 |
ทิฏฐุปาทาน ต่างกับ อัตตวาทุปาทาน อย่างไร? http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12202505/Y12202505.html ********************************************************** หลังไมค์ เสนอว่า
สาสวสัมมาทิฏฐิ คือ ทิฏฐิของพระอริยสาวก นับตั้งแต่ กลุ่มพระโสดาบัน เรื่อยไปจนถึง พระอนาคามี …. แม้พระอริยสาวกกลุ่มนี้ จะยังไม่สามารถ “ละ” สังโยชน์ ได้เกลี้ยงเกลาแบบพระอรหันต์ แต่ทิฏฐิท่านสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่ระดับพระโสดาบัน ดังพระพุทธวจน ที่ยกมาเป็นตัวอย่าง ๒ พระสูตรนี้ .....
ฯลฯ ...
ภิกษุ ท.! แม้สิ่งใดที่บุคคลได้เห็นแล้ว ฟังแล้ว รู้สึกแล้ว รู้แจ้งแล้ว บรรลุแล้ว แสวงหาแล้ว ครุ่นคิดอยู่ด้วยใจแล้ว ; เหล่านี้เป็นของเที่ยงหรือไม่เที่ยง ? "ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า !" … ฯลฯ ... แม้สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่นซึ่งสิ่งนั้นแล้ว ทิฏฐิอย่างนี้ จะเกิดขึ้นได้ไหมว่า "ลมก็ไม่พัด แม่น้ำก็ไม่ไหล สตรีมีครรภ์ก็ไม่คลอด ... ฯลฯ ... แต่ละอย่างๆ เป็นของตั้งอยู่อย่างมั่นคง ... ฯลฯ ... ? "ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !"
ภิกษุ ท.! ในกาลใดแล ความสงสัย (กังขา) ในฐานะทั้งหลาย ๖ ประการเหล่านี้ (คือ ขันธ์ ๕ + อาการที่ได้เห็นแล้ว) เป็นสิ่งที่อริยสาวกละขาดแล้ว ; ในกาลนั้น ก็เป็นอันว่า ความสงสัยแม้ในทุกข์, ... ฯลฯ ... แม้ในข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, ก็เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้น ละขาดแล้ว.
ภิกษุ ท.! อริยสาวกนี้ เราเรียกว่า เป็นอริยสาวกผู้เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ (ต่อนิพพาน) มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า, ดังนี้ แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔๘-๒๔๙/๔๑๗-๔๔๘.
ภิกษุ ท. ! ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ (โดยธรรมชาติ) ๖ ประการเหล่านี้ มีอยู่. หกประการ เหล่าไหนเล่า ? หกประการ คือ :- ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจเข้าถึงสังขารไรๆ โดยความเป็นของเที่ยง; ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจเข้าถึงสังขารไรๆ โดยความเป็นของสุข; ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจเข้าถึงธรรมะไรๆ โดยความเป็นตัวตน; … ฯลฯ
ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๘/๓๖๔.
ท่านเหล่านั้นเห็นด้วยปัญญาอันชอบ (สาสวสัมมาทิฏฐิ) เพราะเห็น ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด (โลกสมุทัย) และ ปฏิจจสมุปบาทสายดับ (โลกนิโรธ) ในกายนี้ ที่มีสัญญาและใจ ... เห็นธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นกระแสของ “เหตุปัจจัย” หาได้มีสัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา แต่อย่างใดไม่ ...
ความเห็นท่านย่อมไม่เป็น “สัสตทิฏฐิ” รวมถึง “อัตตวาทุปาทาน แบบ สาสวาสัมมาทิฏฐิ” ไปได้ เป็นอันขาด ...!!! ท่านเชื่อว่า ... กรรมมี วิบากแห่งกรรมมี แต่ “ไม่มี” อุปาทาน เกี่ยวกับ “กรรม / วิบากแห่งกรรม” ที่ ท่าน (อนัตตา) นั้นๆ กระทำ และ ไม่มี “อัตตา” ใดๆ มาเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น …
เพราะอาศัยพระผู้มีพระภาค จากปุถุชนจึงกลายมาเป็นพระอริยสาวก ท่านเหล่านั้นจึงประกอบด้วย ความเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหว ในพระรัตนตรัย ... ประกอบพร้อมแล้วด้วย อริยมรรคมีองค์ ๘ + อริยญายธรรม ที่ท่านเห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยปัญญา … เป็นผู้ “หมดความสงสัย” แล้ว ในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ...
แม้ท่านจะยังไม่ได้ “ทิฏฐิ” ที่เป็น “อนาสวสัมมาทิฏฐิ” แต่ท่านมั่นคงแล้ว และกำลังเดินอยู่ในมรรคา อันประเสริฐ เพื่อจะ “ลุ” เป้าหมายนั้น ... ท่านเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มี “ปัญญาพอประมาณ” ทั้งสิ้น ... ด้วยเหตุผลดังกล่าว ท่านจะมี “สัญญาวิปลาส” ไปได้อย่างไร ?
พระองค์ไม่เคยตรัสสรรเสริญ “สัสตทิฏฐิ” (ตถาคต ย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปหาส่วนสุด ทั้ง ๒ นั้น) ไม่เคยตรัสแสดงไว้ในที่ใดๆ ว่า “สัสตทิฏฐิ” และหรือ “อัตตวาทุปาทาน แบบ สาสวาสัมมาทิฏฐิ” จะต่อยอด / พัฒนา ให้เป็น สัมมาทิฏฐิ ๒ ในพระธรรม พระวินัย ของพระองค์ท่าน ...
สรุป ... ไม่ฝักใฝ่ “ฝ่ายใดๆ” ทั้งสิ้น ...
น้อมถวายเป็น “พุทธบูชา” ในโอกาส วันวิสาขบูชา 2555
จากคุณ |
:
เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)
|
เขียนเมื่อ |
:
7 มิ.ย. 55 07:28:36
|
|
|
|
 |