สายสุกขวิปัสโก" ไว้รองรับ คนไม่นิยมเรื่องเหนือธรรมชาติครับ (อีก 3 สาย เป็นสายบ้าพลัง) แนวทางปฏิบัติคือ ศึกษาคำว่าจิตให้ละเอียดยิ่งขึ้นก่อน ในเบื้องต้น แล้วค่อยมาเทียบเคียงคำสอน แล้วค่อยเขยิบการปฏิบัติ อยากสุดทาง จอดรถป้ายไหน ก็แล้วแต่ความต้องการแต่ละคน 2. เรื่องรูปเคารพ เป็นวัฒนธรรมชนชาติกระมังครับ เป็นอาชีพหมุนเงินสะพัด เป็นอำนาจกระแสจิตด้วย ซึ่งสงฆ์ที่ฝึก (ใน3สายที่เหลือ) ท่านคงอด ตามใจชาวบ้านรบเร้าไม่ได้ ก็ต้องสนองพระคุณกันไป เพื่อยืนยันว่า "ปฏิหาริย์จากอำนาจจิต-มีจริง" ด้วยอีกทางนึง 3. พุทธศาสนิกชน ถือศีล 227 ข้อได้ไหม? พุทธแบ่งภาคทางโลก(โลกียะ) กับทางธรรม(โลกุตระ) ชัดเจนนะครับ ในศีล 227 ข้อ มีข้อนึง คือ ห้ามมีเจตนาให้น้ำกามเคลื่อน ภายในก็ไม่ได้ ออกมาภายนอกก็ไม่ได้ ! คนไม่บวชแต่อยากถือ 227 ข้อ ก็ลองดูครับ ไม่ใช่อยู่ๆไปถือนะครับ ทั้ง 227 ข้อ มีเหตุ-ผลในการถืออยู่ เพื่อลดอาการทางกาย วาจา ใจ พร้อมกับปฏิบัติคำสอนหมวดอื่น ควบคุม 227 ข้อให้ทรงตัวอยู่ได้ตลอดทั้งวัน กิจกรรมทางโลกไม่เอื้อในการปฏิบัติทั้ง 227 ข้อ ยูนิฟอร์มผ้าเหลืองจึงต้องเข้ามาเสริมจุดนี้ เพื่อเน้นกิจกรรมทางธรรมอย่างเดียว 4. ถามว่าทำไมสังคมพุทธสงบ พอได้ศึกษาตัวเอง มันไปเพิ่ม EQ ทางโลกอัติโนมัติ เองกระมังครับ ศาสนาพุทธ โทษตัวเองเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว (โทษกรรมที่ตัวเองก่อ) โทษแล้ว ต้องพัฒนาตนเองด้วย ให้ถึงจุดที่ดีพอ"ก่อน" สามารถควบคุมตนเองได้ ไม่ไปเป็นตัวสร้างปัญหาหรือบานปลายปัญหาเพิ่ม บางเรื่องที่มีปัญหาสาเหตุก็เป็นปัจจัยภายในเขา ไม่หาทางออก กันในเชิงสันติวิธีเอง พอพุทธบางคนไม่ยุ่ง ก็มาลากว่าคนส่วนใหญ่ไม่ดูดำดูดี ทำให้คนชั่วได้ใจ พอพุทธส่วนนึงไปยุ่ง คนในเขา(ที่ชอบทะเลาะกับคนนอก) ก็ฉวยโอกาสโบ้ยความผิดทั้งหมด เป็นเพราะคนนอกกระทำทั้งหมด ไม่ย้อนดูคำสอน >นำไปปฏิบัติ >เพื่อสันติสุขในบอร์ด โดยยึดคัมภีร์และทำให้เด็กๆดูเป็นแบบอย่างเลย แต่ถ้าอ้างว่า เพราะมีคำสอนให้สู้ สอนให้ฆ่าได้เมื่อจำเป็น แล้วถ้าในอนาคตศาสนาพุทธหมดลง คนไม่มีศาสนา นับถือเฉพาะวิทยาศาสตร์เป็นศาสนา ครองโลกล่ะ? จะยึดคำสอนเพื่อสู้? จบที่ไหน? จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:11:29

ความคิดเห็นที่ 28 ผมอยากทราบว่าศาสนาพุทธนี้ ถ้าเราจะถือแต่หลักธรรมอย่างเดียว อย่าง บริสุทธุ์ โดยไม่มีการกราบไหว้รูปเคารพทุกๆชนิดจะเรียกว่าเป็น พุทธศาสนิกชนหรือไม่? + ได้ครับ แต่ผมก็ให้ความเคารพพระพุทธรูป ที่บ้านก็มีทั้งพระพุทธรูปและพระเครื่องห้อยคอครับ และศาสนาพุทธ มี Requirement ให้เคารพ รูปปั้นต่างๆหรือไม? + ไม่เคยได้ยินว่ามีข้อกำหนดใดๆเกี่ยวกับรูปปั้นต่างๆครับ พุทธศาสนิกชนจะถือศีล 227 แต่มีครอบครัว เยี่ยงสามัญชนธรรมดาได้หรือ ไม่? + ฆราวาสคงถือศีลทั้ง 227 ข้อไม่ได้แน่นอน ศีล 8 ข้อ 3 ก็ต้องรักษาพรหมจรรย์แล้วครับ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:19:43

ความคิดเห็นที่ 29 คุณยิ้มไม่ออก.. ใจเย็นครับ กระทู้นี้ สำหรับพุทธที่รักสงบนะครับ ถ้าไม่รักสงบเชิญป้ายหน้าครับ ผมก็ถามว่า ในเมื่องคุณยิ้มยังไปแจมกระทู้ศาสนาอื่น แล้วไปมีสิทธิอะไรมาห้ามไม่ให้คน อื่นมาแจมกระทู้ศาสนา คุณยิ้ม นั่นมัน พฤติกรรมาเฟียนะครับ ที่สำคัญ ถ้าอ่านหนังสือออกอยู่บ้าง กระทู้นี้มีการพาดพิงคริสต และ อิสลาม ศาสนิกอื่นย่อมมาแจมได้ตามมารยาทอยู่แล้ว รู้ว่าไม่ฉลาด แต่ใจเย็นๆครับ จะเสียสังคมยี่ห้อ รักสงบเสียหมด แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 12:26:41 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:26:26

ความคิดเห็นที่ 33 ป่านนี้ คี์ยบอร์ดพังแล้วมั้งเนี่ยะ คนเข้ารุ้เค้าเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว สร้งภาพกระทู้เดียวไม่ทันหรอกครับ ว่าไหมคุณยิ้ม ทำอะไรไว้ สุดท้ายมันก็ย้อนเข้าตัว ก็เป็นบทเรียนว่า คุณธรรม ให้ยึดให้จริง อย่ายึดแบบลวงโลก ของมันก็เข้าตัวแบบนี้ละครับ :D ปล. ไว้อาลัยแก่ ความเห็น 32  :D แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 12:49:38 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 12:33:39

ความคิดเห็นที่ 34 อ่่อผมพึ่งอ่าน ความเห็นของลุงซิม บางเรื่องที่มีปัญหาสาเหตุก็เป็นปัจจัยภายในเขา ไม่หาทางออก กันในเชิงสันติวิธีเอง พอพุทธบางคนไม่ยุ่ง ก็มาลากว่าคนส่วนใหญ่ไม่ดูดำดูดี ทำให้คนชั่วได้ใจ พอพุทธส่วนนึงไปยุ่ง คนในเขา(ที่ชอบทะเลาะกับคนนอก) ก็ฉวยโอกาสโบ้ยความผิดทั้งหมด เป็นเพราะคนนอกกระทำทั้งหมด ........ ลุงซิมเองเป็นคนหนึ่งที่จะเอาเรื่องเอาราวและผูกใจเจ็บกรณี อ.ชารีฟ และต้องการความเป็นธรรม .. เรื่องนั้นผมไม่ปกป้อง แต่ผมบอกแล้วอย่าเอามาเกี่ยวข้องกัน ในเมื่อไม่ฟังผมก็ต้องวิพากษ์ ปัญหาความไม่สงบ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่อง อ.ชารีฟ ในห้องศาสนา 100% มาจากศาสนิกที่เป็นพุทธ กล่าวร้ายใส่ศาสนาอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อการร้าย บลาๆ... ไม่ใช่เรื่องปัจจัยภายใน ที่ลุงซิมเขียนโกหก เมื่อต้นเหตุ 100% ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสามเดือนนี้ มาจากศาสนิกที่อ้างว่าเป็นพุทธ บางท่านมีความรุ้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาระดับสูงเป็นผู้เริ่มต้นความขัดแย้ง กล่าวหา และ ใส่ความ การที่ พุทธศาสนาิกท่านอื่น ปล่อยวาง ไม่ดูดำดูดีเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ที่เป็นปัญหา เพราะ เลือกปฏิบัติ อย่างลุงซิม คือ  พุทธดี อิสลามเลว ผมเคยเขียนไว้หลายครั้ง ตอนนั้นลุงก็อธิบายวนไปวนมาสุดท้ายก็หนีไม่พ้นอคติอยู่ดี คนห้องศาสนาก็ได้อ่านกันไม่ใช่น้อย ผมจึงเลีี่ย่ยงไม่ตอบลุงอีก เพราะมันจะกลายเป็นด่า ส่วนที่ลุงบอกว่า พอมีพุทธส่วนหนึ่งไปยุ่ง แล้วมุสลิมโบ้ยว่าเป็นความผิดคนนอก ก็ชัดว่า ลุงเอาเรื่องหลายเรื่องมาพัวผัน ความสงบในบอร์ดนี้ มาจากพุทธกับอิสลามในบอร์ดล้วนๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับคนนอก มีใครโบ้ยว่า ที่ คุณ men โจมตีอิสลา คุณซามูไร คุณฟาราเดย์ คนสมพร คุณบลาๆ เป็นคนนอกบ้าง ? แต่เพราะลุงซิมจะโยงเรื่องนี้ เข้ากับเรื่อง อชารีฟ จะเอาผิดคนใน ในสิ่งที่ตัวเองไม่มีหลักฐานสักชิ้น ใส่ความล้วนๆ ตั้งนิยามว่า เห้ เจาพวกนี้คือ แกงค์อ.ชารีฟมาป่วน คิดเองเออ เองงแบนี้ไม่ให้ด่าได้หรือ ?  ผมไม่ใช่ เพื่อนเล่นลุง ที่ให้ลุงมาใส่ความซ้ำๆซากๆ เอาดีเข้าตัว ผมรำคาญเรื่องอ.ชารีฟมาก ผู้ใหญ่ห้องศาสนา โง่จนไม่สามารถแยกแยะได้เลยหรือว่า มันคนละเรื่องกัน กับการที่ล๊อกอินพุทธมาป่วนในบอร์ด โง่จนไม่รุ้จักแยกแยะเลยหรือว่า ในโลกใบนี้ไม่ได้มี อ.ชารีฟ เพียงคนเดียว และ โง่จนไม่รุ้จักแยกแยะเลยหรือว่า ในโลกใบนี้มุสลิมไม่ได้คิดแบบ อ.ชารีฟ เรื่อง อ.ชารีฟ มันไร้สาระพอๆกับเรื่อง เว็บพระไทย ดอทเน็ตที่ใส่ร้ายอิสลามด้วย ทบ สมคบคิด ก็ไม่รุ้จะอะไรกันนักกันหนา ถึงลากเรื่องนี้มาผูกเรื่องนั้นกันอยู่ได้ ใครจะตีก็ไปตีกันข้างนอก อย่ามายืมมือ  คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาลงสงครามแทนตัวเอง หรือไม่มีปัญญาเล่นทางกฏหมายเลยเก็บความแค้นมาลงกับคนรุ่นหลังที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ได้เกลียดได้ชังกันขึ้นไปอีก พูดดีๆ ก็ไม่ฟังกัน พอด่าก็โกรธ แบบนี้หรือรักสงบ? ห้องศาสนาเละเทะ เพราะใคร ควรดูส้นเท้าตัวเองกันได้แล้ว จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:11:41

ความคิดเห็นที่ 35 ฟังชัดๆนะครับ คุณ Yao ผมไม่เคยสนใจชารีฟเลย เพราะเขาไม่ได้มาอยู่ในบอร์ด ถ้าที่ผมเคยทำ คือ บีบกรอบการอยู่ด้วยกันให้แคบลง เพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง ผมไม่เอาเรื่องภายนอกมา ตีรันฟันแทงในนี้ ย้อนไปดูตอนตั้งกระทู้ถึง login Jimbovy ได้ เพราะรายนั้นชอบลากออกไป นอกบอร์ดให้ผมวิ่งตามไปต่อล้อต่อเถียงตลอด ฉะนั้นถ้าจะคุยกับผม "เลิกเอ่ยถึงชารีฟ" เพราะผมไม่รู้จัก ไม่สนใจ อย่าเอาสิ่งที่คุณคิดเอาเองในหัวมา ยัดให้ผม ชัดนะครับ? ตอบข้อนี้ผมให้เคลียร์ก่อน 1 ข้อ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:24:29

ความคิดเห็นที่ 36 พูดถึงเรื่องสังคมรักสงบ และ EQ รักสงบหรือ? มุสลิโดนด่าถึงพระเจ้า มีเหวี่ยงบ้าง แต่ก็เย็นมากพอที่จะไม่ เละเทะ รักสงบหรือ? มุสลิมโดนด่าว่าเป็นก่อการร้ายไม่ใช่คนไทย เจ็บปวดแค่ไหนที่เล่นถึงชาติพันธ์ รักสงบหรือ? มุสลิมโดนข้อเขียนใส่ความ ทบ สมคบคิดว่าจะยึดประเทศ เทียบกับ แค่โดนอ.ชารีฟ มุสลิมคนเดียว ใส่ข้อความบิดเบือนในพระไตรปิฏก ถึงขนาด ต้องป่วนห้องศาสนาลากความแค้นกันมา กระทบคนอื่นๆไปหมด จนปีกว่า ปั้มล๊อกอินแยกร่าง ถึงตอนนี้มีมุสลิมคนไหน ทิ้งล๊อกอิน ปั้มล๊อกอินร่างแยกมาเล่นการเมืองศาสนาบ้าง EQ ?  ควรหัดมองความจริงความจริงข้อนี้บ้าง ว่าใครแค้นฝังหุ่น จากเรื่องคนนอกมาป่วนคนใน เลิกเอาดีเข้าตัวได้แล้ว ผมรำคาญความจอมปลอมพวกนี้เต็มที ควรสำเนียกความจริงข้อนี้บ้าง จะวาฮาบี จะใครที่ไหน ผมไม่สน จะมุสลิมจะพุทธใครจะยึดประเทศผมไม่สน แต่ไม่มีใครมีสิทธิโกหกใส่หลักการทางศาสนา ไม่ว่าศาสนาใดทั้งสิ้น แยกให้ชัด หลักการกับคน อย่าให้เด็กอย่างผมต้องมาสอนซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าคนละเรื่องเป็นอย่างไร จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:27:25

ความคิดเห็นที่ 37 คนอื่นๆ ตอบกันไว้เป็นข้อมูลดีแล้ว แต่ให้กีฟ คุณแมทท์ ในฐานะของคนที่ผมเห็นว่า มีอะไรบางอย่าง "ที่ถูกฝึกมาดี"   : ) จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:31:58

ความคิดเห็นที่ 38 คำว่า ปัจจัยภายใน สำหรับผม มีทุกศาสนา ผมเอยบอกซ้ำแล้วซ้ำอีก พุทธก็เจอ คริสต์ก็เจอ หนทางปฏิบัติต่อการเจอ คือ อย่างไร เคยยกไปแล้ว แต่ก็มีไม่กี่ login และเริ่มจะมี login Yaoharee ซึ่งในสายตาผม ไม่เคยมองว่า ชอบการโต้เถียงโดยการลากศรัทธามาถล่ม เพราะเป็นกลอุบายตื้นๆ ของพวกไร้สมอง ที่ชอบใช้กันเวลาตะลุมบอน คิดว่าจะเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ มีวิจารณญาณพอตัวในการมองปัญหา ผมย้ำว่า พุทธก็เจอการโจมตี คริสก็เจอ แต่ 2 ศาสนานี้ไม่ลากพฤติกรรมคนๆเดียว โยนไปให้ทั้งศาสนาที่นับถือ มาร่วมรับผิดชอบ จัดการเป็นคนๆไป พยายามคุยกันให้รู้เรื่อง ถ้าไม่อยากคุยก็ด่าไปเป็นคนๆ ถ้าอยากระบายความอัดอั้นที่ตนเคยถูกด่าเป็นขยะ จากคนในศรัทธาเดียวกัน จนเสพติด แล้วอยากใช้คำด่าที่สะสมมา ระบายออกกับคนต่างศรัทธา ผมก็ไม่ถือสาอะไร ในอารมณ์วัยรุ่นที่ยังมองสิ่งแวดล้อมไม่กว้างพอ กับกระทู้แนะนำ ดูเนื้อหาให้ดี ท่านมหาวิหารตั้งกระทู้ถึง คริส ท่านรถเรณู ตั้งกระทู้ เตือนให้พุทธปฏิบัติเถอะ แต่ไม่วายนักสร้างปัญหาไม่กี่คน ยังเขาไปรุมแย่งซีนด่ากันเตลิดเปิดเปิง ผมไม่คาดหวังให้คุณ Yao นับถือผู้ใหญ่ในห้องนี้แล้วละครับ ตั้งแต่เมื่อวานที่อ่าน คห.ท่านกรองคำ มาวันนี้ก็ท่านแมทท์ ผมตั้งใจลงความเห็นบน เพื่อเลิกความนับถือจากคุณ เช่นเดียวกับทั้ง 2 ท่านเช่นกัน สำหรับคนที่อยากต่อยตีกับคนต่างศรัทธา ก็วิ่งไล่ตามวิธีที่ตนเคยโดนด่าเป็นขยะเป็นสวะมาก่อน นำสิ่งที่เคยโดน มาใช้กับคนนอกต่อ ให้สิ่งที่หมักหมมในจิตใจ ได้ระบายออกเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 21:06:38 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:34:47

ความคิดเห็นที่ 39 ในกระทู้นี้ ผมขอให้มุสลิมท่านอื่นๆ เลี่ยงนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมขอกระทู้นี้ให้ผมพิมพ์คนเดียวก็พอ ลุงซิม ลุงซิมจะพูดอะไรกได้ ดูอย่างคุณ men ทบแกยังไม่มีใครล้มล้างได้เลย แต่สิ่งที่ลุงอธิบาย ทังการเชื่อมไปถึงอ.ชารีฟ ไม่ว่าจะเรียกว่ากรอบหรืออะไร การไปจบประเด็นว่า คุณซามูไร ทำได้ เพราะ มีคนไปด่าศาสดา ถ้าจำได้คือเรื่อ 3 ยิงขึ้นศูนย์ หรือ แม้แต่ เรื่องที่ทำเป็นไม่สนใจว่า ก่อนหน้านั่นมีการด่าพระเจ้าหรือไม่ หรือแม้แต่กระทู้นี้เองที่ยกตัวเองเรื่อง EQ ดูถูกศาสนิกอื่นโดยใน มันไม่มิดครับลุง ตอนนั้น ถ้าลุงแค่พูดสั้นๆ ว่า การที่ พุทธป่วนอิสลาม มันผิด และ ไม่ควรกระทำ ไม่ต้องอ้างอะไรวุ่นวาย เรื่องก็คงจบ เพราะนั่นคือ คุณธรรมที่ถูกต้อง แต่ลุงดันอ้าง ทุกอย่าง เพื่อให้ พุทธศาสนิกดูดี อ้างไปถึงเรื่องโบราณ อ้างไปถึงหลักฐานที่ไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ลุงก็ยังหาไม่ได้ เพราะถ้ามาแปะ คงโดนสวนกลับเจ็บกว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าคุณธรรม ผมเห็นตามนี้ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:35:01

ความคิดเห็นที่ 40 เอาทีละเรื่องนะครับ ขอผมอธิบาย #34 ก่อน จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:37:34

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าผิด ผมก็ห้าม อย่างคุณ men ผมก็ห้าม อย่างท่าน Mopeena เริ่มชี้นำในลักษณะเกินเหตุ ผมก็ไม่อยากให้รุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่ ผมหาคห.ท่าน corelooy ที่พูดถึง เวทีมีคนขึ้นไปด่ากัน แต่พอมีเรื่องกันจริง มาโทษคนนอกเวทีไม่ดูดำดูดี ผมหาไม่เจอครับ ถ้าท่าน corelooy เห็นรบกวนส่งมาหน่อย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:44:40

ความคิดเห็นที่ 42 ขอใว้อาลัย แก่ ท่านเยาฯเพื่อนต่างศรัทธาต่างศาสนา ที่เคยเข้าใจกันและกันดีในระดับที่เคยมี หลายคน เดือดร้อนในสัมพันธ์อันดีใดๆนั้นๆ แต่คืนวันเปลี่ยนผัน --- มันอาจเป็น กฎแห่งสภาวการณ์ และ กฎแห่งกรรม ใดนั้น เท่านั้นเอง ก็ได้ แต่เมื่อคน  คือ เรา ท่าน ฉัน เธอ เขา พวกเรา พวกเขา --- เหล่านี้ ล้วนอยู่ในวงกลมของ ปุถุชน ซึ่งเมื่อ ฝ่าย ๑ ฝ่ายใด หมด-ลด-สิ้น ศรัทธาในกันลงไปแล้ว  --- ไม่ว่าจะด้วยสิ่งหนึ่งประการใด ก็ตาม   ย่อมไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้อง หาหน้าอีกหน้า ๑ มาใส่ เพื่อผินหน้าหากันและกัน-นะ R.I.P ท่ายเยาหะรี ที่นับถือ ของ กรองคำ ต่อนี้ไป   หากจะมีสิ่งอันใด ที่เป็นเหตุเป็นผลพอจะสนทนากันได้ ตามเหตุ-ตามการณ์  กรองคำ ก็จะนำเรียน ~ สอบถาม ขอความรู้จาก ท่าน login Yaoharee เป็นเรื่อง ๆ ไป ตามเหตุ-ตามการณ์ใดนั้น-นะครับ จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:44:41

ความคิดเห็นที่ 44 มาตอบสั้นๆก็แล้วกัน วิถีแห่งดำเนิน บนความเข้าใจในเหตุและผลของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุและผลของความดี เหตุแหละผลของความร้าย เหตุแหละผลของความตั้งอยู่ เหตุและผลของความดับไป ฯลฯ ดำรงตนอยู่อย่างผู้มีปัญญา อย่างผู้เข้าใจ เข้าใจในทั้งตนเอง เข้าใจทั้งคนอื่น เข้าใจในสิ่งทั้งปวง จนเมื่อเข้าใจแจ้งแล้ว ใจจะคลายอาลัยจากความยึดมั่นผิดๆทั้งปวงได้ นั่นจึงสิ้นจากพันธนาการแห่งความไม่รู้ของตนได้ ถึงความเป็นไท ถึงศานติสุข เป็นอิสระ เป็นเอกภาพอย่างแท้จริง ไม่เปลี่ยนแปรเป็นอื่นอีก เรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งรู้ได้ พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน ชาวพุทธเป็นอย่างนี้แหละครับ จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:56:02

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าคุณ Yao กำลังต่อยกับใครซักคนอยู่ ในชีวิตจริง ฟันกันมั่วซั่วถือดาบถือเก้าอี้ซัดกันนัว ห้ามใครครับ ทั้งสองสู้กัน เออ ถ้าทางฝั่งคุณซามูไรหมูตอน ฯลฯ ฟันฝั่งคุณYaoฝั่งเดียวสิ โดนฟันแล้วยังนิ่ง ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่จะห้าม เชื่อเถอะ แต่นี่ ขิงก็ราข่าก็แรง  แรงกันถึงจุดขอแยกห้องจำได้มั้ยครับ? จุดที่ขอแยกห้อง ใช่ว่าคุณ Yao จะไม่มีส่วนในการก่อความโกลาหล ระดับความขุ่นข้องใจ ในคนต่างศรัทธา มีมาตั้งแต่ระดับน้อยๆ ลากด่ากันจนถึงระดับรุนแรง ยังลากต่อ จนคุณ men เข้ามาผสมโรง เมื่อลากจนถึงขั้นไม่ไว้หน้าพระเจ้า ไม่ไว้หน้าศาสนาใดแล้ว จะมาว่า 1 คนเป็นสาเหตุหรือ? ร่วมด้วยช่วยกันทุกคน ตีกันจนอยู่ร่วมกันไม่ได้ ตีกันไม่เผื่อช่องลงให้กันซักคน คนตีกันนับหัวดูว่า กี่คน? ไม่เกิน 10 คน แต่พอหาทางลงกันไม่ได้ ทำไงครับ? ร้องเรียก webmaster ร้องเรียก คนดูที่ไม่เกี่ยวข้อง เริ่มโทษคนอื่นล้อมบอร์ด แต่ไม่เคยย้อนดูพฤติกรรมตัวเอง กับคนใกล้ตัวที่ชอบพ่นถ้อยคำสร้างศัตรูกันเอง ความเชื่อในหัวแต่ละคน มันก็มาจากพ่อแม่ สภาพแวดล้อม การศึกษา ประสบการณ์ส่วนบุคคล แต่พอตีกับคน ห้ามแล้ว ปรามแล้วว่า อย่าไปลากศาสนา ก็ยังลาก ลากแล้ว รับผิดชอบตัวเองกันไหวไหม? เอาง่ายๆเลยนะ นั่งนับlogin ที่ตีกัน ว่ามีกี่คน ไล่รายชื่อมา แล้วปิด longin ไปเลยคิดว่า จบไหมครับ? ก็ไม่จบ ถ้ายังไม่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนอื่นมอง เขามองเผื่อช่องให้เกิดประโยชน์ครับ ถ้ามองให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นจริงๆในชีวิต และชอบต่อยตีหน้าคอมพ์ต่อ ก็ไประบายออกต่อกับ login ป่วนที่เขาพร้อมเล่นด้วย ----------- ย้ำอีกครั้ง ผมไม่เกี่ยวกับคนชื่อชารีฟ อ่านคห.35ใหม่ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:08:09

ความคิดเห็นที่ 47 ครับ..ท่านยิ้ม Smiling-girl ที่นับถือ.. และ สิ่งนี้ ที่บังเอิญปรากฏขึ้นเป็น ตย. & อุทาหรณ์ นี้-นั้น นั่นแล ที่ พระพุทธศาสดา โคตมสัมมาพุทธเจ้า ได้ทรงสอน-ตักเตือนเราท่านทั้งหลาย ให้จง-จัก ต้องระมัดระวัง ในสิ่งอันใดที่ตั้งอยู่ด้วยลักษณะเช่นนี้  มิให้เกิดมีแก่ตนเองให้มาก กรองคำ ~ คำกรอง --- เป็นเพียง  สลับคำ - คือ ค ำ ใดๆนั้นๆ  เพียงสลับที่ อย่าได้ประพฤติ และจงระวัง บุคคลผู้มักจะ ประพฤติ ในการ กลับคำ [หรือพลิกลิ้น & สองหน้า] ให้จงหนักแน่นไว้ ด้วย สัมมาสติ อันปรับปรุงรักษาให้พร้อม & มั่นคงดีแล้ว ด้วยประการนี้ ย่อมจักเป็นผลดี ย่อมมีความประเสริฐเป็นพิสิทธิ์ผล ทั้งแก่ ตน แล หมู่คณะในสังคม ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมอันอยู่ด้วยกัน มีสัมพันธ์แก่กันและกัน วาทะกรรมต่อกันและกัน  ในลักษณาการของ การร่วมกิจกรรมในสังคมที่อยู่ได้ด้วยความต่าง  ณ ที่แห่งนี้ คือ  เวทีศาสนา ณ พันทิปดอทคอม  นี่เอง- นะ จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:20:21

ความคิดเห็นที่ 48 EQ ที่เอ่ยถึง พูดกันในเชิงจิตวิทยาด้าน mental ครับ ผมเคยคุยกับท่านแมทท์กระทู้อื่น ผมไปอ้างว่าพุทธมีสมาธิระดับสูง ท่านแมทท์อ้างว่า ไม่ใช่แค่พุทธที่มีสมาธิ อิสลามก็มี ซึ่งศาสตร์สมัยใหม่พิสูจน์ สมาธิ แล้วว่า เพิ่ม EQ และ IQ ได้จริง ในประโยคบนผมจึงเพิ่ม "การศึกษาตัวเอง" ลงไปด้วยอีกจุดนึง จากสมาธิเดิม ซึ่งหาได้ทั้ง 2 ศาสนาตามที่ท่านแมทท์ เคยอ้างผม ถ้าการอ้าง EQ สะเทือนไปถึงคนไม่มี EQ ผมก็คงไม่มีอะไรจะอธิบายแล้วครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:21:08

ความคิดเห็นที่ 49 เรื่องความอัดอั้นที่โดนด่าถึงพระเจ้า ก่อการร้าย ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่ผมไม่เห็นใจ ผมก็เรียนแบบนี้กับที่เรียนท่าน Mopeena แล้วอีกมุมนึง ช่วยแหกตาดูความจริงรอบตัวคุณ Yao เถอะครับ ว่าคนใกล้ตัวคุณ Yao มี2-3login ไหม ที่ด่าทอเหน็บแนม ท้าตีท้าต่อยไว้อย่างไร จากด่ากันเบาะๆ จนลากไปถึงไม่ใช่คนไทย เรื่องบานปลายที่เกิดอยู่ จะบอกว่าอยู่ๆ ฝ่ายนึงวิวาทะข้างเดียว โดยอีกฝ่าย ไม่ราดน้ำไฟใส่กองไฟเลย นี่หรือเรียก พูดความจริงครบทุกด้าน? ลำพังคุณ Yao สมัยก่อน คงไม่มีปัญหามาก แต่ก๊วนที่สร้างปัญหาบานปลาย เป็นประจำ คุณมองข้ามเฉยๆเลยหรือ? คุณมองว่าพุทธส่วนใหญ่ไม่ดูดำดูดี โดยแกล้งไม่เห็น login รอบตัวหรือ? หรือต้องให้นำหลักฐาน สมัยก่อนตั้งกระทู้โหวตแยกห้อง มาให้ดูว่าพ่นกันไว้อย่างไรบ้าง? หรือเพราะโดนพวกนั้นด่าจนหง๋อ เลยมาเก่งกับพุทธที่ไม่มีประวัติด่าด้วยถ้อยคำแบบที่ตัวเองโดนมา? แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 14:40:30 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 14:39:13 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:33:06

ความคิดเห็นที่ 50 อ้างถึง...ความคิดเห็นที่ 41 ของท่านZim-ฯ ผมหาคห.ท่าน corelooy ที่พูดถึง เวทีมีคนขึ้นไปด่ากัน แต่พอมีเรื่องกันจริง มาโทษคนนอกเวทีไม่ดูดำดูดี ผมหาไม่เจอครับ ถ้าท่าน corelooy เห็นรบกวนส่งมาหน่อย ขออนุญาต ปาด* รับภาระแทน ท่าน corelooy [ถ้าสำเนา link นี้ถูกต้อง] พอมีเรื่องกันก็หนีบมาวางโทษว่าคนนอกเวทีไม่ดูดำดูดี คลิกไปดู !! จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:38:31

ความคิดเห็นที่ 51 ก๊วนที่สร้างปัญหาบานปลาย เป็นประจำ คุณมองข้ามเฉยๆเลยหรือ? ปัญหาคืิอ ก๊วนไหนละครับ? ผมสมัครล๊อกอินมาพอสมควร มาเล่นถี่เอาสามเดือนหลังนี้ ก็เห็น มีไม่กี่ครั้ง และ แต่ละครั้ง ก็ห้ามปรามกันแล้ว ก็พิมพ์ไปชัดแล้วว่า ไม่เห็นด้วย จะให้เอาอะไรอีก คุณแครอท พิมพ์ถึงพระพุทธเจ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? ในกระทู้ก่อนนั้น หรือ ใกล้ๆ กันนั้น ผมมีท่าที่อย่างไร สนับสนุนหรือ ? คุณจะกล่าวหามุสลิม แบบนี้ อีกกี่ครั้ง อยุ่ดีๆลุงแมทท์ก็โพล่งด่ามุสลิมขึ้นมาโดยไม่มีเหตุปัจจัยด้วยซ้ำ ก็เห็นมีแต่ผู้รักสงบห้งอศาสนาไปกดถูกใจ ทั้งๆที่กระทู้นั้นลุงแมทท์ เองก็กลับลำจากต่อว่าคนห้องศาสนา ไปต่อว่า วาฮาบีย์เสีย  ครั้งนั้นมีใคร รักษาแผลใจให้คนที่โดนด่าบ้าง คนที่คอยเชียร์ ผมคิดว่าไม่ใช่เพราะรักสงบ แค่เงียบคอยนั่งเชียร์อยู่ข้างหลังมากกว่า ไม่ใช่ผมไม่รุ้ว่า พุทธผู้ใหญ่หลายท่าน วางตัวดี ไม่ใช่ผมไม่รุ้ว่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของสังคมไม่ใช่หลักการศาสนา แต่อย่ามาจอมปลอมใส่กันดีกว่าไหมครับ จะให้ นิ่งเฉยต่อคนที่เอาหลักการผิดๆยัดใส่ศาสนา ก็ให้มองก่อนว่า ตอน มีคนยัดอะไรผิดๆใส่พระไตรปิกฏ เราเป็นเดือดเป็นร้อนกันแค่ไหน อย่าเอาธรรมเรื่องการปล่อยวาง มาขอให้ใช้กับการกล่าวหาศาสนา ในเมื่อตัวเองยังทำกันไม่ได้ มุสลิมทีนี่ หรือศาสนาใดๆก็ตาม มีความรับผิดชอบมาพอที่รุ้ว่า ไม่ควรปล่อยให้โพสหลักการศาสนาที่บิดเบือน ออกสู่สังคมย่อมต้องแก้ไขกันไป ถ้าไม่เชื่อ ลองให้ตั้งกระทู้ว่า ศาสนาพุทธสอนให้ไหว้กล้วย(ซึ่งเป็นหลักการที่บิดเบือน) ก็ย่อมต้องมีพุทธศาสนิกมาแก้ต่าง ให้ถูกต้อง มันเป็นเรื่องของ การแก้ต่างด้วยข้อมูล และหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ใช่ การสงคราม คนเราถ้ามองว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ถ้ามองว่าศาสนาตัวดีกว่าคนอื่น ก็หนีไม่พ้น ย่ิงอัตตามาก็ยิ่ง ล้นออกมามาก ต่อให้มีอายุมากแค่ไหน จับหลักธรรมแบบนี้ ก็จบแบบนี้ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:49:29

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนลุงกรอง ยิ่งลุงขยับตัวมาก ก็ยิ่งเสียผู้ใหญ่มาก การที่คนที่นี่ขอให้เว็บมาสเตอร์ทำหน้าที่ของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้นะครับลุง  เพราะพันทิพย์ ได้ให้ความหวังต่อเรื่องนี้ชัดเจน ในกฏข้อทีี 6 การที่เว็บมาสเตอร์ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองนั้น ไม่ใช่การผลักภาระ ขนาดลุงกรองจับเรื่อง อ.ชารีฟ ลุงกรองยังพยายามทุกอย่างเพื่อให้กฏหมายลงโทษผู้กระทำผิด แบบนี้ เรียกว่าการผลักภาระให้เจ้าหน้าที่ทางกฏหมายหรือ ? ซึ่งผมเห็นด้วยและไม่ได้ขัดขวาง เพราะมันเป็นความชอบธรรม เพียงแต่ ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมลุงถึง มองข้ามว่า การขอให้เว็บมาสเตอร์ ทำตามกฏที่เขียน ถึงกลายเป็นการโยนให้คนอื่น คุณธรรม แบบนี้ หรือ คือ คุณธรรมของผู้จับศาสนา ยิ่งพิมพ์ผมยิ่งเห็นความจอมปลอม และความยุติธรรมจอมปลอม จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:54:16

ความคิดเห็นที่ 53 ลุงกรองยังติดค้างคำขอโทษผม ในกระทู้ที่ลุงกรองเข้าใจผมผิดในการใส่เนื้อหา และเอาเรื่องนี้ลากไปถึงเร่องเก่าของลุงจิม ผมคิดว่าลุงควรมีความรับผิดชอบพอ นะครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:55:58

ความคิดเห็นที่ 54 ต้องขออนุญาตท่าน corelooy นะครับ ผมพิมพ์คงไม่ได้ดีเท่าท่านพิมพ์  ขอยกมาให้คุณ Yao อ่านแล้วกัน  ความคิดเห็นที่ 22    คุณจิม มีความประพฤติ เหมาะสม ที่จะรับบทบาทนี้แล้วหรือครับ?  นิสัยยืมปากยืมมือผู้อื่นมาเป็นเครื่องมือ วิสัยลูกผู้ชายนายจิม?? คำหยาบคาย เช่น ชาติม๋า ปากม๋า น่าตัวเมีย ที่ด่าๆ ใครอื่นไว้ในกระทู้เก่าๆ? การแยกแยะบุคคล การเหมารวม ความสามารถในการแยกแยะ คงไม่ต้องยกมาให้ดูนะครับ รู้ตัวเอง  ถามซ้ำว่า พร้อมแล้วหรือครับ? ที่จะแก้ไขปัญหา ในเมื่อคุณก็เป็นคู่กรณีเสียเอง เรื่องนี้ มันขึ้นอยู่กับใครกันแน่ครับ คุณจิม พอมองออกไหม? คุณจิมกดเล่นเกมเองหรือเปล่าครับ? คนเขียนเกมเขียนมา ถ้าไม่มีคนเล่น มันก็เจ๊งไปเองแหละ เจ้าของสนามเปิดสนามให้ใช้ และก็มีคนสองกลุ่มมาทะเลาะกัน แล้วฝ่ายหนึ่งก็บอก เห้ย แก(เอ็งหนะแหละ)ที่ยืนอยู่ข้างสนาม ออกมารับรู้ รับผิดชอบ มาตัดสิน ซะดีๆ  บ้าป่าว จากคุณ : corelooy   เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 07:43:47  ที่ผู้ใหญ่หลายท่านเขาไม่ต่อว่าคุณ Yao เพราะคุณ Yao ไม่ใช่ตัวก่อเรื่อง ในเหตุการณ์นี้*  แต่ถ้าคุณ Yao ผันตัวมาก่อปัญหาเสียเอง ก็อย่าโทษคนอื่นครับ ในประเทศนี้มันซึบซัมทุกศาสนาไว้ในตัว คนๆเดียวกันไม่มากก็น้อย คนที่โจมตีศรัทธาคนอื่น กับ คนที่ต่อตีคนโจมตีศรัทธา มันก็พวกเดียวกัน ต่างกันตรงไหนครับ? ร้องแร่แห่กระเชิงไป ก็ไม่เกิดการเมืองในนี้หรอกครับ ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ไม่ดูดำดูดี แต่ดูจนพอ เห็นกรรมพันธ์แล้วว่า login ไหนไร้ราคาแค่ไหน คนไหนคบได้ คบไม่ได้ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:01:12

ความคิดเห็นที่ 55 > ผมอยากทราบว่าศาสนาพุทธนี้ ถ้าเราจะถือแต่หลักธรรมอย่างเดียว อย่าง บริสุทธุ์ โดยไม่มีการกราบไหว้รูปเคารพทุกๆชนิดจะเรียกว่าเป็น พุทธศาสนิกชนหรือไม่? แต่แต่ครั้งโบราณกาล จะไม่มีพระพุทธรูปครับ พุทธจะแทนตัวพระพุทธเจ้าด้วยธรรมจักร เสมือนกับพระธรรมคำสอน คนที่เข้าใจในประโยชน์ที่แท้จริงของพุทธศาสนา จะรู้ว่า " พุทธศาสตร์ " หรือความรู้เชิงพุทธ สอนเราในเรื่องของการดับทุกข์ ไม่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วัตถุ สวรรค์ ความร่ำรวย หรือคู่รัก ใดๆทั้งสิ้นครับ ว่าๆไปแล้วหัวใจของพุทธ ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับความเป็นศาสนาด้วยซ้ำไป > และศาสนาพุทธ มี Requirement ให้เคารพ รูปปั้นต่างๆหรือไม? ไม่มีครับ แต่มันเป็นวัฒนธรรม และธรรมเนียมปฏิบัติไปซะแล้ว > พุทธศาสนิกชนจะถือศีล 227 แต่มีครอบครัว เยี่ยงสามัญชนธรรมดาได้หรือ ไม่? ไม่ได้ครับ ศีล 227 ข้อ รวมถึงการห้าม ชูบีดูวับ \(>_<)/ ไว้ด้วย ดังนั้นแลครับท่าน จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:04:37

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเอง แม้จะไม่เห็นด้วยกับหลักการหลายอย่าง เช่นของวาฮาบีย์ หรือสำนักคิดอื่นๆ แต่ผมก็ไม่เลวพอที่จะ เล่นการเมืองศาสนา โดยการยึืมมือศาสนาอื่น เพื่อโจมตีใส่ หลักการของอิสลาม หรือสังคมมุสลิมแบบเหมารวม ผมไม่พูดดีกับเพื่อนทางพุทธ ที่เข้าใจหลักการผิดพลาด ใช้เรื่องส่วนตัว มาโจมตีศาสนา เพราะผมไม่หวังว่าใครจะเข้าข้างผม เช่นเดียวกับที่ผม แย้งหลักการของอิสลาม แม้จะโดนอัดผมก็ยังยึดถือว่าหลักการก็คือหลักการต้องไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวกที่นี่ เรามาห้องศาสนา เพื่อหาแก่นของศาสนา ไม่ใช่ การเมืองหรือ หรือหาเสียงหาพวก ลุงแมทท์เองเคยต่อว่าสมาชิกพุทธหลังไมค์กับผมแรงพอๆกับที่ต่อว่าสมาชิกมุสลิมห้องศาสนา ผมมองว่าถ้าทั้งหมดมันอยู่ข้างหน้า ปัญหาก็คงจบ ผมมองว่าปัญหาของห้องศาสนาตอนนี้ คงเป็นเพราะกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนสังคมพุทธ เข้า ต่อสู่กับสังคมวาฮาบีย์ แล้วใช้คนห้องศาสนาเป็นเบี้ย  แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:12:40 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:10:57 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:06:30 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:05:13

ความคิดเห็นที่ 57 จะให้ต่อว่าผมเรื่องอะไรละครับ ผมทำอะไรผิด ? แม้แต่ปัญหาครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมทำอะไรผิด ไหนลองแจงมาให้ผมดูหน่อย ผู้ใหญ่ก็เป็นคนผิดได้ กระทู้ที่แล้ว ลุงกรองเข้าใจผมผิดต่อว่าผมช่ิงลุงจิม เอาแค่นี้ แสดงความรับผิดชอบหรือยัง ถ้าการสร้างปัญหาที่วา่ คือการไม่เห็นด้วยกับวิถีการเมืองเลวๆ เอาศาสนามาบังหน้า ก็เอาครับ ต่อว่ามาเลย ให้ดีแล้วกันว่าต่อว่าออกสื่อแล้วจะเสียผู้ใหญ่หรือไม่ แล้ว หลักธรรมที่ใช้ต่อว่า คืออะไร หลักธรรที่จะใช้ต่อว่าคือ อะไร คิดให้ดีแล้วกัน ห้องศาสนา ควรคุยเรื่องหลักเรื่องธรรม แต่ตอนนี้ ผมเห้นคุยแต่เรื่องใครจะยึดประเทศ มาเป็นเดือนแล้ว จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:09:54

ความคิดเห็นที่ 58 ผมเคยบอกหลายครั้ง แล้วว่า คุณ Yao ไม่ได้เกี่ยวกับต้นเหตุของเรื่อง แต่อย่างที่ผมยกมา คห.ท่านcorelooy เห็นเช่นเดียวกัน ศัพท์หยาบคายต่างๆ คุณไม่เห็นด้วย คนของคุณด่า ผมทราบครับ ผมมองคุณดีเสมอมา ผมก็ไม่เคยบอก คุณเห็นด้วยและเป็นตัวก่อเรื่อง ย้ำ แล้วย้ำอีก ว่าคุณไม่เกี่ยว แต่ผมต้องพูดภาษาไหนครับ เพื่อให้คุณเข้าใจว่า ศัพท์หยาบคายต่างๆ นั้น เป็นตัวยกระดับ ความรุนแรงเพิ่มขึ้น ไปจนถึงระดับที่เกินควบคุม คำหยาบคาย หยามเหยียด ท้าตีท้าต่อยเหล่านั้น เป็นเชื้อไฟอย่างดี ให้ปัญหามันบานปลาย คนถูกด่าย่อมต้องสรรหาวิธีมาทิ่มแทงกันต่อ ทิ่มถึงพระเจ้า ทิ่มถึงข่าวนสพ. ทิ่มถึงสัญชาติ หาช่องทิ่มไปเรื่อย ทำไมเขาถึงทิ่มล่ะ? เขาจะทิ่มได้ไหม? ถ้าอีกฝ่ายตั้งรับนิ่งๆ ใช้แนวสันติวิธีเป็นหัวใจ พอเติมไฟกัน คุณไม่ได้เติม เป็นสามัญสำนึกที่ต้องออกจากกองไฟครับ ไม่ใช่ตะโกนหาคนเพิ่ม ให้ร่วมกระโดดเข้ากองไฟ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:17:05

ความคิดเห็นที่ 59 เวียนกลับมาเก็บประเด็นทั้งปวง หาสิ่งความอันใดที่ควรจะสาระ เก็บไว้ แต่ที่เก็บไว้ไม่ได้คือความห่วงใยที่ยังพอมีให้ --- เมื่อได้พบ การชูธง อาสาออกรบคนเดียวเยี่ยงที่ยกลงมานี้ ในกระทู้นี้ ผมขอให้มุสลิมท่านอื่นๆ เลี่ยงนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมขอกระทู้นี้ให้ผมพิมพ์คนเดียวก็พอ เจ้าของข้อความ พลีชีพ สองบรรทัดสีส้มบนนี้  จงเงยหน้าขึ้นจากฝ่าเท้าตนเอง  ขึ้นไปดูตั้งแต่ คคห.ที่ ๑ ไล่ลงมา ผู้คนที่ท่านฯเอ่ยไปถึง ส่งใจความนัยของข้อความ ๒ บรรทัดไปหานั้นน่ะ  ถ้ามา-ถ้าจะมา ... ไม่ต้องรอเสียงแห้งๆของท่านฯเสียงเดียวหรอก พวกเขาไม่เคยรอท่านฯนิ ถ้าจะมา ก็เข้าแถวแซงหน้าดักหลังกันมา ..มาเป็นหมู่ ก่อน คคห.ที่ ๑ จะลงมาด้วยซ้ำไป-นะ ท่าน login Yaoharee ทำเหมือนกับว่าไม่รู้ทางเดินทัพกลุ่มชนที่ท่านฯคุ้นเคยกลยุทธดีอยู่แล้วเลยหรือ?/ลืมเลือนอย่างเร็วไปแล้วงั้นหรือ?  -&- ถ้าจะคิดไปเองว่า นี่-นี้เป็น ๑ วาทะเสี้ยม วางหมากจาก กรองคำ ก็คิดไปเถิด-ก็เท่านั้น-นะ  แต่บอกมาเพื่อให้สำนึก ตามจริง ถ้าไม่รับรู้ก็เท่านั้น ท่าน login Yaoharee กรองคำ เคยได้ให้แนวคิด ๑ แก่ท่านฯไว้แ้ล้วนะว่า อย่าหลงติดพัน อัตตาตน จนอ้าสองมือออกไปจนสุดล้า-สุดแรงศรัทธาในการเป็น ผู้ให้ ใดนั้นที่ตนมี  เพราะว่า เมื่อถึงคราวที่ท่านฯถูก_ปาหน้าคนเดียวแล้ว ท่านฯจะไม่มีมือพอปกป้องตนเองได้ --- เว้นแต่จะ กลับกลอก เก่งพอ เอาตัวรอดได้คราว ๑ หน ๑ เยี่ยงใดนั้น ปล ๑. กรองคำไม่ตำหนิ ท่านยิ้มเลย-นะ --- แต่ไม่ใช่เพราะว่า มีความเป็นกลุ่มหมู่ชนไทย ที่พันธนาการศรัทธาแห่งจิตตนด้วยพระพุทธศาสนาเช่นกัน แต่เพราะเหตุว่า มี ปรากฏการณ์ตรงเรื่อง ที่ สามารถ ชี้ ได้เช่นนั้น จริง  -@- ขอย้ำว่า ภาพที่ออกมามันเป็นเช่นที่ ท่านยิ้ม Smilling-girl แสดงมานั้น จริงๆ ... จริง-จริง ทั้ง ณ กาลเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้า หลายสัปดาห์ จนมาถึง ณ วันนี้  ชัดเจนพอแล้ว-นะ ปล ๒. ไม่มีความจำเป็นจะต้องโยนอะไรที่ตนเองต้องพิจารณา ให้คนอื่น พิจารณา-นะ ท่าน login Yaoharee จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:18:14

ความคิดเห็นที่ 60 ลุงกรอง ลุงต้องเข้าใจว่า มันเจ็บปวดนะครับถ้ามีใครต่อว่าศาสนาเช่นเดียวกับที่ลุงโข ต่อว่าในกระทู้นี้.. ไม่เช่นน้นลุงคงไม่ต่อสู้ทางกฏหมาย เพื่อจะเอาผิดอ.ชารีฟหรอกครับ นั่นทำให้ผมเข้าใจลุง แต่ทำไมลุงไม่เข้าใจผมหรือมุสลิมท่านอื่นๆเลย ที่ผมขอให้มุสลิท่านอื่นไม่พิมพ์ในกระทู้นี้ เพราะผมไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย และประเด็นแตกออก ไม่ใช่ว่าผมกลัวฝั่งมุสลิมอย่างเดียว ผมกลัวทุกฝั่ง ขนาดผมคนเดียวลุงกรอง ยังทำแบบนี้ ทิ้งคุณธรรมเพื่อเอาชนะ ถ้ามีท่านอื่นเข้ามาอีก คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลุงกรองจะขอเรื่องคุณธรรมอะไรกับใครได้อีกครับ ในขณะที่ลุงกรองใส่ความผมในกระทู้ที่แล้ว และ ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ ผมเองไม่มีปัญหาส่วนตัวกับใคร  ผิดก็ว่าไปตามผิด มันไม่ใช่การชักธงรบอะไรทั้งนั้นครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:23:18

ความคิดเห็นที่ 61 เชิญท่านกรองคำ ต่อก่อนครับ /ขอบคุณท่านกรองคำสำหรับ link คห.ท่าน corelooy ด้วยครับ _/\_ ----------- เดี๋ยวจะว่าผมพิมพ์ไม่ครบ เห็นกองไฟทำไมไม่ดับ ตรงนี้ให้ท่านกรองคำ คุยต่อก่อน ผมจะทิ้งเรื่อง กองไฟ เผื่อคุณจะคิดได้เอง เยี่ยงคนปราศจากอคติที่คุณชอบอ้างหนักหนา แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:29:59 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:26:04

ความคิดเห็นที่ 62 ส่วนลุงซิม ศัพท์หยาบคาย ไม่เท่ากับเนื้อหา ที่หยาบคายหรอกครับ คนเราพูดเพราะแต่ด่าถึงชาติพันธ์ ผมก็เห็นมาแล้วในห้องศาสนา มันเทียบไม่ได้กับการด่าคำหยาบแต่ไม่ ดูถูกเผ่าพันธ์ด้วยซ้ำ ผมว่า ถ้าเรื่องทั้งหมด มาจากการด่ากันหยาบคาย มันเหมือนเด็กๆว่าไหมครับ ผมเองยังไม่เห็นเดือดร้อนอะไรกับที่คุณยิ้มด่าหยาบคายใส่ผมเลย ถ้าลุงซิมเอาเรื่อง ว่า เพราะด่ากันหยาบคาย มาเป็นตัวขับเคลื่อนความขัดแย้งห้องศาสนา โดยมองข้าม เนื้อหาที่รุนแรงกว่าอย่างเรื่องชาิตพันธ์ และการกล่าวหาว่าก่อการร้าย มันเหมือนเด็กอมมือว่าไหมครับ ผมบอกแล้ว ผมเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องความแตกแยก และ ผู้ที่ขับเคลื่อนความแตกแยกด้วยการเมือง ผมซวยที่เกิดมาเห็นเจตนา พวกนี้ ง่ายๆ แม้จะซ่อนด้วยวาทกรรมสวยงามแค่ไหน ทำให้ผมต้องมายุ่งกับเรื่องแบบนี้ และ คิดว่าเป็นความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องร้องขอ ผมไม่ใช่คนดีครับ ผมเลวได้ แต่ผมรุ้ว่าผมจะเลว เพื่ออะไร และเลวในแง่ใน ในแง่ภาษา หรือ แง่หลักธรรม จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:29:02

ความคิดเห็นที่ 63 ลุงซิมชอบอ้างเหตุ ผมก็ถามแล้วเหตุคืออะไร ก็เห็นลุงวนอยู่นั่น อยากให้ใครแสดงความรับผิดชอบอะไรก็ให้ชัด เหตุที่ว่า เหตุลวงหรืออคติ กองไฟที่ว่าคิดไปเองหรือคิดเข้าตัว ผมเคยตั้งกระทู้ไปนานแล้วว่อยากได้อะไรจากฝั่งมุสลิม อยากให้ใครออกมาขอโทษหรือรับผิดชอบอะไร ก็ไม่เห็นมีหน้าไหนทำ แต่เรื่องมาอ้างเหตุลอยๆ ซ้ำแล้วซ้่กอีกในกระทู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน คงเพราะรุ้ว่าเหตุที่ตัวเองอ้างนั้นมันไร้สาระหรือหลักฐานไม่พอ จนเผยให้เห็นอคติ และ การกล่าวหาเสียมากกว่า นะครับลุงซิม จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:33:59

ความคิดเห็นที่ 64 ทั้งศัพท์ ทั้งเนื้อหาที่รุนแรง เกิดจาก ต้องการยกระดับให้อีกฝ่ายยอมจำนนใช่มั้ยครับ? แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมล่ะ ? เขาก็หาช่องทิ่มแทงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ได้ไปถึงไหนล่ะ ? คนนึงก็เล่นศาสดาเป็นขอทาน อีกคนก็เล่นถึงชาติพันธ์ คำว่า ศัพท์หยาบไม่เท่าเนื้อหาที่รุนแรง คือ เอาตัวคุณวัดครับ ผู้ชายบางคน หากถูกผู้หญิงมองด้วยหางตารังเกียจ เขาตบครับ ผู้ชายบางคน ถูกด่าพ่อล้อแม่ เขาตบครับ ผู้ชายบางคน ถูกล้อปมด้อยร่างกาย เขาตบครับ คุณจะทราบหรือว่า login อื่น ที่วิวาทะกับ นักก่อปัญหาฝั่งคุณเขา มีขีดจำกัดต่ออารมณ์เขาจุดไหน? ยกด้านบนมาให้รู้ว่า คนมันไม่เหมือนกัน ไม่ต้องเอาศาสนามาอ้างหรอก คุณหน่ะ ประกาศแล้วว่า ไม่ยอมเรื่องเชื้อชาติ คนอื่นเขาไม่ได้ประกาศ เขาทิ่มเลย แล้วให้ผม เอาใครเป็นจุดหมุนครับ? ผมและคนทั้งบอร์ด ต้องเอาตัวใครวัด ระดับความรุนแรง? ในเมื่อรู้กันเป็นมาตรฐานสากล ว่า คำหยาบคาย(ที่่ท่าน Corelooy ยกมา) คือ เชื้อไฟอย่างดี  ที่ทำให้ปัญหาบานปลาย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:40:48

ความคิดเห็นที่ 65 : ) ท่านแมทท์  ขออภัย ผมยั้งมือไม่ทันกดให้กิฟท์ไปก่อนอ่านจบ ท่านแมทท์ มุ่งตรงสู่คำสอนหัวใจของพระพุทธศาสนาเลยครับ ตามแนวทางของท่านโกเอ็นก้า ไม่มีพิธีใดๆ ไม่ต้องกราบไหว้อะไร ใช้ได้สำหรับทุกศาสนา ท่านโกเอ็นก้ามีสถานปฏิบัติธรรมในอเมริกาด้วย ขอให้สำเร็จในธรรมอย่างน้อยโสดาบันครับ : ) -------- http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/06/Y10665145/Y10665145.html จากคุณ : Mahasati Neo เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:44:38

ความคิดเห็นที่ 66 เอาครับ ถ้าลุงซิม มองปัญหาการด่าทอกันน่ารักๆว่าคือ ต้นตอ มากกว่า เรื่องอื่นๆ ที่จริง ผมไม่ได้หาเหตุ ด้วยซ้ำว่าใครเป็น ปฐมเหตุ เพราะการหาเหตุแบบนั้น มันคือการหลงทางตั้งแต่แรก มันอยู่ที่ว่า วินาทีปัญหานั้นเราจะใช้คุณธรรมข้อไหน ในการรับมือ นั่นเป็ฯเรื่องสำคัญกว่า สิงที่ผมเห็นปัจจุบันคือ สงครามที่ใช้สมาชิกห้องศาสนาเป็นเบี้ย ระหว่าง สังคมพุทธคลั่งกลัวโดนยึดประเทศ และ สังคมมุสลิมสำนักคิดต่างๆ เพื่อชิงพื้นที่ี โดยมีตัวหมากที่เป็นผู้เล่นมากมาย   น่าเบื่อหน่ายครับ ใครจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่ากล่าวร้ายใส่ศาสนา ไม่ว่าศาสนาใด หรือ เหมารวมสังคมมุสลิมก็พอ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็หนีไม่พ้นที่ผมจะต้องมายุ่งเกี่ยว และ ลากออกมาให้เห็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้ จะเสียผู้ใหญ่กันอีกหลายคน ปล ถึงบอกลุงซิมมีปากแต่ไม่มีหู และไม่มีหัวใจ ผมไม่มีฝั่งครับ ผมบอกคุณหลายครั้งจนต้องด่าแล้ว คุณแครอท หรือ แม้แต่น้องเกาะผมก็วิวาทะแรงๆมาแล้วหลายท่านก็ทราบดี หัดใช้หูให้มากกว่าปาก ผมว่า เหตุที่คุณมองหาจะแก้ได้นะครับ ปล2.บางทีปัญหามันอาจจะมาจากลักคิดโง่ๆที่ว่า ถ้าคนหนึ่งแสดงหลักคิดที่เลวแล้ว จะเป้นคนเลวตลอดการ ถ้าคนหนึ่งแสดงหลักคิดที่ดีแล้วจะเป็นคนดีตลอดการ คิดโง่ๆแบบนี้บ้านเราถึงโดนนักการเมืองหลอกใช้เป็นเบี้ย เพื่อครอบครองทุนกันอร่อยงัยใคร เชื่อใครแล้วก้ปักอยุ่นั่นว่านั่นต้องดี นั่นต้องเลว โดยมองข้ามหลักการพื้นฐานว่า คนเรามีทั้งด้านดีและด้านเลว :D แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:51:40 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:48:10 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:46:07

ความคิดเห็นที่ 67 สวัสดีค่ะ  กระทู้ท่านแมทท์.. ขอร่วมสนทนาด้วยคน.. หลากหลายคำตอบ ทัศนะ ที่ถกกันในมิติต่างๆ ชวนให้คิดต่อยอดดีนะคะ : ) อนึ่ง ตามที่หลายท่านได้แสดงความเห็นต่อประเด็น "Requirement รูปเคารพ"  มองว่า "ไม่ห้าม ไม่ใช่แก่น แต่ไม่ใช่ไปทำลายทิ้ง" ประเด็นที่เคยเกิดเป็นกรณีศึกษา ไม่นานนัก คือ เคสพระเกษม สั่งทำลายพระพุทธรูป  1. เห็นคำท่านกรองคำ เอ่ยถึง "อุทเทสิกเจดีย์" (ความเห็น 6) ตามมาด้วย คำถามสอดคล้องกับบางล็อคอิน และ key word นี้  ก็พอจะหาอ้างอิงบางส่วนที่เคยถกกันในลานเสวนาแห่งนี้ ดังเช่น http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/02/Y11739007/Y11739007.html http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/09/Y11067194/Y11067194.html#2 2.  เรื่อง ศีล 227 ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ กับ  หลักเกี่ยวกับครอบครัว  ขออนุญาตยกคำตอบท่านวิหาร ที่เคยเห็น มาไว้ลองทัศน์.. http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12175110/Y12175110.html#5 คำสอนในพุทธศาสนานั้น เกี่ยวกับเรื่อง การมีบุตร ภรรยา หรือครอบครัว นั้น มีสองระดับ คือ การแสดงสำหรับผู้เป็นฆราวาส  และการแสดงสำหรับนักบวชหรือผู้มุ่งหลุดพ้น _________________________________________________________ สำหรับฆราวาสผู้มุ่งอยู่ครองเรือนนั้น พระพุทธองค์จะแสดงในลักษณะ แบบในมงคล ๓๘ เช่น มงคล ข้อ ๑๓.  การสงเคราะห์บุตรและภรรยา หน้าที่ของสามีที่มีต่อภรรยาไว้  ๕ สถานคือ ๑.  ยกย่องว่าเป็นภรรยา ๒.  ไม่ดูหมิ่น ๓.  ไม่ประพฤตินอกใจ ๔.  มอบความเป็นใหญ่ในบ้านให้ ๕.  ให้เครื่องแต่งตัว (ตามฐานะ) http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html#13 _________________________________________________________ ส่วน ธรรมในระดับสำหรับผู้มุ่งเป็นนักบวช หรือมุ่งหลุดพ้น  พระพุทธองค์จะแสดงให้เห็นถึงโทษ และความเป็นทุกขอริยสัจจ์ คือ ตัวเราเอง ก็มีความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันเป็นทุกข์ที่หลีกไม่พ้นอยู่แล้ว การไปสรรหา สิ่งอื่นเช่น ภรรยา ซึ่งก็ต้องมี ความแก่ ความเจ็บ ความตายด้วยเหมือนกัน จึงเป็นการแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ สู้แสวงหาซึ่ง พระนิพพานอันเป็นธรรมที่ดับทุกข์  ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตายจะดีกว่า ดังที่ทรงแสดงใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ความว่า...... ดูกรภิกษุทั้งหลาย การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ โดยตนเองเป็นผู้มีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งมี ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ เป็นผู้มีโศก มีสังกิเลส เป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมีโศก มีสังกิเลส เป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ ก็อะไรเรียกว่า สิ่งมีชาติ (ชรา พยาธิ มรณะ โศก สังกิเลส) เป็นธรรมดา บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมี ชาติ เป็นธรรมดา ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีชาติ (ชรา พยาธิ มรณะ  โศก สังกิเลส) เป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นอุปธิ ผู้ที่ติดพัน ลุ่มหลง เกี่ยวข้องในสิ่งมี ชาติ เป็นธรรมดาเหล่านั้น ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มี ชาติ เป็นธรรมดา ยังแสวงหาสิ่งมี ชาติ เป็นธรรมดา อยู่นั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การแสวงหาที่ประเสริฐเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ โดยตนเองเป็นผู้มี ชาติ (ชรา พยาธิ มรณะ โศก สังกิเลส) เป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีชาติ (ชรา พยาธิ มรณะ โศก สังกิเลส) เป็นธรรมดา ย่อมแสวงหา "พระนิพพาน" ที่ไม่เกิด หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ ...... ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้แล คือการแสวงหาที่ประเสริฐ. มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ http://www.84000.org/tipitaka/read/?12/313-315/314 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร   เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:30:51  -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- ความเห็น 5 คำถาม ท่าน เกลือจืด  คือเรื่องแรก คือเรื่องรูปเคารพ ผมขออนุญาตมองต่างมุมว่า ก่อนพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท่านก็มิได้ไหว้รูปเคารพใดๆ ดังนั้น การไหว้รูปเคารพจึงไม่ใช่เหตุและผลของเส้นทางสู่พระนิพาน อันนี้ท่านคิดเห็นอย่างไรครับ ขออนุญาตแสดงความเห็น.. รูปเคารพ ไม่ใช่แก่น แต่หากเปรียบศาสนาพุทธ ดังต้นไม้ใหญ่  รากแก้วที่หยั่งลึกแข็งแรง ทำหน้าที่ฉันใด  กระพี้ ใบ ลำต้น ส่วนต่างๆ ก็ล้วนมีหน้าที่ประคอง ให้ต้นไม้แห่งพระพุทธศาสนา แผ่กิ่งก้านสาขา  และดำรงอยู่ให้ถึงกาลอันควร ทั้งสิ้น  -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- ส่วนเรื่อง การถือศิล 227 ข้อนั้น ผมมอง มันเป็นเพียงแนวทางที่ใช้ในการควบคุมจิตใจ เพื่อให้พระสงฆ์ 1. บรรลุธรรมอย่างง่ายขึ้น 2. ควบคุมพระสงฆ์ให้อยู่ในระเบียบวินัย หรืออื่นๆ ดังนั้น คนทั่วไปอาจไม่สามารถปฎิบัติได้ 277 ข้อได้ แต่ศิล 227 ข้อนั้น ก็คงไม่ใช่บทบังคับว่า ถ้าไม่ถือศิล 227 ข้อแล้วไม่สามารถเข้านิพานได้ ปัญหาที่น่าคิด ถ้าเราไม่ยึดศิล 227 ข้อแล้ว ยังสามารถเข้าถึงนิพานได้หรือไม่ (หมายถึง คนทั่วไปที่รักษาธรรมในจิตใจ จนบริสุทธิ์แล้วนะครับ) -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- ตามความเข้าใจ จากการตีความ imply ได้ว่า  ฆราวาส (บุคคล ผู้ไม่ได้อยู่ในสมณเพศ หรือ พระสงฆ์) ก็สามารถเข้าถึงสภาวะนิพพานได้  ลำดับขั้นของอริยบุคคล มี โสดาบัน > สกิทาคามี > อนาคามี > อรหันต์ โสดาปัตติมรรค ขึ้นไป มีนิพพานเป็นอารมณ์ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=31&A=2907&Z=2969  อนึ่ง ความเชื่อเรื่อง นิพพาน เป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน ยากต่อการทำความเข้าใจ และสุ่มเสี่ยงต่อการตีความผิดเป็นอย่างยิ่ง  ความเห็นนี้ ก็เป็นเพียงหนึ่งทัศนะ เท่านั้น.. -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- เคส ยิงคนตาย .. สักพักหนึ่ง มีข่าวครูดนตรีไทยท่านนั้น ยิงครูใหญ่จนเสียชีวิต ผมได้ข่าวตั้งแต่ตีสอง เพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟัง ผมก็รู้ว่า ลูกชายรักครูดนตรีไทยนั้นมาก จึงไม่ได้พูดอะไร เพราะก็อยากฟังเสียงจากทาง รร. ว่าพวกครูเขาจะสอนเด็กไว้อย่างไร ลูกชายผมพอกลับจาก รร.  ก็นอนซึมแล้วบอกเรื่องครูของเขาไปยิงคนตาย หากจะตำหนิ ควรอย่างยิ่ง ที่จะเพ่ง "โทสะ"  กิเลสตัวดี ที่เกิดได้ในจิตใจมนุษย์ทั่วไป.. เจ้าโทสะ น่าจับมาเฆี่ยนให้หมดโลก ทำกรรมใดไว้ ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นๆ เอง -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- --  การฆ่ากินเป็นอาหาร ทำไมจึงไม่เป็นการเบียดเบียนสัตว์ การให้คนอื่นฆ่าให้กิน ทำไมจึงไม่เป็นการเบีียดเบียนสัตว์ ประเด็นนี้..  ขอแสดงทัศนะดังนี้ ศาสนาพุทธ ให้ความสำคัญเรื่อง "เจตนา"  อนึ่ง บุคคลผู้ถือศีล 5 จะไม่กระทำการเบียดเบียน หรือฆ่าชีวิตสัตว์อื่น  นั่นไม่ได้หมายความว่า "จะกินเนื้อสัตว์ไม่ได้"  แต่ไม่ได้มีเจตนา ที่จะฆ่า อีกทั้งไม่ได้มีส่วนร่วม รุเห็น (เป็นใจ) ต่อการฆ่าชีวิต และไม่ได้หมายความว่า ให้ผู้อื่นฆ่าให้กิน เป็นการเลือก อาหาร เพื่อยังชีวิตให้ดำรงอยู่ได้ การเจาะจง หรือ เข้าไปมีส่วนรุเห็น ต่อการฆ่าใดๆ ย่อมยังกรรมให้ตกแก่ผู้นั้น -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- การกล่าวเช่นว่า  ธรรมเรื่องการป้องกันตัว ธรรมเรื่องฆ่าเพื่อกิน   ก็เป็นธรรม คือธรรมชาติของมนุษย์ ก็เห็นด้วยบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ธรรมเรื่อง ฆ่าเพื่อกินนั้น เป็นธรรมชาติของ "นักล่า" หรือ สัตว์กินเนื้อ วิถีของปุถุชนนั้น เป็นไปได้  ไม่ว่านับถือ ลัทธิ ศาสนาใด แต่มนุษย์ ผู้ปลดเปลื้องซึ่งอาวุธ มุ่งแต่ประหัดประหาร กิเลสในจิตใจ  ในที่นี้ มุ่งเน้น เจาะจง ถึง เพศบรรพชิต ในพระพุทธศาสนา ที่ชัดเจนว่า จะไม่กระทำกรรม อันเกี่ยวเนื่องกับการเบียดเบียน / ฆ่า ชีวิต ผู้อื่น สัตว์อื่น  ด้วยเหตุผลเพียง ธรรมชาติของสัตว์นักล่า หรือป้องกันตัว แต่อย่างใด เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ ทำให้มองได้ถึง ปัจจัยภายนอกพระพุทธศาสนา  ที่ ส่งผลให้ "เสียเปรียบ" ศาสนา โดยเฉพาะ "บาง" ลัทธิ อย่างเห็นได้ชัด  คงไม่ต้องขุดสาวหาความนะ.. วิเคราะห์เอง คงไม่เกินความสามารถ ?? -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- ที่น่าตัดพ้อ ก็คงเพราะจุดนี้ล่ะ ศาสนาพุทธ ที่ใครอ้างว่า ทำตัวเองให้ดีก่อน  หากจะเผยแพร่ศาสนา หรือ "แขยง" หรือลามไปถึง "ขยาด" ต่อ ลัทธิ ใด  ก็คำสอนสำหรับ พุทธสาวก มีไหมล่ะ ให้ไปเบียดเบียน ฆ่าแกง ชีวิต ผู้อื่น หรือ ส่งสัตว์ใด ขึ้นสวรรค์ โดยการปลิดชีวิต ..  ของที่มัน "มี", ของที่ "กลายพันธุ์" คิดจะทำให้มันหมด ก็ "กล้า" ยอมรับก่อนเถิด มี หรือ ไม่มี .. รุอยู่แก่ใจ  -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- --  ที่ตอบไว้ก็เพียงการตรึกส่วนบุคคล ตามที่เห็นดังนี้ เรายึดถือธรรมต่างกัน ในเมื่อไม่เห็นด้วยก็เลี่ยงที่จะวิพากษ์เสีย ถ้าลากมารวมกัน ถ้าจะวิพากษ์ศาสนาอื่น ย่อมต้องยอมรับให้ศาสนาอื่นวิพากษตัวเองด้วย เมื่อท่านวิพากษ์มา ก็วิพากษ์ไปบ้าง ตามเหตุผลที่พึงแสดง อนึ่ง ทุกจิตใจ 1.หากมีธงปักในใจแล้ว 2.  เลือกจะหยิบข้อความใดมาเกลา  มันเป็นดาบทิ่มแทง หรือ ดอกไม้ มอบให้ผู้อื่นได้ทั้งนั้นแหละ ... ว่างั้นมะ ผมใหความเคารพธรรมในพระพุทธศาสนาในส่วนที่ผมเห็นด้วย ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วย ผมก็เลี่ยงเสีย เห็นท่าน "เลี่ยง" เยี่ยงนี้ ก็ขอ "เสี่ยง.." บ้าง ไรบ้าง.. คงไม่ว่ากันนะ  ถ้ามีท่านอื่นเข้ามาอีก คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ม่ายด้ายจามาจุดฟายยนะเค๊อะ... เลื้อยอ่านไล่มาเรื่อยๆ พอปามานและ ก็ว่ากันไป ก็สุดแต่ใจ ใจใครก็ใจมัน .. สุขสันต์ยามบ่าย สหายร่วมโลก :D -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:51:10

ความคิดเห็นที่ 68 จริงๆ โตแล้ว เก็บไปคิดเองครับ ถ้าแก้ไม่ตรงจุด ก็ผิณหลังไป ไม่ใช่ลากทั้งบอร์ดไปฟูมฟาย เลิกนับถือผู้ใหญ่ในบอร์ด สักพักก็ย้ายบอร์ดเล่น ไม่ได้เกิดความสามารถอะไรใหม่ นอกจากตกเป็นเบี้ยล่าง ให้สถานการณ์ลากจูงไปเหมือนเด็ก2-3ขวบ ผมพูดถึงกรอบปัญหา ในทางปฏิบัติ login Jimbovy ยังมีความเปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์ ในการจำกัดกรอบปัญหา ให้แคบลง เรื่องการลากทึ่งดึงทั้งศาสนาไปเหมารวม คุณ Yao เสียอีก ยังหลับหูหลับตา เชื่ออยู่ว่า เพราะ อีกศาสนานึงมันหน้าไหว้หลังหลอก คุณธรรมของมันจอมปลอม จากเมื่อวาน ผมไม่คาดหวังให้คุณฉุกคิดหรอกครับ คิดไม่ออกก็ด่าว่าคนทั้งหมดต่อไป ด่าให้ถึงโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเขาได้ ก็เชิญต่อครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:55:53

ความคิดเห็นที่ 69 คุณเลี้อยด้วยความเคารพ ผมเข้าใจที่คุณพูดทุกประการ แก่นธรรมของศาสนานั้น ถูกแปรเปลี่ยนไปตามเวลา จากแก่นกลายเป็นเปลือกจากเปลือกกลายเป็นกระพี้ มุสลิมในที่นี้หลายท่านแล้วย้ำว่า ไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้าย ไม่เห็นด้วยกับ ความเลวต่างๆ แล้วมีใครฟังบ้าง เห็นก็ย้ำป่าวๆ ว่า ปกปิด ปกปิดแมวอะไรครับ ไอ้ที่แปะๆ หรือแสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยนัน้ เอาหูฟังกันบ้างหรือเปล่า หรือเพราะมันไม่ถูกจริตเลยไม่ฟังกัน ผมถึงบอกมีแต่ปาก ไม่มีหู อิสลามก็อยู่ที่เจตนา แล้ว บอกว่า เจตนาเป็นสำคัญว่า ฆ่าเพื่ออะไร มันไม่ได้ขัดแย้งกัน นั่นคือสิ่งที่ผมแย้งลุงโข ส่วนการอ้างฆ่าก็เป็นอีกเรื่อง ก้ได้เขียนย้ำไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าฟังกันบ้างหรือเปล่า รุ้สึกเหมือนวนอยู่ในอ่าง มุสลิมปกปิดความชั่วของมุสลิมด้วยกัน ลุงแมทท์ก็เป็นคนเอาแนวคิดนี้มาเผยแพร่ ทั้งๆที่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็น ผมละให้เสียใจกับยาที่ลุงแมทท์วางไว้กับสังคมในบอร์ดนี้ ที่เหมารวมมสุลิมทุกคน คนที่ฟังลุงแมทท์ก็เชื่อกันไปหมด โดยทิ้งหลักฐานเชิงประจักษ์ อย่างการอธิบายกับสภาพสังคมที่เกิดขึ้นจริง และไม่จริงในประเทศ มี 1 กับ 0 ปนกัน ดันเหมาว่าเป็น 0 หมด มุสลิมที่ไม่เห็นด้วยกับอ.ชารีฟ มุสลิมที่ไม่เห็นด้วยกับก่อการร้าย พูดไปมีใครฟังบ้าง ก็เห็นเลือกฟังอยู่อย่างเดียว หลักฐานเชิงประจักษ์อย่างเรื่องงบ เรื่องปริมาณคนตาย ว่ามีศาสนาไหนบ้าง เรื่องยาเสพติด บลาๆ ธรรมข้อ กาลามสูตร กับสังคมพุทธในประเทศไทย ก็มีสภาพออกมาอย่างที่เห็น จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:01:09

ความคิดเห็นที่ 70 ผมไม่ได้ลากบอร์ดไปฟูมฟายนะครับลุงซิม ผมกำลังต่อว่า ผู้ใหญ่จอมปลอมเรียงคน ลุงซิมสอนลุงจิม ผมก็สอนลุงซิมได้เพราะลุงซิมไม่ไดมีอะไรดี หรือเปล่าผู้ทรงคุณธรรมเลย จากการเลือกปฏิบัติที่ลุงซิมกระทำอยู่ อย่างชัดเจน ถึงตรงนี้มีแต่ลุงซิมที่ฟูมฟาย โดนผมต่อว่าไปกี่ประเด็นแล้ว ลุงซิมยังไม่รุ้ตัวหรือครับ ผมไม่เห็นลุงซิมจะแย้งประเด็นที่ลุงซมิกล่าวหาได้สักข้อ มีแต่โดนด่ามากขึ้นเรื่อยๆ อย่าพิมพ์มากไปกว่านี้เลยครับเสียผู้ใหญ่ ถ้าอยากเล่นเรื่องหลักฐานจอมปลอมที่วา่ ก็ไปหามา ไม่ใช่เอา คำด่านิดๆหน่อยมาแปะ แล้วฟูมฟายว่า นี่ไงหลักฐานๆ ปัญญาอ่อนว่าไหมครับ ผมให้เดาคงไม่มีความสามารถหาหลักฐานที่อุปโลกหรอกครับ เพราะต่อให้มีมันก็น่าเรัก เหมือนการพิมพ์ด่ากันไปมาเรื่องคำหยาบ โอ่วใช่แล้ว คำหยาบทำให้โลกเปลี่ยนไป ฮาดีครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:05:25 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:04:12

ความคิดเห็นที่ 71 ผมย้ำแล้วย้ำอีก หลายครั้ง เรื่องดี/เลว ผมไม่เคยว่าใคร ดี/เลว เลยในบอร์ดนี้ มองเป็นเรื่องผิดพลาดกันได้ กระทู้ท่าน เกลืดเม็ด เรื่อง"ความยุติธรรม" http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12133951/Y12133951.html คุณ Yao  ก็ยังยัดความคิดคุณ เรื่องดี/เลว มาใส่ผม สังเกตหลายครั้งว่า คุณพยายามโยนแล้วยัดสิ่งที่คุณคิด ให้คนที่เขาไม่ได้คิด และหลายครั้งที่คุณโยนแล้วยัด  โดนคนอื่นสวนกลับมาด้วยคำด่า คุณก็ยังไม่ได้สติ ในสิ่งที่คุณโยนแล้วยัด ความคิดตัวเองให้คนอื่นเหมือนเดิม ผมโตเกินกว่า แบ่งแย่งภาคดีภาคเลว แล้วครับ แล้วผมก็ฟังคุณมาเยอะ เห็นใจคุณก็มาก แต่ไม่เคยบอกว่า เป็นปัญหาศาสนา ผมเห็นใจท่านแมทท์ กับท่านกรองคำมากกว่า ที่พยายามชี้แจงแต่ไม่เคยทะลุเข้าไปในอารมณ์อคติคุณเลย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:07:09

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่ต้องอ้างใครหรอกครับลุงซิม ปล่าวประโยชน์ ทะลุอะไรครับเพราะมันไม่มีอะไรให้ทะลุไงครับ ผมบอกแล้ว ว่าพูดกับผมก็พูดด้วยหลักธรรม วิณณญูชน ก็ไม่เห็นมีสักข้อ ที่เห็น ก็มีแต่เรื่องแค้นฝั่งหุ่น เล่นพรรค่เล่นพวกอ้างศาสนา แค้นเก่าๆ เลย ต้องเอา เรื่องคำหยาบปัจจุบันมาเป็นประเด็นโลกแตก คือใครก็พูดได้ครับว่าิส่งที่พูดนะพูดถูก ขนาดเรื่อง ฝั่งเรื่องพวก คุณยังไม่เข้าใจ นับประสาอะไรจะ ตัดสิน เรื่องอื่น ? ผมสอนให้ใช้หูฟังก่อน พูด นี่พูดไม่พอยังอ้างคนอื่นอีก เอาง่ายๆอย่างลุงกรองต่อว่าผมในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ เอาแค่ข้อนี้ ธรรมเรื่องความรับผิดชอบ และให้เกีรยติ ลุงกรองทำหรือยัง ถ้ายังไม่ทำ คิดว่าคำพูดของลุงกรอง จะมีน้ำหนักอะไรอีกในเรื่องคุณธรรม คนที่ท่องคุณธรรมด้วยตำรา ใครก็ท่องได้ แต่พอให้ทำ วางอัตตา แล้วทำได้จริงหรือเปล่า อัตตาตัวเองที่ผิดพลาดยังปล่อยวางไม่ได้ จะสอนอะไรคนอื่น ไม่ต้องอ้างครับ และ ผมสอนคุณแล้วก่อนจะคุยกับคนอื่น ควรให้เกียรติผู้อื่นด้วยการฟัง คุณไม่ฟังผมหลายครั้งแล้ว ต้องให้ผมอัดเทปให้มั้งครับ ถึงจะได้หายโง่ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:14:44

ความคิดเห็นที่ 73 คือ ผมเข้าใจคุณ Yao ว่า โดนภาษาหยาบคายด่าเป็นสวะเป็นขยะมานาน จนชินชากับคำศัพท์ประเภทนั้น แต่คนภายนอก เขาไม่ชินกับศัพท์แบบนั้นครับ พอโดนด่า เขาก็ทิ่มกลับ  เปลี่ยนโลกได้มั้ย ก็ถึงขนาดขอแยกห้อง ถึงขนาดเขาทิ่มเกินลิมิตที่เคยทิ่มกัน อย่างที่ผู้ใหญ่ท่านว่า ในกระทู้  http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12166491/Y12166491.html#4 ท่านแมงกุ๊ดจี่ ก็เอ่ยถึงเรื่องด่าทอ เป็นเหตุของเรื่อง คุณอ่านไม่เห็น ?  หรือคุณ โดนสำรอกคำด่าจนซึมเข้าไปในตัวตนคุณ ? ถึงไม่ถือสา หืออือกับ หลายท่านที่ร่วมกันบอกถึง มาตรฐานสากลเรื่อง ศัพท์??? แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:19:28 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:16:55

ความคิดเห็นที่ 74 ครับๆ ประเด็นขัดแย้งระดับโลกคือเราควรพูดเพราะใส่กัน ได้ครับผมจะบอกลุงจิมให้พูดเพราะ ๆ ใครด่าชาติพันธ์มา ก็ให้ครับก็ให้ขา น่ารักดีประเด็นนี้ ผมจะลองพิจรณาดูว่ามันจะแก้ให้เป็นเรื่องมีสาระได้หรือเปล่า นะครับ จบยังครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:19:01 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:18:37

ความคิดเห็นที่ 75 อ้างถึง... ความตามในกรอบที่ยกมา...@ [เกรงใจท่านผู้เหย้ามาก-แต่มันจำต้องสะสาง อย่างไม่ให้ค้างคา ด้วยความจริง-นะ] ความคิดเห็นที่ 52   ส่วนลุงกรอง ยิ่งลุงขยับตัวมาก ก็ยิ่งเสียผู้ใหญ่มาก การที่คนที่นี่ขอให้เว็บมาสเตอร์ทำหน้าที่ของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้นะครับลุง  เพราะพันทิพย์ ได้ให้ความหวังต่อเรื่องนี้ชัดเจน ในกฏข้อทีี 6 การที่เว็บมาสเตอร์ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองนั้น ไม่ใช่การผลักภาระ ขนาดลุงกรองจับเรื่อง อ.ชารีฟ ลุงกรองยังพยายามทุกอย่างเพื่อให้กฏหมายลงโทษผู้กระทำผิด แบบนี้ เรียกว่าการผลักภาระให้เจ้าหน้าที่ทางกฏหมายหรือ ? ซึ่งผมเห็นด้วยและไม่ได้ขัดขวาง เพราะมันเป็นความชอบธรรม เพียงแต่ ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมลุงถึง มองข้ามว่า การขอให้เว็บมาสเตอร์ ทำตามกฏที่เขียน ถึงกลายเป็นการโยนให้คนอื่น คุณธรรม แบบนี้ หรือ คือ คุณธรรมของผู้จับศาสนา ยิ่งพิมพ์ผมยิ่งเห็นความจอมปลอม และความยุติธรรมจอมปลอม จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:54:16 ขออนุญาตแจกแจง แถลงเป็นเรื่อง ๆ - แยกเป็นข้อ ๆ ไปนะครับ ท่าน login Yoaharee ๑. การที่คนที่นี่ขอให้เว็บมาสเตอร์ทำหน้าที่ของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้นะครับ  โปรดดูคำชี้แจง ด้วยข้อความที่ปรากฏใน ภาพประกอบ --- เป็น คคห.๑ที่ถูกลบไปจากกระทู้ และ เจ้าของความเห็นที่ถูกลบไปนั้น ก็เป็น ๑ ในขบวนแห่แหน ที่ ยกหีบสมบัติเก่าแก่ล้ำค่าขึ้นมาอ้างสิทธิ์การ แหกปาก หาความชอบธรรมของ กฏ เลข 6 จากผู้คุมกฏ จาก Y11994324 กระทู้ : แล้วอะไรเล่าที่สร้างพระเจ้า? ซึ่งมีการทวงสิทธิ์ของการ คงกระทู้ - ลบกระทู้ - ย้ายกระทู้ กันมากมายหลายปากกล้าหาญ และ ๑ ในจำนวนหลายปากห้าวหาญนั้น ก็ได้ใช้สิทธิ์ของตนเองได้อย่าง ไม่เห็นหัวใคร-แม้แต่เว็บมาสเตอร์ของพันทิป !! ใช้วาทะกรรม พาดพิงอย่างหยาบโลน หมิ่น ~ จ่อเรื่องลงใกล้สะดือ ตามสันดานตน พุ่งเป้าเข้าใส่ เว็บมาสเตอร์ ตรงตัว ซ้ำลามปามถึงบุคคลที่ ๓ ของเขา อย่างสิ้นไรวุฒิภาวะ แสดงได้แต่ลามกอุปลักษณ์แห่งพื้นนิสัยตนถ่ายเดียว  คนผู้ที่มี/สร้างประพฤติเยี่ยงนี้อยู่เนืองๆนี่หรือ จะมาเป็น แกนนำกลุ่ม เรียกร้อง กฏ.ข้อ 6 ผู้คุมกฏ ทุกข้อ เพราะเป็นสถานที่ของเขา เขายังให้สิทธิ์ คนพวกนี้ เข้ามาหาที่วางกระทู้ขี้โอ่ ขี้ยกก้นอวดความเป็นเลิศ กดต่ำคนอื่น บลา ๆ ๆ  ที่ ผู้คุมกฏทุกข้อ ยังให้โอกาสโม้ไปได้วันต่อวัน ตามกำลังมัน ได้อยู่มาจนทุกวันนี้  ก็นับว่าบุญคุ้มกะโหลกมากแล้วมิใช่หรือครับท่านฯ login Yaoharee รู้เห็นที่ ยกมาให้ดูต่อหน้าเช่นนี้แล้ว ก็เก็บ ความจริงข้อนี้ ไปก่ายหน้าผาก ตรองดู จะคิดจะตรองด้วยสำนึกส่วนที่ว่า เป็นธรรม&ยุติธรรมที่สุดในแบบของของตน ที่ยังพอมีเหลืออยู่ ก็ได้ตามชอบ-นะ ข้อต่อไป ขอเก็บไว้ ตอบแทนตามเวลา...กลับถึงบ้านตนเอง-ค่ำนี้ [ก็เกรงใจผู้เหย้าที่มาเยี่ยมเยียนเขา แต่ไม่พูดกันเลยนิ] จะมาชี้แจง ท่าน login Yaoharee แบบไม่มั่วรวม คือจะแยกเป็นเรื่อง ๆ ตาม ๒-๓-๔-๕ รวมทั้ง การที่ท่านฯออกปาก ทวงคำขอโทษ จากที่ กรองคำ ได้เข้าไป ชี้ เตือนตรงๆ ว่า... ที่ login Yaoฯ ออกภาพด้วยการร้องขอไปเยี่ยงนั้น มันไม่ต่างจาก การยืมดาบฆ่าคน* เพราะอ่านกี่รอบ-กรองกี่รอบ คคห. ของ จขกท.นั้น ก็เป็นการเรียกร้องให้คนพุทธ เอาข้อพระธรรมพุทธ มา ด่า คนอ้างเป็นพุทธ เมื่อ ชี้ บอกกันไปตรงๆ ไม่มี ๒ หน้า ๓ รอบพลิกลิ้นบิด มันก็เลยกลายเป็นการดูผิด ต่อเจตนาของ login Yaoฯ   กรองคำ จำต้องขอโทษ เพราะมันเป็นการ ชี้ เข้าจุด มันตรงเกินไป ยังงั้นเหรอ ??? คิดฟุ้งซ่านมากเรื่องเป็น แกงโฮ๊ะเมืองท่านยองเจียงใหม่ไปได้นิ --- ทำไปได้นะ ท่าน login Yaoharee-นะ จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:19:31

ความคิดเห็นที่ 76 ลุงกรองคือ ลุงกรองไม่ต้องเอาเว็บมาสเตอร์เป็นพวกหรอกนะครับลุง คือ ผิดก็คือผิด ไม่ทำตามกฏจนความขัดแย้งบานปลายก็ด่าได้ครับ ลุงกรองควรให้ความสำคัญกับเรื่องเว็บมาสเตอร์ไม่ทำตามกฏข้อที่ 6 มากก่าเรือ่งที่ลุงจิมไม่นั่งพับเพียบพิมพ์คุยกับเว็บมาสเตอรืหรอกครับว่าไหม ผมว่าลุงกรองจับ ประเด็นสำคัญผิด ไปเอาเรื่องเล็กมาเป้นเรื่องใหญ่  เพราะอคติ ต่อลุงจิม เรื่องความรับผิดชอบยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดลุงกรองต่อว่าผมลุงกรองยังไม่ต้องรับผิดชอบ ลุงกรองจะไปเรียกร้องความรับผิดชอบเรื่องนี้กับคนอื่นคงไม่ได้หรอกครับลุง เรื่องเว็บมาสเตอร์ ผิดก็คือผิด คือมันจะไม่เป็นประเด็นอะไรเลย ถ้าไม่มีกฏข้อ 6 ขอดีๆ ไมทำก็ต้องด่า  ด่าแล้วก็ยังไม่ทำอีก ก็ต้องปล่อยวาง แต่ด่า ก็อย่าให้รุนแรงนัก ลุงจิมแกก็โหดไปนิด สุดท้ายถ้าเว็บมาสเตอร์ทำตามกฏ ก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันเวลาใครพาดพิงถึงพระเจ้า ถึงศาสดาไม่ว่าศาสนาไหน สุดท้ายลุงกรอง แสดงความเป็นผุ้ใหญ่ แสดงความรับผิดชอบ ให้ดู ก่อนที่จะเรียกร้องจากคนอื่น คนไม่มีคุณธรรมไม่มีสิทธิพูดเรื่องคุณธรรม โดยเฉพาะคุณธรรมเรื่องพูดเพราะ ขอให้ลุงกรองพิจรณา แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:26:35 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:26:06

ความคิดเห็นที่ 77 ตกลงประเด็นตอนนี้คือ การถกกันเรื่องการนั่งพับเพียบคุยกันใช่ไหมครับ ผมจะได้ปรับอารมณ์ถูก ว่ามาเข้าเรื่องไร้สาระนี้ได้อย่างไร หรือ หนีประเด็นจนมาที่เรื่องนี้ ? จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:28:32

ความคิดเห็นที่ 78 ผมไม่เห็นประเด็น ในการต่อว่าผมเลย นอกจากโยนให้คนอื่นไม่ดี ที่ไม่ช่วยเหลือตัวเอง โยนชารีฟให้ผม(ผมก็บอกหลายอาทิตย์แล้วว่า ผมไม่เกี่ยว) โยนว่าผมอคติ(ผมก็ลำดับเหตุการณ์ให้ดู link อ้างอิงที่หลายท่านเห็นตรงกันก็มี) โยนว่าผมไม่แยกความดี/เลว(ผมก็ยก link ท่านเกลืดเม็ดให้) โยนว่าผมไม่ฟัง(ผมก็บอกว่า ผมเข้าใจความโกรธเรื่องไม่ใช่คนไทย) โดยไม่มองพฤติกรรมตนเองเลยว่า อยากให้คนอื่นมาหมุนรอบตัวข้า แล้วก็มี แทรกๆคำว่า "โง่" เป็นระยะๆ ผมก็ยังไม่เห็นเนื้อหาอะไร ที่สนับสนุนคำพูดเหล่านั้น หรือจะให้ผม ใช้ศัพท์แบบนั้นกับคุณบ้าง ผมก็เคยบอกแล้วว่า เรื่องข้ามศาสนา ผมคงไม่ทำให้มันบานปลาย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:31:53

ความคิดเห็นที่ 79 ครับลุงซิม ไม่อคติ เป็นคนดีให้ความเป็นธรรมกับทุกศาสนา เป็นคนรุ้จักฟัง นั่งพับเพียบเวลาคุย ให้ความสำคัญกับการพูดเพราะ จบยังครับ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมว่าพอดีกว่าครับ อย่าฟูมฟาย จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:33:46

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าหมายความอย่างที่พูดจริง #79 แล้วที่กล่าวหาผม ทั้งหมดด้านบน ไม่เป็นความจริง ขอโทษผมยังครับ?? จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:35:49

ความคิดเห็นที่ 81 ไปเรียกร้องคนอื่นตั้งมากมาย มันจะเป็นวัวพันหลักเอานะครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:36:34

ความคิดเห็นที่ 82 อ่อ ลุงกรอง ผมพึ่งอ่านประเด็นเรื่องยืมดาบฆ่าคน เป็นการหาทางออกได้น่าสนใจ แต่ขาดปัญญาว่าไหมครับ คุณ men บิดเบือนหลักการทางศาสนาพุทธว่า วิธีเผยแพร่ของแก เป็นวิธีแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ผม ให้เพื่อนๆ เอาข้อธรรมมาแชร์มาแย้ง ว่าที่ถูกเป็นอย่างไร ก็พึ่งรุ้ว่า ถ้าให้เลือก ระหว่างธรรมที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา กับ คนที่อ้างศาสนาพุทธด่าศาสนาอื่น ลุงกรองดันเลือกอย่างหลัง ผมถึงบอกไงครับถ้าคนเราใจมีอคติ สุดท้าย ของมันก็เข้าตัว วาทกรรมไร้สาระ มันปิดไม่มิดนะครับลุง ขอโทษผมได้หรือยังครับ ที่จริงผมไม่อยากรุนแรงแบบนี้ แต่ลุงไม่หยุด.. แล้วถ้าจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะ ทำเพื่อปกป้อง คนอ้างศาสนาพุทธด่าพระเจ้า ก็ตามแต่ใจลุงกรองนะครบั จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:38:49

ความคิดเห็นที่ 83 ลุงซิม ผมบอกแล้วอย่าฟูมฟาย ไปพักผ่อนเถอะครับ ว่าไป ใน #78  คุณก็ยังโกหก เพราะผมที่ผมบอกว่าคุณไม่ฟัง ไม่ไฟังเรื่องอะไรคุณย่อมทราบดี ยกลิงคืมาแปะ มันแก้ข้อเท็จจริงไม่ได้นะครับ อย่าคิดอะไรง่ายๆ มักง่ายแบบนั้น โกหกกลางกระทู้แบบนี้ หวังอะไรหรือครับ พักเถอะครับ คุณธรรมมันล่อนจ้อมหมดแล้ว แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:45:35 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:43:47 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:40:40

ความคิดเห็นที่ 84 การเรียกร้องคนอื่น แล้วตัวเองทำไม่ได้ อย่าเรียกร้องครับ เหมือน login พรรคพวกคุณ ที่มาเรียกร้องขอหลักฐานอ้างอิงผม กระทู้ก่อน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12156286/Y12156286.html แต่เจ้าตัว ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆเลย จากการกระทำของตัว เรียกหาเรียกร้องจากคนอื่น ซะเคยตัว จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:46:55

ความคิดเห็นที่ 85 :D  หมดประเด็นเหลือแต่การด่าแล้วก็เชิญไปพักนะครับ รกกระทู้ ผมรอลุงกรองอยู่ครับ วันนี้ผมไม่ค่อยอยากถกว่าจะพูดเพราะๆกันอย่างไร ไว้วันหน้านะครับ ปล. ถึงตรงนี้ก็ยังแสดงความไม่มีหูอยู่ ใช้คำว่า พรรคว่าพวกอยู่อีก กะจะใส่ความให้ดได้ว่า ผมอยู่แกงค์คนนั้นคนนี้  บอร์ดสังคมพุทธผู้รักสงบ :D แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:51:17 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:48:50

ความคิดเห็นที่ 86 ผมมี link มาแปะ พร้อมคำพูดคนอีก 3 คนขึ้นไป คุณมีอะไรแปะครับ? นอกจากโยนกับยัดความคิดตัวเอง ให้คนทั้งบอร์ดหมุนรอบตัวคุณ? คุณธรรม สำหรับคุณ แค่คำๆหนึ่งเพื่อ อยากให้ทุกคนตามใจคุณครับ เล่นของเล่นเอง เล่นเสร็จ ไม่เก็บของ ผู้ใหญ่เขาตีเขาติ คุณก็อาระวาดตบตีผู้ใหญ่ แล้วประกาศว่า คุณกำลังสั่งสอนผู้ใหญ่อยู่ สอนด้วยเหตุ/ผล ตรงไหนผมยังไม่เห็นเลย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:51:59

ความคิดเห็นที่ 87 #84 ผมหมายถึง อย่าเรียกร้องท่านกรองคำขอโทษเลยครับ ถ้าคุณพิมพ์ #79 โดย ความเห็นด้านบนกล่าวหาผม โดยที่คุณก็ไม่ได้ขอโทษผม จะเรียกร้องอะไรจากใคร คุณสมบัติในตัวสำคัญนะครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:54:29

ความคิดเห็นที่ 88 :D  ยังร้อนรุ่มหรือครับลุงซิม ไม่เป็นไรครับ  นั่งนิ่งๆ สักพัก ก็จะเย็นลง และเข้าใจเอง ผมสอนได้เรื่องเดียวคือ ให้ใช้หูให้มากกว่าปาก ลองพิจรณาดูนะครับ พึ่งรุ้ว่าชอบเล่นของเล่น ดูเบบี้ดีว่าไหม อ่อ ขอบคุณลุงซิมที่ แนะนำลุงกรอง เรืองคุณธรรมในตัวและการต่อว่า แทนผมครับ ลุงกรองคงสะดุ้งเฮือก ขอบคุณจากใจ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:58:13 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:57:27 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:55:05

ความคิดเห็นที่ 89 อ่านไป อ่านมา สรุป คุณ Yaoharee ต้องการคำชี้แจง จากคุณแมทท์ หรืออย่างไรครับ? คุณหญิงยิ้ม ยังยิ้มพอหลี่ตามอง ยังไม่ถึงขั้นยิ้มสยอง ไม่ควรไปตำหนิเรื่อง โวยวายเหมือนโดนน้ำร้อนลวก และ ไม่ควรกล่าวหาว่าเป็นมาเฟีย (ไม่ควรไปหาเรื่องผู้หญิง) ถ้าข้องใจในคุณแมทท์ ควรตั้งคำถามถึงคุณแมทท์ ถ้าข้องใจในพุทธศาสนา ควรตั้งคำถามถึงพุทธศาสนา เขียนให้เป็นประเด็น กระชับ และให้เป็นการสนทนาที่ต้องการสนทนาจริงๆ คงเข้าใจ จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:16:16

ความคิดเห็นที่ 90 corelooy  เรื่องเขียนให้กระชับนั้นผมพยายามเขียนแล้วนะครับ ผมตอบประเด็นลุงโข ส่วนท่านที่เหลือก็มาต่อกันเอง ต่อมาก็ตอบไป รบกวน ถ้าไม่ขยันอ่าน เกรงว่าก็อย่าสรุปมั่วดีไหมครับ ดูขาดทั้งมารยาท และปัญญา และขาดการให้เกียรติ คุ่สนทนา จับประเด็นยังไม่ได้ มันไม่ใช่ภาระที่ผมต้องสอน เท่าที่ดูแม้แต่อ่านแบบสกิม คุณยังมีปัญหา จึงคิดว่า ผมข้องใจคุณแมทท์กับ พุทธศาสนาได้ ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยกับลุงแมทท์ ผมก็ชีี้แจงไปแล้วว่าไม่เห็นด้วย ส่วนที่ต้องยกเรื่องที่ไม่ด้วยมาใช้ เพราะ จะได้ชี้ว่าผลกระทบนั้นเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องข้องใจพระพุทธศาสนานี่ยิ่งหนัก ไม่แน่ใจว่าเอากีบคิดหรือเอาเขาคิด ถึงได้สรุปออกมาได้โง่ ต้องเรียกว่าโง่เลยครับ เพราะไม่มีประเด็นอะไรที่เขียนทำนองนี้ ตั้งคำถามแบบนี้ ด่ากันไปเลยดีกว่า ส่วนเรื่องน้องยิ้ม เรามีกรณีกันมานานแล้ว และ ผมเห็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องมาพอสมควร ผมเตือนน้องยิ้ม หรือจะเรียกว่าต่อว่าก็ได้ เหมือนกับที่ลุงแมทท์ แกแนะนำมุสลิมผู้หญิงห้องศาสนาบางท่านในนี้ ไม่ได้ต่างอะไร ก็หวังว่า คุณ corelooy ไม่เอาเรื่องเพศมาหาเศษหาเลย บิดเบือนคุณธรรมและข้อเท็จจริงนะครับ เพราะถาผมจะเอาเรื่องจริง ผมคงเต้นตามความหยาบคาย ของน้องยิ้มไปแล้ว แต่ไม่ได้ติดจะอะไร ก็ฝากให้พิจรณา แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 17:26:51 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:23:18

ความคิดเห็นที่ 91 ฝากคุณ corelooy  ไปทบทวน มารยาท การอ่าน เรื่องการฝึกจับประเด็น และเรื่องการสรุปประเด็นด้วยนะครับ สรุปแบบนี้ รังแต่จะมีปัญหากันเสียเปล่า ถ้าไม่เข้าใจ สมองไม่ทัน เงียบไว้ก็ดีแล้วกครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:24:57