Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
++++ รู้บ่อยๆ เริ่มต้นที่รู้ ++++ ติดต่อทีมงาน

เพิ่งรู้ว่ามีคนใจดี ได้กรุณาถอดคำเทศน์ของพระอาจารย์ไว้แล้วนำมาให้อ่านกัน
ผมจึงขอนำมาแบ่งปันต่อ เพราะนี่คือแนวทางการภาวนาที่ผมดำเนินอยู่

กราบขอบพระคุณ และโมทนาสาธุครับ 
Credit ชมรมณีย์ (2) @ ลานธรรม

=========================== 


รู้บ่อยๆ เริ่มต้นที่รู้

ระหว่างการดำเนินอยู่ในเส้นทางของการปฏิบัติก็รู้อยู่

ถึงขั้นที่สุดของการปฏิบัติ เหลือแค่รู้ แค่นั้นเอง

 

ถ้านักปฏิบัตินักภาวนาทั้งหลายไม่ทิ้งภาวะรู้ ที่เป็นที่ตั้ง ฐาน แล้วนี่

การหลงออกนอกทาง นอกองค์มรรคนี่ ออกได้ยากมาก

แต่ถ้าระหว่างเส้นทางการปฏิบัตินี่ ไปมาตามอาการต่างๆนานาที่ปรากฏผุดโผล่ขึ้นหรือกระทบสัมผัสมา

ไปค้นหาความจริงก็ตาม ไปลังเลสงสัยกับมันก็ตาม ไปมีไปเป็นกับมันก็ตาม

พวกนี้คือธรรม ที่เรียกว่าเป็นธรรมที่ให้เกิดความเนิ่นช้า เป็นธรรมที่ให้เกิดความเหนี่ยวรั้ง ข้อง ติด

เราไม่เรียกหรอกว่าธรรมนี้ไม่ดีธรรมนี้ร้าย แต่เราเรียกว่าเป็นธรรมที่ให้เกิดความเนิ่นช้า

 

ผู้มีปัญญา ผู้มีความพากเพียร ผู้มีความแน่วแน่ ก็จะสลัดทิ้ง สลัดออก จากอาการต่างๆ นานา ที่มันร้อยรัด

กลับมาอยู่ในที่รู้อยู่ที่เดียว ธรรมเดียว ดวงเดียว

นั่นแหละมันก็จะกลับเข้าอยู่ในองค์มรรค ดำเนินไปในองค์มรรค จนถึงที่สุดขององค์มรรค

 

การภาวนาจริงๆไม่ยาก มันยากเพราะเบี้ยใบ้รายทาง

เราไปให้ค่าให้ความหมายให้ความสำคัญ แล้วเราไปปรุงแต่งร่วมกับมัน ด้วยความคิดความเห็นต่างๆนานา

มันทำให้เกิดความหลง เข้าไปเกลือกกลั้ว เข้าไปมี เข้าไปเป็น

มันทำให้ติดข้อง ธรรมนั้นเลยกลายเป็นธรรมที่ติดข้อง

ทั้งๆที่เขาไม่ได้ติดข้องเรา กิเลสไม่เคยติดเรา เราไปติดกิเลส

กิเลสไม่เคยติดเราหรอก เราไปติดความอยาก เราไปติดตัณหา

ตัณหาไม่เคยติดเรา ตัณหาไม่เคยติดใจ เขาเกิดตรงไหน เขาก็ดับอยู่ที่นั้น เป็นนิจ เป็นปกติวิสัย

ผู้ที่มีปัญญาเท่านั้นน่ะ อาศัยปัญญาที่มี รักษาประคับประคองใจให้ดำเนินไปต่อเนื่องในองค์มรรค อย่างสม่ำเสมอ ราบเรียบ เป็นกลาง

ก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ห่างไกลกิเลส ห่างไกลจากทุกข์

ห่างไกลจากเหตุที่เกิดทุกข์ จนถึงขั้นที่เรียกว่าหลุดพ้นออกจากทุกข์

 

ทุกข์มีอยู่สองอาการ

ทุกขสัจหรือว่าทุกข์ธรรมชาติ กับทุกข์ที่เรียกว่าเป็นทุกข์อุปาทาน

มันจะหลุดพ้นออกจากทุกข์อุปาทาน ไม่ได้หลุดพ้นออกจากทุกขสัจ

เพราะทุกขสัจนี่เป็นทุกข์ประจำโลกทุกข์ประจำขันธ์ เป็นทุกข์ธรรมชาติอยู่แล้ว

ฝนตก ฟ้าร้อง แดดออก พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก เหล่านี้เป็นทุกขสัจ

เกิดแก่เจ็บตาย พวกนี้ ขันธ์ เย็นร้อนอ่อนแข็งพวกนี้เป็นทุกขสัจ

คือความเป็นจริงที่ปรากฏ หนีไม่พ้นหรอก แก้ไม่ได้

 

แต่ความไม่อยากมีไม่อยากเป็นในทุกข์ที่ปรากฏ

หรือการเข้าไปคาดหมายคาดหวังต่อทุกข์ที่ปรากฏ

อันนี้ต่างหาก ที่จะหลุดพ้นออกจากอาการพวกนี้ได้

ด้วยองค์มรรค ด้วยการอยู่ในองค์มรรค

ด้วยการที่ใจแนบแน่นอยู่ในมรรค ที่มีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นตัวประคับประคองค้ำจุน

 

ยังไงๆสติอย่าทิ้ง รักษาสติให้มากจนถึงมากที่สุด

จนถึงเรียกว่าเป็นเส้นตรงอันเดียวกัน

อยู่ด้วยสติล้วนๆ อยู่ด้วยใจล้วนๆ อยู่กับใจล้วนๆ

อยู่กับใจจนเป็นธรรมชาติ อยู่กับใจจนเป็นปกติ

อยู่กับใจจนเป็นนิสัย อยู่กับใจจนเป็นอัตโนมัติ ถึงขั้นนั้นจึงเรียกว่าเป็นมหาสติจริงๆ

ไม่ใช่ของที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าของที่ยากเกินกว่ามนุษย์ปุถุชนจะทำได้

อาศัยความพากเพียร ความใส่ใจ ความตั้งใจ

ความแน่วแน่ในองค์สติ สมาธิ ปัญญา แน่วแน่อยู่ในองค์มรรค ไม่มีออกจากองค์มรรคได้เลย

ใจที่มันตั้งมั่นอยู่เป็นดวงเดียวนั้นน่ะจึงจะเป็นผู้รู้ผู้เห็นที่ถูกที่สุด

เป็นผู้รู้ผู้เห็นที่ตรงที่สุด จึงจะเป็นผู้รู้ผู้เห็นที่เป็นสัมมาที่สุด

  

ใจหลายดวงหรือจิตที่มันไปๆมาๆ

ที่มันไปรู้เห็นในสิ่งต่างๆ ด้วยความอยากด้วยความไม่อยากใดๆก็ตาม

สิ่งที่รู้สิ่งที่เห็นนั้นไม่เรียกว่าเป็นสัมมา ไม่เรียกว่าตรง ยังไม่เรียกว่าสัจจะ

ดวงใจที่รู้ดวงเดียวเท่านั้นจึงจะเป็นผู้รู้ผู้เห็นที่ชัดเจน ชัดตรง ตามธรรมนั้นๆ 

จากคุณ : รู้สึกตัว
เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 10:34:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com