ความคิดเห็นที่ 1 ต่อให้ไม่มีศาสนา ไม่มีพระเจ้า ไม่มีนรกสวรรค์ โลกนี้ก็ยังคงมีสงคราม มีกิเลส มีการแก่งแย่งชิงดีกัน ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุสงคราม ศาสนาเป็นที่พัก ที่บรรเทากิเลสของมนุษย์ จขกท. ตั้งโจทย์ผิดเหตุผิดผล ตั้งทิฐิผิดความเป็นจริง จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:11:54

ความคิดเห็นที่ 2 WHAT A WONDERFUL WORLD จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:23:14

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์  แล้วจะมีจุดมุ่งหมายอะไรกับชีวิตเพื่ออะไรครับ ? ถ้าตายแล้วก็จบ จะมีชีวิตเพื่อใครครับ ?  ก็ยิ่งทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ไม่กลัวนรก  ก็ทำชั่วไปซิครับ  ทำตามสันชาตญาณดิบของตัวเองไป ตายแล้วก็จบ แล้วจะเกิดสันติสุขตรงไหนครับ   มนุษย์มีความชั่วร้ายอยู่ในสันดานดิบ  โลกนี้จึงต้องศาสนาเข้ามาคอยยับยั่งไว้ แต่พอมนุษย์อยากทำตามสันดานดิบ อดกลั้นไม่ได้  จึงโทษศาสนา คิดหรือครับว่า ถ้าไม่มีศาสนา แล้วจะเลิกชั่วได้ จากคุณ : เคราติน เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:29:06

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นมุมมองที่ดีครับ ผมว่าเราควรจะดูมุมมองใหม่ๆบ้างไม่ใช้ยึดติดกับความกลัวบาปกลัวนู่นกลัวนี้ครับ บทความนี้แปลออกมาจากเพลงอีกทีนึงผมว่ามุมมองที่หวังสันติสุขครับ ชอบ! จากคุณ : via iPhone (นักเป่าขลุ่ย) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 5 ทุกๆ ศาสนา มี "โลกเช่นนั้น" (ตามที่ ท่าน จขกท เสนอไว้ในกระทู้นี้) คือ โลกตามคำว่า "เมไซอา" (ถ้าจำไม่ผิด) หรือ "เมตตรัย" (ถ้าจำไม่ผิด) มิใช่หรือ ถ้าใช่ แล้วทำไม จึง ไม่สามารถ ลุถึง โลกในอุดมคตินั้น (ไม่ว่าใช้คำ ในภาษาไหน?) ไม่ใช่เพราะ วัตถุกาม (เนื่องกับ วัตถุนิยม หรือ นิยมวัตถุ) หรือ หรือ เพราะ "กิเลส คือ กาม" ของคนเรา ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่ออกจาก กาม (สังกัปปราคะ)  เช่น ฤษี ดาบส ชลิฏ ปริพพาชก สมณะ  พราหมณ์ รวทั้ง "สมณหัวโล้น"  คือ "ธรรม วินัย ของพระมห่สมณโคตมะพระอรหันตสัมมาสัมพุทะเจ้าพระองค์นี้" ไม่มี ปัญหา กระทบกระทั้ง กัน --แบบ "องครักษ์พิทักษ์ท่านอาจารย์ หรือ ฯลฯ  เช่น สมัยนี้ ใช่หรือไม่?   เช่น พราหมณ์พวารี ส่งศิษย์เอก ๑๖ (จากความจำ)  ไป ทูถามปัญหาธรรม อันยิ่ง ดูโสฬสปัญหา ฯ                                              สรุป -- เกาให้ถูกที่คัน หรือ กำหนดให้ถูกฝาถูกตัว --ดังที่ท่านพุทธทาสใช้คำว่า "อยู่ที่ปลาย จมูก" นั่นแหละ                    สังคม  ย่อม มัมูลมาจาก ปัจเจกชน  เสมอ สังคมไทย ถูก ปั่นให้ เพลินใน ปัจเจกแบบ ตัวกรู ของกรู  มายาวนานมาก ฯ                                ไม่ต้องอะไร ให้ ฟุ้งฯ              ภิกษุสงฆ์ไทย สมัยนี้ --เยี่ยง พระเถระครั้งปฐมสังคายนา ไหม? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:05:43

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะคุณแสงเทียน เป็นแค่ความฝัน...ตื่นมาก็ต้องพบกับความจริง   "ฝันที่ดีมักจะตื่นเร็ว" จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:20:31

ความคิดเห็นที่ 7 แนวโน้มมันน่าจะเป็นอย่างนั้นหละท่านฟาร์ แต่มันยังมีความคลาดเคลื่อนในนิยามของความจริงอันสูงสุดของมนุษย์ ว่ายังมีอามิสสินจ้างรางวัล ให้แก่ผู้เผยแผ่ความเชื่อในแต่ละลัทธิความเชื่อ มีสิทธิพิเศษ ในการทำลายผู้อื่น     อันนี้เราต้องทำความเข้าใจ อย่าไปด่าว่าตำหนิติเตียนกัน    มันเป็นเรื่องของกิเลส  อันเป็นนามธรรม มันมาแล้วก็ไป  ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน จากคุณ : lekton เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:22:03

ความคิดเห็นที่ 8 ตราบใด ที่ Faraday และกลุ่มคนไม่รักศาสนา ยังเผยแพร่ แนวคิดลั้ลลา และยังแหล่ไปยุ่งในหมู่คนทีมีศาสนา ก็อย่าหวังว่าให้โลกนี้เป็นสีชมพู เพราะแม้นกระทั่งตัว Faraday และพวก ยังไม่เข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานเลยครับ แล้วจะเผยแพร่ทฤษฎีตนเองได้เช่นไร เนี่ยขนาดมีศาสนามาเป้นกรอบ ยังไม่รักษากรอบเลย มีกฎของเวบบอร์ด แห่งนี้ ก็ยังแหกกฎเข้าไป ดื้อด้าน มีกฎหมายมาดูแลสังคม ก็ยังแหกกฎเลย มีกฎบ้าน กฎครอบครัว ก็ยังแหกลั้ลลากัน ปล่อยพ่อแม่ นั่งช้ำใจ มีกฎของการอยู่ร่วมกัน สามี ภรรยา ก็นอกใจกันจนติดอันดับโลก ถ้ามะมีกฎ หุหุหุ  ไม่ต้องพูดคำว่า สงสัย เลย แน่นอนแช่แป้งยิงกระหน่ำ กว่าทุกวันนี้อีก แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 11:27:41 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:26:53

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเป็นไปได้อย่างที่  จขกท. บอก ก็คงเป็น Wonderful world จริง ๆ แต่ในความเป็นจริงของโลกแห่งการแข่งขันแย่งชิง  ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน   ตราบใดที่มนุษย์มีจำนวนมากมายบนโลกใบนี้  ยิ่งจำนวนมาก กิเลสก็ยิ่งมาก จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:33:31

ความคิดเห็นที่ 10 และมันก็คงเป็นความฝันต่อไป ท่านกล่าวไว้ว่า  ตราบใดที่ทำพื้นโลกใบนี้ให้เรียบเสมอกันหมดไม่ได้  ตราบนั้นก็ไม่มีใครทำให้คนทั้งโลกเป็นคนดีเหมือนกันหมดได้ พื้นโลกมีทั้งเทือกเขาสูงเสียดฟ้ายาวหลายพัน หลายหมื่นกิโล มหาสมุทร ทะเล มีความลึก ความกว้างสุดหยั่ง  เราไม่สามารถทำให้พื้นเหล่านี้เรียบเสมอเท่ากันได้  เราก็ไม่สามารถทำคนบนโลกให้เป็นคนดีเหมือนกันหมดได้  จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:39:37

ความคิดเห็นที่ 11 ความฝันนั้นมีอยู่จริงครับ ใน Bible บอกว่าที่นั่นคือดินแดนสรรค์ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ ^_^ จากคุณ : Tailogy เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:42:01

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 1 ต่อให้ไม่มีศาสนา ไม่มีพระเจ้า ไม่มีนรกสวรรค์ โลกนี้ก็ยังคงมีสงคราม มีกิเลส มีการแก่งแย่งชิงดีกัน ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุสงคราม ศาสนาเป็นที่พัก ที่บรรเทากิเลสของมนุษย์ จขกท. ตั้งโจทย์ผิดเหตุผิดผล ตั้งทิฐิผิดความเป็นจริง จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:11:54 [แก้ไข] ถูกใจ : Faraday ----------------------------------------------------------------------------------- ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุสงคราม ศาสนาเป็นที่พัก ที่บรรเทากิเลสของมนุษย์ สงครามมีมาก่อนมีศาสนา จากแย่ง อาหาร พื้นดิน แต่เป็นสงครามเล็ก ๆ ย่อย ๆ ใช้เวลาไม่นานก็จบ แต่พอมีศาสนาเกิดขึ้น สงครามมีขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก บางคราวยาวนานถึงสองร้อยปี ตั้งทิฐิผิดความเป็นจริง ครับไม่ใช่ความเป็นจริง แต่เป็นเพียงความฝัน ณ ขณะนี้ แต่เมื่อมีความฝันร่วมกันมาก ๆ เข้า ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งในอนาคตกาล ความฝันนี้อาจจะเป็นความจริงก็ได้ ขอเพียงให้กล้าที่จะฝัน จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:43:24

ความคิดเห็นที่ 13 เราไม่อาจจะรู้จักความฝันได้อย่างแท้จริง ถ้าเรามองข้ามความเป็นจริงที่เป็นอยู่ สิ่งที่แยกระหว่าง ความฝันลมๆ แล้งๆ กับความฝันใฝ่อันใหญ่ยิ่ง คือปัญญา ปัญญานั้นต้องควรมาจากการพิจารณาอย่างละเอียดเหมาะสมและ ตามความเป็นจริง ไม่อย่างนั้นมันก็คือความฟุ้งซ่านไปวันๆ ประเภทหนึ่ง ไม่มีกำลังพอ ไม่ตรงจุดพอจะเกิดประเโยชน์กับอะไรๆ เลย จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:04:08

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์  แล้วจะมีจุดมุ่งหมายอะไรกับชีวิตเพื่ออะไรครับ ? ถ้าตายแล้วก็จบ จะมีชีวิตเพื่อใครครับ ?  ก็ยิ่งทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ไม่กลัวนรก  ก็ทำชั่วไปซิครับ  ทำตามสันชาตญาณดิบของตัวเองไป ตายแล้วก็จบ แล้วจะเกิดสันติสุขตรงไหนครับ   มนุษย์มีความชั่วร้ายอยู่ในสันดานดิบ  โลกนี้จึงต้องศาสนาเข้ามาคอยยับยั่งไว้ แต่พอมนุษย์อยากทำตามสันดานดิบ อดกลั้นไม่ได้  จึงโทษศาสนา คิดหรือครับว่า ถ้าไม่มีศาสนา แล้วจะเลิกชั่วได้ จากคุณ : เคราติน เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:29:06 ---------------------------------------------------------------------------------------------- ก็คือการมีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้ไงครับ อดีตที่ผ่านมาแล้วใครที่ใหนจะไปเปลี่ยนแปลงได้เล่าแม้แต่พระเจ้าที่ชอบอ้างถึง กันถ้ามีจริงท่านก็คงไม่มาแก้ใขอดีตให้เปลี่ยนแปลงไปได้ ไม่จำเป็นหรอก ที่ไม่ทำชั่วเพราะกลัวนรก ปัจจุบันที่เชื่อเรื่องนรก ก็มีคนทำชั่วอยู่ทั่วไปและมีมากกว่าคนที่ไม่ทำชั่วเสียอีก คนดีมีความคิดความเข้าใจเรื่อง ดี ชั่ว จากปัญญา ว่ามีโทษ มีคุณ ด้วยตัวของ ดี ชั่วเอง จึงไม่ต้องล่อหลอกด้วย นรก สรรค์ เพราะเข้าใจในดีชั่ว จึงทำเอง ถ้าตายแล้วจบก็ช่างมัน ถ้าตายแล้วต้องเกิดไหม่ก็ช่างมัน เพราะเราทำปัจจุบันให้ดีมีสุขทุกขณะจิตได้ อยู่ชาตินี้ก็มีสุข ถ้าชาติหน้ามีก็มีสุขต่อไปในชาติหน้า ไม่เห็นต้องอาศัยนรก สวรรค์มาข่มขู่ กันไปทั้งโลกอย่างที่เป็นกันอยู่นี้ จริงไหม คิด คิด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วตอบใจตัวเองเถิดว่าจะให้หลอกไปถึงใหน แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 13:18:46 จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:19:12

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 6 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน สวัสดีค่ะคุณแสงเทียน เป็นแค่ความฝัน...ตื่นมาก็ต้องพบกับความจริง  "ฝันที่ดีมักจะตื่นเร็ว" จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:20:31 --------------------------------------------------------------------------- สวัสดี คุณมะลิ สบายดีหรือครับ "คนที่มีความจริงใจมักจะต้องผิดหวังเสมอ" จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:46:27

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเป็นไปได้อย่างที่  จขกท. บอก ก็คงเป็น Wonderful world จริง ๆ แต่ในความเป็นจริงของโลกแห่งการแข่งขันแย่งชิง  ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตราบใดที่มนุษย์มีจำนวนมากมายบนโลกใบนี้  ยิ่งจำนวนมาก กิเลสก็ยิ่งมาก จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:33:31 [แก้ไข] ความคิดเห็นที่ 10 และมันก็คงเป็นความฝันต่อไป ท่านกล่าวไว้ว่า  ตราบใดที่ทำพื้นโลกใบนี้ให้เรียบเสมอกันหมดไม่ได้  ตราบนั้นก็ไม่มีใครทำให้คนทั้งโลกเป็นคนดีเหมือนกันหมดได้ พื้นโลกมีทั้งเทือกเขาสูงเสียดฟ้ายาวหลายพัน หลายหมื่นกิโล มหาสมุทร ทะเล มีความลึก ความกว้างสุดหยั่ง  เราไม่สามารถทำให้พื้นเหล่านี้เรียบเสมอเท่ากันได้  เราก็ไม่สามารถทำคนบนโลกให้เป็นคนดีเหมือนกันหมดได้ จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:39:37 ---------------------------------------------------------------------------------------- ก็ไม่โต้แย้งละครับ เพราะนี่คือความฝันเท่านั้น แต่อย่าลืมว่า เครื่องบินที่บินอยู่ในปัจจุบัน เริ่มต้นจากความฝันที่คนในยุคนั้นไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้นะครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:53:06

ความคิดเห็นที่ 17 ฝัน กับ เพ้อฝัน... ต่างกันครับ Faraday จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:56:39

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 8 ตราบใด ที่ Faraday และกลุ่มคนไม่รักศาสนา ยังเผยแพร่ แนวคิดลั้ลลา และยังแหล่ไปยุ่งในหมู่คนทีมีศาสนา ก็อย่าหวังว่าให้โลกนี้เป็นสีชมพู เพราะแม้นกระทั่งตัว Faraday และพวก ยังไม่เข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานเลยครับ แล้วจะเผยแพร่ทฤษฎีตนเองได้เช่นไร เนี่ยขนาดมีศาสนามาเป้นกรอบ ยังไม่รักษากรอบเลย มีกฎของเวบบอร์ด แห่งนี้ ก็ยังแหกกฎเข้าไป ดื้อด้าน มีกฎหมายมาดูแลสังคม ก็ยังแหกกฎเลย มีกฎบ้าน กฎครอบครัว ก็ยังแหกลั้ลลากัน ปล่อยพ่อแม่ นั่งช้ำใจ กฎของการอยู่ร่วมกัน สามี ภรรยา ก็นอกใจกันจนติดอันดับโลก ถ้ามะมีกฎ หุหุหุ  ไม่ต้องพูดคำว่า สงสัย เลย แน่นอนแช่แป้งยิงกระหน่ำ กว่าทุกวันนี้อีก แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 11:27:41 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:26:53 ---------------------------------------------------------------------------- บ่นเป็นหมีกินผึ้ง สงสัยอาการ การสื่อสารบกพร่องยังไม่หาย บอกแล้วไงว่าเป็นความฝัน ใครจะฝันให้แปลกพิศดาร อย่างไรก็ได้ จริงใหม จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:10:18

ความคิดเห็นที่ 19 ฝัน กับ เพ้อฝัน... ต่างกันครับ Faraday จากคุณ : laliklalee -------------------------------------------------------------------------------- ชั่งมันเถอะจะเหมือน หรือต่างไม่ใช่ประเด็น จะฝันอย่างเพ้อ ๆ หรือ เพ้ออย่างฝัน ๆ ก็ได้ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:13:22

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่เลย Faraday ฝันใหิพสดารอย่างไรก็ฝันไปเป็นสิทธเฉพาะตน แต่อย่ามาทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเมื่อไหร่ ก้เข้ากฎแห่งกรรม โดนเอาคืนแน่นอน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:23:33

ความคิดเห็นที่ 21 "คนดีมีความคิดความเข้าใจเรื่อง ดี ชั่ว จากปัญญา ว่ามีโทษ มีคุณ ด้วยตัวของ ดี ชั่วเอง จึงไม่ต้องล่อหลอกด้วย นรก สรรค์ เพราะเข้าใจในดีชั่ว จึงทำเอง ถ้าตายแล้วจบก็ช่างมัน ถ้าตายแล้วต้องเกิดไหม่ก็ช่างมัน เพราะเราทำปัจจุบันให้ดีมีสุขทุกขณะจิตได้ อยู่ชาตินี้ก็มีสุข ถ้าชาติหน้ามีก็มีสุขต่อไปในชาติหน้า ไม่เห็นต้องอาศัยนรก สวรรค์มาข่มขู่ กันไปทั้งโลกอย่างที่เป็นกันอยู่นี้ จริงไหม คิด คิด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วตอบใจตัวเองเถิดว่าจะให้หลอกไปถึงใหน " -------------------------------------------------------------------------------------- เรื่อง นรก สวรรค์ ไม่มีใครหลอกใครได้หรอก มันถูกฝังอยู่ในใจของคนเราอยู่แล้ว   คุณอยากเป็นคนดี ก็หมายความว่า กลัวนรก  อยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว และการเป็นคนดี ผมก็ไม่เคยเห็นคนแบบนั้นสักคน ชั่วดีมีปนกัน เขาไม่เรียกว่า ดี น้ำสะอาด กับน้ำสกปรก อยู่รวมกัน น้ำสะอาดก็สกปรกไปด้วย มันแยกกันไม่ได้ เรามีชั่วปนอยู่ มันจึงเรียกว่า ชั่ว เมื่อรู้ว่า ชั่ว จะได้กลัว นรก แล้วหาทางแก้ไข ในสังคมไทย ผมเห็นมีแต่คนบอกว่า ตัวเองดี  ไม่มีใครยอมชั่วสักคน ทะเลาะกัน ฆ่ากันตาย ไม่ใช่เพราะตัวเองดี หรือครับ ผมเห็นออกทีวี ไม่เห็นมีใครบอกว่า ตัวเองผิดเลย มีแต่บอกว่า ตัวเองดี ตัวเองถูก คนที่คิดว่า ตัวเองดี มักจะดูหมิ่นคนอื่น แต่คนที่รู้ว่าตัวเองผิด ตัวเองชั่ว ก็จะถ่อมใจได้ แล้วคุณคิดว่า สังคมที่มีแต่คนดี จิตใจสูง  กับ สังคมที่มีแต่คนที่บอกว่า ตัวเองผิด ตัวเองไม่ดี  สังคมไหนน่าจะสงบสุขกว่าครับ ลอง คิดใหม่ได้นะครับ จากคุณ : เคราติน เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:20:53

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 21   แล้วคุณคิดว่า สังคมที่มีแต่คนดี จิตใจสูง  กับ สังคมที่มีแต่คนที่บอกว่า ตัวเองผิด ตัวเองไม่ดี  สังคมไหนน่าจะสงบสุขกว่าครับ ลอง คิดใหม่ได้นะครับ จากคุณ : เคราติน ------------------------------------------------------------------------------------------------ อยากหนี นรก อยากขึ้น สวรรค์ คุณจะหนีจากความทุกข์ ในใจไม่ได้หรอก เพราะอะไรหรือ    ดูซิ ข้างหน้ามันคือ ความอยาก ถ้าคุณตัด ละ เลิก ความอยาก ทุกข์ที่เกิดจาก อยากหนีนรก อยากขึ้นสวรรค์ ก็จะไม่มี ยิ่งถ้าไม่มี หรือไม่เอามาอ้างกันจนเฟ้อ ของ นรก และ สวรรค์ ความอยากทั้งสองอย่างนี้ก็ไม่มีที่ไห้เกิด จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 08:16:06

ความคิดเห็นที่ 23 มันเป็นความฝันของ John Lennon the Beatle ที่กลั่นออกมาเป็นเพลง imagine ถ้าเป็นไปได้ก็ดี http://www.youtube.com/watch?v=yRhq-yO1KN8 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 09:40:22 จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 09:38:51

ความคิดเห็นที่ 24 I see trees of green Red roses too I see them bloom for me and you And I think to myself What a wonderful world I see skies of blue and clouds of white The bright blessed day Dark sacred night And I think to myself What a wonderful world The colors of the rainbow So pretty in the sky Are also on the faces of people going by I see friends shaking hands Saying "how do you do?" They're really saying "I love you" I hear babies crying, I watch them grow They'll learn much more than I'll ever know And I think to myself What a wonderful world Yes, I think to myself What a wonderful world I see trees of green Red roses too I see them bloom for me and you And I think to myself What a wonderful world จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 10:22:34

ความคิดเห็นที่ 25 โลกที่ไร้เส้นแบ่งพรมแดน และ ศาสนารวมกันเป็นหนึ่งมีความเป็นไปได้ สถานะการในโลกปัจจุบัน ได้มีการก้าวเดินในทิศทางที่จะรวมโลกทั้งใบเข้าด้วยกันเกิดขึ้นแล้วแม้ว่าจะเป็นเพียงก้าวแรก และก้าวเล็ก ๆ แต่เมื่อมีการก้าว จากก้าวแรกก็ย่อมจะต้องมีก้าวที่สอง ที่สามตามมา และจะต้องถึงเป้าหมายในที่สุดตราบ ใดที่มนุษย์ยังมีความฝัน และมีความหวัง ตัวอย่าของการก้าวเดินนี้จะขอยกเอามาชี้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ และเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ การรวมตัวกันทางด้านเศรษฐกิจ เงินตรา ของประชาคมยุโรป เป็นเขตเศรษฐกิจยุโรป EU เป็นเรื่องที่เป็นจริง และเป็นที่รับ ทราบกันอยู่ทั่วไป หลายประเทศหันมาใช้เงินตราสกุลเดียวกันทำให้การจับจ่ายใช้สอยแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในยุโรป มีความสดวก คล่องตัวมากยิ่งขึ้นมีขนาดของตลาดรวมใหญ่โตขึ้น แม้ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของบางปรเทศ ในกลุ่ม เช่น กรีซ อิตาลี ฯ แต่ที่สุดปัญหาจะต้องหมดไปจากการเรียนรู้ความผิดพลาดของมนุษย์ และพัฒนาการที่เข้มแข็ง ขึ้นจะต้องเกิดตามมาอย่างแน่นอน เส้นเขตแดนของแต่ละประเทศจะมีความหมายลดลง เพราะผู้คนในแต่ละประเทศในกลุ่มสามารถเดินทางไปมาหาสู่กัน ได้ง่ายและสดวกขึ้น จนเส้นแบ่งแดนแทบจะหมดความหมายความใกล้ชิดของชาติพันธุ์ วัฒนธรรมจะต้องมีมากขึ้น ในอนาคตจะมีความแตกต่างกันน้อยลงอย่างมาก ในเอเซียจะมีการเจริญรอยตามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าสมาคมประชาชาติอาเซี่ยน จะพัฒนาไปสู่ เขตเศรษฐกิจอาเซี่ยน ซึ่งมีสมาชิกสิบประเทศรวมทั้งไทยเราด้วย จะมีการเดินทางไปมาหาสู่กันได้สดวกมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับในยุโรป เส้น พรมแดนระหว่างประเทศยังมีอยู่แต่ลดความสำคัญลงไปมาก และอาจจะมีการรวมเงินตราเป็นสกุลเดียวกันตามมา ทางด้านการติดต่อสื่อสาร การเกิดขึ้นของโทรศัพท์ไร้สาย โมไบล์โฟน และ อินเตอร์เน็ต ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงการติดต่อสื่อสาร กันอย่างไร้เส้นเขตพรมแดนมาขวางกางกั้น เป็นเวลามานานพอสมควรแล้ว มีการแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นระหว่างคน ในแต่ละซีกโลกวันละไม่รู้ว่ากี่ล้านครั้ง ย่อมทำให้ความคิดความเห็นของคนในโลกเริ่มปรับเข้าหากันมากขึ้นการช่วย เหลือเมื่อมีภัยภิบัติเกิดขึ้น ผู้คนในทุกซีกโลกรับทราบพร้อมกัน การช่วยเหลือมีมาจากทุกมุมโลก ศาสนา การเรียนรู้ แลกเปลี่ยนย่อมมีมากขึ้นบ่อยขึ้น การปิดกั้นจากนักการศาสนาอนุรักษนิยมจะต้องถูกลดความสำคัญ ลงไปเรื่อย ๆ จนไม่มีค่าควรแก่การให้ความสนใจมากนัก จะเกิดมีศาสนาใหม่ ๆ ที่รวมเอาส่วนดีของศาสนาต่างเข้า ด้วยกัน หรืออาจจะไม่เรียกว่าศาสนาอีกต่อไป สงครามและความขัดแย้งควรจะต้องลดน้อยลง การช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างชาวโลกจะมีมากขึ้น โลกควรมีความน่าอยู่ มากยิ่งขึ้นขึ้น ความแตกต่างระหว่างชนชั้นควรจะต้องหมดไป การทำนาบนหลังคนควรจะต้องถูกสังคมลงโทษอย่างหนัก ทั้งฝัน ทั้งจริง กำลังเกิดขึ้นแล้วครับ คห.นี้ได้แตกไปเป็นกระทู้ไหม่ตามลิ้ง http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12263491/Y12263491.html จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 12:19:18

ความคิดเห็นที่ 26 เอาแค่ .......ทุกๆคน อย่าทำสิ่งที่ตนไม่ชอบแก่คนอื่น อย่างเดียวคือไม่เบียดเบียนกัน โลกนี้ก็มีความสุขแล้ว.......ยังทำกันบ่ได้เลย..5555555 จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:14:32

ความคิดเห็นที่ 27 : ) จากคุณ : Mahasati Neo เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 12:06:48