ความคิดเห็นที่ 1 รำพึงธรรม : อดีตก็เหมือนฝัน หมกมุ่นมันปั่นป่วนใจ พรุ่งนี้เป็นอย่างไร ใครรู้ได้ช่วยบอกที ชีวิตนี้แสนสั้น เกิดมานั้นเพื่ออะไร สร้างสรรความดีไป เพื่อยกใจสู่นิพพาน จึงควรหวนกลับคิด เพื่อป้องปิดทางอบาย ทำบุญลดเกิดตาย จุดมุ่งหมายพ้นวัฏฏ์วน เขียนเมื่อวันที่ 20 ม.ค. พ.ศ. 2536 (ครบรอบวันคล้ายวันเกิด 123 ปีพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ) ที่เมืองนาโงย่า ประเทศญี่ปุ่น แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 10:05:02 จากคุณ : Molhata (molhata) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 10:04:25

ความคิดเห็นที่ 2 คนเราทุกคน เมื่อมาสู่โลกนี้ก็มาคนเดียว และ มาตัวเปล่า ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย และ เมื่อถึงคราวไปก็ไปคนเดียว และ ต้องไปตัวเปล่า เอาอะไรไปด้วยก็ไม่ได้....                  จริง ครับ   ชีวิตนี้คืออะไร?.... คืออะไรจำไม่ได้แล้ว  จำได้แต่ว่าประกอบด้วยรูปกับนาม  กายกับใจ เกิดมาทำไม....     เกิดมาเพื่อ ทำงาน ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม  ฝึกฝนตนให้ลดตน จนหมดตน ทำไมต้องเกิดด้วยน่ะ.... เพราะยังมีตน ยังต้องการเกิดอีก จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 10:30:02

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วกุศลกรรม อกุศลกรรม  มันไม่ตามเราไปหรือไง ไหนว่าตายแล้วอะไรก็เอาไปไม่ได้นอกจากบุญบาป เกิดเป็นคนเพราะแรงบุญ แล้วทำไมบางคนเกิดมาพิการ บางคนกำพร้า แท้จริง...เราไม่ได้เกิดมาแบบตัวเปล่าเล่าเปลือยแม้แต่นิดเดียว แช่อิ่มหมักดองฉาบเคลือบสะสมบุญบาปกันมาทั้งนั้นแหละ ต่างกันที่ส่วนผสมหรือสูตรการขึ้นรูปนามของแต่ละคนเท่านั้นเอง มาตัวเปล่าไปตัวเปล่า หมายถึงไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในอะไรๆ และไม่ประมาทในอกุศลกรรมมากกว่า จากคุณ : ning JFK. เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 11:07:34

ความคิดเห็นที่ 4 ใบเซียมซีที่ ๔ นั้นมีว่า เราเกิดมาด้วยเหตุสังเกตไหม ทั้งบาปบุญหนุนชัดเป็นปัจจัย จึงเกิดใหม่-ตายลงเป็นวงจร ยามเกิดมาว่าไปใช่ผ้าขาว กรรมเมื่อคราวก่อนนั้นไม่ผันผ่อน ติดตามเราเฝ้าตามหลังพึงสังวร เราเมื่อตอนเกิดมาคือผ้าลาย บ้างน้อมทางวางละอกุศล บ้างพาตนเคล้าชั่วเงาหัวหาย ตามบุญทำกรรมลิขิตที่ติดกาย บ้างก็หมายหลุดพ้นดั้นด้นไป แต่มนุษย์เรานี้มีอิสระ พอที่จะเลือกทำในกรรมใหม่ ว่าต้นร้าย-ปลายดีมีถมไป "เกิดทำไม"จึงตอบว่า"เกิดมาดี" แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 55 11:39:43 จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 11:11:02

ความคิดเห็นที่ 5 คุณมะลิ ครูบาอาจารย์ ผมบอกว่า คนเราเกิดมาก็ได้กำไรในชีวิตแล้วครับ ท่านว่า "เกิดมาก้ตัวเปล่า เวลาไป มีผ้าแถมไปด้วย" ไม่ต้องซีเรียสนะครับ ผมมาต่อยอดให้นิดนึง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 11:42:53

ความคิดเห็นที่ 6 ู^ ^ ไม่ค่อยได้เล่นแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณ จขกท. ที่ชงมาให้ ^^ จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 11:43:08

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆก็ไม่ถึงกับไปมาตัวเปล่าหรอกครับ มีบุญกับบาปติดตัวมาด้วย เพียงแต่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแค่นั้นเอง จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 12:32:00

ความคิดเห็นที่ 8 เกิดมาเพื่อกิน  เกิดมาเพื่อกาม  เกิดมาเพื่อเกียรติ พวกที่ ๑  คือ  เกิดมาเพื่อกิน   เรื่องกินนั้นเป็นของจำเป็น  ครั้งไปติดในรสของอาหารเข้าก็ หลงใหลในเรื่องการกิน  ดูคน สมัยนี้สนใจในเรื่องการกินกันมากยิ่ง ๆ ขึ้นทุกที   เป็นที่เชื่อได้ว่าคนจำนวนไม่น้อยหลง ใหลบูชาในเรื่องการกิน  เกิดมานี้เพื่อกิน  นี้เป็น พวกที่ ๑ พวกที่ ๒  เกิดมาเพื่อกาม   ที่เรียกว่าเรื่องกามนั้น  หมายถึง  ความสนุกสนาน  เอร็ดอร่อย ทางตา  ทางหู  ทางจมูก ทางลิ้น  ทางกาย  ทุกชนิด  เพราะว่าเมื่อเสร็จจากเรื่องกินแล้ว คนก็หันมาเรื่องความสนุก สนานทางอายตนะเป็นส่วนใหญ่ นี้เรียกว่าเป็นเรื่องกาม กลายเป็นคนที่ตกอยู่ใต้อำนาจ ของสิ่งเหล่านี้ แม้ที่สุดแม้แต่อบายมุขต่าง ๆ ที่กล่าวนามมาแล้วนั้นก็รวมอยู่ในเรื่อง กาม  คือ  ความรู้สึกเอร็ดอร่อยทางจิตใจ  ซึ่งเป็นอายตนะที่ ๖  เป็นเรื่องหลงใหลได้ ถึงที่สุดด้วยกันทุกอย่าง  นี้เรียกว่าคนเหล่านี้เกิดมาเพื่อสิ่งที่เรียกว่า กาม  คือ  วัตถุ อันเป็นที่ตั้งของความใคร่  อันอาศัยอายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นเครื่องมือ   นี้เป็นพวกที่ ๒ พวกที่ ๓  เกิดมาเพื่อเกียรติ   นี้ได้รับการอบรมสั่งสอนมาให้บูชาเกียรติ  แม้ชีวิตนี้ก็สละให้เพื่อเกียรติ  ถ้าหนทางที่ตน ถือเอาสำหรับแสวงเกียรตินั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ผู้อื่น และ ประโยชน์ตนรวมกันไป  ก็ ยังนับว่าเป็นประโยชน์อยู่มาก  ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการติเตียนตามวิสัยชาวโลกทั่ว ๆ ไป  แต่ ในทางธรรมะนั้น  ถ้าหลงใหลถึงขนาดตกเป็นทาสของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติแล้ว  ก็ยังถือ ว่าเป็นสิ่งที่น่าเวทนาสงสาร  คือ  ยังไม่ดับทุกข์นั่นเอง  เพราะฉะนั้น เรื่องกินก็ดี  เรื่องกาม ก็ดี  เรื่องเกียรติก็ดี  จึงมีไว้สำหรับเป็นเครื่องหลงใหลอย่างยิ่งได้ด้วยกันทุกอย่าง จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 13:07:51

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีค่ะ... เมื่อวานดิฉันไป ร.พ จุฬา ไปเห็นคนเจ็บป่วย และ ผู้สูงอายุ นั่งรถเข็นมาหาหมอ ทำให้คิดปลงกับชีวิต แล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ว่าเออ...คนเราหนอ สุดท้ายของชีวิต  ก็หนีความเจ็บ ความตายไปไม่ได้ ให้มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็เอาไปไม่ได้   คุณ ค.ห 1  Molhata (molhata  รำพึงธรรม   ชีวิตนี้แสนสั้น เกิดมานั้นเพื่ออะไร สร้างสรรค์ความดีไป เพื่อยกใจสู่นิพพาน ................................. คุณ ค.ห 2 P2wichai กล่าวว่า..เกิดมาเพื่อ ทำงาน ทำประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม  ฝึกฝนตนให้ลดตน จนหมดตน ................................. คุณ ค.ห 3 ning JFK มาตัวเปล่าไปตัวเปล่า หมายถึงไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในอะไรๆ และไม่ประมาทในอกุศลกรรมมากกว่า ............................... ขอบคุณค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:03:40

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะ คุณสู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ ขอถือโอกาสทักทายคุณสู่ฝันในกระทู้นี้ สบายดีหรือคะ หายหน้าไปซะนานเชียว วันนี้ขอเชิญ แต่งกลอนชีวิต ได้ตามถนัดเลยน่ะคะ คุณจิม เข้ามาต่อยอดได้ตามสบายเลยค่ะ คุณจิม แต่งกลอนเป็นมั้ยคะ ขอเชิญดวลกลอนกับท่านสู่ฝัน...ได้เลยคะ หรือคุณจิม จะดวลกลอนกับคุณFaraday สุดที่รักของคุณจิม ก็ได้น่ะคะ เห็นคุณจิม ทักทายคุณ Faraday ว่า ที่รัก ทีไร ขำทุกที ตลกอ่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:13:20

ความคิดเห็นที่ 11 ค.ห 7คุณ Generals ใช่ค่ะ...คนเราเกิดมามีบุญกับบาปติดมาด้วย เพียงแต่เรามองไม่เห็น ขอบคุณค่ะ ................... สวัสดีคุณ Faraday (แสงเทียน) เกิดมาเพื่อกิน  เกิดมาเพื่อกาม  เกิดมาเพื่อเกียรติ ต้องต่อด้วย เกิดมาพึ่งกัน คนเราเกิดมาต้องพึ่งพาอาศัยกัน คุณว่ามั้ย? ฟังเพลงปลงสังขาร ของคุณแล้ว ปลงเลยอ่ะ ขอบคุณค่ะ อ้อ...คุณก็ชอบแต่งกลอนใช่มั้ย? ขอกลอนชีวิตแจ๋วๆมาฝากกระทู้นี้หน่อย จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:28:46

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นนักเลงเพลงยาวเมื่อคราวก่อน ชื่อกระฉ่อนว่าเพี้ยนเพราะเขียนส่ง มานึกย้อนตอนหลังจึงนั่งปลง เลิกลุ่มหลงอยากเป็นเช่นกวี จึงวางดาบกราบพระละทางโลก ที่แสนโศกสู่ทางธรรมนำวิถี แม้รู้น้อยค่อยศึกษาหาความดี ขอบคุณที่ทักทาย...สหายธรรม จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:31:15

ความคิดเห็นที่ 13 ชีวิตนี้   คืออะไรกัน?   ฉันคิดว่า เป็นความบ้า   ของธรรมชาติ    ประหลาดขัน ปรุงแต่งธาตุ   แห่งกายใจ   ไหลเป็นควัน เป็นธาตุความ-   อร่อย ชั้น    สัญชาตญาณ ชีวิตนี้   มีทำไมกัน?   ฉันเห็นว่า เพื่อความบ้า   ถึงที่สุด    สิ้นสงสาร สงบกาย    ใจ เย็น    เป็นนิพพาน อวสาน   แห่งความไหล   ไม่มีควัน ชีวิตนี้   ทำอย่างไรกัน?   ฉันถือว่า ต้องหยุดบ้า   ในอร่อย   คอยผ่อนผัน ตามองค์มรรค   แปดประการ   ประสานกัน ทุกคืนวัน   ให้ถูกต้อง    คลองสัมมา                                พุทธทาส อินทปัญโญ จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 16:57:14

ความคิดเห็นที่ 14 ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป.. เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา... ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม... เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา อันว่าความตายคือสัจธรรมของเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา... จากคุณ : ปัญญาประดิษฐ์ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 17:30:24

ความคิดเห็นที่ 15 เกิดมาสร้างบารมี จากคุณ : Pride & Prejudice เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 17:31:03

ความคิดเห็นที่ 16 หมายถึงบารมี 10 ทัศนะครับ จากคุณ : Pride & Prejudice เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 17:31:24

ความคิดเห็นที่ 17 เกิดมาพึ่งกัน เกิดเป็นคนอย่าเห็นแก่ตนแหละดี ถึงจะมีร่ำรวยสุขสันต์ จนหรือมีไม่เป็นที่สำคัญ แม้รักกันพึ่งพา อย่าไปตัดไมตรี เกิดมาพึ่งกัน ผิวพรรณใช่แบ่งศักดิ์ศรี วันนี้เราอยู่คิดดูให้ดี ถึงจะจนจะมี อย่าไปสร้างเวรกรรม ขืนไปทำชั่วไป อาจต้องใช้กรรมเวร อย่างมงายโลภหลง เพราะคงจะเกิดลำเค็ญ สร้างบุญพระท่านคงเห็น ร่มเย็นพ้นความกังวล ถึงจะวิบัติขัดสนผลบุญนำให้ ศีลธรรมมั่นใจไม่ต้องไปกังวล ถึงจะมีจะจนเกิดกุศลดลใจ พฤษภกาสร          อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่ห์คง     สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย       มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี      ประดับไว้ในโลกา -------------------------------------------------------------------------------------- ผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณคดีเรื่อง กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งกล่าวถึงคำสอนของนางกฤษณา เกี่ยวกับคุณธรรมที่บุคคลพึงมี คำร้อง/ทำนอง :ไสล ไกรเลิศ จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 20:13:42

ความคิดเห็นที่ 18 เกิดมาพึ่งกัน จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 20:16:41

ความคิดเห็นที่ 19 มาเกิดเพื่อทำความดีให้อยู่ในภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไป จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:29:50

ความคิดเห็นที่ 20 เกิดมาเป็นคนเพื่อสร้างบารมี ค่อยๆ สะสมไป เพื่อนำไปสู่สิ่งที่มุ่งหวัง ตามแรงอธิษฐานไว้ทุกภพทุกชาติ จากคุณ : +สาวสวย+ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:47:21

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็เคยสงสัยว่าเกิดมาทำไมเมื่อสมัยม.ปลาย ตอนนี้ได้คำตอบไม่ต้องสงสัยกันแล้ว สมมุติเรามีเวลา 100 ปี ทำยังไงก็ได้ให้คุ้มค่าที่สุด (ใครจะนั่งเฉยๆทั้ง100ปีก็เรื่องของเขา) สิ่งที่น่าสนใจก็คือแต่ละคนมีพรสวรรค์ที่ต่างกัน เช่น เก่งทำอาหาร, เป็นศาสดาของศาสนา, เก่งด้านคำนวน ฉะนั้นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดก็คือ นำพรสวรรค์ของเรามาใช้ ทำดีต่อตนเอง และผู้อื่น เพราะเมื่อเราเกิดมาแล้วต้องพึ่งพาอาศัยตนเองและผู้อื่นแน่นอน ระวังคนที่นำพรสวรรค์ในด้านของตน มาเบ่งใส่ ทำร้ายผู้อื่น คิดผิดแล้ว ใครที่ยังหัวหมอ เทรนด์นั้นมันเอาท์ไปแล้ว ยุคสมัยนี้มีแต่คนทำเรื่องดี มีแต่คนดี เป็นเทรนด์ใหม่ จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 08:40:44

ความคิดเห็นที่ 22 มาเพิ่มเติมหน่อยนึง ระยะหลังนี้ นานๆผมจึงจะเขียนกลอนให้ใครอ่านกันสักที ท่าน จขกท. คงไม่ถึงกับต้องป่าวร้องให้ใครมารุมกินโต๊ะ ผมนะครับ กด like ให้เป็นกำลังใจก็ถือว่าพอแล้ว จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 09:31:32

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณท่านสู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ กัลยาณมิตรที่เคารพ ขอจงมีสุขภาพแข็งแรง ให้เจริญในธรรมสู่ความฝัน...อันยิ่งใหญ่ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 18:31:28