ความคิดเห็นที่ 1 นั่งริมฟุตบาท รอชมหลักฐานว่าชัดหรือเบลอ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 03:56:15

ความคิดเห็นที่ 2  ERROR แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 07:52:54 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 05:54:05

ความคิดเห็นที่ 3 แป่วววว จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:40:29

ความคิดเห็นที่ 4 โอเล่ ซะแล้ว จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:40:50

ความคิดเห็นที่ 5 ยูซุฟ ด้วยประโยคของ นาย ช่วยอธิบายหน่อยสิ แล้วชาวยิว ชาวคริสต์ ชาวพระเจ้าทั้งหลาย มีคติเรื่องขนในร่างกายเหมือนชาวอิสลามหรือเปล่า ที่ถอนขนในร่มผ้า แต่ให้ไว้ขนที่ปากและคาง ตั้งกระทู้ขึ้นมาก้ต้องแสดงว่ารู้ลึก เรื่องขน ถามหน่อยสิ ตามประโยคข้างบน ทั้งสาม ศาสนา ไว้ขน และไว้ หนวด เคราอย่างไร? ปล  อาแมท ครับ ยูซุฟ นี้คนละคนกับ Yosuf ครับ ยูซุฟ  นี้คือ อิสลาม กำมะลอ แอบอ้างชื่อ อิสลาม ส่วน Yosuf นั้นเป็นมุสลิม ที่มีกาลีเมาะห์ ครับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 09:10:32 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 09:10:07 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:55:14

ความคิดเห็นที่ 6 มีพวกลิงหลอกเจ้าหลังไมค์ให้ลบหรือป่าว ท่านแมทท์ Yosof โยซบ ซบน้องโยหรือว่าน้องโยมาซบ เป็นมุสลิมกำละเมาะด้วยหรอ บักมอนี่ก้อ นั่นมันประโยคคำถาม ถ้าบักมอไม่ตอบหรือไม่รู้ ก็ไม่ต้องมาตอบ ดั๋นมาทำเป้นอวดภูมิ เอาประโยคคำถามมาถามกลับ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:22:53

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วชาวยิว ชาวคริสต์ ชาวพระเจ้าทั้งหลาย มีคติเรื่องขนในร่างกายเหมือนชาวอิสลามหรือเปล่า ที่ถอนขนในร่มผ้า แต่ให้ไว้ขนที่ปากและคาง ตั้งกระทู้ขึ้นมาก้ต้องแสดงว่ารู้ลึก เรื่องขน ถามหน่อยสิ ตามประโยคข้างบน ทั้งสาม ศาสนา ไว้ขน และไว้ หนวด เคราอย่างไร? รบกวนตอบด้วย อย่ากะล่อน บ่ายเบี่ยง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:21:52

ความคิดเห็นที่ 8 ตกลง การโกนขน ไม่โกนขน มันจะทำให้พบสัจจะที่แท้หรือไม่ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:24:40

ความคิดเห็นที่ 9 มันจะทำให้ เจ้าของกระทู้ พ้นทุกข์ + นิพพาน ไวๆ ครับ จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:40:08

ความคิดเห็นที่ 10 การโกนขนลับไม่ว่าทั้งเพศชายและเพศหญิงนั้นเป็นสุนนะฮฺที่ศาสนาระบุว่าจะต้องขจัด ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " خمس من الفطرة الإستحداد والختان وقص الشارب ونتف الإبط وتقليم الأظافر " ความว่า " 5 ประการถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ คือ การโกนขนใต้ร่มผ้า (โกนขนลับ), การทำคิตาน (การตัดหนังหุ้มส่วนปลายของอวัยวะเพศ),การเล็มหนวด,การถอนขนรักแร้ และการตัดเล็บ" (บันทึกโดยกลุ่มผู้บันทึกหะดีษ) ประการต่อมา การโกนขนลับถือว่าเป็นการทำความสะอาดในส่วนที่สำคัญของอวัยวะเพศของเรา เนื่องจากตัวโลนที่เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งประเภทเดียวกับหมัดที่อาศัยอยู่บริเวณขนตามหัวเหน่า ครั้นเมื่อเราโกนขนลับทิ้งไป ตัวโลนก็จะไม่มีตรงบริเวณอวัยวะเพศของเรานั่นเอง ประการต่อมา ศาสนาระบุให้เราโกนขนลับไม่เกิน 40 วัน ท่านอนัสเล่าว่า " وقت لنا النبي صلى الله عليه وسلم قص الشارب وتقليم الأظافر ونتف الإبط وحلق العانة ألا يترك أكثر من أربعين ليلة " ความว่า "ท่านรสูลุลลอฮฺกำหนดเวลาให้แก่พวกเราในการเล็มหนวด,การตัดเล็บ,การถอนขนรักแร้,การโกนขนลับ โดยไม่ปล่อยเวลาทิ้งไว้เกินกว่า 40 คืน" (บันทึกโดยอบูดาวูด,อะหฺมัด และท่านอื่นๆ) สรุปคือ การโกนขนลับเป็นสุนนะฮฺนบีที่เน้นหนักให้กระทำ เนื่องจากเป็นการทำความสะอาดต่อร่างกายซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่พระองค์อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้ อีกนิด คำว่า สุนนะฮฺ (سنة ) ทางด้านภาษาหมายถึง แนวทาง, หนทาง, กฎ หรือประเพณี ความหมายทางด้านหะดีษ (حديث) หมายถึง การกระทำ,คำพูด และการยอมรับของท่านนบีมุหัมมัด (صلى الله عليه وسلم) ความหมายทางด้านฟิกฮฺ (فقه นิติศาสตร์อิสลาม) หมายถึง สิ่งที่บุคคลหนึ่งกระทำแล้วได้รับผลบุญ แต่บุคคลใดละทิ้งไม่มีโทษสำหรับเขา จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:53:41

ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 11:54:09 จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:53:45

ความคิดเห็นที่ 12 จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:27:13

ความคิดเห็นที่ 13 ฮาดิษ เป็นหนังสืออธิบาย คล้าย อรรถาธิบาย อีกทีไม่ใช่หรือครับ ไม่ใช่ พระคัมภีร์แบบอัลกุรอาร...  ถ้าเทียบแบบยิว ก็มี หนังสือทัลมุด คืออธิบายโตราห์ อีกที...  คนเขียนมาทีหลัง แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 13:52:44 จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:52:18

ความคิดเห็นที่ 14 จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:06:47

ความคิดเห็นที่ 15 จะเห็นว่า อิสลาม ไม่ใช่เพียงหลักการกว้างๆ หรือ ทฤษฎี ที่แนะให้มนุษย์หาวิธีการกำจัดทุกข์ในเชิงปฏิบัติเอาเอง หรือ หนีทุกข์ แต่อิสลาม เป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่รอบด้านให้ผู้ปฏิบัติ และสังคมรายล้อมได้พ้นทุกข์ในระยะยาว โดยการเข้าใจ ป้องกัน และบริหารจัดการทุกข์อย่างเหมาะสมในระยะสั้น เรื่องการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว ย่อมไม่ไร้สาระที่จะอยู่ในแนวทางที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าวเช่นกัน การโกนขนใต้ร่มผ้า (โกนขนลับ), การทำคิตาน (การตัดหนังหุ้มส่วนปลายของอวัยวะเพศ),การเล็มหนวด,การถอนขนรักแร้ และการตัดเล็บ เป็นเพียงมาตรการส่วนหนึ่งที่ดีต่อการรักษาความสะอาดของร่างกายของอิสลามเท่านั้น ไม่นับการชำระล้างอื่นๆ และ ข้อปฏิบัติอื่นๆ ผู้ประสงค์ความสะอาดไม่จำเป็นต้องรอให้พยาบาลทำให้ก่อนผ่าตัด ทุกคนสามารถดูแลตนเองได้ในชีวิตประจำวัน ป้องกันทุกข์ที่อาจเกิดขึ้นจาก การหมักหมม ด้วยสิ่งเล็กน้อยในอิสลามเช่นนี้ ก็ยังเป็นเครื่องยืนยันได้ถึง ความนำสมัย เพราะแม้วิทยาศาสตร์จะเจริญก้าวหน้าเพียงไร ผู้คนอ่านออกเขียนได้ แต่ทุกวันนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่เห็นคุณค่า  ไม่เห็นข้อแตกต่าง ของมาตรการทางสุขอนามัยพื้นฐานนี้ โดยแสดงความล้าสมัยทางสติปัญญาออกมาให้เห็นกันเนืองๆ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 15:12:29

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ใช่ครับ "ฮะดีษ" คือ คำพูด การกระทำ การยอมรับ และคุณลักษณะ ตลอดจนชีวประวัติของท่านนบีมุฮัมมัด ซ.ล. ที่ถูกบันทึกโดยสาวกของท่าน และมีสายรายงานมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนหนังสืออรรถาธิบายอัลกรุอานนั้นเรียกว่า "ตัฟซีร" จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 16:40:48

ความคิดเห็นที่ 17 ดูๆ ไปแล้ว ถ้าถือเอาเจตนาเป็นสำคัญ พระเจ้าต้องการให้เป็นคน "สะอาด และ สุขภาพดี ทั้งกายและใจ" หากใครปฏิบัติตนเองให้มีความสะอาดและสุขภาพดี ก็ควรจะถือว่าเขาได้ทำให้พระเจ้าพอใจ ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอิสลามหรือไม่ก็ตาม จริงไหมครับ ? ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เทียบเคียงเอาตามนี้ เช่น การพัฒนาจิตใจให้ สะอาด สงบ สว่าง มีเมตตากรุณา สุภาพ อ่อนน้อม ฯลฯ จากคุณ : Mahasati Neo เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 17:23:25

ความคิดเห็นที่ 18 อัลกรุอาน และ ฮะดีษ คืออะไรกัน.... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 00:27:29