 |
อาจเป็นไปได้ถ้าจะเหาะไปทางจิต แต่ในที่นี้ผมขอพูดถึงเฉพาะทางกายเท่านั้น ซึ่งสำหรับคนที่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าเหาะได้จริง อาจเป็นเพราะ พระพุทธเจ้าเป็นยอดมนุษย์ หรือพระพุทธเจ้าควบคุมแรงโน้มถ่วงได้ หรือ มนุษย์เคยเหาะได้แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังไม่พบความลับของการลอยตัว แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าเหาะได้ อาจเป็นเพราะพระไตรปิฎกถูกแต่งเติม หรือ คำว่าเหาะ เป็นคำอุปมาอุปมัย ไม่ได้แปลว่าเหาะจริงๆ
-------------------------------------------------
คุณชนาธิป เรื่อง ทางกายนั้น มีทั้งที่เป็น รูปหยาบ เช่น กายมนุษย์ เป็นต้น และรูปละเอียด (ปรมาณู) ที่ วิทยาศาสตร์ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ได้
สสารและพลังงานในพระพุทธศาสนา http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/02/Y11684189/Y11684189.html
----------------------------- ความตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระอาจารย์บุญมี เมธางกูร http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11128
narokและสวรรค์เหล่านี้เป็นรูปละเอียดเป็นปรมาณูทั้งสิ้นมิใช่สวรรค์อยูในอก narokอยู่ในใจ และมิใช่narokอยู่ใต้ดิน และสวรรค์อยู่บนฟ้า ดังที่บางคนดิดหรือกล่าวเย้ยหยัน หากทั้งnarokและสวรรค์อยู่ท่ามกลางจักรวาล (เชิญอ่านนครนอกภิภพ ผีสางเทวดาและชีวิตภายหลังความตาย) รายละเอียดในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดใหม่ในภพภูมิต่าง ๆ และเรื่องnarokสวรรค์นั้น ผู้ศึกษาพระอภิธรรมก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๒ ปี โดยศึกษาครั้งละ ๒ ชั่วโมง สัปดาห์ละครั้งและการศึกษาดังกล่าวนี้เป็นไปเพียงเพื่อเอาไว้เป็นฐานรองรับที่จะศึกษาในขั้นละเอียดต่อไปเท่านั้น
เรื่องของสวรรค์narokและผีสางเทวดานั้นมิได้เป็นเรื่องเพ้อฝันของคนโบราณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเอาไว้ในทั้ง ๓ ปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ มีเหตุ มีผล มีข้อเท็จจริง และมีบทพิสูจน์อยู่ทั่วไปทั้งในภาคทฤษฎีและในภาคปฏิบัติมากมายหลายแบบอย่าง รอคอยผู้มีความรู้มาก ๆ มีเหตุผลดีๆ อยู่เสมอ ผู้ศึกษาเล่าเรียน ผู้มีประสบการณ์และผู้ปฏิบัติจะไม่มีผู้ใดเลยที่จะสงสัย
ศาสดาของศาสนาทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ได้แสดงเรื่องสวรรค์และnarokเอาไว้ทั้งนั้น
ผู้ที่คิดว่าตนมีปัญญามากไม่ยอมศึกษา ได้แต่ชอบว่าชอบเยาะเย้ยถากถาง ได้แต่ชอบแสดงความเห็น โดยสำคัญผิดคิดว่าการที่ตนเรียนวิทยาการทางโลกทางวิทยาศาสตร์มามากนั้น ล้ำเลิศประเสริฐสูงสุดยิ่งกว่าศาสดาในศาสนาทั้งหลาย แต่ตอบปัญหาง่าย ๆ ดังที่ได้ถามไปแล้วไม่ได้ ท่านหล่านี้นับว่าได้ตกอยู่ในความประมาทในเรื่องของชีวิตจิตใจ และความเห็นผิดทั้งหลายจะก่อผลร้ายให้แก่ชีวิตอย่างน่าหวั่นไหวหวาดเกรงจริง ๆ
ความที่มัวเมา หลงใหล จมอยู่ในวัตถุนิยม จมอยู่แต่ในวิทยาการทางโลกทางวิทยาศาตร์จนเกินไปนี่เอง จึงเป็นเหตุให้บางท่านมีจิตใจคับแคบคิดว่าตัวเองนั้นมีปัญญายิ่งใหญ่ แล้วยังก้าวล่วงเข้ามาถึงในเรื่องของชีวิตจิตใจที่ตัวเองศึกษาหรือค้นคว้าเข้าไปไม่ไหว ใครจะพูดใครจะแสดงอย่างไรก็ไม่ยอมเปิดใจให้กว้างรับเรื่องราวที่ลึกซึ้งน่าอัศจรรย์ใจนั้นเอามาพิจารณาโดยวางใจลงเป็นกลางแล้วก็ด่วนตัดสินใจ แล้วยังกล้าหาญชาญชัยด้วยอำนาจของความเห็นผิดที่ติดแน่นอยู่ในหัวใจและความหลงใหลในวิทยาการสมัยใหม่อุดหนุนอยู่ภายใน ดังนั้น จึงได้กล้าบังอาจหมิ่นประมาทว่า เรื่องnarok สวรรค์ และผีสางเทวดาว่าไม่มี คนที่ว่ามีnarok และสวรรค์เป็นพวกเพ้อฝันตามคนโบราณไปทั้งนั้น แล้วก็ยกเอาคนป่าที่ชอบกราบไหว้ภูเขา กราบไหว้ต้นไม้ กราบไหว้แม่น้ำลำธาร ขึ้นมาตั้งเป็นหลักการว่า คนสมัยใหม่ในเมืองไทยในเวลานี้ยังเพ้อฝันตามคนป่าในครั้งโบราณเพราะชอบไหว้จอมปลวก ไหว้เสาเรือน และไหว้ศาลพระภูมิ
บางคนบังอาจกล้ากล่าวออกมาว่า ไม่มีเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและผีสางเทวดาอย่างแน่นอน แต่ถ้าในพระไตรปิฎกมีเรื่องดังกล่าวเหล่านั้น พระพุทธเจ้ามิได้แสดงเอาไว้เลย เป็นศาสนาพราหมณ์แปลกปลอมเข้ามาทั้งสิ้น เขาแต่งเพิ่มเติมเข้ามาภายหลังทั้งนั้น
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 06:01:29
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มิ.ย. 55 05:58:55
|
|
|
|
 |