ความคิดเห็นที่ 1 ผมตอบ จขกท ละกันเอาตามที่ผมได้ศึกษามา ผิดถูกไปค้นต่อนะครับ 1 ชาวมุสลิมในรัฐยะไข่เริ่มเ้ข้ามาในประเทศไทยตั้งเเต่เมื่อไหร่ จะบอกว่าชาวมุสลิมยะไข่ คงมะค่อยตรงเป้า สมัยดบรานไปบอกพม่า คงมะมีใครรู้จัก เพราะอณาจักรมันทับซ้อนไปมา รวมทั้งเขตสุวรรณภูมิ นี้ด้วย เอาเป็นว่ามีในแผ่นดินนี้ มาตั้งแต่ คศ 7-8 เนี่ยละครับ 2 จริงหรือไม่ที่ชาวมุสลิมจากยะไข่ เคยเข้ามาค้าขายในประเทศไทย รวมถึงอาณาจักรล้านนา มาตั้งแต่ก่อนยุคอาณานิคม โดยพวกเขาถูกเรียกรวมว่า แขก คำว่าแขก นั้นเป้นภาษาไทยแปลว่าผู้มาเยือน ไม่เกี่ยวกับว่านับถือศาสนาอิสลามหรือไม่ คนที่นับถือสาสนาอิสลาม เค้าเรียกว่ามุสลิมไม่แบ่งชาติพันธ์ใดๆครับและไม่เรียกตนเองว่าแขกด้วย เหมือนกันทั้งโลก คำว่าแขก เป็นคำทีฝ่ายปกครองพยายามยัดเยียดให้มุสลิม เป็นแขก หมายถึงผู้มาเยือน เพื่อเหตุผลทางด้านปกครองครับ ส่วนผุ้ที่นับถือศาสนาอิสลาม มีอยู่ในดินแดนนี้มาก่อนเป้นประเทศสยาม ครับ 3 จริงหรือไม่ที่โรตีหวาน เริ่มขึ้นจากชาวมุสลิมในประเทศไทย ไม่ใช่ครับ โรตีหวาน ตามความเข้าใจของผมที่มีต่อท่าน จขกท คือโรตีที่นิยมกันในภูมิภาคนี้ โรตีมีหลายชนิด แต่ชนิดที่นิยมในภูมิภาคนี้ คือ โรตีภารตะ 4 คนขายโรตีหวานในไทยส่วนมากเป็นชาวมุสลิมจากยะไข่ (โรฮิงยา) จริงหรือไม่? ณ.ทุกวันนี้ ใช่ครับ แต่ไม่ใช่มุสลิมทั้งหมด เป็นพุทธ ในยะใข่ ก็มี เป็นพุทธในบังคลาเทศก็มี  ถ้าอยากเห็น แถวซอย อุดม สุข คนขายโรตี สั่งหมุปิ้งกินผมไปถาม บอกว่าเป้นบังกลาเทศ คร้าบ และอีกหลายคน ผมก็เคยถาม 5 กล่าวกันว่าโรตีหวานในประเทศไทย เป็นสูตรของชาวชาวมุสลิมจากยะไข่ (โรฮิงยา) จริงหรือไม่? ไม่ใช่อีกละครับ เป็นสูตร ของ อินตาลาเดีย คร้าบ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 17:22:47 จากคุณ : เพ่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:21:30

ความคิดเห็นที่ 2 สูตรการทำโตีภารตะ -ใช้แป้งสาลีตราว่าว  1 กก ถ้าให้ดี ซื้อแป้งสาลีมาเลย์ หรืออินเดียก้ได้ครับ หาซื้อได้ที่พาหุรัดและวัดเลียบ -ไข่ไก่ 1 ฟอง -น้ำตาลทราย 1 ช้อนโตะ -เกลือ 1 ช้อนชา -น้ำมันพืช 2 ช้อนโตะ - น้ำบริสุทธ 250-300 ซีซี เอาแป้งใส่กาละมัง บี้แป้งที่จับเป็นก้อนให้แหลก เอาไข่เกลือ น้ำตาล ใส่ลงไป คลุกให้เข้ากัน จากนั้นต่อยไข่ไก่ลงไป ขยำๆ พร้อมเติมน้ำทีละน้อย ขยำไปเรื่อยๆ จนเติมน้ำหมด ดูแป้งแหยะๆนิดหน่อย เอาน้ำมันพืชเติมลงไป ทั้งหมด นวดจนแป้งไม่จับมือ ถือว่าใช้ได้แล้วครับ จากนั้นเอาผ้าขาวบาง ชุบน้ำบิดให้หมาด ปิดหน้ากาละมังเอาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชม เปิดออกมาจะเห็นแป้งขึ้น ฟู เอาแป้งมาไว้ในกำมือ บีบแป้งให้ลอดออกมาจากฝ่มือทางด้านกำมือหัวนิ้วโป้ง แป้งจะออกมาเป็นลุกกลมๆ เอามาวางเรียงในถาดที่ทาน้ำมันไว้แล้ว เอาผ้าขาวบางมาคลุมอีก ทิ้งไว้ 2 ชม ก็เอามาบี้ๆด้วยสันมือ และใช้นิ้วทั้ง 8 นิ้วค่อยกดเบาๆแผ่ให้เป้นวงกลม ข้อควรระวังอย่าให้แป้งเป้นรู เวลาฟาดจะแตกได้ เมื่อแผ่นเรียบร้อยจนบางได้ที่ ก้เอามาฟาดกับ ก้นถาด นั้นแหละครับ คนถนัดขวา หงายมือ ขวาจับแป้งมือซ้าย คว่ำมือจับขอบแป้ง แล้วเหวี่ยงๆ ปาดๆบนถาด จนแป้งบาน แล้วดึงขอบ แปะไว้กะขอบถาด สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว ฟาดกับลม เมือดึงแป้งตึง ก็รวบแป้ง เอามาขดๆๆ จากนั้นเอามือสองมือกดแป้งให้แบน แล้วเอาไปทอด กับ ไฟอ่อนๆ ใส่มากรีนลงไปทอด จะหอม สำหรับผมใช้เนย Chee กระป่องเขียวในการทอด ทอดพอเหลือง เอามาแปะไว้ขอบกระทะ อุ่นไปเรื่อยๆ เวลาเอาลงจากระทะ เอาแผ่นโรตีมาซ้อนกัน ใช้สองมือ ทุบด้านข้างบีบ เข้าหากัน จนขดแป้งนั้นแตกออก จะได้โรตีที่เหนียว นุ่ม เอาไปจิ้มแกง จิ้ม นม หรือเอาไปทานกับขนมจีนก็ได้ อร่อยดีครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:17:54

ความคิดเห็นที่ 3 โน้สอุดม บอกว่า  อย่าซื้อโรตี ตอนที่อาบัง... เพิ่งออกมาจากสุมทุมพุ่มไม้  แล้วกัน จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:33:44

ความคิดเห็นที่ 4 ท่านนบนอบ  ถุกต้องแล้วก้าบบ เรื่องอาบังขายโรตี นี้นะ แต่ก่อน อาบังขายโรตี คืออาบังอินเดีย มาตอนหลังอาบังขายโรตี อัพเกรด กลายเป็นขายผ้าหมอน ผ้ามุ้งผ้าปูที่นอน และออกเงินกู้ อาบังจากพม่ามุสลิม เลยมาขายแทน อาบังมุสลิมพม่า ขายไปสักหน่อยอัพเกรดตนเอง เป็นเถ้าแก่ร้านอาหาร ร้านขายโรตี เป็นเรื่อง เป็นราว บางพวกก็อัพเกรด ไปค้าพลอย ชาวบังคลาเทศ มารับช่วงต่อ ตรงนี้แหละ มีทั้งบังมุสลิม บังพุทธ มาอิรุงตุงนัง ที่ผมทราบเพราะว่า เวลาผมให้สลาม มันตอบมะได้ พอช่วงหลัง โรฮิงยามาเสียบแทน ผสมกับอีกสองพวก บังคลาเทศ พุทธ มุสลิม จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:02:23

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ ^^ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:30:26

ความคิดเห็นที่ 6 แถวๆเชียงใหม่ คนขายโรตี ส่วนใหญ่(ไม่นับที่คนทำเป็นคนไทยนะ) จะเป็นชาวบังคลาเทศเข้าเมืองมาแบบผิดกฏหมาย ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้สถานะเป็นยังไงบ้าง โรตีคนไทย(มุสลิม) จะขายเป็นกล่องใส่กล้วยใส่ไข่ ทรงเครื่องก็ว่ากันไป แต่ถ้าโรตีแขก(บังคลาเทศ) จะมีแต่ใส่ไข่แล้วม้วนๆเอาไม่ใส่กล่อง ถ้าโรตีแขก(ปากีสถาน)หายากแต่คล้ายๆกับบังคลาเทศแต่เค้าจะม้วนแป้งให้เล็กไม่แผ่นเป็นแผ่นเหมือนบังคลาเทศ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:07:26

ความคิดเห็นที่ 7 เเล้วตกลงชาวโรฮิงยานี่ เป็นคนจากบังคลาเทศ หรือพม่า กันเเน่คะ =w= จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:16:48

ความคิดเห็นที่ 8 -โรฮิงยาเป็นชาวเบงกอลตะวันตก(มิลักขะ)ที่อยู่ตรงรอบต่อระหว่างบังคลาเทศกับพม่า สมัยก่อนเขตแดนระหว่างประเทศยังไม่ชัดก็ย้ายไปย้ายมาปกติ พอแบ่งเขตกัน ตัดฉับออกมา ส่วนที่อยู่ในบังคลาเทศก็กลายเป็นบังคลาเทศ ส่วนที่อยู่ในพม่าก็กลายเป็นโรฮิงยา -โรฮิงยามีทั้งพุทธและมุสลิม แต่มุสลิมจะเด่นกว่าเลยเหมาว่าโรฮิงยาเป็นมุสลิม -ยะไข่ก็มีทั้งพุทธและมุสลิม แต่พุทธเด่นกว่า เลยกลายเป็นว่ายะไข่เป็นพุทธ -ความจริงเป็นปัญหาระหว่างชาติพันธ์ แต่มันจุดกระแสดราม่าได้ไม่ดีเท่ากับการเอาประเด็นทางศาสนามาเล่น จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:30:38

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท  ครับ โรฮิงยา นั้นมีทั้งบังคลาเทศ และพม่าครับ เค้าเรียกว่าชาวเบงกาลี อณาจักรอารากัน ยุครุ่งเรืองกินมายันเกือบชนประเทศไทย พอมาแบ่งประเทศภายหลังมันก็เลยแบ่งตามเส้นเขตแดนไปครับ สมัยก่อนคำว่าคนพม่าไม่มีครับ ดูจากประวัติศาสตร์ พม่าเอง ยังมี เมืองตองอู เมืองยะใข่ เมืองแปร หงสาวดี เหมือนกับประเทศไทยก็ไม่มี แม้นแต่คำว่าสยามจริงๆ มีกระจุกเดียวตรงภาคกลางนั้นแหละครับ ถ้าเปรียบแบบเข้าใจง่ายๆ อีสานล่างฝั่งบ้านเราก็พูดเขมร แต่เมืออยู่ฝั่งไทยก็เป็นคนไทย คนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พูดมาลายู เมื่ออยุ่ฝั่งไทยก็คือคนไทย ฉันใดก็ฉันนั้น คนโรฮิงยา ก้มี ทั้งบังคลาเทศและพม่าครับ เวลาคุยกับคนโรฮิงยาที่มีปัญหาทุกวันนี้  เค้าก้บอกว่าเค้าคือคนพม่า เหมือนมุสลิมในประเทศไทย ใครมาบอกว่าเป็นแขก เราจะไม่พอใจ เพราะเราคิอคนไทย ไม่ใช่แขก จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:31:47

ความคิดเห็นที่ 10 ตามที่ ท่านยองวง่านั้นแหละครับ จขกท มันจุกพลุไม่ขึ้นก็เลยดึงประเด้นศาสนามาเล่นกัน คนพม่าน่ารักก็มีหลายคน แต่ที่ไม่น่ารัก คือ รัฐบาลพม่า เหมือนคนไม่มีศาสนา จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:33:25

ความคิดเห็นที่ 11 จากที่สอบถามนักข่าวจากสำนักข่าวอิระวดี เขาบอกว่าความขัดเเย้งเริ่มมาจากการที่สื่อหนังสือพิมพ์ พาดหัวเรียกชาวมุสลิมในยะไข่ด้วยคำว่า กะลา ซึ่งเป็นคำหยาบเเสดงความดูหมิ่น สำหรับชาวโรฮิงยา ทำให้กลายเป็นความขัดเเย้ง แต่บางท่านก็บอกว่า นี่เป็นการตั้งใจฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวโรฮิงยา เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีน้ำมันเเละทองจำนวนมาก? จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:42:46

ความคิดเห็นที่ 12 ท่านจขกท ผมไม่ทราบแหล่งข่าวอื่นว่าอย่างไร แต่ของผมทราบมาจากคุณลุงผมซึ่งเป็นผู้บริหารยูนิเซฟ ว่ารัฐบาลพม่า มีความกลัวการรวมตัวของมุสลิม ในพม่า เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่กอดกันแน่น และมีปริมาณหลายล้านคน ถ้าสามารถมีปากมีเสียงเมื่อใด การเมืองในพม่ามีสถานภาพที่น่าเป็นห่วง สิ่งนี้คือสิ่งที่น่าหวาดกลัวของรัฐบาลพม่า รัฐบาลพม่าเลยใช้ ประเด้นศาสนามากลบเกลื่อน เพื่อแบ่งแยกเพือ่ปกครอง ดังนั้น เราสอง พุทธ และอิสลาม รู้เท่าทันเกมส์การเมืองอันนี้ย่อมไม่กระโจนลงไปหลุมที่พม่าได้ขุดเอาไว้ แต่เสียดายที่ ชาวยะไข่ และชาวพุทธ พม่าบางส่วน ไม่รู้เท่าทันเกมส์นี้ จึงกระโดดลงมาเล่นเกมส์นี้เสียเอง เท่ากับรัฐบาลพม่า ยืมดาบฆ่าคน โดยที่ตนเองอาศัยความชอบธรรมอันนี้กำจัดหอกข้างแคร่ของตนเองออกไปได้โดยถาวร และไม่ต้องมีปัญหากับประชาคมโลก อ้างได้ว่า นี่คือประเด้นศาสนาของ ปชช ในชาติ ซึ่งเตง เสง เองก็ออกมารับลูกแล้วละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 21:45:03

ความคิดเห็นที่ 13 ประเทศเราในช่วง 10 ปีมานี้ ก็มีกลุ่มชนกลุ่มนึง พยายามที่จะใช้แผนเดียวกันกับพม่าในไทย แต่เนื่องจากมุสลิมในประเทศไทย ฝังรากมาช้านาน และก้าวลึกไปถึงชั้นพระราชวงศ์ ดังนั้นกลุ่มนี้จึงทำอะไรมากไม่ได้  ได้แต่ปลุกระดม และสร้างสถานการณ์ Issue ขึ้นมา เพื่อการสมประโยชน์ตนเอง พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใต้พื้นดิน มีทรัพยากรมหาศาล สิ่งเหล่านี้แหละหอมหวลยิ่งนัก สถานการณ์ทางใต้ ถ้าจะปราบแบบถอนรากถอนโคน โดยใช้กำลังทหารเข้าข่มเหงนั้นจบไปนานแล้ว แต่เปล่าเลย กลุ่มอำนาจเหล่านี้ต้องการเลี้ยงไข้ เอาไว้ เพื่อผลประโยชน์ จากค่ารักษาไข้เอาไว้เท่านั้นเอง ด้วยยุทธศาสตร์แบบนี้ ทั้งมุสลิม ทั้งพุทธ ในภาคใต้ทราบดี เค้าเลยไม่เต้นตาม คงใช้ชีวิตตามปกติ ยังทำมาหากินด้วยกัน รถทัวร์ก็วิ่งตามปกติ สถานีฐานมือถือก็อยู่ อะไร อะไรก็อยู่หมด เพียงแต่มีสถานการณ์มากวนใจเป็นบางครั้ง เพื่อเรียกงบ เพื่อไม่ให้ข่าวมันเงียบ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 21:53:00

ความคิดเห็นที่ 14 เพื่อนผมที่เรียนด้วยกันมาจาก3จังหวัด(หยิง)เค้าบอกว่าเค้าเป็นเจเนอเรชั่นแรกของตระกูลที่ได้เรียนสูงถึงป.ตรี ตอนนี้จบแล้วได้ข่าวว่ามาตั้งรกรากที่เชียงใหม่ เค้าเคยบอกว่ารุ่นก่อนหน้านั้นโดนกดโดยผู้นำทางศาสนาในชุมชน(เค้าเป็นอิสลาม แต่ศึกษาแนวคิดศาสนาอื่นพอสมควร แต่ศึกษาเองเงียบๆเพราะที่บ้านเค้าจะคุยเรื่องแบบนี้กับใครไม่ได้เลย) ผู้นำศาสนาในชุมชน เป็นแนวร่วมแบ่งแยกดินแดน(ตอนนี้เค้าเล่าไปตอนแม่เค้าสาวๆ)เข้าใจว่าโดนหลอกอีกทีเหมือนกัน คนในชุมชยไม่ได้เรียนสายสามัญ อย่างมากก็ด้านศาสนา ผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้เรียนเลย ผู้นำศาสนาจะมั่งคั่งกว่าชาวบ้าน ผู้นำศาสนาว่าอย่างไรชาวบ้านว่าตาม พอไม่มีความรู้ทางโลก ชุมชนก็ไม่พัฒนาทางเศรษฐกิจ ติดต่อราชการก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ เมื่อไม่มีคนได้เรียนหนังสือ ก็ไม่สามารถพัฒนาท้องถิ่นได้ ข้าราชการก็มาจากต่างถิ่น ถ้าผู้นำทางศาสนาไม่พอใจก็ไปปลุกระดมชาวบ้าน ผู้นำฯอยากได้ใครเป็นเมียก้ได้ เพราะทุกบ้านจนหมด จนตอนหลังอะไรๆดีขึ้น บ้านเพื่อนผมส่งลูกเรียนแบบแหกคอกคือไปเรียนสายสามัญ จากนั้นพอจบก็อพยพครอบครัว โดยให้ความเห็นว่าอยู่ที่บ้านไม่ได้ เพราะขืนอยู่ก้โดนกดอยู่ดีเพราะทางชุมชนเค้าก็ไม่ใช่พื้นที่สีแขียว100เปอเซน อีกอย่างอยู่นู้นไปเหยียบเท้าใครเข้าโดนหมด แล้วโยนความผิดให้กลุ่มก่อความไม่สงบ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 22:47:02

ความคิดเห็นที่ 15 งั้นก็เป็นไปได้ว่า สิ่งที่เกิดในพม่า มีโมเดล คล้ายๆกับปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:02:53

ความคิดเห็นที่ 16 จะว่าคล้ายก็คล้าย ไม่คล้ายก็ไม่คล้าย คือ คน2กลุ่ม ก็มีผู้นำ ผู้นำของโรฮิงยาเป็นผู้นำทางศาสนา แต่ของพุทธไม่ใช่เพราะผู้นำทางศาสนาพุทธเป็นพระไม่ใช่ฆราวาสแบบอิสลาม ความขัดแย้งถูกชูด้วยประเด็นทางศาสนาเพราะจุดกระแสได้ดี ฝ่ายพุทธมีอำนาจทางการเมืองมากกว่า ฝ่ายอิสลามใช้ศาสนาโยยผู้นำทางศาสนาต้องการรักษาหรือเพิ่มอำนาจทางการเมืองในกลุ่มของตน สรุปเบี้ยตายหมด ส่วนขุน ท้ายที่สุดคงขอลี้ภัยทางการเมือง จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:18:34

ความคิดเห็นที่ 17 ท่านยอง เรื่องนี้ผมอยากเขียนมานานแล้ว แต่เขียนแล้วงานเข้าเยอะ ที่น้องเค้าพูดนั้นไม่ผิด แต่มิใช่หลักการศาสนา ของผู้นำชุมชน เป็นหลักการ ที่ผู้นำศาสนาอิสลามในยุคก่อน ซึมซับ วัฒนธรรมพุทธ และฮินดูเข้ามา ในส่วนเรื่องผู้ทรงศีล และนักบวช ในหลักการศาสนาอิสลาม ไม่มีนักบวช ไมีมีผู้ทรงศีล ผู้นำศาสนาในไทยยุคก่อนเข้าใจตรงนี้ผิด คิดว่าเรียนศาสนามากๆ ได้เป็นโตะอีหม่าม จะได้ออฟชั่นพิเศษ นั้นคือความคาดหมายของตัวบุคคล ท่านยองทราบหรือไม่ว่า มุสลิม ในภาคใต้ และแม้นในมาเลย์เซีย มีผู้รู้ศาสนา น้อยกว่า มุสลิมในภาคกลาง มิใช่ผมยกหางตนเอง  แต่เป็นการเข้าใจผิดในเรื่องจำกัดพื้นที่มุสลิม เรื่องคือตอน สมัย ร.3 ท่าน ไปยึดเมืองปัตตานี ที่หอบเอาเชลย มา กทม นั้น ได้หอบเอาผู้รู้ศาสนาชั้นหัวกระทิ และตำหรับตำราทางศาสนา มาด้วย เพราะคิดว่า เอาผุ้รู้ศาสนามา เอาตำรามา จะทำให้หยุดความเติบโตของมุสลิม ในปัตตานีได้ ดั่งนั้นประชากรที่เหลืออยู่ คือมุสลิม ที่ขาดองค์ความรู้ หรือชาวบ้านๆนั้นเอง ส่วนมุสลิมในภาคกลางจะเคร่งครัดศาสนา และเรียนตำรามาลายู กันทั้งนั้น แต่ในสมัยนี้ น้องๆรุ่นใหม่ มีความรู้ศาสนามากขึ้นเพราะได้รับการเรียนรู้จากสถาบัน และไปเรียนที่ไคโร และมาดีนะห์ จบทางศาสนามากเป้นจำนวนมาก จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:23:39

ความคิดเห็นที่ 18 งั้นแสดงว่า ควมขัดเเย้งที่พม่า น่าจะเป็นประเด็นการเมืองมากกว่า แต่เอาประเด็นศาสนา กับชาติพันธุ์มาอ้างเพื่อกลบเกลื่อน (ไม่รู้จะมีทฤษฎีสมคบคิดอะไรอีกที่เรายังไม่รู้หรือเปล่า) ตัวอองซานซูจีก็อาจจะทำไรไม่ได้มาก เพราะอองซานซูจีเองก็เป็นโมเดลของอังกฤษ เเละโลกตะวันตก ตกลงโรตีหวานนี่เป็นสูตรอินเดียจริงๆใช่ไหมคะ ทีแรกเคยพาเพื่อนอินเดียมาเที่ยวไทย เขาบอกว่าบ้านเขาไม่มีโรตีหวาน ก็เลยคิดว่า มันพัฒนาขึ้นในไทยซะอีก เพราะคนไทยชอบเอาของคาวไปทำของหวาน จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:30:24

ความคิดเห็นที่ 19 ท่านยอง ผมขอเรียนความเข้าใจกรณี โรฮิงยาเดี๋ยว จะคลาดเคลื่อน ผู้นำโรฮิงยา มิใช่ผู้นำทางศาสนา เป็น องค์กรภาคประชาชน ส่วนโตะอีหม่าม และผู้นำทางศาสนานั้น วันๆ ก็ละหมาดสอนศาสนาแนวทางของอิสลาม มิได้มายุ่งเรื่อง การเมือง ผมรู้จักพวกนี้ดี เพราะโรฮิงยา สายศาสนาจะดะวะอ์เท่านั้น มาประเทศไทยบ่อยมาก หลายสิบปีแล้ว ไม่พูดและเคลื่อนไหวทางการเมือง คนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองจะเป็นคล้ายหัวหน้าเผ่า ทางการปกครอง เป็นรุปแบบองค์กร ที่เคลื่อนไหว ในการเรียกร้องสัญชาติพม่า สรุป คนโรฮิงยา แยกศาสนจักร กับอณาจักรอย่างชัดเจน แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 23:32:13 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:31:54

ความคิดเห็นที่ 20 ท่านจขกท เป็นโรตีภารตะ ที่อยู่ในประเทสอินเดีย ฝั่งตะวันออก ชาวอินเดีย จะทาน นาน และ จาปาตี อ้อ ผมพ่วงนิดนึง โรฮิงยา มี 11 กลุ่ม 1 กลุ่ม เป็นตุ้กตาให้รัฐบาลพม่า หัวหน้ากลุ่มนี้ เป็นคนบังคลาเทศ ซึ่งจะเป็นคนที่จะออกหน้ามาทำอะไรแผลง ไม่ตามพวกโรฮิงยาด้วยกัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:35:00

ความคิดเห็นที่ 21 ทำอะไรแผลงๆนี่ ทำอะไรมั่งหรอคะ?  จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:40:01

ความคิดเห็นที่ 22 นี่ครับ โรตี ภาราตะ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:42:31

ความคิดเห็นที่ 23 -ทำอะไรทีศาสนามิได้ใช้ให้ทำ -ทำอะไรที่สร้างภาพลักษณืที่ไม่ดี ต่อชาวโรฮิงยา ให้เกิดความเกลียดชัง กันภายในชาติ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:44:00

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องขอโทษพี่จิมด้วยผมอาจจะเข้าใจผิดเรื่องโรงฮิงยา เพราะปกติในโลกอิสลาม ผู้นำทางศาสนามักจะมีบทบาททางการเมืองด้วย โรตี แบบเดิมๆของอินเดีย เค้ากินเหมือนเรากินข้าวกับกับ โรตีคือข้าว แต่บ้านเราเอามาใส่นมใส่ไข่เลยกลายเป็นของหวาน เชื่อเถอะไปหากินอินเดียหรือร้านอาหารอินเดียก็ไม่มีกินแบบนี้ เรื่ององค์กรอิสลามในไทย ผมอยากพูดมานานแล้ว แต่ก้เหมือนพี่จิมคือ ผมต่างศาสนาด้วย เดี๋ยวพูดแล้วจะงานเข้า คือผู้นำทางศาสนาส่วนใหญ่ คิดว่าน่าจะกทม.เรื่อยไปถึงภาคใต้ ผู้นำศาสนาในชุมชนมักจะก้าวไปสู่การเมืองทางโลก และการเมืองทางโลกมักข้าวมาเป็นผู้นำทางศาสนาระดับจังหวัด หรือแม้แต่ระดับ จุฬาราชมนตรี (ต้องขออนุญาตเป็นอย่างยิ่งและขออภัยหากล่วงเกิน) ก้เคยเป็นนักการเมืองในระดับต่างๆมาก่อนเช่นกัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:48:02

ความคิดเห็นที่ 25 อันนี้คือ ภารตะประยุกตร์ จะเห็นว่ามีการขดๆ ด้วยเช่นเดียวกันแต่เปลี่ยนการขดมาพับหลายๆชั้นเช่นเดียวกัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:48:03

ความคิดเห็นที่ 26 ท่านยอง จุฬาราชมนตรีเมืองไทยยุคหลัง จะอิงการเมือง เป้นสายฝั่งนู้นครับ เช่น จุฬา ต่วน นั้นสายวัง โดยตรง จุฬาประเสริฐ ก็สาย ปชป จุฬา สวาท อดีต สส ปชป จุฬา คนปัจจุบัน สายป๋า ข้อมูลตามนี้ครับ ส่วนพวกหูหนู หูผี โปรดทราบ ไม่ต้อให้ผมโทรไปหา หรือเอามาบลัฟผม จุฬาทุกคน ไม่ได้ห่างไกลจาก โคตร เหง้าผมเท่าไหร แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 23:53:18 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:52:29

ความคิดเห็นที่ 27 เเสดงว่า โรตี ถ้าใส่นมกับน้ำตาลนี่ เริ่มมีมาที่ไทยหรอคะ T_T เริ่มสับสน ข้อมูลก็หาย๊ากกก ยาก จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:56:43

ความคิดเห็นที่ 28 ผู้นำศาสนาอิสลาม ข้ามมาปกครองฝ่ายอณาจักร มีอยู่ยุคเดียวคือยุค สมัย ท่านบีมูฮำหมัดเท่านั้น นอกนั้น เก๋ หมดครับ ในอาหรับเอง ก็ไม่ใช้ผู้นำศาสนา ในการปกครอง สาเหตุความวุ่นวายในโลกนี้ เพราะไม่ใช้ศาสนานำ การเมือง ผมถึงพูดประจำว่า แม้นประเทศไทย มีศาสนาพุทธประจำชาต และนำคำสอนของพระพุทะองค์มาปกครองบ้านเมือง ประเทศเราจะน่าอยู่ ผมถึงสนับสนุนเต็มที่ครับ ส่วนประเทศมุสลิม ถ้่าเอาศาสนานำการเมืองอย่างแท้จริง มันก็ไม่วุ่นวาย แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ แค่แอบเอาเท่านั้นครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:00:34

ความคิดเห็นที่ 29 ต้องทำความเข้าใจเรื่องโรตีก่อนครับ โรตี คืออาหารหลัก ของคนชมพูทวีป และอาหรับ ขนมปัง คืออาหารหลัก ของหัวแดงทั้งหลาย ข้าวคืออาหารหลักของคน เอเซียตะวันออก ดั่งนั้น จะเอาโรตี ไปจิ้มกับอะไร ก็แล้วแต่ใจชอบครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 00:03:24 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:02:56

ความคิดเห็นที่ 30 อินเดียเค้ากินแกงกะหรี่กับโรตีครับ โรตีบ้านเค้าก็ไม่ได้ทอด แค่เอาแป้งไปปิ้ง จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:15:08

ความคิดเห็นที่ 31 ฮ่าๆ คุณยอง กับพี่จิม ตอบไม่เหมือนกันซะเเล้ว นี่ก็เป็นประเด็นถกเถียงมายาวนานจริงๆ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:18:51

ความคิดเห็นที่ 32 login Jimbovy ตั้งใจจะเอ่ยอ้างแบบ อ้อมเนื้อหา ว่า เป็น/มี ๑ กลุ่มโรฮินย่า ที่ออกมาจากบังคลาเดส เพื่อเป็น อัฐยาย ให้กับรัฐบาลพม่าไว้ซื้อหนมกินเป็นครั้งคราวจาก กลุ่มเป้าหมาย คือชนเผ่าโรฮินย่ามุสลิม ??? ขยายภาพง่ายๆแบบเปิดฝาแทง hi-lo  login Jimฯ กำลังชี้แก่ ท่าน จขกท.ว่า  ๑ กลุ่ม โรฮินย่า ที่รัฐบาลแห่งชาติ/พุทธพม่า สั่งใช้ให้ ทำอะไรแผผลงๆนั้น  ก็ก็คือเพื่อ/การเป่าหัวพม่าพุทธ  ข่มขืนสตรีชาวพม่าพุทธ  สร้างความรุนแรงต่างๆนานากับพม่าพุทธ และ ตลอดทั้งก่อกวน อาาระกันนีส อื่นที่ไม่ใช่อิสลาม/และรวมทั้ง ชนเผ่าโรฮินย่าอิสลาม อีก ๑๐ กลุ่มนั้นๆ ตามวาระโอกาสที่มี ใบสั่ง ออกจากรัฐบาลพุทธพม่า ??? login Jimbovy ต้องการสื่อให้ ท่าน จขกท. และผู้ผ่านมาอ่านเนื้อหา เข้าใจเหตุการณ์ไปในแนวทางนี้/ให้มองเห็นภาพ ต้นตอ ที่เกิดขึ้นใน ยะไข่/อารากัน เช่นนี้หรือ ??? ขอเหตุผลที่หนักแน่นในข้อมูลมากกว่านี้-จะมีให้ได้มั๊ย ? / ไม่อยากใช้คำว่า หลักฐานหรือเอกสารข่าวที่เชื่อถือได้ อะไรพรรค์นั้นเลย-นะ login Jimbovy ปล.  สำหรับท่าน จขกท. เผื่อว่าที่ท่านฯได้สละเวลา Search @ อากู๋/Google แล้วได้ข้อมูลไม่ตรงเป้า  จึงเข้ามาหาสูตร โรตีหวาน จากห้องศาสนา        ลำดับต่อไปนี้เป็นรายการเมนูพิเศษ [โรตีจากเลือดเนื้อมนุษย์] ที่ทำการ trading on the hi-scored business โดย โรฮินย่ามุสลิม ซึ่งบังคลาเดสรับไว้ปกครองอยู่ในช่วงเวลา ๑        ก็ นำมาเสนอให้เลือกชิม-พอสังเขป เดี๋ยวท่าน จขกท.จะอิ่มเกิน-นะครับ Current News[ยกเมนูมา ๑๒ รายการ-เฉพาะช่วงปี 2555 บางส่วนเท่านั้น-นะครับ] 30 May 2012: Bangladesh police attack indigenous Chakma people in Teknaf injuring 12 including a pregnant woman 30 May 2012: Bengali settlers attack indigenous Chakma people with the intention to grab land in Barkal 20 May 2012: UPDF toss grenade at PCP activists in Rangamati, 1 dead and 13 injured 10 May 2012: Bengali settlers burn down 3 indigenous Tripura houses in Panchari 09 May 2012: Bengali settlers rape and kill an 11 year old indigenous Chakma girl in Longadu 28 April 2012: Bengali settlers rape an indigenous Chakma woman in Longadu 25 April 2012: Bengali settlers rape an indigenous Tripura woman with speech disability in Matiranga 17 April 2012: Bengali settlers abduct and rape an indigenous Marma girl in Kaukhali 07 April 2012: Bengali settlers kill an indigenous Marma Buddhist in Kaptai 23 March 2012: Bengali settlers rape an 11-year old indigenous Marma girl in Manikchari 05 March 2012: Bengali settlers attack an indigenous Rakhine family in Moheskhali of Cox’s Bazar 01 February 2012: Bengali settlers gang rape an indigenous Chakma girl in Laxmichari 28 January 2012: Bengali settlers attack and plunder a Buddhist temple in Bilaichari following the death of a settler จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:21:02

ความคิดเห็นที่ 33 โอ้ ขอบคุณค่ะคุณกรองคำ จริงๆ ตอนนี้เรากำลังเซอเวย์ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อทำรายการสารคดีจากโรฮิงยา แต่ยังเหลือประเด็นโรตีที่ไม่รู้จริงๆ เเล้วไม่รู้ว่าจะหาจากห้องไหนด้วย เห็นว่าส่วนมากคนทำโรตีเป็นชาวมุสลิม ก็เลยคิดว่าคนมุสลิมในห้องศาสนา น่าจะช่วยหาคำตอบได้ค่ะ ประเด็นความขัดเเย้ง วันนี้เราก็เขียนข่าว เพิ่งเขียนเสร็จสดๆร้อนๆ แต่ดูเหมือนจะขัดเเย้งกับข้อมูลที่หาๆทางเน็ต กับถามไถ่คนรอบตัว จึงขอยกมาให้อ่านก่อนเลยนะคะ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดเวทีเสวนาความขัดแย้งทางชาติพันธุ์โรฮิงยา และสื่ออินเตอร์เน็ตในพม่า หวังสร้างความเข้าใจพร้อมหาหนทางยุติความขัดแย้ง โดยพระสงฆ์ชาวอาระกันเห็นว่าความขัดแย้งจะยุติได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่ผู้แทนชาวโรฮิงยาพม่าในประเทศไทยเชื่อ เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมขอทุกภาคส่วน หาทางสร้างการยอมรับความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา เพื่อยุติความรุนแรง ในขณะที่สำนักข่าวอิระวดี เรียกร้องให้สื่อ นำเสนอข่าวตามความเป็นจริง โดยปราศจากอคติและการตีตราบาปแก่ชาวโรฮิงยา เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม สืบเนื่องจากสถานการณ์การโจมตีกันระหว่างชาวพุทธ และมุสลิม ในรัฐอาระกัน ประเทศพม่า ที่ผ่านมา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดเวทีเสวนา ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ โรฮิงยา กับสื่ออินเทอร์เนตในพม่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว พร้อมหาหนทางเพื่อยุติความรุนแรง โดยมีผู้ร่วมอภิปรายคือ   Dr. Jacques Leider ผู้แทนจากสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ    ผู้แทนจากสมาคมโรฮิงยาแห่งประเทศไทย พระสงฆ์ชาวอาระกัน และ บรรณาธิการข่าวภาษาอังกฤษ จากสำนักข่าวอิระวดี สำหรับเหตุความขัดแย้งและการโจมตีกันระหว่างระหว่างชาวพุทธ และมุสลิม ในรัฐอาระกัน ประเทศพม่า เกิดขึ้นจากเหตุที่ชาวมุสลิมอาระกัน หรือที่รู้จักกันในนามโรฮิงยาได้ฆ่าข่มขืนหญิงชาวอาระกัน สร้างความแค้นเคืองให้แก่ชาวพุทธในรัฐอาระกัน ส่งผลให้กลุ่มม็อบชาวพุทธเข้าทำร้ายชาวมุสลิม 10 คน จนถึงแก่ชีวิต จนเกิดเหตุปะทะกันรุนแรง มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบ้านเรือนกว่า 500 หลัง ถูกทำลายเสียหาย จนรัฐบาลพม่าได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อระงับสถานการณ์ความวุ่นวาย ในเวทีเสวนาครั้งนี้ ตัวแทนพระสงฆ์จากรัฐอาระกัน ซึ่งเคยบวชเป็นสามเณรในรัฐอาระกันตั้งแต่อายุได้สิบสองขวบ ก่อนจะย้ายเข้ามาอาศัยในประเทศไทย  ได้กล่าวถึงประสบการณ์จากการใช้ชีวิตในอาระกัน ว่าโดยปกติแล้วชาวโรฮิงยา หรือชาวมุสลิมในรัฐอาระกัน มักถูกเรียกในภาษาพม่าว่า กะลา โดยชาวโรฮิงยาเหล่านี้รักสงบ และไม่นิยมความรุนแรง สามารถอยู่ร่วมกับชาวพุทธโดยสันติ นอกจากนี้  ยังได้แสดงความคิดเห็นที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง ว่ายังเป็นเรื่องคลุมเครือที่ต้องหาคำตอบเพื่อที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา พร้อมกันนี้ยังได้เสนอแนวทางยุติเหตุวุ่นวาย โดยเชื่อว่าความรุนแรงจะไม่ยุติหากใช้ความรุนแรงตอบ ทุกฝ่ายควรต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกันในฐานะมนุษย์ อย่างเสมอภาพเท่าเทียม ผู้แทนสมาคมชาวโรฮิงยาพม่าแห่งประเทศไทย ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคของชาวโรฮิงยาในประเทศไทยมาช้านาน ได้กล่าวว่า ปรัชญาที่แท้จริงของประชาธิปไตยคือการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยสันติ รวมไปถึง เคารพสิทธิและความคิดเห็นของกันและกัน โดยไม่แบ่งแยกศาสนาและเชื้อชาติ เช่นเดียวกัน ในแง่มุมทางประวัติศาสตร์ของประเทศพม่า มีหลักฐานความร่วมมือของชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นกับชาวโรฮิงยา ที่เคยผนึกกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทว่า ในปัจจุบัน ชาวโรฮิงยาในพม่ากลับไม่ได้รับความเป็นธรรม และความเท่าเทียมจากคนในสังคมตาม สิทธิที่ชนกลุ่มน้อยพึงจะได้รับ ทั้งยังถูกกีดกันในทุกๆด้านไร้สิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ และต้องอยู่ท่ามกลางการกดขี่ข่มเหง  แตกต่างจากชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นในพม่า เช่นเดียวกัน คำว่า กะลา ที่ชาวพม่าใช้เรียกชาวโรฮิงยานั้น สำหรับชาวโรฮิงยา นั่นคือคำเรียกอย่างดูถูกดูหมิ่น ความกดดันทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาบางคนต้องตัดสินใจจับอาวุธขึ้นสู้และใช้ความรุนแรง ในขณะที่บางคนตัดสินใจลี้ภัยทางการเมือง สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น  ผู้แทนสมาคมชาวโรฮิงยาพม่าแห่งประเทศไทย เห็นว่าสื่อมวลชนได้นำเสนอภาพที่บิดเบือนให้ผู้รับสารสับสนว่าความรุนแรงเกิดจากชาวโรฮิงยา ทั้งที่ความจริงแล้ว ความรุนแรงทั้งหมด เกิดขึ้นเพราะอาระกันยังขาดผู้นำที่มีคุณสมบัติในการสร้างสันติระหว่างชาติพันธุ์ศาสนาตามหลักประชาธิปไตย ต่างจากผู้นำในอดีต อันเป็นผลให้ความขัดแย้งปะทุขึ้น และคนเลือกใช้ความรุนแรงทางทหารแทนที่จะแก้ปัญหาตามวิถีประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ยังสามารถกล่าวได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงยา นอกจากนี้ผู้แทนสมาคมชาวโรฮิงยาพม่าแห่งประเทศไทยยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาว่าพม่าควรยอมรับและเคารพในความหลากหลายทางเชื้อชาติ และศาสนา  มีความจริงใจที่จะร่วมกันสร้างชุมชนสันติระหว่างชาวพุทธและมุสลิม พร้อมเรียกร้องให้พม่ายุติการฆ่าล้างผู้บริสุทธิ์ และร้องขอให้สื่อมวลชนนำเสนอภาพของโรฮิงยาตามควาเมป็นจริง ไม่ใช่ภาพที่ถูกแต้มสีโดยรัฐบาลกลาง รวมถึงขอให้กลุ่มนักวิชาการร่วมมือกันเพื่อให้เกิดข้อยุติ และช่วยเหลือชาวโรฮิงยาให้รอดพ้นจากการเป็นเหยื่อของความรุนแรง Dr. Jacques Leider นักประวัติศาสตร์ จากสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ เชื่อว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อไปอย่างยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ปกติรัฐอาระกันประกอบไปด้วยชาวพุทธจำนวนมาก และชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน แต่ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้น นอกเหนือไปจากเหตุผลเรื่องความแตกต่างทางศาสนาและชาติพันธุ์ ยังมีผลประโยชน์ทางทรัพยากรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นแง่มุมทางประวัติศาสตร์ที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นเป็นเหตุให้พม่ายังพยายามใช้อำนาจในการควบคุมและกดทับชนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะโรฮิงยา ทั้งนี้  Dr Jacques leider ได้กล่าวปิดท้ายไว้ว่าชาติพันธุ์และศาสนาที่แตกต่างกัน จะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ในเวทีเสวนาครั้งนี้ บรรณาธิการข่าว ภาคภาษาอังกฤษ จากสำนักข่าวอิระวดี ยังได้วิพากษ์วิจารณ์บทบาทของสื่อว่า สื่อ เป็นปัจจัยสำคัญในการนำเสนอข่าวเหตุการณ์ความรุนแรงของกลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงยาในรัฐอาระกัน กล่าวได้ว่า สื่อมวลชนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์  จากการใช้คำในข่าว ที่เต็มไปด้วยอคติ เหยียดหยามชนกลุ่มน้อย โดยเรียกชาวมุสลิมว่า กะลา ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากของชาวมุสลิมในรัฐอาระกัน   ทั้งยังมีการแต้มสีเนื้อหาข่าวให้เกินจริง สร้างภาพของชาวโรฮิงยาให้เป็นผู้นิยมความรุนแรง โดยไม่พาผู้รับสารเข้าถึงแก่นแท้ของความจริง ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างน่าสะพรึงกลัว บรรณาธิการข่าว ภาคภาษาอังกฤษ จากสำนักข่าวอิระวดี ได้เสนอว่า ในฐานะผู้เป็นนักข่าวมืออาชีพ สื่อมวลชนควรใช้หลักเกณฑ์จรรยาบรรณต่างๆ เพื่อนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งมีความอ่อนไหวและเปราะบาง หากไม่มีการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ปราศจากการกลั่นกรองการใช้ภาษา เนื้อหา และภาพ  อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ กล่าวได้ว่าความไม่รู้เกี่ยวกับปัญหาชาติพันธุ์ โดยเฉพาะในบริบททางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน เป็นอุปสรรคทำให้ สื่อต้องยอมทำงานอย่างยากลำบากในการนำเสนอข่าวแต่ละครั้ง โดยหลักเกณฑ์ต่างๆทางวิชาชีพในการแยกแยะ กลั่นกลอง นำเสนอข่าวตามความจริงโดยปราศจากอคติ และระวังไม่ให้เกิดการตีตราบาปแก่กลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อลดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายภาคส่วนของสังคมที่เชื่อว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวโรฮิงยาไม่ถูกยอมรับจากหลายประเทศ เป็นเหตุเนื่องมาจากชื่อของชาวโรฮิงยาถูกนำไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ต้องการความเป็นเอกเทศ ซึ่งเป็นประเด็นทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากสมาคมโรฮิงยาพม่าแห่งประเทศไทย แย้งว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แท้จริงเป็นความแตกแยกทางศาสนาและชาติพันธ์ อันเนื่องมาจากการที่ชาวโรฮิงยาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในพม่าไม่ได้รับสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเท่าเทียมกับชนกลุ่มอื่น และไม่ทราบว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องสิทธิของตัวเองได้จากที่ใด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่คนในสังคมต้องจำเป็นที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกัน แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 00:28:41 จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:27:33

ความคิดเห็นที่ 34 มะได้ขัดแย้งกันเอง ครับท่าน จขกท มาถกกันเฉยๆๆ จะอธิบายไง ดี เผอิญ ผมก็มีเพื่อนอินเดียที่เดลลี มันบอกว่าจะมาตั้งร้านอาหารอินเดีย โดยส่งกุ้กมาเมืองไทย มันบอกว่า โรตี ก็คือ Bread ขนมปังนั้นเอง โรตีมีหลายชนิด ตั้งแต่โรตีนาน ที่เอามาเผา เป็นแผ่นบางๆ แบบท่านยองว่านั้นแหละครับ อันนี้จืดสนิท ใส่ยีสต์ นมเปรี้ยว  โยเกริตลงไปด้วย ตามยูทุป ที่ให้ไว้นะครับ คนไทยมาเรียกโรตีโอ่ง โรตีอีกประเภท คือจาปาตี จะแผ่นบางมากๆ เอามาผิงบนกระทะ ไม่ต้องใส่น้ำมัน แล้วโรตี ภารตะ แบบขดๆ อันนี้ทอด กับกระทะ น้ำมันนี้น้อยมาก โรตีทุกประเภท ต้องกินกับ กับข้าว เข่นจิ้มแกง ตั้งแต่แกงกระหรี่ แกงดาล แกงมัสหมั่น ส่วน แถบ เอเซียตะวันออก เอามาประยุกตณืกันเองโดย เอามาจิ้มนม เพราะคนเอเวียตะวันออกไม่ได้ทานโรตีเป็นอาหารหลัก เลยเอาโรตีมาเป้นขนมสะเลย โรตีในยุค 20 ปีหลังมันเพี้ยน ก็ถุกอย่างคนอินเดียว่า มันคือแป้งทอด เล่นน้ำมันสะเยิ้มเลยละครับ เดวนี้ไม่ขด แระ เอามาแผ่แผ่นบางๆ แล้วทอดกรอบ ใส่นมใส่ไข่ คนอินเดียเลย งองูสองตัว เหมือนข้าวหมกไก่ อินเดีย อาหรับมาบ้านเรางง บ้านเขาชิกเก้นบริเอนี่ พี่ไทยเล่นข้างคลุกขมิ้น แปะหน้าไก่ ไม่ได้หมกสักหน่อย สรุป ทั้งที่คุณยอง ว่าผมว่า ความหมายเดียวกัน แต่พูดไม่เหมือนกัน เรื่องเดวกันครับ เดวจะงง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:36:10

ความคิดเห็นที่ 35 เอเชียตะวันออก ก็คือ พวกเเถบมลายูด้วยใช่ไหมคะคุณพี่จิม ? ขอโทษนะคะที่ถามยิบย่อย เหมือนไม่เข้าใจซะที ฮ่าๆ ตอนนี้ก็พยายามหา history of roti แต่ว่าไม่ค่อยจะมีจริงๆ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:39:58

ความคิดเห็นที่ 36 ใช่เเล้วค่ะ พวกโรตีหวานนี่พบใน ไทย มาเลย์ อินโด นี่เอง ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:42:38

ความคิดเห็นที่ 37 ท่าน จขกท Bingo ครับ ชัดเจนแล้วละครับ ทั้งพระสงฆ์และผู้นำโรฮิงยา น่าจะเป็นคนเดียวกันที่ผมรู้จัก เพราะประชุมร่วมกันเมื่อวันศุกรืที่แล้ว เค้ากล่าวถึงการประชุมที่เชียงใหม่เช่นกัน พระท่านก้พูดชัดเจน โรฮิงยา ก็ชัดเจน ถ้าอ่านดีๆ ข้อมูลทั้งสองฝ่ายตรงกัน ไม่ชัดเจน คือรัฐบาลพม่า และกองเชียร์นอกประเทศ สรุปนั้นชัดเจนในตัวเองคือปัญหาทางการเมือง ขอบคุณท่าน จขกท ที่มาช่วยย้ำแนวคิดการรักษาสันติภาพ และแยกเรื่องศาสนาออกจาการเมือง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:44:44

ความคิดเห็นที่ 38 ใช่ครับ ถูกต้องแล้วครับ อิอิ  ไม่เข้าใจ คำว่าหวานนั้นเอง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:45:39

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนนี้มีโรตี สำเร็จรุป แล้ว แช่ฟรีซ อยู่ได้ สามเดือน ญาตผมทำโรงงานผลิตอยู่ ไม่หวาน ถ้าอยากหวานไปหวานมาจิ้มเองครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:47:12

ความคิดเห็นที่ 40 สรุป ตามที่สัมนา องค์กรศาสนาภาค ปชช เค้าจูจุฟเข้าใจตรงกัน ดังนั้นใครจะดันทุรังจะให้เป็นประเด้นศาสนาให้ได้ ผมถือว่าคนนั้น บ่อนทำลายความมั่นคงของคนในชาติ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:51:02

ความคิดเห็นที่ 41 ใช่ๆค่ะ เหลือเเต่รัฐบาลพม่า ที่ไม่ชัดเจนว่าต้องการอะไรกันเเน่ อย่างที่พระท่านบอกว่ายังคลุมเคลือ ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ก็คิดว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่น่าเสียดายที่จดชื่อพระท่านไม่ทันค่ะ ถ้าพี่จิมเคยเจอพระท่านเเล้ว พอจะทราบชื่อไหมคะ? จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:51:36

ความคิดเห็นที่ 42 ข้าว โรตี ขนมปัง เป็นแหล่งคาโบไฮเดรตหลักของแต่ละชนชาติครับ แต่บ้านเรากินข้าวเป็นหลัก ทำให้มองโรตีกับขนมปังเป็นขนม บ้านเราถ้าอุตริเอาข้าวมาทำเป็นโรตีกินกับแกงจะโดนด่า ว่าเอาข้าวมาเล่นอีกอย่าง บ้านเรากินแกงกับโรตีหรือขนมปังไม่ได้ เพราะแกงบ้านเราเป็นน้ำ ดูง่ายๆแกงกะหรี่อินเดียข้นมาก แต่บ้านเราเป็นน้ำเลยถ้าเอาโรตีหรือขนมปังไปจิ้มมีหวังเปื่อยพอดี จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:57:30

ความคิดเห็นที่ 43 เรียนท่านยองฯที่นับถือทราบ, กรองคำ เคยไปแวะเยี่ยมหลายชายใน ว.พละศึกษา ในสนามกีฬา อ.เมืองฯ หลานชายได้ภรรยาเป็น ๑ ลูกสาวของครอบครัว ร้านใจดี ขายผ้าที่ กาดหลวง* วันที่แวะไปเยี่ยมหลานนั้น -วันนั้นมีงานที่วัดฯ[ชื่อยาวจนจำยากหน่อย] อยู่ตรงอีกฟากถนนของ ว.พละ/หลังตึกนิ่มชิเส็งกระมัง ?? หลานสะใภ้[แขกอินเดียน่ะสิ]แวะมาชวนไปทานข้าวที่วัดฯ...       ก็ยืนยันตรงนี้เลยว่า ข้าวก็ส่วนข้าว มีหุงทั้งแบบธรรมดา และชนิดหุงนุ่มกว่า มีมันๆแบบข้าวมันไก่-แต่ไม่ใช่   เป็นด้วยเนย&นม /และก็มีกับข้าวอื่นๆ สำหรับรองรับคนที่เลือกกินข้าวไว้ด้วยหลายรายการ แต่โรตี  เขา-เธอ-ท่านทั้งหลาย ชายหญิงใน วัดแขก นั้น กลุ่มโต๊ะที่เลือกทานโรตี จะนั่งรวมโต๊ะกัน นัยว่าเพื่อสะดวกแก่ จนท.ผู้เสิร์ฟ/สูทกร        กลุ่มคนผู้หิวตามมื้อเหล่านี้-รวมทั้ง กรองคำ ด้วยอีก ๑ ใช้มือขวา บิแผ่นโรตีปิ้ง  ใช่ครับ ท่าน จขกท....โรตีแผ่นหนาหนักนุ่มนิ้วมือ ถูกผ่านการปิ้งมาใหม่ๆ หอมๆ และนุ่มหนึก         เพียงโรตีอย่างเดียวเท่านั้นถูกเสิร์ฟมาในถาดเงินวาวมีฝาครอบ ซึ่งเมื่อได้รับลงในจาน ก็ โรตีเท่านั้น ที่ถูกมือหยิบจับไปใช้จิ้ม เหน็บ เอาแกงกะหรี่ [หรือมัสมั่น??]  ใส่ถั่วเหลืองเม็ดใหญ่กับมันฝรั่ง มีพริกหยวกหวาน-หอมใหญ่ เข้าปากเคี้ยว  อื้มมม์ นี่แหละรสชาดน้ำเนื้อเพื่อเลี้ยงชีวิต คือ/เป็นความอร่อยระหว่างมื้ออาหารในวงแวดล้อมทีเรียกได้ว่าเป็น ๑ ภารตะแลนด์ ออฟ เจียงใหม่          แกงสีแดงอย่างถ่อมตัว แต่ข้นเข้มและมีรสเผ็ดอ่อนๆประมาณ ลาบแม่ และร้อนเครื่องเทศแผ่วๆ เนื้อโรตีที่นุ่มตลอดทุกคำกลืนออกเค็มๆมันๆ   ทุกวันนี้ กรองคำ ยังจำได้ชัดดีอยู่ว่า อาหารแขก-คือโรตีกับแกงมื้อนั้น แสนอร่อย อร่อยจนลืมข้าวซอยที่เพื่อนชวนล่วงหน้า ๓ อาทิตย์ !!!         และวันนี้น กรองคำ อิ่มระดับตาปรือ          ลมต้นหนาวยามบ่ายพรูผ่านหน้าต่างเข้ามากล่อม จนเผลองีบหลับที่โต๊ะงานของหลานชาย เกือบจะตกเครื่องกลับดอนเมือง ฯ ครับ,ท่านยองฯที่นับถือ   เพียงแต่อยากจะเล่าให้ท่านทราบว่า กรองคำ ก็ไม่ได้ไกลปืนเที่ยงจากเมืองเจียงใหม่ ไปซักต๊ะใดเลย เท่านั้นเอง-นะครับ จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:58:27

ความคิดเห็นที่ 44 คุณกรองคำพูดมาซะน่ากิน อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน แต่ยังไม่เคยไปหากินโรตีแบบที่คุณกรองคำว่ามาเลย *O* จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:04:01

ความคิดเห็นที่ 45 โอ้ว...จขกท.อยู่เชียงใหม่เหมือนกันเหรอครับ แถวไหนเหรอ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:07:00

ความคิดเห็นที่ 46 ท่านยอง แกงกะหรี่ จะไม่มีถั่วใส่ ส่วนแกงดาล จะมีถั่วผสมลงไปด้วย เป็นถั่วแดง หรือถั่วดำ หรือถั่วเขียวผ่าซีก แกงดาราจา จะใส่ใบกาลาปูเร ลงไปมีรสออกเปรี้ยว ใส่เนื้อสัตว์ลงไป ส่วนแกงมัสหมั่น ก็อีกแกงนึง แต่จะใช้ถั่วลิสง แกงกรุหม่า ไม่ใส่ถั่ว แต่เป็นเครื่องแกงล้วนๆแกงกับนม มีเนื้อสัตว์ ทุกแกงเข้มข้น จิ้ม โรตี หรือขนมปังได้ ราดข้าวก็ได้ ดั่งนั้นอาหารไทย ข้อจำกัดเยอะ เลย กินกับข้าว ได้อย่างเดียว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:08:25

ความคิดเห็นที่ 47 อยู่เเถวศาลากลางใหม่ค่ะ ถึงได้เลือกทำสารคดีโรฮิงยาในเชียงใหม่ โชคดีที่มีคนเเชียงใหม่มาตอบ ฮ่าๆ เเล้วคุณยองล่ะคะ จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:08:59

ความคิดเห็นที่ 48 ท่าน จขกท หากินได้ แถวโรงแรมอัลฟารุค ก็ได้ แถวนั้นโรตีอร่อย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:09:44

ความคิดเห็นที่ 49 ไปที่มัสยิดช้างคลานนั้นแหละครับ โรฮิงยาเป็นดะวะอ์หลายคน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:11:15

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณพี่จิมมากนะคะ ถ้าไปเเถวช้างคลาน ตอนนี้คงมีโรฮิงยาอยู่นะคะ ดึกเเล้ว คืนนี้ได้ข้อมูลเยอะแยะเลย ขอบคุณมากนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่า จากคุณ : เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง (เจ้าหญิงในปราสาทน้ำแข็ง) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:13:27

ความคิดเห็นที่ 51 แถวๆสันทราย-แม่โจ้ครับ จขกท. จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:16:31

ความคิดเห็นที่ 52 ๑๐ กระทู้ผ่านมาแล้วพอดี   ก็-อยากจะขอให้ login Jimbovy อย่าใจเร็วด่วนได้ รีบสรุปอะไรตามใจตนคิดไปเองมากนัก            และถ้า มองให้กว้าง ออกไปอีก ๕๐,๐๐๐ ไมล์ทะเลสากลได้เลย ก็ยิ่งดี-นะ กรณีที่มีขึ้นด้วยเหตุการณ์จากในดินแดนต้นทาง อันมีความ เรียวบางและอ่อนลู่ไหวลม เหมือนกับเส้นฝ้ายทอแปดสายเดียว ที่กำลังรุมแย่งกันจะเอาไปเพื่อทำการ ทอทำผืนผ้าตามใจตัวเอง ของแต่ละคน ๆ ในเวลานี้นั้น        โดยไม่ยอมดูให้ดีดีก่อนว่า ฝ้ายใจนี้ม้วนนี้ ถึงมันเป็นเส้นเล็กๆบางๆก็จริง แต่มัน ชุบป่าน ไว้คมกริบ!!          อย่างพร้อมสรรพเพื่อการป้องกันตัวมันเอง จากการที่จะถูกยื้อดึงให้ขาด-และมันเป็นฝ้ายขุบป่านอยู่ตลอดมา อย่างด้วงที่รู้วันที่มันจะบิน-คือรู้มานานมากแล้วด้วย-นะ ดังนั้น...ที่ login Jimbovy กล่าวนำเหตุมาเป็นเชิงสรุป  แต่ สรุป อย่างไร้ฐานการวิเคราะห์ผ่านเหตุเชิงมวล ๓ มาแม้แต่ข้อเดียวเลย-นั้น ที่ว่า มีการ จูฟฟฟบ้า-จูฟฟฟบอ  กอดคอกันแล้ว ระหว่าง ๒ ฝ่าย-นั้นน่ะ         ถ้า - ลบออกจากแกนข้อมูลหลักใดๆนั้นๆเสียก่อนที่รากมันจะกระจาย ถ้ายังพอลบได้ทัน-นะ ความคิดเห็นที่ 40   สรุป ตามที่สัมนา   ใคร-จัด/เป็นตัวกลางของการสัมมนาที่ว่านี้ ? เรื่องที่เอามาเป็นแนวทางสัมมนาเพื่อการสรุปนั้น ตรงกันจริงรึเปล่า ??? องค์กรศาสนาภาค ปชช เค้าจูจุฟเข้าใจตรงกัน ดังนั้นใครจะดันทุรังจะให้เป็นประเด้นศาสนาให้ได้ ผมถือว่าคนนั้น บ่อนทำลายความมั่นคงของคนในชาติ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy)    เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:51:02 องค์กรศาสนาภาค ปชช เค้าจูจุฟเข้าใจตรงกัน  ดังนั้นใครจะดันทุรังจะให้เป็นประเด้นศาสนาให้ได้  ผมถือว่าคนนั้น บ่อนทำลายความมั่นคงของคนในชาติ / จะกลายเป็น เด็กเลี้ยงแกะ-ที่คอยเป่าหูคนอยู่ไกลเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องชาติ  เอาได้ง่ายๆ  หากมีใครสักคน กล่าวแบบพล่อย ๆ ด้วยข้ออความเช่นที่เป็นสีส้มนี้นั้น-นะ ถ้า แกนของปัญหาในพม่าได้จัดการให้ อ่อนลง ได้แล้วบางส่วนจริง            ข้อมูลต่างๆ มีความหนักแน่นที่ยืนยันได้ว่า ใช่/ตรง-มีแนวโน้มว่าจะตรง คือเป็นจริงแค่เสี้ยวที่มีเล่าลือกันอยู่ ตาม/เช่นที่มีแสดงส่วน ๑ ของความไม่แน่นหนักแท้จริงมาในกรอบ-ที่ยกมานั้น         ท่านยองฯ ผู้รู้-ผู้ศึกษา และเป็น ๑ ผู้ที่ใกล้ชิดแหล่งข้อมูลระดับ ไตรภาคี ตัวจริง คือท่านฯอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มชน มวล ๓ มาตั้งแต่ก่อนที่จะมี วันเดินแสดงพลังของพม่าพุทธ/ประชุมกลุ่มแกนนำหลักของพม่าพุทธ ที่วัดกู่เต้า & ที่วัดป่าเป้า-วัดมูลเมืองพม่า..และ ฯลฯ เช่น กลุ่มนศ.พม่าพุทธ ใน มช./ ณ.วัดป่าแดง ท่านยองฯ ย่อมจะ กรองสถานการณ์ได้ และนำเข้ามาบอกเกริ่น/เตือน แก่ชาวห้องศาสนา นานแล้ว - นะครับ login Jimฯ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 02:00:27 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:35:31

ความคิดเห็นที่ 53 พีกรองคำที่เคารพ ถ้าว่าผมสรุปเร็ว ผมถามว่า คห ของพี่สรุปว่าอะไรละครับ รบกวนพี่กรองคำ กูรู แห่งห้องศาสนา ตอบแบบชัดๆสั้นๆ ว่าพี่สรุปว่าอะไรครับ     แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 55 06:50:00 จากคุณ : จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 06:07:25

ความคิดเห็นที่ 54 เจ้ายอดศึกว่าไว้ ถ้าจะคุยกับพม่า ต้องรบให้ชนะอย่างเดียว ในส่วนของ อองซาน ซูจี ก็มีบทบาท แค่ทางสัญญาลักษณ์ทางประชาธิปไตยเฉยๆ เป็นสิ่งที่จะทำให้ ต่างชาติ ยังยอมรับอยู่ เพราะด้านการปกครองแล้ว รัฐบาล ทหาร ก็คงยังไม่ยอม ให้ทำอะไรมาก         ออกทะเล ซะงั้น จากคุณ : ดูกรท่านผู้เจริญ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 15:39:21

ความคิดเห็นที่ 55 ดูกรท่านผู้เจริญ กล่าวถุกต้อง ไม่ออกทะเลหรอกครับ นั้นคือนัยยะ ที่บอกว่า แม้กระทั่งชนกลุ่มน้อย กลุ่มอื่น ก็ไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพม่า ที่ทำอะไร มีแอบแฝงตลอด คงจะเข็ดจาการที่ฉีกสัญญาปางโหลงกระมัง นัดมาเจอ แล้วยิงทิ้งเรียบ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 17:46:21