ความคิดเห็นที่ 1 “จับประเด็นพลาดไป” จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:25:03

ความคิดเห็นที่ 2 ขยายความ ๑ ในคห 1 (ในกระทู้ คือ ตอนที่ 20) แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 09:25:54 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:25:28

ความคิดเห็นที่ 3 ประเด็นคือ “ตามหลักการของพระพุทธศาสนาเถรวาท ถือว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา” จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:26:20

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเถียงกันว่า “นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา”…..”เชิญเถียงกันไปเถิด”… จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:26:40

ความคิดเห็นที่ 5 พระพุทธศาสนาเถรวาท บอกไว้ว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา.... ต้องดูตามหลักการและตามหลักฐาน จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:26:55

ความคิดเห็นที่ 6 เล่าเรื่องเชิงเปรียบเทียบ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:27:12

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อมูลที่ตรงและไม่ตรงกับหลักฐาน (รวมทั้งการแปลความหมายที่ถูกต้องแม่นยำเพียงใด) จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:27:28

ความคิดเห็นที่ 8 จับประเด็นให้ถูกต้อง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:27:47

ความคิดเห็นที่ 9 “รักษาความเที่ยงตรงของหลักฐาน” จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:28:09

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่คนตัดสินความจริง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:28:36

ความคิดเห็นที่ 11 สิ่งใดเป็นหลักการ สิ่งใดเป็นทัศนะส่วนบุคคล ต้องแยกให้ชัดเจน “ไม่ใช่การติดตำรา หรือยึดมั่นในคัมภีร์” จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:29:06

ความคิดเห็นที่ 12 ควรอภิปรายหรือถกเถียงบนฐานแห่งข้อมูลที่มั่นใจหรือไว้ใจได้มากที่สุด จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:29:24

ความคิดเห็นที่ 13 .... ปัญหาเกิดจาก  “การทำฐานข้อมูลให้เสีย”…. จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:29:38

ความคิดเห็นที่ 14 ปัญหากรณีธรรมกาย จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:29:56

ความคิดเห็นที่ 15 การไม่ยอมรับหลักการที่ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลแท้   ....พยายามบิดเบือน   ปลอมปนข้อมูล  นำทัศนะส่วนตัวมาตั้งเป็นหลักการแทน จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:30:14

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องนี้จะไม่เกิดปัญหา ถ้า...แยกระหว่าง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:30:49

ความคิดเห็นที่ 17 ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:31:12

ความคิดเห็นที่ 18 กรณีตัวอย่าง.... “ประทุษร้ายทางปัญญาต่อเพื่อนมนุษย์”… จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:31:32

ความคิดเห็นที่ 19 กรณีธรรมกาย   ...ละเมิดจริยธรรมทางวิชาการ...ประทุษร้ายทางปัญญาต่อเพื่อนมนุษย์....ปัญหาทางศาสนาที่มีผลร้ายแรง... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:31:45

ความคิดเห็นที่ 20 ยกตัวอย่าง….ลุ่มหลงหมกมุ่นในอิทธิปาฏิหาริย์.. จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:32:03

ความคิดเห็นที่ 21 บิดเบือนหลักการ   นำไปสู่...จิตที่ลุ่มหลง..หมกมุ่น..ยึดติดตัวตนรุนแรง..ศรัทธาแบบคลั่งไคล้  หรือ งมงาย ... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:32:16

ความคิดเห็นที่ 22 ปัญหานี้..โยงถึงทุกด้านของชีวิตและสังคม...กระทบถึงทุกคนในระยะยาว.. จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:32:47

ความคิดเห็นที่ 23 ร่วมกันรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:33:02

ความคิดเห็นที่ 24 ครั้งหน้าเป็นกรณีธรรมกาย เป็น ตอนพิเศษ ..... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:33:33

ความคิดเห็นที่ 25 ------------ สถานการณ์ทุกวันนี้   วัดธรรมกายถึงกับร่วมมือกับผู้ได้อำนาจเป็นรัฐบาล นำกองกำลัง  มาปฏิบัติการทางการเมือง   โดยอ้างว่ามาปฏิบัติธรรมที่วัดธรรมกาย   วัดธรรมกายได้อิงกับการปฏิบัติการทางการเมือง อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 10:37:51

ความคิดเห็นที่ 26 อีกหน่อยคำว่า ไทยเป็นเมืองพุทธ คงเหลือแต่ชื่อ... จากคุณ : 13th friday เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 12:07:20

ความคิดเห็นที่ 27 แม้ว่าจะเป็นเรื่องเก่า แต่เห็นด้วยว่าควรจะมีการเน้นย้ำ เพราะทุกวันนี้ วัดธรรมะกลายก็ยังดำเนินการได้อยู่ ส่วนตัวมองว่าเหตุเพราะคนทั่วไป ยังไม่รู้ไม่เข้าใจหลักคำสอนที่ถูกต้องแท้จริง จึงเป็นช่องทาง ให้ทางวัดดำเนินการอยู่ได้ อยากจะขอฝากถึงเพื่อนสมาชิก เพิ่มเติมจากคุณต่อmcuว่า ภัยของศาสนาพุทธ ไม่ได้มาจากภายนอกเลย แต่เกิดจากคนที่นับถือพุทธด้วยกันนี่ล่ะ จึงต้องช่วยกันย้ำเตือน จากคุณ : via iPad (ad law) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 14:16:25

ความคิดเห็นที่ 28 .... คำว่า  “ธรรมกาย” นั้น พระคุณท่านไม่ได้บัญญัติขึ้นเอง แต่หากท่านปฏิบัติธรรมได้มาแล้ว ซึ่งตรงกับคำที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกด้วย เมื่อท่านค้นคว้าได้มา บังเอิญไปตรงกับพระไตรปิฎกเข้า จึงเป็นเรื่องที่ท่านภูมิใจและมั่นใจว่า ของจริงมีจริง และมีอยู่ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ของจริงนั้น บุคคลจะพึงเห็นได้ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงเท่านั้น มิใช่จะเกิดขึ้นเพราะความคิดนึกและความปรารถนา......ฯลฯ ( ย่อจากบางส่วน ) พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จากคุณ : คนทั่วไป ก็เหมือนเรา (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:35:30

ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อธรรมกายเกิดขึ้น วัดปากน้ำได้รับคำวิพากวิจารณ์กันมาก บางพวกก็ปลื้มใจ บางพวกก็หนักใจ บางพวกก็ตั้งขอกล่าวหาลงโทษวัดปากน้ำอย่างหนัก ถึงกับพูดว่าอุตริมนุสธรรมก็มี ข่าวนี้มิใช่ท่านจะไม่รู้ ท่านได้ยินเสมอๆ แต่เสียงนั้นก็ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนใจแก่ท่านแม้แต่เล็กน้อย ท่านกลับภูมิใจเสียอีกที่ได้ยินได้ฟังคำเช่นนั้น ผู้เขียนได้เคยปรารภเรื่องนี้กับเจ้าคุณวัดปากน้ำ แสดงความหนักใจให้ท่านเห็น ท่านกลับพูดว่า "คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาลาลกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า “ธรรมกาย” มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่...ฯลฯ ( ย่อจากบางส่วน ) พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม   ปล. ไม่ได้เสนอความเห็นส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น... จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 16:45:18

ความคิดเห็นที่ 30 ด้วยความเคารพ อยากเรียนถามความเห็นส่วนตัวของคุณ pa-o ว่า เมื่อเปิดเข้าไปดูในช่อง DMC แล้วพบว่า มีการเชิญชวนให้ร่วมทำบุญ ต่างๆ แล้วให้ช่วยกันเชีบร์ว่า รวย...รวย...รวย... คุณ pa-o คิดอย่างไรกับการชักจูงคนแบบนี้ ปล. มิใช่ว่าเนื้อหาสาระที่ดีๆจะไม่มีเลย      ก็เห็นว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว      แต่การกระทำดังกล่าวข้างบนก็มีอยู่มากพอกัน      หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ จากคุณ : via iPad (ad law) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 17:51:59

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบเฉพาะ ความเห็นที่ 30  ตามความเห็นส่วนตัว 1. เข้าใจทั้งฝ่ายผลิต และผู้รับชม 1.1 ฝ่ายไม่ชอบ ก็จะยกเรื่องของ การทำบุญต้องไม่หวังผล กล่าวคือ มองว่า การทำบุญหวังร่ำรวย คือ ความโลภ 1.2 ฝ่ายชอบ ก็มองว่า ความรวย มาจากการทำทาน เหตุผลก็ตรงตัว ส่วนจะหวังหรือไม่หวัง ตอบว่า บางคนก็หวัง บางคนไม่หวัง ก็มี เช่น กลุ่มที่เขารวยอยู่แล้ว ทำหรือไม่ทำ เขาก็รวย แต่ที่ทำเพราะเห็นประโยชน์มากกว่า นี้ก็มี 2. ส่วนตัว ยอมรับว่าไม่นิยม การเชิญชวน ที่เน้นเรื่องนี้เป็นหลัก แต่เข้าใจวัตถุประสงค์ของวัดดี เพราะคลุกคลีมาแต่เด็ก และเคยบวชในยุคก่อน ทุกวันนี้แก่หัวหงอก ก็ไปอยู่ เป็นแฟนวัดพระธรรมกาย ( ชัดเจนน่ะ) 3. สรุปคือ ถ้าเอาเฉพาะรูปแบบการเชิญชวน บางครั้ง  ก็ไม่โดน ถ้าเอาปลายทาง หรือบทสรุป ของการทำบุญที่เชิญชวน อันนี้โดน   แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 18:29:30 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 18:27:12

ความคิดเห็นที่ 32 ขอขอบพระคุณที่กรุณาตอบ รู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อถามไป ด้วยเกรงว่าคุณ pa-o จะเข้าใจว่าหาเรื่อง ขอขอบคุณอีกครั้ง จากคุณ : via iPad (ad law) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:16:18

ความคิดเห็นที่ 33 ผมนับถือหลวงปู่สด ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายคร แต่ผมไม่นับถือแนวทางของวัดธรรมกาย อยากได้ธรรมกายที่แท้จริง ผมไปวัดปากน้ำครับ จากคุณ : TonYee เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 02:03:02

ความคิดเห็นที่ 34 คำสอนวัดปากน้ำ กับวัดธรรมกายต่างกันชัดเจน หลวงปู่สดไม่เคยพูดเรื่องทำบุญเยอะได้เยอะทำบุญน้อยได้น้อย  ท่านสอนให้ปฏิบัติจนเกิดธรรมกายเห็นธรรมด้วยตัวเอง วัดธรรมกายไม่สมควรเอาหลวงปู่สดมาอ้างครับ คนละแนวทางกันอย่างสิ้นเชิง ผมเกิดวงเวียนใหญ่ ไปวัดปากน้ำแต่เด็ก พ่อแม่อธิษฐานขอผม ก็จากวัดนี้ ผมนับถือหลวงปู่สด อย่าเอาหลวงปู่ท่านไปโยงกับวัดธรรมกายเลยครับผมขอร้อง จากคุณ : TonYee เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 02:10:08

ความคิดเห็นที่ 35 เรียนท่าน ความคิดเห็นที่ 32 via iPad (ad law) ไม่มีปัญหา กลับนิยมชมชอบ ในความสุภาพ เป็นมิตร ของคุณด้วยซ้ำ   ความเห็นต่าง เรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อ การเมือง ฯลฯ เห็นว่าจำเป็นต้องมองให้กว้าง มองว่ามนุษย์ทุกคนบนโลก คิดต่างกันได้ หากใครซักคนกำลัง มองออกนอกตัว ไปยังความคิดผู้อื่น เขาผู้นั้นพึงตระหนักให้มั่นว่า นอกจากท่านจะไม่รู้จักเขาแล้ว ท่านก็ไม่ได้รู้ใจ รู้ความคิดของผู้อื่นได้ทุกคน...   จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 09:08:19

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนท่าน คห.33, 34  ผมนับถือหลวงปู่สด อย่าเอาหลวงปู่ท่านไปโยงกับวัดธรรมกายเลยครับผมขอร้อง ... ^^^^ ท่านจำเป็นต้องกลับไปศึกษา หนังสือ กรณีธรรมกายให้ดีๆก่อน...แล้วย้อนไปดูกระทู้... 1. กรณีธรรมกาย กล่าวถึงเรื่องราวของวัดพระธรรมกาย และวิชชาธรรมกายที่อ้างอิงจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยตรง 2. จากข้อ 1 เนื้อหาส่วนหนึ่ง กล่าวแย้งคำสอน และหลักวิชชาธรรมกาย ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ทุกประเด็น และเรียกหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า อาจารย์ใหญ่ธรรมกาย 3. เฉพาะ เนื้อหาวิชชาธรรมกาย นี้ ในอดีต เกิดข้อโต้แย้งขึ้น ทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากวัดพระธรรมกาย ท่านทราบหรือไม่ พระเถระ แห่งราชบุรี ศิษย์สายหลวงพ่อสด ท่านก็เคยโต้วาทะอย่างเข้มข้น เรื่องนี้กับผู้แต่งกรณีธรรมกายมาแล้ว สรุปประเด็นสำคัญ คือ หากท่าน นับถือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านควรออกมา ให้เหตุผล ในหลักวิชชาธรรมกาย กับผู้ที่ไม่เข้าใจมากกว่า ส่วนวัดพระธรรมกาย ถ้าท่านไม่ได้นับถือ ก็สุดแท้แต่ เป็นสิทธิของท่าน จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 09:27:13

ความคิดเห็นที่ 37 อนุโมทนาคุณ TonYee คห 34 ....ย่านวงเวียนใหญ่ ประชาชนแถวนั้นเรียกตนเองว่า "ลูกพระเจ้าตาก"...... ...:)...รออ่านข้อมูลจากพระภิกษุรูปอื่นอีกนะครับ  จะนำมาให้อ่านในภาคพิเศษและ จะเข้าใจเพิ่มขึ้นว่า(แต่สาวกลัทธิธรรมกาย เขาเหล่านั้นไม่เข้าใจครับ ก็ปล่อยเขาไป ) ...."สำนักวัดพระธรรมกายไม่ใช่สำนักในพระพุทธศาสนา".. --------------- ส่วนเรื่องคุณ pa-o นำหลวงปู่ หลวงตา รูปอื่นมาอ้างอิง (ซึ่งไม่เกี่ยวกับสำนักวัดพระธรรมกาย) เป็นเรื่องปรกติเขา เขาทำมาตลอดอยู่แล้ว  เพื่อนๆจึงเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา  เมื่อตอนก่อนๆ หากเคยอ่านกัน  จำได้ว่า  ผมเขียนทำนองว่า การพูดอวดอุตริจะทำให้ภิกษุปาราชิก   แกก็เอาคำพูดใน youtube(ถ้าจำไม่ผิด)ของครูบาอาจารย์ที่แกนับถือ มาลงในกระทู้และให้ผู้ฟังได้ฟังกัน(แถมบอกเสร็จสรรพว่าพูดนาทีที่เท่าไร่) อ่านแล้วก็ทั้ง งง และ ขำ    "เขาพูดเอง-เออเอง-ตอบเอง"...   ก็แล้วแต่ความคิดของเขาครับ       แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 12:30:42 แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 12:57:27 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:25:14

ความคิดเห็นที่ 38 . .. ... จากคุณ : ..ช้า..แต่ก็ยังทันเวลา.. (เห็นตามใจ) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 19:23:19

ความคิดเห็นที่ 39 ..เรารักประเทศไทย.. http://goo.gl/AB8bQ จากคุณ : ..ช้า..แต่ก็ยังทันเวลา.. (เห็นตามใจ) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 19:24:45

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเห็นว่าคำสอนของท่านหลวงพ่อสดวัดปากน้ำเป็นสัทธรรมปฏิรูป การยกคำพูดของพระรูปใดๆไม่ได้เป็นการแก้ในสิ่งนี้เลย ท่านอ้างสิ่งที่เห็นเป็นธรรมกาย ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าตรงกับพุทธพจน์ เชื่อว่าท่านเห็นจริงแต่สิ่งที่เห็นไม่ปรากฏโดยพุทธพจน์ เชื่อว่าท่านประพฤติชอบในศีล แต่ธรรมท่านสอนไม่ตรงกับพุทธธรรม จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 19:35:12

ความคิดเห็นที่ 41 ขอแสดงความรู้สึก โดยไม่ขอโต้ตอบท่านใด........ ความรู้สึกที่สำผัสได้ใน ความเห็นที่ 40 แม้จะอยู่ในโซน เดียวกันกับ ความเห็นที่ 37 แต่กลับให้สำผัสของอารมณ์ที่ต่างกันมาก... ความเห็นที่ 40 ของ คุณเมฆ นอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกกระเพื่อม กลับทำให้รู้สึกถึงความ จริงใจ ตรง ชัด กล้าหาญ มากกว่า ความเห็นที่ 37 เอามากๆทีเดียว... แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 20:00:31 จากคุณ : จริงๆ (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 19:56:57

ความคิดเห็นที่ 42 ถึงคุณเมฆ    คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้เป็นสัทธรรมปฏิรูปแน่นอน เพราะท่านไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงอะไร ในพระไตรปิฏก ( แอบทำ )     แต่  ท่านนำการปฏิบัติของท่าน เทียบเคียงเข้าหาพระไตรปิฏก ว่าเข้ากันได้หรือไม่ โดยนำพระไตรปิฏกมาปฏิบัติ ตามหลักมหาสติปัฐฐาน 4 และคัมภีร์วิสุทธิมรรค จนทะลุปรุโปร่ง จึงได้ค้นพบทางเข้าถึงพระธรรมกาย ( อ่านจากประวัติหลวงพ่อและคู่มือสมภาร )    ฉะนั้นก่อนจะเชื่ออะไร ควรจะศึกษาไว้ก่อน ตามหลักมหาเปส 4 แล้วนำมาสอบสวนกับพระสูตร เทียบเคียงกับพระวินัย ว่าลงกันได้หรือไม่      หลาย ๆ เรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เช่น นรก สวรรค์  เปรต อสูรกาย หรือ อิทธิปาฏิหาร์ย พระพุทธเจ้าเหาะได้  หรือ ประสูติแล้วเดินได้เลย ทุกอย่างควรพิสูจณ์หมด เพราะ ทุกอย่าง มีวิธีปฏิบัติเพื่อ ได้ไปเห็น หรือ ทำได้ เช่น กสิณ 10 ควรลงมือปฏิบัติก่อน จะเชื่อสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น พระไตรปิกฏนั้นบอกไว้หมดแล้ว เหลือแต่จะลงมือทำหรือเปล่า หรือเพียงแต่จะสงสัย ว่าจริงหรือไม่เท่านั้น ? จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 05:02:57

ความคิดเห็นที่ 43 อนุโมทนาคุณเมฆหลากสี คห 40 นะครับ และผมยังยืนยันว่า  กระทู้นี้มุ่งเฉพาะสำนักวัดพระธรรมกายครับ..:)....และสามารถนำไปสู่การวินิจฉัยในสำนักอื่นๆอีกด้วย(ท่านก็จะทราบเองกว่า สำนักใดสอนถูกหลักพระพุทธศาสนาที่แท้จริงหรือไม่ อย่างไร) อ่านขัอมูลตามที่หลวงพ่อพระพรหมคุณาภรณ์ท่านเขียน  เป็นการปกป้องพระธรรมวินัยอย่างแท้จริงครับ    ในส่วนตัวผมเคารพนับถือหลวงพ่อสด เพราะ สุดท้ายในการปฏิับัติแล้ว ท่านสามารถรู้ได้ว่า ทางใดเป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครับ และท่านก็ยังเมตตาบอกคนอื่นๆด้วยว่า ทางที่ถูกเป็นเช่นไร(เป็นความกล้าหาญของหลวงพ่อ...:)....)  สามารถหาข้อมูลเหล่านี้หรือถามได้ที่วัดมหาธาตุฯ(แถวท่าพระจันทร์)     ส่วนวิชชาที่ท่านค้นพบก่อนที่จะมาวิปัสสนากรรมฐานนั้น ก็ต้องว่าไปตามหลักการว่าเ็ป็นอย่างไร ซึ่งอ่านได้ทั้งหมดในหนังสือกรณีธรรมกาย   --------------- อนุโมทนาคุณ pa-o ทีี่ใจเย็นขึ้นนะครับ       ผมเคยอ่านในพระไตรปิฎก ทราบว่า ในสังสารวัฎนี้ยาวนานมาก  เราทุกคนเคยเกิดมาเป็นญาติพี่น้องกัน  เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกกัน  ฉะนั้น ในสังสารวัฎยาวนานนี้ หากแม้นผมเคยเป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นญาติพี่น้องกับเพื่อนๆในห้องศาสนานี้่ หรือ กับผู้ที่ได้อ่านข้อมูลจากครูบาอาจารย์(โดยผมอาจจะเป็นแค่สื่อให้เขาทราบข้อมูลเท่านั้น) ก็ขอให้ความเพียรพยายามในการนำข้อมูลเป็นเหตุปัจจัยแก่ภาวะแห่งปัญญาที่จะเิกิดขึ้น   สะกิดใจให้ท่านได้เดินทางสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องในแนวทางพระพุทธศาสนาที่แท้จริงได้่    ...ผมขอตอบแทนบุญคุณเหล่านี้ให้กับญาติพี่น้องของผมนะครับ.... แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:15:58 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:17:59 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:28:29 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:30:14 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:51:48 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:14:38

ความคิดเห็นที่ 44 นอกเรื่องนิดนึงครับ จะได้ไม่ต้องไปตั้งกระทู้ที่ใหม่ (อาศัยหลักประหยัดพื้นที่กระทู้ อิอิอิอิ) (มาให้ท่านได้ร่วมอนุโมทนา  เหล่าผู้เสียสละเลือดเพื่อเืพื่อนมนุษย์) วันที่ 14 มิถุึนายน 2555 เป็นวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2555 ร่วมอนุโมทนากันครับ (ท่านจะได้มีส่วนในบุญกุศลเหล่านี้ด้วย) จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:37:49

ความคิดเห็นที่ 45 ผมไปบริจาคโลหิต  เจอป้ายนี้ยังตั้งอยู่  จึงอาศัยจังหวะปลอดคนเล็กน้อย  หาที่ว่างๆ แถมมีรอยยิ้มติดมาด้วย...:)...(สังเกตปากกาที่เขียนต่างกับชาวบ้านครับ เพราะไปหลังจากวันงาน อิอิอิ) ขอเขียนอนุโมทนากับทุกๆท่าน..ขอให้ทั้งผู้รับและผู้ให้โลหิตมีสุขภาพแข็งแรงครับ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:58:25 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 13:34:36 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:41:47

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆก็ว่าจะจบตั้งแต่ คห.41 แต่บังเอิญสะดุด ข้อความนี้ของคุณต่อ  ในส่วนตัวผมเคารพนับถือหลวงพ่อสด เพราะ สุดท้ายในการปฏิับัติแล้ว ท่านสามารถรู้ได้ว่า ทางใดเป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานครับ และท่านก็ยังเมตตาบอกคนอื่นๆด้วยว่า ทางที่ถูกเป็นเช่นไร(เป็นความกล้าหาญของหลวงพ่อ...:)....)  สามารถหาข้อมูลเหล่านี้หรือถามได้ที่วัดมหาธาตุฯ(แถวท่าพระจันทร์) ^^^^ คือว่า ข้อความนี้ของคุณต่อ มันขัดแย้งในเรื่องสัจจะความจริง แต่ส่งเสริมกระทู้ตนเอง ในทำนองว่า สุดท้าย วิชาธรรมกาย ก็ไม่ใช่ของจริง เพราะหลวงพ่อสด หันไปปฏิบัติ แนวทางอื่น คุณต่อควรทราบว่า คนที่นับถือท่านไม่ทำแบบนี้แน่นอน ต่างจากคนที่แม้ไม่นับถือ แต่ก็ให้เกียรติในภูมิประวัติของท่าน กล่าวแต่สัจจะความจริง แม้แนวทางปฏิบัติ จะขัดแย้งกับสิ่งที่ตนเรียนรู้มา เฉกเช่น คุณเมฆ ในความเห็นที่ 40 สัจจะความจริงคืออะไร ? ตามมาดู เรื่องนี้มีหลักฐานทุกกระเบียดนิ้ว... 1. หลวงพ่อวัดปากน้ำ ไม่เคยเลิกสอน และปฏิบัติวิชชาธรรมกาย จนวินาทีสุดท้ายของสังขาร 2.  หลวงพ่อวัดปากน้ำ ไม่เคยสอน และปฏิบัติแนวทางอื่น จนวินาทีสุดท้ายของสังขาร 3. สุดท้ายไม่มีแม้ซักครั้งเดียว เมื่อมีการยกเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่จะพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่คุณต่อเข้าใจผิด เป็นเรื่องจริง นอกจากหลักฐานที่สุดท้ายก็ถูกจับได้ว่าเป็นเท็จอีก ดังนั้น หากคุณต่อนับถือหลวงพ่อวัดปากน้ำจริง ควรให้เกียรติภูมิประวัติที่แท้จริงของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภูมิประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำ ต้องสืบค้นจากวัดปากน้ำ เท่านั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าท่านคือหลวงพ่อวัดปากน้ำ จะค้นความจริงก็ต้องวัดปากน้ำ หรือพระเถระวัดปากน้ำที่เป็นศิษย์ท่าน แต่คุณต่อดันไปแนะให้ผู้อื่นเข้าหาข้อมูลแบบผิดๆจากที่อื่น... ผู้ที่เป็นศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ เขาถือว่าบาปกรรมมาก เพราะบิดเบือนความจริงเรื่องของท่าน.. สุดท้าย กระทู้คุณต่อ บอกว่า มุ่งที่วัดพระธรรมกาย อันนี้พอเข้าใจ แต่อย่าแอบแฝงวัตถุประสงค์อื่น การที่เอาหนังสือ กรณีธรรมกาย มาใช้ คุณต่อปฏิเสธได้ไม๊ ว่าเนื้อหาวิชชาธรรมกาย เอามาจากวัดปากน้้ำจริง.. หากจะมุ่งจัดให้ วัดพระธรรมกาย ก็ขอร้อง ขอความกรุณา อย่าเอาวิชชาธรรมกาย ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มาเล่นทางอ้อม.. หรือจะต้องให้ REPLAY เอาส่วนที่คัดลอก วิชชาธรรมกาย จากวัดปากน้ำในหนังสือเล่มนี้ มาลงให้ดูอีกรอบ..     แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 15:09:49 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 15:11:40 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:09:23

ความคิดเห็นที่ 47 ปล. ยกประเด็นตรงนี้มาทีไร คุณต่อจะเปลื่ยนเรื่องทันที ...การบริจาค โลหิต เป็นเบสิคเล็กๆ ที่ผู้ที่อยากทำบุญเขาทำกันอยู่แล้ว นี่ก็เพิ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ครั้งที่ 40 ก็ธรรมดา ผู้ใจบุญเยอะแยะเขาก็ทำกัน..ไม่ใช่ประเด็นอะไร แต่ก็เอาเถอะ ถือว่า อนุโมทนาบุญ ซึ่งกันและกัน สาธุ... จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:21:54

ความคิดเห็นที่ 48 หลวงพ่อสดท่านผมนับถือเคารพ ในนำ้ใจจิตใจ ที่จริงจังในเพศบรรพชิตของท่าน แต่สิ่งที่ท่านสอนเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก และแย้งต่อมรรคที่เป็นเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้่า เหตุผลคือสิ่งที่สอนเรื่องธรรมกาย ดวงปฐมมรรค ฐานต่างๆในร่างกาย กายภายใน18กาย (จากความจำ หลักฐานอ้างอิงถ้าต้องการจะค้นให้) คำถามคือเรื่องเหล่านี้สำคัญที่สุดในมุมของวิชชาธรรมกาย มรรคผลจะเป็นหมันถ้าไม่ได้ทำตามวิชชานี้ ซึ่งพระไตรปิฎกไม่มีเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหากปฏิบัติตามเฉพาะในพระไตรปิฎกแล้ว จะยังไม่ได้มรรคผลนิพพานเลย ถ้าไม่ใช้วิชชาธรรมกาย วิชชาธรรมกายจึงเป็นปัญหาต่อพระไตรปิฎกสำหรับผู้เชื่อธรรมกาย เห็นหรือไม่ว่าเป็นอันตรายอย่างไรต่อผู้ที่เชื่อวิชชานี้ จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 21:47:14

ความคิดเห็นที่ 49 "ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ   ธมฺมกาโย อิติปิ   พฺรหฺมกาโย อิติปิ   ธมฺมภูโต อิติปิ   พฺรหฺมภูโต อิติปิ" "วาเสฏฐะและภารทวาชะ   คำว่า ธรรมกาย ก็ดี   พรหมกาย ก็ดี   ธรรมภูต ก็ดี   พรหมภูต ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต" (ที.ปา.11/55/92) จากคุณ : locomotion เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 21:48:54

ความคิดเห็นที่ 51 อีกนัยหนึ่ง วิชชานี้ค้นพบโดยหลวงพ่อสด ที่ไม่มีปรากฎในพระไตรปิฎก หมายความว่าตั้งแต่มีการบันทึกเป็นอักษร แล้วไม่ปรากฎว่าวิชชานี้แสดงอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งกลุ่มสำนักนี้เชื่อว่าศูนย์หายไปด้วยการตกหล่น นับแต่นั้นกลุ่มสำนักธรรมกายก็เชื่อว่าไม่มีใครบรรลุมรรคผลอีกเลย ไม่น้อยกว่า2,000ปี จนถึงหลวงพ่อสด ไม่มีทางมีอริยมรรคอริยผล หมายความว่าการปฎิบัติตามมหาสติปัฏฐานสูตร ที่มีวิธีการที่สุดจะละเอียดแต่ไม่มีกาย18กายแม้คำเดียว ทำให้ตายก็ไม่เกิดมรรคผลใดๆ พระสูตรอื่นก็เช่นเดียวกัน พระไตรปิฎกทั้งฉบับเป็นหมด เพราะไม่มีการผ่านกายทั้ง18 ถ้าอย่างนั้นคำสอนของหลวงพ่อสดที่ท่านค้นพบเอง ยอมทำให้ผู้ปฎิบัติตามได้มรรคผล? คำถามคือ นับตั้งแต่ท่านหลวงพ่อสด จนถึงนาทีนี้ในกลุ่มนี้มีใครเป็นพระอริยบุคคลบ้าง ที่เป็นพยานบุคคลในคำสอนของกลุ่มนี้ ให้ปฏิบัติตามพระไตรปิฎกล้วนๆ     ก็ว่าเป็นหมัน ปฏิบัติตามก็หาอริยะบุคคลไม่ได้ สรุปว่านอกจากเป็นสัทธรรมปฏิรูปแล้ว ยังเป็นทางตันอีก จึงน่าเป็นห่วงผู้มาใหม่ที่ไปประสบเข้า โดยขาดฟังอ่านพระสัทธรรม จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:46:57

ความคิดเห็นที่ 54 ....:).....พบกันใหม่ตอนต่อไปครับ... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:43:01

ความคิดเห็นที่ 55 พอเทียบพระสูตร หรือหาพระสูตร ในพระไตรปิฏก  แล้วเข้ากันไม่ได้กับหลักมหาปเทส ๔ ก็บอกว่า วิชชาฯนี้ได้หายไป อ้าว...ศิษย์ บางท่าน ก็พยายามยัดเยียดวิชชา ที่ว่านี้  ว่ามีอยู่ในพระไตรปิฏก ในพระสูตรนั้นๆบ้าง พระสูตร นี้ๆ บ้าง ธัมมี่ถนัดในการเข้าเฝ้าถวายข้าว ก็น่าจะไปถวายข้าว ลพ สด  และไปถาม ลพ สด เลยน่ะ ว่าอยู่ในพระสูตรไหนกันแน่ ?  จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:04:14

ความคิดเห็นที่ 56 ของเก่าหายาก จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:01:54

ความคิดเห็นที่ 57 ใครอยากอ่านต่อ บ้าง จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:05:35

ความคิดเห็นที่ 58 เชิญทุกท่านศึกษา จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:08:39

ความคิดเห็นที่ 59 ถึงคุณเมฆ     วิชชาธรรมกายต้องอาศัยการปฏิบัติครับ โดยเฉพาะฐานที่ 7      ฐานที่ 7 คือที่สถิตย์ของกายภายในหรือปฏิสนธิวิญญาณ ของทุกคนเหมือนกันหมด  ถ้าหยุดใจไว้ที่ฐานที่ 7 ก็จะเข้าถึงเหมือน กันหมด ผู้ที่ปฏิบัติจะเข้าถึงเหมือนกันหมด โดยมีพยายานคือพระเถระ ผู้ใหญ่หลายรูป และผู้เข้าถึงอีกหลายคน        ถ้าเป็นแค่นิมิตรจะเห็นเหมือนกันทุกคนได้อย่างไร ? ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด ใครปฏิบัติ จะต้องได้ผลเหมือนกัน      จากที่ศึกษาประวัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำมา วิชชาธรรมกายมีต้นกำเนิด จากพระไตรปิฏกนั่นเอง โดยการลงมือศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจัง และลงมือ ปฏิบัติอย่างเอาชีวิตเข้าแลก จึงเข้าถึงธรรมกายได้ การเข้าถึงธรรมกายก็คือ การ ปฏิบัติที่ต่อยอดมาจาก มหาสติปัฐฐาน 4 นั่นเอง         กายในกาย       เวทนาในเวทนา       จิตในจิต       ธรรมในธรรม       ตามหลักวิชชาธรรมกาย ต้องอาศัยหยุดคือตัวสำเร็จ นั่นคือ เอกัตคตารมณ์ ซึ่งคือ หนึ่งในองค์ฌาณนั่นเอง การเข้าถึงธรรมกาย ต้องอาศัยทางสายกลางนั่น คือมรรคมีองค์ 8 นั่นเอง ย่อมาแล้วก็เหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา  ผู้ที่จะเข้าถึงได้เดิน ตามทางสายกลางนี้เท่านั้น จึงจะเข้าถึงได้ เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว ก็จะสามารถ พิจารณา กายในกาย  เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ได้ เพราะธรรมกาย ก็คือกายในกายนั่นเอง  จะเห็นได้ว่าธรรมกายเข้าได้กับพระไตรปิฏก ไม่มีอะไรขัด กันสักนิด       มีสิ่งหนึ่งที่จะต้องพิสูจณ์ ก่อนจะเชื่อเรื่องวิชชาธรรมกายนี้เพียงอย่างเดียว เท่านั้น นั่นคือ  ฐานที่ 7 ศูนย์กลางกาย  ว่าเป็นที่ตั้งของกายละเอียดหรือไม่ มีทาง เดียวคือต้องอาศัยการปฏิบัติเท่านั้น จึงจะบอกได้ว่าจริง หรือ ไม่จริง ?       วิชชาธรรมกายนั้นมีต้นกำเนิดมาจากพระไตรปิฏกเถรวาท ฉบับเดิมที่ไม่มีการ เปลี่ยงแปลงเนื้อหา แต่ใช้เป็นคู่มืออ้างอิงและปฏิบัติ ตามหลัก มรรคมีองค์ 8 ย่อเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นวิธีการให้เข้าถึงธรรมะภายใน ที่ใช้ชื่อธรรมกายเพราะพ้องกับ พระสูตรหลายพระสูตร       ตามแบบหนังสือที่ คห. 56 ,57 ,58  นำมาลงให้ดูนั้น ควรใช้หลักกาลามสูตร อยู่แล้วไม่ควรเชื่อ  หนังสือที่ หลวงพ่อวัดปากน้ำอนุญาต ให้ เผยแพร่ ก็มีคู่มือสมภาร ทางมรรคผลนิพพาน เมื่อท่านมรณะภาพไปแล้ว อะไรที่ไม่ได้ยินจากปากท่าน ก้ต้อง พิสูจณ์ เอาเอง ด้วยการปฏิบัติ ให้เข้าถึงธรรมะภายใน แล้วจึงย้อนมาพิสูจณ์ ทีหลังว่า ข้อความใด จริงหรือเท็จ        ขอสรุปว่า การปฏิบัติวิชชาธรรมกายคือทางเลือกหนึ่งของท่าน ไม่ได้ไปเปลี่ยน อะไรในพระไตรปิฏกเถรวาทฉบับดั้งเดิมเลย จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:34:57

ความคิดเห็นที่ 60 ความคิดเห็นที่ 51 ฯ..คำถามคือ นับตั้งแต่ท่านหลวงพ่อสด จนถึงนาทีนี้ในกลุ่มนี้มีใครเป็นพระอริยบุคคลบ้าง ที่เป็นพยานบุคคลในคำสอนของกลุ่มนี้..ฯลฯ ^^^^^ อริยบุคคล หมายถึง ? ท่าน ทราบได้อย่างไรว่า ใครใช่ หรือ ไม่ใช่ อริยบุคคล ?     จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:43:57

ความคิดเห็นที่ 61 คิดว่าหลายคนยังรู้ไม่จริง ไม่ศึกษาแบบจริงจัง จึงแสดงความเห็นแบบแปลกๆ 1) วิชชาธรรมกาย ก็คือการปฏิบัติ ที่ขยายความจาก อาโลกกสิณ การจะสรุปว่าถูกต้องหรือไม่ ต้องดูผลการปฏิบัติ การปฏิบัติหลายสาย ทั้งพุทโธ ยุบพอง ก็ไม่ปรากฏมีในพระไตรปิฏก 2) วิชชาธรรมกาย ค้นพบโดยหลวงพ่อสดและหมู่คณะ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้ที่ปฏิบัติ กิิเลสลดลง และสามารถได้อภิญญาจิต วิชชาสาม วิชชาแปด 3) วิชชาธรรมกายเป็นทั้ง สมถะและวิปัสสนา ซึ่งในวิปัสสนานั้นครอบคลุมภูมิทั้ง6 4) การรู้และเห็นความเป็นไปในภพ3 ล้วนมาจากทิพยจักษุญาณทั้งสิ้น และนี่ก็คือผลของการปฏิบัติ 5) วิชชาธรรมกายมีการสอบทานการละสังโยชน์ สอบทานจิตเรื่องการละกิเลส ในทุกระดับของอริยบุคคล 6) ตั้งแต่หลวงพ่อมรณภาพในปี 2502 สมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสแทน และวางระบบการบริหารภายในทั้งคันถธุระ และ วิปัสสนาธุระชัดเจนแล้ว 7) ปัจจุบันยังคงมีการสอนปฏิบัติเป็นปกติ และได้สืบทอดวิชชาไปยัง วัดหลวงพ่อสดราชบุรี 8) การจะศึกษาว่าใครมุสา กล่าวร้าย ในศึกษาจากกัณฑ์เทศน์ 63 จะพบว่าหลังจากรับรองให้สายยุบพองแล้ว หลวงพ่อสดเทศน์อะไรไว้บ้าง ก่อนมรณภาพ เพราะฉะนั้นหลักฐานที่ถูกต้องที่สุดคือ เอกสารและจากผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อสด บุคคลที่3จะแต่งเติมอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับหลักฐานอ้างอิงได้ 9) การรู้เห็นพิเศษความเป็นไปในภพ 3 นั้น หลวงพ่อสดสอนวิธีัการเอาไว้อย่างชัดเจนทุกขั้นตอน พิสูจน์ได้ ก็คือการขยายความจากพระไตรปิฏก ในภาคปฏิบติภาวนา 10) ในเรื่องวิชชาธรรมกายชั้นสูง ก็คืออุบาย กุศโลบายที่ปรากฏมีในทุกสายการปฏิบัติ ผลที่ได้ก็คือ การกระทำเพื่อจิตรวม จิตตั้งมั่น ปราศจากอุปเลสควรแก่การงาน 11)วัดพระธรรมกายโดย ท่านพระเทพญาณมหามุนี เรียนรู้วิชชาธรรมกายจาก คุณยายจันทร์ และมีมโนปณิธานในการสร้างบารมี เพื่อสุขคติภูมิ รวมถึงการปราบมาร 12) สำหรับคนที่ยังสงสัย และยังท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ใส่ร้ายหลวงพ่อสด จึงมิใช่วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม ที่พึงกระทำ ขอให้มาเริ่มต้นศึกษา และลงมือปฏิบัติ ได้ทุกวันที่วัดปากน้ำ 13) ถ้าวิชชาธรรมกาย ปฏิบัติแล้วเกิดโทษ ไม่สามารถบรรลุธรรมได้จริงตรงตามพระไตรปิฏก สมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น ท่านคงให้เลิกสอนแล้ว 14) มีร้านอาหารทำอาหาร ไปให้เชพชิม แล้วเชพก็รับรองให้ว่าอร่ิอย แล้วไปเปิดสาขา พอเวลาผ่านไป ร้านอาหารกลับมาพูดลับหลังว่า เชพท่านนั้นทำอาหารไม่เป็น แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 11:20:17 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 10:48:36

ความคิดเห็นที่ 62 ข้อความใน 58 มิใช่เรื่องของธรรมะภาคปริยัติ แต่คือ กุศโลบาย ที่ผู้ปฏิบัติทุกคนจะรู้เห็นว่า มารที่พระพุทธเจ้าพบเจอในสมัยนั้น มิใช่ บุคคลาธิษฐาน ตามที่บางคนเข้าใจ การจะทำให้ อาโลกกสิณ คือขาวและใสนั้น ก็คือการประหารกิเลส เพื่อให้จิตมีกำลัง คนที่ไม่ผ่านการเห็นกายธรรม มาก่อน จะเกิดอาการไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น คุณต้เองผ่านขั้นแรกก่อน ทำให้ได้ทิพยจักษุเสียก่อน จิตตั้งมั่น ปราศจากอุปกิเลส ควรแก่การงาน ในยุคสมัยนั้น หลวงพ่อสดท่านให้ คณะแม่ฃีที่ได้ธรรมกาย ออกมาช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน เช่นการแก้โรค การมองเห็นอนาคต หลวงพ่อสามารถบอกได้ล่วงหน้าว่าใครจะหมดอายุขัย และบางคนที่ช่วยต่ออายุได้ท่านก็จะช่วย หรือแม้แต่มีวัดบางแห่งก่อสร้างไม่สำเร็จ เพราะมีมารคอยขัดขวาง ท่านก็ช่วย ถ้าเป็นคนนอกศาสนาพุทธจะไม่รู้จัก ทิพยจักษุ ขอให้ไปอ่านประวัติศาสตร์ รวมถึง 63 กัณเทศน์ หลวงพ่อได้ ญาณ 3 แล้ว คือ ปุพเพนุวาสาสติญาณ   จุตูปปาตญาณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพพจักขุญาณ รวมถึงอาสวักขยญาณแล้ว คุณเคยสังเกตไหม ทำไมฝ่ายปริยัติ จึงไม่เคยมีใครปรากฏว่า บรรลุธรรมถึงญาณ 3 สักคน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 10:57:54

ความคิดเห็นที่ 63 เมฆหลากสีน่าจะมีปัญหา เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนหรือไม่ศึกษาพระไตรปิฏก การจะดูใครเป็นอริยบุคคล ไม่ใช่ดูจาก พระธาตุนะครับ ไม่มีบันทึกในพระไตรปิฏก แนะนำให้ไปที่วัดยานนาวา คุณเคยเห็นพระธาตุ ท่านเห้งเจียไหม ท่านเจ้าแม่กวนอิม และฝ่ายมหายานอีกหลายท่านก็มีพระธาตุ การจะดูใครว่าเป็นอริยะ ต้องรู้เฉพาะตนว่า ละสังโยชน์ในขั้นใดบ้าง หาใช่ปุถุชนไปแต่งตั้งท่าน หรือท่านรับรองเอง แล้วมาโฆษณา ถ้าคุณปักใจเชื่้อว่า พระธาตุมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น ก็ต้องควรศึกษาให้ดีๆ ถ้าคุณยังมีความสงสัย แล้วด่วนสรุป ก็มิใช่วิสัยของผู้ปฏิบัติ ยินดีสอนให้ถ้าคุณสะดวกมาที่วัดปากน้ำได้ทุกวันครับ ส่วนคนที่ชอบอ้างว่าตนเอง ปฏิบัติวิปัสสนา โดยเฉพาะต่อmcu แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพียง วิปัสสนึก มิใช่วิปัสสนา วิปัสสนาญาณ ไม่ใช่ไปนั่งนึกลำดับ อันนั้นเป็น จินตามยปัญญา แต่ต้องรู้แจ้ง เห็นจริง จากการภาวนา จึงจะเรียกว่า ภาวนามยปัญญา ส่วนคนที่ชอบอ้างว่า หลวงพ่อติดนิมิตเครื่องหมาย คำพูดนี้แสดงว่า คนพูดแทบจะไม่มีความรู้อะไรเลย คุณต้องไปเอาตำรามาศึกษา ให้่เห็นจริง เมื่อไหร่ที่เห็นจริง อภิญญาจิตก็เป็นเพียงทางผ่าน สู่วิชชา 3 วิชชา 8 ไปหัด กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม อย่ามัวแต่ติดตำรา ขอให้ลงมือภาวนา ให้จิตตั้งมั่น ปราศจากอุปกิเลส ควรแก่การงาน เมื่อนั้น ความลังเลสงสัยจะหมดไปครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 11:57:35 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 11:41:04 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 11:21:53 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 11:07:50

ความคิดเห็นที่ 64 ร่วมศึกษาต่อ จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 12:32:32

ความคิดเห็นที่ 65 ต่อ จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 12:39:19

ความคิดเห็นที่ 67 ต่อ จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 13:02:20

ความคิดเห็นที่ 68 Mr.DoubleK สงสัยข้อความไหน ถามได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องได้ทิพยจักษุเสียก่อน เมื่อไหร่ที่คุณเห็นกายธรรมจริงๆแบบไม่ จินตนาการเอง คุณจะพิสูจน์เรื่องอภิญญาจิต เรื่องวิญญาณ ชีวิตหลังความตาย เทวดา นางฟ้าทั้งหลาย จะมาเป็นพยานให้คุณรู้จักภพสาม นรก สวรรค์ แต่ทั้งหมดนั้น คุณต้องมีศีล กายวาจาใจ บริสุทธิ์ให้ได้ก่อน ข้อความที่คุณยกมา มิใช่ความรู้ภาคปริยัติ แต่เป็นความรู้ภาคปฏิบัติภาวนา มุ่งไปที่กุสโลบายให้ให้ กายใจใสบริสุทธิ์ พิสูจน์ได้ทุกขั้นตอน ถ้ามองผิวเผินแล้วดูเหมือนไม่มีปรากฏในพระไตรปิฏก คุณต้องลงมือปฏิบัติแล้วจะพบว่า เรื่อง อภิญญาจิต วิชชา3 วิชชา8 นั่นแหละคือเป้าหมาย  รวมถึงการปราบมาร ในคืนวันตรัสรู้ ที่ตำราบอกแค่ ระลึกถึงพระแม่ธรณีเท่านัั้ั้น ส่งหลังไมค์มาถามได้ครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 19:27:02

ความคิดเห็นที่ 69 จิ้มไปที่ความเห็นที่51ครับ ลองอ่านดูนะครับ เรื่องนี้เกิดในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ขณะที่ท่านพักอยู่ ที่วัดพระเชตะวันมหาวิหาร พระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาท่านเป็นพระอรหันต์        วันนั้นมีพระมาจากป่ารูปหนึ่ง ท่าทางเรียบร้อย ผิวพรรณผ่องใสงดงาม พระสารีบุตรเห็นเข้าก็นึกในใจว่า พระรูปนี้ท่าทางสำรวม ผิวพรรณดี สงบเสงี่ยมดีจังเลย อย่างนี้ถ้าเราเทศน์ให้ ฟังสักหน่อยเดียวรับรองสำเร็จเป็นพระอรหันต์แน่เลย ว่าแล้วท่านก็เดินเข้าไปหาพระรูปนี้ และก็ตั้งใจจะเทศน์ให้ฟังสักเรื่อง พอเทศน์ไปได้ ๒-๓ คำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จตรงเข้ามาหาแล้วตรัสว่า “สารีบุตร ลูกเราผู้นี้ ชื่อว่าปุณณมันตานี เป็นพระอรหันต์ อย่างเธอแล้วนะ” ดูซิขนาดพระสารีบุตรยังดูไม่ออกว่าใครเป็นพระอรหันต์ แล้วเราคนธรรมดาจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นพระอรหันต์ เรื่องนี้มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับตัวของท่านผู้นั้นเองเท่านั้นที่รู้ จากคุณ : หมูน้อยแฮม เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 20:58:44

ความคิดเห็นที่ 70 ความคิดเห็นที่ 68     Mr.DoubleK สงสัยข้อความไหน ถามได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องได้ทิพยจักษุเสียก่อน ............................................................................................ ........................................................................................... ส่งหลังไมค์มาถามได้ครับ จากคุณ : venture แล้วคุณได้ทิพยจักษุแล้วหรือ  ช่วยตอบด้วย จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:27:17

ความคิดเห็นที่ 71 ทิพยจักษุ แปลว่า เห็นสิ่งที่ละเอียดกว่า ตาเนื้อครับ เท่าที่จำได้ก็เคยเห็น เทวดา 4 ตน ด้วยตาเนื้อ มารออนุโมทนาบุญก่อนไปถือศีลที่วัด เห็นหลวงพ่อสด และครูอาจารย์อีกสองท่าน มาปรากฏให้เห็น เห็นคนที่มาปฏิบัติธรรมในหอขาว มีดวงธรรมสว่างมืดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะมือใหม่จะมือสนิท และก็ยังมีอีกหลายประการครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 55 19:24:54

ความคิดเห็นที่ 72 เรื่องธรรมกายนั้น คำถามที่1  ถ้าอ้างเหตุผลว่าหลักปฏิบัติวิชชานี้สูญหายเมื่อ500ปีมาแล้ว ทำไมหลักปฏิบัติที่สำคัญอย่างนี้จึงหายสาบสูญ ไปจากพระไตรปิฎกอย่างเกลี้ยงเกลา 100% คำถามที่2 ใครทำให้คำสอนนี้หายไปจากพระไตรปิฎก เกิดขึ้นเมื่อไร หายไปด้วยวิธีไหน ด้วยเหตุจูงใจอะไร คำถามที่3 การสูญหายไปจากพระไตรปิฎกของวิชชาธรรมกาย มีหลักฐานใดๆ ที่สามารถอ้างอิง พิสูทธ์ทางการสืบสวน ทางโบราณคดีหรือทางอักษรศาสตร์ ช่วยแสดงให้เห็น แม้เพียงเล็กน้อย หรือแสดงเค้าลางก็ได้ คำถามที่4 คำสอนเรื่องการปฏิบัติที่สำคัญที่พระองค์แสดงไว้ เรื่องสมถะวิปัสสนา ได้แก่สติสูตรต่างๆหรือสมาธิสูตรต่างๆ หรือการพิจารณาเบจญขันธ์เป็นไตรลักษณ์ หรือเรื่องปฏิจสมุทปบาท  ล้วนแต่ปรากฏในพระไตรปิฎก กระจายอยู่ทั่วไป ทั้งในพระสูตร พระอภิธรรม หากตัดทิ้งออกบางส่วน หรือหลายๆส่วน คำสอนที่สำคัญยิ่งยวดเหล่านี้จะอย่างไรก็จะยังเหลืออยู่ เพราะการออกแบบพระไตรปิฏกอย่างอัจฉริยะโดยพระอรหันต์500รูป ผู้ปราศจากกิเลสและมีปัญญาที่สั่งสมมานับกัปกัลป์ มีความตั้งใจให้คำสอนอันหาได้ยากในรอบจักรวาลเกิดดับ สามารถสืบทอดไปได้นานแสนนาน แต่ชาววิชชาธรรมกายกำลังบอกชาวโลกว่า คุณศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลใดๆได้เลย ต้องได้วิธีจากวิชชาธรรมกายเท่านั้น แปลว่าพระไตรปิฎกเป็นหมัน ใมุมมองวิชชาธรรมกาย คำถามที่5 คำสอนต่างๆในพระไตรปิฎกมีความต่อเนื่องไหลลื่น มีความไพเราะทั้งเบื้องต้นท่ามกลางเบื้องปลาย ไม่มีการปรากฎว่าสะดุด ขาดตอน ให้เห็นว่ามีการขาดสูญของข้อความใดๆ คำกล่าวว่าคำสอนการปฏิบัติวิชชาธรรมกายสูญหายจากพระไตรปิฎก เป็นคำกล่าวลอยๆไร้การอ้างอิงหลักฐานใดๆ ถามว่าสูตรใด ตอนใดที่แสดงว่ามีข้อความสะดุด สูญหาย คำถามที่6 พระไตรปิฎกมีหลายฉบับหลายนิกายหลายประเทศหลายยุค มีฉบับใดก่อน พ.ศ.500ที่มีการปฏิบัติวิชชาธรรมกายปรากฎ ช่วยแจงตอบครับ จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:59:10

ความคิดเห็นที่ 73 ขึ้นกระทู้ใหม่ จากคุณ : เมฆหลากสี เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:03:48

ความคิดเห็นที่ 74 ชวนบวชแสนรูปเข้าพรรษาติดต่อ 081 420 3315 จะเป็นเจ้าภาพ 10 รูปปรารถนาบุญบวชช่วยให้หายป่วย จากคุณ : รวิจันทร์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 00:25:44

ความคิดเห็นที่ 75 เรียนคุณรวิจันทร์ คห 74 บวชลักษณะนี้ไม่ใช่การบวชในพระพุทธศาสนาครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 15:19:43