ความคิดเห็นที่ 1 สุขสงบจากภายใน มันสุขกว่าเป็นไหนๆ ไม่ต้องไปแสวงหาสุขจากภายนอกที่ไหนเลย จากคุณ : อาตาปี สัมปชาโน สติมา เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 13:51:36

ความคิดเห็นที่ 2 เราก็เป็นนะ คบเพื่อนน้อยลง เรื่องจับกลุ่มคุยเรื่องนั่นนี่โน่น เลิกไปเลย บางทีเหมือนโดดเดี่ยวตัวเอง แต่เราไม่อยากไปพูดเรื่องคนอื่น เพื่อนที่คุยด้วยจะเป็นเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน เพื่อนกลุ่มอื่นส่วนใหญ่จะห่าง ๆ กันไป แต่ถ้าไปสังสรรค์เป็นครั้งคราวพอไหว ถ้าคบเป็นเพื่อนสนิทมีน้อยมาก จากคุณ : กวางดื้อ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:06:29

ความคิดเห็นที่ 3 ขออนุโมทนาด้วยครับ...แสดงว่าก่อนหน้านั้น จิตดวงนี้กิเลสมันมีพลังเหนือกว่าธรรม แต่ตอนนี้ธรรมมีพลังเหนือกว่ากิเลส ธรรมจึงเป็นฝ่ายชนะ มาถูกทางแล้วธรรมจัดสรรให้ แล้ว ก็ขอให้ธรรมจงเป็นฝ่ายชนะตลอดไป จนเข้าสู่นิพพานครับ จากคุณ : พอใจใจดี (พอใจใจดี) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:07:36

ความคิดเห็นที่ 4 จริงคับจนบางครั้งก่อนโดนต่อว่าแต่ก็ไม่เป็นไรจนเดี่ยวนี้ชอบที่จะอยู่แบบสงบเรียบง่ายคือมีธรรมเป็นเพื่อนทุกข์ก็เข้าหาธรรมสุขก็เข้าหาธรรมตอนแรกพ่อแม่รับไม่ได้เลยแต่เดี่ยวนี้ท่านรับได้และเริ่มเข้าใจและสนใจสิ่งที่เราทําและเราอยู่กับธรรมะมากขึ้นด้วยคับปัจจุบันอยู่คนเดี่ยวเลยคับวางก็คิดแต่ธรรมอยู่กับพุทโธอย่างไม่เบื่อเลยคับ6ปีแล้วคับ จากคุณ : สิริพงศ์ (cellumax1515) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 14:35:07

ความคิดเห็นที่ 5 เจอเหมือนกัน..ฉินแล้ว นึกถึงความตายบ่อยๆครับ...ช่วยได้มาก จากคุณ : yayha เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 15:14:39

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นค่ะ  แต่ว่าไม่ขนาดนั้น "เราอยู่ เป็น"  ในสิ่งที่เป็นสมมุติ ทางโลก       ในขณะเดียวกัน ทางธรรม ก็ พยายามปฎิบัติไปให้ถึง ค่ะ   ในทางโลกก็ ให้ ควบคู่กับทางธรรม เลือก  ให้ เหมาะสม เดินสายกลาง  เรายังมีสังคม มีอะไร อีกหลายๆ อย่างที่เรียกว่า สิ่งสมมุติ   ไม่จำเป็นต้องไปปฎิเสธ  เพียงแต่ว่าอยู่กับ สิ่งเหล่านี้ให้เป็น ..  ก็ หมั่น  เจริญสติ   มีสติ ในชีวิต ประจำวัน  รักษาใจให้ผ่องใส  ชีวิตทุกวันนี้   ไม่ประมาท สร้าง แต่ความดี แล้วค่ะ  ไม่มาเสียเวลากับเรื่องที่ตายแล้วเอาไป ไม่ได้แล้วค่ะ .... จากคุณ : พลับพลึงแดง (honeybfit) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 15:55:42

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นเหมือนกัน แต่ไม่เท่า จขกท เที่ยวน้อยมาก ดูหนัง ลคร ไม่สนุกเหมือนก่อน เห็นเหมือนการเสแสร้งแกล้งทำ ดูทีวีน้อยลง ไม่ค่อยพูดมาก ส่วนใหญ่อยู่คนเดียว พิจารณาสิ่งที่ควรทำ ให้เกิดประโยชน์ก็ทำ พยายามทำใจไห้ว่าง ๆ ปล่อยวางไห้มาก จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 16:19:39

ความคิดเห็นที่ 8 ดีใจที่ได้รับความเห็นดีๆๆ และ อนุโมทนากับเพื่อนๆๆ ทางธรรมทุกๆๆท่านนะคะ สาธุๆๆๆ จากคุณ : RJ1 เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 16:27:43

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็เป็นครับ ไม่ไปงานเลี้ยงรุ่นติดกันมาหลายปีแล้วครับ เหตุผลตรงๆไม่อ้อมค้อมคือขี้เกียจไปดูคนกินเหล้า แล้วต่อด้วยอาบอบนวด เราอยู่บ้านสวดมนต์ภาวนา เดินจงกรม มันส์กว่าเยอะครับ ๕๕๕๕ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 16:53:17

ความคิดเห็นที่ 10   ความคิดเห็นที่ 7 MsgStatus(Msv[7], 7); เป็นเหมือนกัน แต่ไม่เท่า จขกท เที่ยวน้อยมาก ดูหนัง ลคร ไม่สนุกเหมือนก่อน เห็นเหมือนการเสแสร้งแกล้งทำ ดูทีวีน้อยลง ไม่ค่อยพูดมาก ส่วนใหญ่อยู่คนเดียว พิจารณาสิ่งที่ควรทำ ให้เกิดประโยชน์ก็ทำ พยายามทำใจไห้ว่าง ๆ ปล่อยวางไห้มาก จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 16:19:39 ถูกใจ : RJ1 ที่เป็นดั่งนี้ เพราะ ติดเนต ติดพันทิป มั้งครับ วันวัน ไม่คุยกะใคร จิ้ม จิ้ม โพสต์ โพสต์ หัวเราะ หน้าจอคนเดียว ร้องไห้ หน้าจอคนเดียว หรือเปล่า   ปล.แวะมาแซว อย่าถือสา   จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 17:41:47

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นเหมือนกันครับ ไม่อยากเข้าสังคม รู้สึกว่าเป็นทุกข์ และมักจะมีผัสสะเข้ามากระทบ ถ้ารู้ตัวช้า ก็มีผลเป็นทุกข์ทันที ตอนนี้ชอบอยู่คนเดียว จนใครๆก็หาว่าไม่เอาใคร แปลกมากครับ สมัยก่อนก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ มักจะชอบออกไปสังสรรค์และแคร์สังคมอย่างมาก จากคุณ : luangrit เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 17:44:07

ความคิดเห็นที่ 12 นึกว่าจะหาคนที่มีความรู้สึกเดียวกันไม่ได้ซะอีก ผมเองก็ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆมานานมากแล้วครับ จนแฟนผมบางครั้งบอกว่า ทำไมผมเป็นคนไม่เอาใครเลย ผมอยากจะตอบคำถามเค้าว่า เพราะผมเหม็นกิเลสคนอื่นนะสิ เจอกันก็ถามเงินเดือนขึ้นยัง โบนัสได้เท่าไหร่ รถป้ายแดงสวยจัง จะไปช้อปปิ้ง ตปทบ้าง ลำพังแค่กิเลสตัวผมเองยังจับไม่ได้ไล่ไมทันเลย พอมันสบจังหวะเจอหมู่กิเลสด้วยกันมันตีปีกพั่บๆเลยครับ จนบ้างครั้งรู้สึกแน่นหน้าอกเลยก็มี แต่ยังดีว่าที่บ้านเข้าใจและส่งเสริมนะครับ อยากทำบุญก็ไป ไปนอนวัดก็ไปครับ ขอให้เจริญในธรรมกันทุกท่านนะครับ จากคุณ : chatrabhin เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 18:24:24

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นค่ะ เคสของเรา เวลาเจอคนพูดนินทาคน ด่าคน ให้ฟัง เราทนไม่ได้ค่ะ เราเหมือนนั่งตั่งขึ้นธรรมาสเทสน์ สาธยายธรรมซะเลย.... คิด 2 เเง่   1. เอาบุญธรรมทาน สอนศีลข้อ4 มันซะเลย 2. ถ้ามันรำคาญเรา ทีหลังจะได้ไม่มา ไม่เมาท์มอยใครให้ฟังอีก จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 18:32:11

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นแต่ไม่มาก เนื่องจากของเดิมก็ไม่มากอยู่แล้ว แต่ที่รู้ตัวคือ นิ่งขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น อยู่กับจิตตัวเองมากขึ้น ทุกข์เพราะคำพูด หรือการกระทำของคนอื่นน้อยลง ^^ จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 19:00:31

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นเหมือนกันจ้า   ทุกวันนี้มีความสุขมาก เมื่อก่อนป้าแก่ ฯ ประเภท โหด มัน ฮา  เดี๋ยวนี้ไม่เหลือเลยค่ะ  จากคุณ : ป้าแก่คนสวย เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 19:31:34

ความคิดเห็นที่ 16 ขออนุโมทนาครับ มาถูกทางแล้ว จากคุณ : เป็ดจิ๋ว เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 20:46:25

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นเรื่องปกตินะคะ เราก็เป็น ดีใจจัง มีเพื่อนๆในนี้เป็นเหมือนกันตั้งหลายคน แสดงว่า เราสามารถแสวงหาความสุขทางใจกันได้ง่ายๆใกล้ตัวเลยนะคะ น่ายินดีออก :) จากคุณ : รัตติกาตาหวาน เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:07:45

ความคิดเห็นที่ 18 อนุโมทนาด้วยคนค่ะ มีความสุขด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอกเลย จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 21:23:25

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นเหมือนกันเลยค่ะ แต่ปกติเป็นคนชอบอยู่ติดบ้านอยู่แล้ว เลยดูไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ที่เปลี่ยนไปและสังเกตเห็นได้ชัดเจนมากๆคือ ลดอัตตาตัวเองไปได้เยอะเลยค่ะ หลายเรื่อง หลายอย่างที่เราเริ่มวางมันลง ใจเราก็เบาขึ้นมาก ปกติที่สังคม สังสรรค์น้อยอยู่แล้ว เที่ยวกลางคืนก็แทบไม่เคยมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้วค่ะ ตอนนี้ยิ่งน้อยกว่าน้อย เคยฟังเพลงดังๆในรถกลายเป็นซีดีธรรมะ ฟังไปเรื่ิอยๆ เย็นๆใจ หนังสือที่อ่านก็แนวศาสนา และที่สำคัญเราคอยมองหาคอร์สหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมบ่อยขึ้น ไม่ได้บ้าบุญนะคะ ลึกๆเหมือนเรายังไม่รู้ทั้งหมด ก็เลยพยายามหาทางไปปฏิบัติเท่าที่โอกาสจะอำนวย ... สงสัยจะเป็นอาการหิวบุญ 555 จากคุณ : Star_Success เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:46:16

ความคิดเห็นที่ 20 ปล่อยวางมากขึ้น ทบทวนตัวเองได้มากขึ้น จึงมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น จากคุณ : forest princess เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:51:15

ความคิดเห็นที่ 21 ผมรู้สึกว่าวันๆมีแต่ขยะ ว่างๆเปล่าๆ วันแต่ละวันผ่านไป เหมือนหนังละคร ดูแล้วมันไม่ประทับใจเอาซะเลย ตัวละครก็เล่นจริงจังทำยังกะชีวิตมีตัวมีตน จริงๆมันว่างเปล่าไร้สาระทั้งนั้นเลย จากคุณ : ใจพรานธรรม เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 23:30:48

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นค่ะ  เห็นอะไร ก็จะปลงๆ ปล่อยวาง ไม่อยากได้ อยากมี ใครทำอะไรมากระทบก็ทนได้แล้ว ใจเย็นไม่โต้ตอบ ออกจะสงสาร คิดว่าเราคงก้าวหน้าในธรรมะบ้างนะคะ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 02:49:53

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องออกไป Hang out กับเพื่อน ๆ กลายเป็นหน้าที่ไป ไม่ได้รู้สึกสนุกเหมือนอย่างที่เคย ไปดูหนังก็ไม่ได้ดีใจเสียใจอย่างที่ตัวละครเค้าแสดงเหมือนแต่ก่อนแล้ว กลับมีข้อธรรม บอกเตือนเป็นระยะ ๆ ตล อดเรื่อง เริ่มฟังธรรมมากกว่าฟังเสียงเพลง พูดให้คนทั่วไปฟัง เค้าก็คิดว่าเราอาการหนักแล้ว ชีวิตนี้คงไม่มีความสุขแน่ ๆ เป็นคนประหลาดในหมู่เพื่อน ๆ ที่เคยคบ แต่ใจเราเองกลับรู้ดีที่สุดว่าสุขเย็น ๆ จากใจที่ไม่ค่อยกวัดแกว่ง ลมหายใจราบเรียบนั้นเป็นอย่างไร และมีค่ามากขนาดไหน :) จากคุณ : Klaibann เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 02:58:02

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นค่ะ กำลังเป็นเลย จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 06:57:56

ความคิดเห็นที่ 25 เราไม่ได้ปฏิบัติเยอะแค่ฟังธรรมบ่อย เราก็เป็นคะ ไม่ค่อยรู้สึกอยากไปร่วมเมาท์เรื่องราวจิปาถะ แต่ไม่ได้หนีเวลามีใครอยากมาเมาท์ด้วย คือรับฟังไปตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้แสวงหาเดินไปเข้าวงเมาท์ บางครั้งก็เลยถูกมองว่าเป็นคนไม่เอาใครเหมือนกัน แต่เราไม่สนใครจะว่า เพราะเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่พูดบ่นมาก ไม่ปาร์ตี้บ่อย แต่ถ้าใครมีปัญหาอยากให้ช่วยอะไรมาบอก ถ้าช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ แปลกอย่าง กลุ่มที่ชอบเมาท์กัน เวลามีปัญหาไม่เห็นจะค่อยช่วยกันนิ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 07:40:32 จากคุณ : Asitis เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 07:37:25

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นคนประหลาดในหมู่เพื่อน ๆ ๆ  นี่ พอเข้าใจเลยอ่ะค่ะ ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง : ) จากคุณ : RJ1 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 09:43:15

ความคิดเห็นที่ 27 เราเฉย ๆ เรื่องการมีคู่ครองไปเลย มองใครสักคนก็เห็นกิเลสกองโตของเขา ไม่รู้จะเอาเข้ามาในชีวิตเราทำไม ในเมือทุกวันเราก็พยายามลิดกิเลสให้เบาบางลงอยู่แล้ว จะหาคนที่กิเลสเบาบางในชีวิตมันน้อยเหลือเกิน สงสัยเราจะอยุ่เป็นโสดไปตลอดแน่ จากคุณ : กวางดื้อ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 10:45:36

ความคิดเห็นที่ 28 สำหรับเราหลังจากที่ศึกษาธรรมะ.. เราไม่ได้เบื่อ ไม่ได้เที่ยวน้อยลง ไม่ได้ชินชากับการมีคู่... ยังมีเพื่อน ยังอยากเจอเพื่อน ยังอยากเจอคนรัก... ปัญหาของเราคือเราเป็นคนยึดมั่นถือมั่นสูง แต่หลังจากศึกษาธรรมะ รู้สึกชีวิตมีพลังมากขึ้น รู้สึกว่าเกิดแล้วก็ตาย จะกังวลไปทำให้ ทำให้มีพลัง กังวลกับตัวเองน้อยลง โทษตัวเองน้อยลง ปลดปล่อยตัวเองมากขึ้น ยึดตัวเองน้อยลง เลยทำอะไรๆ ได้สบายขึ้น รู้สึกว่าชีวิตสงบ สุข เบาสบายมากขึ้น.. เกิดปัญหาอะไร ก็นิ่งมากขึ้น เมื่อเกิดความฟุ้งซ่านดับได้เร็วขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราหลังจากเริ่มศึกษาธรรมะค่ะ จากคุณ : WorMHoliC เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:28:24

ความคิดเห็นที่ 29 อนุโมทนาค่ะ จากคุณ : I'm sorry I love you เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 11:51:30

ความคิดเห็นที่ 30 ความทุกข์ จะมีโทษเท่านั้นฉันใด........... ความสุขก็มีโทษมหันต์....ฉันนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้  พระพุทธองค์จึงตรัส และทรงสั่งสอนให้พึงปฏิบัติอยู่ในทางสายกลาง...เสมอ เพราะความอิ่ม ความสุข มักจะทำให้เรามีความอยากมากขึ้น เมื่อมีความอยากมากขึ้น ย่อมทำให้ปฏิบัติมากขึ้น จนกลายเป็นความ...หลงในความสุข การรำลึกมีสติอยู่เสมอ..........ย่อมทำให้เราไม่ถลำหรือเผลอพลั้งไปกับมัน การมีสติ...รำลึกให้อยู่ตรงกลางระหว่างทุกข์กับสุขได้  แม้อยู่คนเดียวก็รู้สึกได้ว่าอยู่คนเดียว แม้อยู่ในคนหมู่มากได้ก็รู้สึกได้ว่าอยู่คนเดียว ท่านว่าบุคคลนั้นเป็น..พุทธะ จากคุณ : ตาแก่หลงกรุง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 13:10:33

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นคล้ายๆ กันกับจขกท.เลยค่ะ เรื่องสังสรรค์นอกบ้านกับเพื่อนกับบาร์ กับเต้นรำนี่หายไปเลย ฟังเพลงฮิบฮอบเมื่อก่อนต้องขอโยกหน่อย เดี๋ยวนี้ฟังแล้วเวียนหัว รำคาญ แต่เราสังเกตว่าใจของเรายังมีพองฟูและอินกับไปโลกอยู่บ้าง มันเหมือนค่อยเป็นค่อยไปน่ะค่ะ จะรู้ว่าเราตัดอะไรได้แล้ว (เปลี่ยนไปอย่างไร) และอะไรที่ตัดได้บางส่วน และอะไรที่ยังตัดไม่ได้ จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 13:56:29

ความคิดเห็นที่ 32 อนุโมทนาสาธุ โดยส่วนตัว หลังจากปฏิบัติธรรมก็ไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่ ดูหนังนี่เลิกแล้ว ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเป็นคอหนังเลยก็ว่าได้ การเข้าสังคมเฮฮาปาร์ตี้ ปกติก็ไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ก็ยิ่งอยากอยู่คนเดียวเข้าไปใหญ่ แต่ก่อนชอบนั่งฟังเพื่อนๆ นินทาคนนู้นคนนี้ให้ฟัง มันส์ดี แต่หลังปฏิบัติธรรมเริ่มขี้เกียจฟังอะไรแบบนี้ ฟังแบบเอาหูทวนลม เรื่องศีล ๕ พยายามถืออย่างระมัดระวังตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะรู้สึกดีเสมอเวลาเจอเหตุล่อลวงให้เราผิดศีล แต่เราก็สู้จนรอดมาได้ ปัญหา ณ ปัจจุบันของเราที่จะแก้ไม่ค่อยได้ คือ ยังหลงในรูปลักษณ์สวยงามอยู่ เช่น ยังชื่นชอบศิลปินหน้าตาดีอยู่ พยายามพิจารณากายคตาสติแล้ว แต่เห็นผลแค่สั้นๆ ในช่วงแรก จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 15:18:22

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุโมทนาค่ะ _/\_ จากคุณ : อย่าเหงานะตัวเธอ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:10:00

ความคิดเห็นที่ 34 ตั้งแต่แม่เสียชีวิตเมื่อต้นปี ยิ่งเป็นมากเลยค่ะ  อะไรที่เคยเก็บสะสมไม่เอาแล้ว ตอนนี้ขอสะสมการทำความดีมากๆดีที่สุด จากคุณ : มดตะนอยสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:29:29

ความคิดเห็นที่ 35 อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เป็นเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่เริ่มไหว้พระ สวดมนต์ รู้สึกว่าปลงชีวิตไปเยอะ เลิกยึดมั่น ถือมั่น มองทุกอย่างเป็นธรรมชาติไปหมด แต่สิ่งที่เริ่มกลัวตัวเองแทนคือ เบื่อคน เบื่อสังคม เบื่อความวุ่นวาย เบื่อไปหมด ไม่หายสักที จากคุณ : คิ้วนาง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:56:44

ความคิดเห็นที่ 36 อนุโมทนาบุญนะค่ะ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:43:27

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นเหมือนกันค้าบ รู้สึกอยู่ติดบ้านขึ้นมากมาย จากเมื่อก่อนหาเรื่องออกจากบ้านทุกวัน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากไปไหน ดูอะไรเห็นอะไรก็ไม่อยากได้เหมือนก่อน จนเพื่อนแซวตอนคุยกันว่าเตรียมฟังผมเทศน์ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเราโชคดีมากๆที่รู้ตัวทัน ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขา เราพยายามละตัวไม่ดีออกไปเรื่อยๆดีกว่า จากคุณ : tongsk120 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:57:09

ความคิดเห็นที่ 38 มันทำให้เรารู้ว่าชีวิตยังมีเส้นทางดีๆเส้นทางอื่น มองเห็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆสำหรับชีวิต ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำเพราะคนอื่นทำ ซื้อเพราะโฆษณา มีเพราะคนอื่นมี แต่เดี๋ยวนี้ ถามตัวเองตลอดจำเป็นหรือเปล่า เพื่อนยุกินเหล้า ไม่รู้ว่าทำไมต้องกิน  โดนยุหนักๆเข้า เลิกคบไปเลย ตัดปัญหา จากคุณ : Friday13th เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 00:13:17

ความคิดเห็นที่ 39 มักน้อย  สันโดษ  ไม่คลุกคลี  ปรารกความเพยรี  ...............ไกลเเล้ว. จากคุณ : . (Clorets) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 06:54:00

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นครับ แต่ยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ แต่พอจะปล่อยวางได้ เรื่องเพื่อนนี้น้อยมากครับ กลัวชวนไปกินเหล้า เดี๋ยวจะปฏิเสธไม่ได้ จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 07:35:01

ความคิดเห็นที่ 41 อนุโมทนาครับ จากคุณ : Vegetarian_Power เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 10:29:19

ความคิดเห็นที่ 42 เป็ฺนเหมือนกันครับ ไม่ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นเกือบ 10 ปีแล้ว  เพราะเห็นว่ามันไม่สนุกแล้ว สู้อยู่บ้านนั่งสมาธิ  เดินจงกลม  อ่านธรรมะทางเว็บไซท์ต่างๆ สบายกว่าเยอะเลย แต่ถ้าได้คุยกับเพื่อนที่สนใจปฎิบัติเหมือนกัน  จะคุยกันเป็นชั่วโมงเลย จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 15:31:22

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่ค่อยเปลี่ยนมาก เพราะแต่ก่อนก็ไม่ค่อยเจอเพื่อนอยู่แล้ว ทำงานก็ทำคนเดียว เจอเพื่อนปีละครั้งก็เยอะแล้ว แต่ที่เปลี่ยนไปมากๆ คือ สงบขึ้น อารมณ์ความรู้สึก ที่แต่ก่อนถ้าเจอจะมีผลกะตัวเองมากๆ มันก็ค่อยๆหายไป จางไป รู้สึกดีขึ้น เรื่องไม่อยากฟังคนนินทา ก็เป็นค่ะ ก็เข้าใจว่าอยากระบาย แต่เราไม่อยากจะฟัง วันแรก กลับไปหงุดหงิดกะตัวเอง พอมาวันที่สอง ก็พูดไปตรงๆเลย พร้อมกับบอกว่า เวลาเค้าเจอปัญหาแบบนั้น ควรจะคิดอย่างไง แล้วทำยังไง จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 16:22:46

ความคิดเห็นที่ 44 เป็นค่ะ ไม่ค่อยสนุก หรือไม่ก็ดูทีวีแล้วต้องมาลงท้ายด้วยธรรมะตลอด มักน้อย ไม่อยากมีลาภ ยศ ชื่อเสียง ไม่อยากดัง ไม่อยากได้ ไม่อยากชนะ เพราะเคยขึ้นสูงมาก็แล้ว ลงต่ำมาก็แล้ว มันไม่มีอะไรให้ยึดแล้วเพราะมันไม่นิ่ง ไม่สังสรรค์ ไม่สุงสิงใคร แต่ชวนบวช ไป ชวนกรรมฐาน ไป   มีเรื่องนึงที่ชอบคือคิดก่อนซื้อของค่ะ คิดแล้วคิดอีก จากคุณ : feller เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 17:03:04

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นๆ หายๆ อ่ะ ทำไงดี ^^ จากคุณ : พลอยแพรวา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 19:00:11

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นเหมือนกันครับ แต่ยังไม่มากเท่ากับ จขกท. นะ จากคุณ : Sirtraderlot เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 22:18:01

ความคิดเห็นที่ 47 มันเป็นไปตามวัยด้วย จะให้เด็กมาเจริญสติ มันก็ยาก แก่แล้ว มันก็ทำได้เอง จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 23:07:24

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นเหมือนกันเลยครับ แต่ผมว่าคนที่เป็นปุถุชนทั่วไปมีความคิดแบบ จขกท.กันเยอะเกิดจากการเห็นธรรมเป็นข้อหลัก และก็ยังมีเรื่องอื่นๆเป็นสาเหตุร่วมด้วย เช่น อายุที่มากขึ้น เวลาที่ไม่ตรงกัน ความเบื่อหน่ายจากสิ่งซ้ำซากจำเจ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ จากคุณ : Silencemind เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 00:10:53

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นค่ะ จนแม่ พี่และน้องเป็นห่วงไปเลย เวลาไปเจอเพื่อน คืออยู่คนละจังหวัดหลายๆเดือนจึงได้เจอพบปะกันสักครั้ง เราก็ไปนั่งฟังเพื่อนคุย มีคุยบ้าง แต่ก็จะนั่งฟังเป็นส่วนใหญ่ เราจะไม่ค่อยมีปัญหากะข้างนอกบ้านเท่าไหร่ แต่คนในบ้านเราจะไม่ค่อยเข้าใจ..ก็คงต้องใช้เวลา เพราะเขาคิดว่าเราไม่มีความสุข หน้าเฉยๆ ไม่ค่อยไปสุงสิง เราแค่รู้สึก เฉยๆ จริงๆ บางครั้งเขาคุยกันหัวเราะ เราก้หัวเราะนะ แต่มันสั้นมาก..ไม่หลงเพลินเหมือนแต่ก่อน ก็ภาวนาไปค่ะ :) จากคุณ : ฟากฟ้าฝั่งฝัน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 09:11:36

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นเหมือนกันครับ อยู่บ้านเป็นหลัก สังคมน้อยลง ซื้อของน้อยลง ไม่ค่อยเม้าท์กับเพื่อนแม้แต่ทางโทรศัพท์ ที่ต่างจากเมื่อก่อนเวลาอยู่บ้านเยอะๆ คือไม่รู้สึกเหงา รู้สึกสุขสงบ เริ่มเก็บบ้านไปทีละส่วน อันไหนที่ไม่คิดว่าจะใช้แล้ว เริ่มแจกจ่ายให้เป็นประโยชน์ เพราะรู้เลยคงไม่ได้กลับไปใช้อีก เหลือให้น้อยที่สุด บ้านโล่ง แฟนไม่อยู่สามเดือน ระงับทรูเคเบิล ไปเลยประหยัดไปเดือนละพันห้า ไม่เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย ฟังธรรมะทางยูทูปเอา ช่วงไหน รู้สึกสติมีกำลัง ก็จะออกไปบ้าง อย่างเช่นไปห้าง ก็จะรู้สึกตัวว่าของที่เรียงราย ไม่กระทบใจให้อยากได้แล้ว แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 10:46:16 จากคุณ : Terkrub เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 10:44:31

ความคิดเห็นที่ 51 อนุโมทนาสาธุค่ะ จากคุณ : เลดี้ชัวร์ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:32:16

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นเหมือนกันในบางครั้งค่ะ... ตัวเราเองก็คิดว่าตัวเองแปลกเหมือนกันเพราะเราไม่ทำอะไรเหมือนที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน ตอนเที่ยงเราก็ซื้อข้าวมากิน เลยไม่ไปกะเพื่อนในแผนก เพื่อนก็อยากให้เรามีส่วนร่วม ทำงานส่วนใหญ่อยู่คนเดียว ไม่ค่อยได้ไปคุยสุงสิงกะใคร ก็มีความสุขอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ตรงนี้ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองสงบจริงหรือเปล่า? เพราะไม่ชอบไปห้าง ช้อปปิ้ง กินข้าว สังสรรค์ ไม่ได้อยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่น แต่ชอบไปเที่ยว ตจว. มาก เวลาเดินทางจะมีความสุขมากกว่า เหมือนมันสงบ จิตไม่ฟุ้งซ่านค่ะ วันหยุดก็นอนอยู่ห้อง อ่านนู่นนี่ไปเรื่อย ก็อยู่ได้ค่ะ..ไม่เคยอยากได้อะไรมากมายเช่น กระเป๋า มีแล้วก็ใช้แต่ใบเดิม ๆ เสื้อผ้าก็ใส่ตัวเดิม ๆ ...คือจนเพื่อนที่ทำงานบอก อยากให้ลดความอินดี้ลงหน่อย แต่เราก็เข้ากับทุกคนได้ดี มีอะไรให้ช่วยเราช่วยเต็มที่ตลอด แทบจะไม่มีปัญหากับใคร เป็นคนกลางเป็นคนรับฟังปัญหาซะส่วนใหญ่   แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังตัดไม่ได้คือ..ชอบท่องเที่ยวค่ะ ติดหนึบอยู่แต่ห้องบลูเพลนเนต อ่านกระทู้ก็มีความสุข ยิ้มและอยู่ได้ทั้งวัน  มันยังอยากจะหาที่เที่ยวได้ตลอดเลย อยากให้ตัวเองลด ๆ บ้างเพราะเปลืองตังค์มาก -_- จากคุณ : Cocoa_mania เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:39:53

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นเหมือนกันครับ จากที่เคยกิน เที่ยวกับเพื่อน เฮฮา สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนประจำ พอได้มาศึกษาธรรมะอย่างถ่องแท้มากขึ้น เลยได้เห็นสัจธรรมหลาย ๆ อย่าง ว่าทุกอย่าง ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา แล้วนี่เรากำลังมัวประมาททำอะไรอยู่ ?????????????????? ธรรมะสอนให้ผมเห็นโลกในหลาย ๆ มุม ในทุกมิติ อาทิเช่น ในสิงคาลกสูตร พระพุทธเจ้า ตรัสถึงลักษณะของมิตรแท้ มิตรเทียม และอบายมุข ๖ ว่าไม่ควรซ่องเสพย์ เพราะมีโทษหลายอย่าง จากที่เคยไปดื่มเบียร์กับก๊วนประจำ ร้องคาราโอเกะ ลงอ่างหรือไปเดินห้างซื้อของ ก็ลดจำนวนลงครับ ให้เวลากับตัวเองมากขึ้น มีเวลาก็ชวนเพื่อนสนิทไปวัดหรือ สถานปฏิบัติธรรมและวิรัติศีลมากขึ้น ส่วนใครจะมองว่า เราเปลี่ยนไป ทำตัวแยกออกจากกลุ่มเขา ก็ช่างเขาเถอะครับ ส่วนใหญ่เพื่อนที่ทำงานผมส่วนมากจะเข้าใจดีครับ เพราะถึงยังไงทุกคนก็ต่างมีวิถีชีวิตเป็นของตัวเองครับ แต่ตอนนี้เราก็ยังมีงานและธุระในทางโลกก็ต้องรู้จักบริหารให้เหมาะสมควบคู่ไปกับทางธรรมด้วยครับ อย่าทำให้สังคมเขารู้สึกว่า เราเป็นตัวประหลาด ต้องรู้จักและเรียนรู้ที่จะอยู่กับสังคมแบบนี้อย่างมีสติครับ ผมว่า การได้พบเพื่อนที่ชี้แนวไปในทางที่ดี เป็นยอดกัลยาณมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ ยิ่งในสังคมแบบนี้ที่มีสิ่งยั่วยุมากมายเหลือเกิน ป.ล. ยินดีเป็นเพื่อนกับผู้ใฝ่ธรรมในห้องศาสนานี้ทุกท่านนะครับ จากคุณ : ไม่เคยมี จักไม่มี และย่อมไม่มี เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:28:49

ความคิดเห็นที่ 54 ปฏิบัติธรรมแล้วหลงโลกน้อยลง เป็นธรรมดาค่ะ แต่ปฏิบัติแล้ว เมื่อกลับไปอยู่กับโลกภายนอกที่ยังไม่เปลี่ยนไป ขอให้ระวังตัว "กูดี/กูวิเศษ/กูถูก" กว่าชาวบ้านร้านตลาด บางทีมันก็ไม่ได้โผล่มาชัดๆ แต่แอบแฝงอยู่ ภายนอกดูสงบเรียบร้อย เมื่อเราปฏิบัติแล้วจิตใจมีความสงบมากขึ้น มันจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเมื่อกลับมาอยู่ในโลกวุ่นวายที่เคยอยู่ ในคนธรรมดาที่ยังมีรักมีชัง ไม่แปลกที่จะเห็นว่า ความวุ่นวายไม่น่าพึงใจเท่าความสงบ แต่อย่าลืมว่า ความวุ่นวายก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่เป็นไป โลกมันก็วุ่นวายอย่างนี้มาตลอด ถ้าเมื่อไหร่ถึงขั้นรู้สึกว่าทนไม่ได้ที่จะอยู่ในโลกวุ่นวาย มีโทสะแรงในจุดนี้ ถึงตอนนั้นลองกลับมามองตัวเองค่ะ ว่าเรายึดติดในความสงบอยู่รึเปล่า (ในขั้นปุถุชน ความสงบก็ไม่เที่ยงนะ อยากให้ของไม่เที่ยงเที่ยง แทนที่จะได้รู้ตามจริง กลับกำลังฝืนความจริงนะ) เรามีโทสะแรง เพราะลึกๆ แล้วคิดว่า คนรอบข้างที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเขาระดับต่ำกว่าเรา สิ่งเหล่านี้ไม่คู่ควรกับเรารึเปล่า ขอเสนอไว้เป็นข้อสังเกตนะคะ บางคนอาจจะเป็น บางคนอาจจะไม่เป็น อนุโมทนาในการปฏิบัติธรรมค่ะ ^/\^ จากคุณ : deepriver เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 14:29:11

ความคิดเห็นที่ 55 อนุโมทนาครับ ผมได้แต่คิด ยังไม่ได้เริ่มเลย จะพยายามให้ได้ครับ จากคุณ : ครวัฐธรรม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 17:16:26

ความคิดเห็นที่ 56 ก็เป็นอยู่ คล้ายๆกันนะ แต่ยังชอบดูหนังดูละครอยู่ ก็มันสนุกนี่นาา สำหรับอบายมุข เมื่อก่อนไม่มี เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งไมมี การปฏิบัติธรรม ทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น เข้าใจกิเลสของคนมากขึ้น แต่บางครั้งอดเสียใจไม่ได้ ที่เห็นคนอื่นกำลังสร้างอกุศลกรรม หรือเจอคนที่กำลังเป็นทุกข์ประสบกับปัญหาชี้ทางสว่างให้แต่เขาไม่สนใจ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงๆ เราก็ด้วย :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 22:26:23

ความคิดเห็นที่ 57 #55 เริ่มเลยครับ :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:08:07

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นมาพักใหญ่แล้วค่ะ ติดสงบ ติดสมาธิ ติดนึกว่ากูแน่ ทุกวันนี้อยู่กับปัจจุบันและศีลค่ะ แต่กะไว้ว่าหมดภาระพ่อแม่ ก็บวชแน่นอน ไม่รีรอ จากคุณ : Janur เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 00:36:56

ความคิดเห็นที่ 59 ขอโมทนาในผลบุญ  กับผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมและปฏิบัติธรรมทุกท่านค่ะ ถูกใจกับคำว่า "นึกถึงความตาย  วันละเป็นสิบ"  เพราะการนึกถึงความตาย  คิดอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย  คิดบ่อยๆจะทำให้จิตเราชินและไม่ประมาท  ทำให้จิตเราลดจาก  โลภ  โกรธ  และหลง ได้เร็วขึ้น  ลดการถือตัว  ถือตน  มองทุกอย่างเป็น "อนิจจัง" เพราะความตายอาจจะมาถึงเราอีกเมื่อไร  ช้า เร็ว ไม่อาจรู้ได้ เวลานี้ ดิฉันได้มองเห็นแล้วว่า  การเกิด "เป็นทุกข์"  เกิดแล้วก็ต้องตาย  เราเวียนว่ายตายเกิด กันมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน   เกิดอีก  ก็ทุกข์อีก  ไม่มีใครที่ไม่ทุกข์  เพราะการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ "เป็นทุกข์"  ความสุขที่แท้จริงและจีรังยั่งยืนนั้น ไม่มีเลย เมื่อเราได้พบทางที่ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว  จงเร่งปฏิบัติเถิด  เพราะไม่รู้ว่า "ความตาย" จะมาถึงเราเมื่อไร  และเมื่อมาถึงแล้ว  จะไม่มีคำว่า "ชาติหน้า" สำหรับดิฉันอีกต่อไป  ขอถึง "พระนิพพาน" ในชาติปัจจุบันโดยฉับพลัน ค่ะ จากคุณ : ~ โนเนะ_หน่อมแน้ม~ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 00:53:23