 |
ความเห็นในนี้ พูดได้น่าสนใจ และ ตรงดี http://sornchai.exteen.com/20061210/landmark-forum
----------------------
เอาละครับ ผมได้ไปมาแล้ว แต่เป็นแค่วันที่ไปเพื่อฟังว่า Landmark คืออะไร และให้อะไรกับคุณบ้าง และนี่คือน้ำจิ้ม เวลานัดหมายเพื่อฟังการบรรยายสั้นๆ คือ เวลา 6 โมง ถึง 4 ทุ่ม เมื่อไปถึงสำนักงานก็ได้พบกับคนมากมายติดป้ายชื่อสีส้ม เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาเหล่านั้นคือ อาสาสมัคร ซึ่งก็ตรงตาม VDO ที่ได้ดูมา ว่าที่นี่จะมีแต่อาสาสมัคร แต่พนักงานตัวจริงมีนิดเดียว เมื่อเดินเข้าไปก็ได้ผ่านห้องต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีคนใช้ แต่ห้องบรรยายจริงๆ อยู่ด้านในสุด ลึกสุด… ปวดฉี่แล้วอยากเดินออกมาไม๊ครับ ? รู้ไม๊ครับว่าเงิน 15,000 ที่จ่ายไปนี่ไม่รวมข้าวกลางวัน กับข้าวเย็นนะครับ ก่อนเริ่มบรรยายคุณต้องกรอกรายละเอียดส่วนตัวของคุณเอง ดังนี้ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อเล่น และอื่นๆ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็น ทันทีที่เรานั่ง คนที่เป็นอาสาสมัครจะรู้ทันทีว่าคุณคือใคร โดยเขาจะถามทันทีว่า นี่คุณ….. ใช่ไหม งงไม๊ครับ เขารู้ได้ไงว่าเราคือใคร? เมื่อเริ่มบรรยาย คนที่ติดป้ายสีส้มจะมานั่งรอบห้องโดยเอาเก้าอี้มานั่งที่ปลายสุดของแต่ละแถว + ด้านหน้าคือผู้บรรยาย และด้านหลังสุดตรงกลาง 1 คน ซึ่งจะเป็นคนที่คอยพูดเสริมแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกับผู้บรรยาย และยังมีอีก 1 คนอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง ทำการจดบุคลิคลักษณะ ท่าทาง แต่ละคนของคนที่เข้าไปฟังบรรยาย ต่อมาผู้บรรยายที่มีหน้าที่การงานดีเยี่ยมที่สุด จะออกมาแนะนำตนเอง เล่าประวัติ และเชิญผู้ฟัง มาแนะนำตัวเองหน้าห้อง พร้อมทั้งบอกเป้าหมายในชีวิต ของแต่ละคน หลายคนบอกว่าอยากประสพความสำเร็จ แต่ยังติดสิ่งนู้น สิ่งนี้ หลายคนอยากมีครอบครับที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนออกไปพูดหน้าห้องรู้ไหมครับว่านั่นคือจุดอ่อนของคุณแต่ละคน คำถามก็คือทุกคนอยากได้นู่นได้นี่ แล้วทำอย่างไรหล่ะจึงจะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ปัญหาอยู่ที่ไหน แก้ยังไง ซึ่งเมื่อคุณบอกออกไปแล้วผู้บรรยายจะทำการถามคำถามไปเรื่อยๆ เพื่อดึงข้อมูลออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนผมหรือครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอกับอะไร ก็เลยตอบแบบแหวกแนวซ่งไม่ตรงกับคำตอบที่เค้าได้มาล่วงหน้า ผลก็คือมีอึ้งไปนิดนึง แล้วเขาก็บอกว่า “ ผมได้ยินมาว่าคุณอยากได้…. ไม่ใช่หรือครับ ” คำถามก็คือผู้บรรยายรู้ได้อย่างไรว่าผมต้องการอะไร ตอนนี้เริ่มเห็นภาพหรือยังว่า เขาเอาข้อมูลเราไปหมดก่อนจะเจอหน้าเราด้วยซ้ำ จากนั้นการบรรยายก็ดำเนินต่อไป โดยมีการให้คนป้ายส้ม มาพูดเสริมเป็นระยะๆ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่น คนหลังสุดตรงกลางจะคอยสนับสนุนผู้บรรยายโดยตลอด โดยการบอกว่าประสบการณ์ของเรานั้นเหมือนกันเลยครับ เมื่อใกล้สิ้นสุดการบรรยาย ประมาณ 4 ทุ่ม แอร์ก็ถูกตัดลง ซึ่งเป็นเวลาที่พอดีกับการใช้จิตวิทยาอีกแบบ คือการพูดถึงเรื่อง ถ้าคุณจะเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องทำเดี๋ยวนี้ ทันทีเลย โดยผู้บรรยาย ทำการดีดนิ้ว เป๊าะๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา พร้อมทั้งบอกว่า NOW NOW NOW “ ถ้าคุณจะเปลี่ยนต้องตอนนี้เลยครับ NOW เป๊าะๆ….. ” และแล้วก็ถึงตอนสำคัญที่ถามว่า ใครจะลงทะเบียนมั่ง ลงวันนี้มัดจำแค่ 3,000 เท่านั้น ซึ่งก็มีบางคนลงเสร็จไปตั้งแต่ก่อนเข้าห้องแล้ว และบางคนยังไม่ตัดสินใจ หลังจากนั้นจะเป็นการล้อมกรอบ แล้วชักชวนต่างๆนานา โดยคนป้ายส้มจะมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเขาจะต้องดูแลใครและ คุยอะไรกับคุณบ้าง ถ้าคุณตอบว่าไม่แล้วเดินจากไปก็จบ แต่จะมีการโทรไปตามหลังอีกในวันรุ่งขึ้น แล้วถ้าคุณนั่งต่อหล่ะ คำถามต่างๆ นานา ก็จะประดังเข้ามา ว่า ทำไมถึงไม่ลง เป็นเพราะอะไร ฯลฯ ถ้าสุดท้ายแล้วยังไงก็ไม่สมัครวันนั้น สิ่งที่ตามมาคือ เขาจะให้คุณมาอีกรอบในวันอังคาร เพื่อมาเจอคนที่จะมาจากเมืองนอก คราวนี้แหละครับ เตรียมตัวได้เลย เพราะคนๆนี้ ได้รับการฝึกด้านจิตวิทยามาเต็ม จากที่ผมได้ยินก็ประมาณ 7 ปี “ ถ้า Landmark Forum ดีจริง ทำไมต้องมาหว่านล้อม ชวนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อจะให้ลงทะเบียนด้วย ” เอาเป็นว่าผมไม่ขอเสี่ยงต่อละกัน ใครอยากลองก็เชิญ ผมคงเล่าได้แค่นี้ สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า คนที่มาชวนคุณไป Landmark Forum (Education) พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่คนไม่ดี เขาไม่ได้เงินจากคุณ พวกเขาอาสาสมัครมาทำกันเองด้วยความเต็มใจ เขาอยากให้สิ่งดีๆ กับเพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง และคนทุกคนที่เขารู้จัก แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบคือวิธีการซึ่งมันเป็นการใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา มาผสมกับความสามารถในการพูด และ ใช้ความดีในตัวคนเหล่านั้นมาเป็นเครื่องมือในการหาเงินเข้ากระเป๋า ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ ผมมีวิธีที่ง่ายที่สุด และไม่เสียเงิน เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่อาจจะละเลยบ้างเป็นบางที นั่นคือ - ยึดถือ และปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาที่คุณนับถืออยู่ เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี - น้อมรับเอาพระราชดำรัสของพ่อหลวงของเรามาปฏิบัติ - และข้อสุดท้าย “ ทำดีต่อพ่อแม่ ” ทั้งหมดที่ผมเขียนมา ไม่ได้เป็นการ บอกคุณผู้อ่านว่า “ ห้ามเข้า Landmark Forum ” แต่เขียนเพื่อเป็นแนวทางให้คุณรู้ก่อนว่าคุณจะเจอกับอะไร ใครไม่เชื่อ เราไม่ว่ากัน สิ่งไหนดีกับตัวคุณ ผมยินดีด้วย แต่นี่คือจุดยืนของผมที่อยากจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่สนับสนุน Landmark Forum ครับ #50 by เสียเพื่อนไปแล้ว 1 คน (58.9.146.209) At 2009-08-04 15:54,
จากคุณ |
:
ramai
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ค. 55 15:16:53
|
|
|
|
 |