 |
อนุโมทนา ท่าน จขกท ครับ ********************************************************** http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12243366/Y12243366.html
อ้าง ถึง "พระนิพนธ์ ใน สมเด็จพระญาณสังวรฯ : แต่ ยังไม่อ้าง "ที่มา"
ความคิดเห็นที่ 23 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ขอบพระคุณท่าน a235 และท่านเซนฯ ที่ได้ทำให้ได้ปัญญาในเรื่องอุปกิเลสครับ ทั้งนี้ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ คคห.๒๑ และ ๒๒ พบว่า ท่านสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก ก็ได้กล่าวไว้ในแนวทางเดียวกัน ที่ท่านทั้งสองได้เสนอไว้ดังนี้ครับ
...ฯลฯ...
ในขั้นต่อไปนี้จะได้แสดงถึงชั้นธรรม
เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจถึงภูมิธรรมที่พึงบรรลุ
ในการปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
อันผู้ปฏิบัติพึงบรรลุได้
การปฏิบัติธรรมนั้นเบื้องต้น
ต้องทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า
โดยตรงเพื่อขัดเกลากิเลสอันเรียกว่า
"สัลเลขธรรม"
ธรรมเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสในจิต
หรือสัลเลขปฏิบัติ
การปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลสในจิต
จิตนี้สามารถปฏิบัติขัดเกลากิเลสออกได้
เพราะว่าจิตเป็นธรรมชาติปภัสสรคือผุดผ่อง
จิตเป็นวิญญาณธาตุ คือธาตุรู้ คือรู้อะไรได้
แต่ว่าจิตนี้ถูกอุปกิเลส
คือเครื่องเศร้าหมองที่จรเข้ามา มาทำให้เศร้าหมองไป
เครื่องเศร้าหมองของจิตนี้
เรียกกันเป็นคำกลาง ๆ ทั่วไปว่า
กิเลส
ที่แปลว่าเครื่องเศร้าหมอง
หมายถึงเครื่องเศร้าหมองของจิตทุกอย่าง
จะเป็นราคะ โทสะ โมหะ
จะเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
หรือจะเป็นกิเลสข้อใดข้อหนึ่งที่แสดงไว้
ก็รวมอยู่ในคำว่ากิเลส
คือเครื่องเศร้าหมองทั้งนั้น
และสำหรับในที่นี้
มีคำว่าอุปเติมหน้าเข้าไปว่า อุปกิเลสนั้น
ก็เพื่อจะชี้แจงแสดงว่า
กิเลสนั้นเป็นเครื่องที่จรเข้ามาสู่จิต
หรือจรเข้าไปในจิต
อุปแปลว่าเข้ามาหรือแปลว่าเข้าไป
คำนี้จึงบ่งความว่า
กิเลสนั้นไม่ใช่เป็นเนื้อแท้ของจิต
แต่เป็นสิ่งที่จรเข้ามาหรือจรเข้าไปสู่จิต
เหมือนอย่างเป็นอาคันตุกะ
คือเป็นแขกผู้จรมาอาศัยไม่ใช่เป็นเจ้าของบ้าน
ถ้าหากว่ากิเลสเป็นเนื้อแท้ของจิต
หรือเป็นตัวเจ้าของบ้าน
ก็ไม่อาจจะขัดเกลาหรือชำระล้างได้
แต่เพราะเป็นอุปกิเลส เป็นเครื่องที่จรเข้ามา
ดั่งนั้นจึงชำระล้างได้ ขัดเกลาได้
ต้องการแสดงความหมายดั่งนี้
จึงเติมคำว่าอุปเข้าไป
สำหรับในพระพุทธภาษิต
ซึ่งแสดงถึง
ความที่กิเลสเป็นเครื่องจรเข้ามานั้น
และกิเลสที่จรเข้ามานี้
เมื่อมานอนหมักหมมอยู่ในจิต
จนเรียกว่า
เป็นเครื่องหมักหมมมีชื่อว่าอาสวะ
เป็นเครื่องนอนจมมีชื่อว่าอนุสัย
...ฯลฯ...
ขออนุโมทนาธรรมทานที่ได้เกิดขึ้นมาจากท่านแล้วครับ
จากคุณ : นายอิ่ม เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 10:27:36 [แก้ไข] ถูกใจ : a235, F=9b ********************************************************
ถ้า ท่าน จขกท ทราบ "พบว่า" "หรือ ทราบว่า" ท่านสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก ก็ได้กล่าวไว้ (ในแนวทางเดียวกัน ที่ท่านทั้งสองได้เสนอไว้)" ช่วยกรุณา เสนอด้วย
ขอขอบพระคุณ (ไม่ว่าจะอ้างอิงได้หรือไม่)
จากคุณ |
:
เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มิ.ย. 55 17:58:09
|
|
|
|
 |