ความคิดเห็นที่ 1 ผิดสิ ห้องนี้ห้องอะไรรู้ไหม จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:16:32

ความคิดเห็นที่ 2 มีหรือไม่ มันเรื่องของคุณ แค่อย่าไป หมิ่น ความเชื่อความศรัทธาของคนอื่นๆ  ก็พอ จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:29:12

ความคิดเห็นที่ 3 เชื่อว่าตัวเองไม่ผิด แล้วจะมาตั้งกระทู้เพื่อ ? คนที่ไม่มีศาสนาคือไม่มีความ ศรััทธาอะไร นอกจากตัวเอง คิดว่าไม่น่าจะมีคนหลงมาโหวตนะ เสียดายพื้นที่กระทู้ --" จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:31:14

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าคุณเชื่อมั่นในคำเตือนของทุกคน ผมก็ขอเตือนว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่รู้ และประสบการณ์ของคน ๆ หนึ่งต่อให้เป็นประสบการณ์ที่พบเจอมาทั้งชีวิตก็ตาม ไม่เพียงพอที่จะใช้ตัดสินความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของทุกคนได้ บางคนเกิดมาเป็นร้อยปี ก็ยังไม่เข้าใจชีวิต เทคโนโลยีบางอย่างเกิดมาเป็นพันปี ก็ยังแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ ศาสนาแม้จะหลากหลาย บางศาสนาก็ไร้สาระและงมงาย แต่คำสอนทางศาสนาบางอย่าง เป็นภูมิปัญญาที่ประสบการณ์ชีวิตไม่อาจสอนได้ ชีวิตมันมีมากกว่าที่เราเห็น ชีวิตมันมีมากกว่าประสบการณ์ที่เราพบเจอ สักวันหนึ่งทุกคนจะพบว่า สิ่งที่เราเคยรู้มาทั้งหมดนั้นมันช่วยอะไรเราไม่ได้เลย เหลือแต่คำสอนที่เราเคยไม่ให้ความสนใจเพราะยังหลงติดใจในการใช้ชีวิตบนโลกนั่นแหละ และเมื่อนั้นมันก็สายเกินไป แม้โดยมากคำสอนทางศาสนาจะเป็นเรื่องของความเชื่อ เพราะแต่ละเรื่องล้วนพิสูจน์ได้ยาก แต่อันที่จริง สัจธรรมหรือความจริงของชีวิต ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ให้เชื่อ เพราะเราสามารถค้นคว้าและพิสูจน์ให้ประจักษ์ได้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นความจริง เราจึงมีวิธีพิสูจน์ เพราะมันเป็นความจริง จึงไม่ได้จำเป็นต้องเชื่อก่อน ขอแค่ให้ความสนใจและยอมพิสูจน์ดูก่อนเท่านั้น เสียแต่ว่ายังไม่มีเวลาพิสูจน์เพราะยังอยากทำอย่างอื่นในโลกอยู่ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:32:48

ความคิดเห็นที่ 5 ในเมื่อคุณเชื่อว่าคุณไม่ผิด เอ้า ...ว่าไงว่ากัน....ยู อาร์ เดอะ บอส.  อย่าทำผิดกฎหมาย อย่าทำผิดศีลธรรมอันดี ในสังคมที่คุณอยู่  ก็โอเคน่ะ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:32:58

ความคิดเห็นที่ 6 ปัจจุบัน ศาสนาคือสิ่งที่ครอบงำสติปัญญาของมนุษย์ไม่ให้เป็นอิสระ ถ้าเราไม่มีศาสนาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด  แต่จะผิดก็ต่อเมื่อเราทำสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายไม่ว่าจะแก่คนอื่นหรือตนเองก็ตาม ลองอ่านหนังสือ "ไม่มีศาสนา" จากเว็บนี้ดู http://www.whatami.net/ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:38:06

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าทำตัวดี  เราว่าไม่ผิด เพราะคนที่มีศาสนา แต่ทำตัวเลว เราว่าอันนี้ผิดกว่า จากคุณ : ^^Serendipity_pp^^ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:38:48

ความคิดเห็นที่ 8 ผมก็เป็นคนนึงที่เชือใประสบการณ์ตัวเองครับ ไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะเห็นที่มาที่ไปและความเกี่ยวเนื่องกับองค์รวม จขกท อยากมีประสบการณืเพิ่มมั้ยหล่ะครับ แนะนำว่า ก็ลองหยิบมาศึกษาซักศาสนานึง หรืออย่างละนิกดละหน่อยก็ได้ แล้วก็ลองใช้สติปัญญาตัดสินเอาเองว่า ใช่หรือ ไม่ใช่ บางทีคุณอาจจะเจออะไรที่มัน ใช่ ที่คุณไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็ได้ จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:41:43

ความคิดเห็นที่ 9 ปัจจุบัน ศาสนาคือสิ่งที่ครอบงำสติปัญญาของมนุษย์ไม่ให้เป็นอิสระ คห / 6 ผมว่า ศาสนา ไม่ได้ครอบงำ นะครับ แต่ ที่เรา เป็นกันอยู่ในปัจจุบัน เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วครับ  เหมือนคุณเจ้าของกระทู้  เมื่อเริ่มสงสัยตัวเอง ว่าตกลง ฉันไม่นับถือศาสนาอะไร ก็ ไม่แปลกครับ เพราะว่า ในสังคมปัจจุบัน ถูกครอบงำ โดยความเชื่อในสิ่งที่เป็น ตรรก เป็นรูปธรรม  สิ่งที่เป็นนามธรรม คือศาสนา จึงถูกมองว่าเป็นการ ครอบงำไป  ถ้าถามว่า  แล้วศาสนา ดีอย่างไร คุณ ก็ลองมอง คนรอบ ๆ ข้างคุณครับ หรือ คุณพ่อ คุณแม่คุณ นะครับ ไม่ได้ลบหลู่ แต่อยากจะให้เห็นตัวอย่างชัด ๆ     ทีนี้ คุณ มองไปทางด้านตะวันออก พวกฝรั่งสิครับ พ่อ - แม่ ของเมืองนอกเป็นอย่างไร คุณจะเห็นว่า มีการ เลี้ยงดูอบรม และใส่ใจดูแล ลูก ของตัวเองแตกต่างกับคนไทย คนฝรั่ง ถึงชอบ เมืองไทย เพราะ มีการใส่ใจดูแล ห่วงใยเอื้อ อาทร กัน ซึ่ง ต่างประเทศ มีน้อย  สิ่งเหล่านี้ มันถูกปลูกฝั่งให้อยุ่ในวัฒนธรรม โดยศาสนาเป็นผู้ชี้นำมานานแล้ว สอนคนไทยมานานแล้วครับไม่ใช่เพิ่งมี ถ้าดูจากประวัติศาสตร์  ก็ตั้งแต่สมัยอยุธยา สุโขทัย โน้น      ดังนั้น สำหรับ ผมคนที่ไม่นับถือศาสนา ไม่ผิดครับ  เพียงแต่ว่า เมื่อถึงเวลา ที่คุณเข้าใจว่าศาสนา คืออะไร ตอนนั้น คุณจะเสียใจ เพราะสายเกินไปซะแล้วครับ      มีตัวอย่างง่าย ๆ อย่างหนึ่ง ที่เจอบ่อย คือคำว่า คติ ก่อนจะตาย   ถ้าคุณนอน ป่วยอยู่บนเตียง ไม่มีใครมาเยี่ยม คุณจะรู้ว่า ศาสนา คืออะไรทันที เพราะ ถึงตอนนั้น จะช่วยคุณได้จริงๆ  ไม่เชื่อไปที่วัดพระบาทน้ำพุ  ดูครับ   ก่อนจะสายเกินไป กับ ความสงสัย ของตัวคุณ จากคุณ : แฟนพันธุ์ทาง (อาจารย์ไข่) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:50:58

ความคิดเห็นที่ 10 "ปัจจุบัน ศาสนาคือสิ่งที่ครอบงำสติปัญญาของมนุษย์ไม่ให้เป็นอิสระ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?)  " ------------------------------- แล้วจะบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาทำพรั่นพรื๊อ? ส่วนคุณ PolDD   การที่คุณบอกว่าคุณไม่มีศาสนานั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนานะ)  ความผิดของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในคติทางพระพุทธศาสนา  ก็คือการทำความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง และผู้อื่นเท่านั้น   แม้ว่าคุณจะไม่นับถือพระพุทธเจ้าเลย (ไม่ได้หมายไปถึงการลบหลู่ดูหมิ่น)  แต่ถ้าคุณเป็นคนดี มีความประพฤติดีแล้ว คุณก็เป็นคนดีในแนวทางที่พระพุทธศาสนามุ่งหวัง เพราะในความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา ไม่ได้อยู่ที่ทุกคนต้องมานับถือพระพุทธศาสนา  แต่อยู่ที่ "การเกิดประโยชน์และความสุข ทั้งแก่ตนเอง และผู้อื่น" แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 20:04:15 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 19:59:27 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:58:59

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบความคิดเห็นที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ ส่วน ความคิดเห็นที่3 ผมตั้งกระทู้เพื่อถามคนอื่นนะ และใช้ในส่วนที่ผมนับถือตัวเอง และผมนับถือตัวเองมากๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ได้หลงตัวเอง ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีอะไรเลิศเลอ คำว่านับถือตัวเอง ของผมคือ ผมไม่เคยดูถูกตัวเอง จากคุณ : PolDD เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:02:07

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 6     ปัจจุบัน ศาสนาคือสิ่งที่ครอบงำสติปัญญาของมนุษย์ไม่ให้เป็นอิสระ ถ้าเราไม่มีศาสนาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด  แต่จะผิดก็ต่อเมื่อเราทำสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายไม่ว่าจะแก่คนอื่นหรือตนเองก็ตาม ลองอ่านหนังสือ "ไม่มีศาสนา" จากเว็บนี้ดู http://www.whatami.net/ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?)   เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 19:38:06     ตกลงเขาเป็นใคร จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:09:24

ความคิดเห็นที่ 13 อืมม ไม่รู้จะโหวตข้อไหนดี จะว่าผิด ก็ไม่ผิด จะว่าไม่ผิด ก็ไม่เชิง ถ้าไม่ผิด ก็คือถึงแม้ไม่นับถือศาสนา แต่ถ้าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็ไม่ผิด ส่วนถ้าว่าผิด ก็คือผิดต่อตัวเอง ที่ทิ้งโอกาสอันล้ำค่าไป โดยไม่ศึกษาให้ดีก่อน จากคุณ : ExtraVIP เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:12:35

ความคิดเห็นที่ 14 ตามที่คุณพูดถึง สิ่งที่เกลาคุณนั้น ก็คือสิ่งที่คุณยึดถือปฏิบัติ ก็ไม่ต่างจากศาสนาของคนอื่น เพียงแต่ศาสนาแต่ละศาสนาที่คงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ได้ผ่านการทดสอบตามกาลเวลาแล้วว่า เป็นสัจธรรม ถ้ามิเช่นนั้น ก็คงสูญหายไปกับกาลเวลาแล้ว แต่หลักการที่คุณยอมรับและใช้ขัดเกลาคุณนั้น ทนทานแก่การพิสูจน์แค่ไหน และในยามคับขัน คุณจะยึดถือหลักการของคุณไว้ หรือทิ้งหลักการเอาชีวิตรอด ถ้าคุณรักษาหลักการ คุณเสียชีวิต หลักการคุณก็หายสาบสูญไป คุณเสียชีวิตเพื่อรักษาสิ่งที่ไม่มีค่า ถ้าคุณทิ้งหลักการเพื่อรักษาชีวิต หลักการของคุณก็ยิ่งไม่มีค่า เพราะคุณเองยังเห็นว่ามันไม่มีค่าอะไรให้ยึดถือ ถ้าคุณจะเลือกไม่มีศาสนา ก็เลือกไม่ยึดถือหลักการเสียด้วยเลยดีกว่า เพราะคุณรักษาหลักการนั้นไม่ได้นาน ศาสนาช่วยให้คุณแสวงหาความดี คงความดี และปกป้องความดี คุณอาจจะไม่อยากจะมีชีวิตเกี่ยวพันกับความดีเป็นการถาวรก็ได้นะครับ ถึงเลือกไม่มีศาสนา จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:41:09

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องถามก่อนกระมังครับว่า "มีศาสนาเพื่ออะไร?" เพราะหลักๆ ของการนับถือศาสนา คือ "ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ" อาจมีกรอบ การปฏิบัติตัว กินอยู่ หลับนอน เพิ่มขึ้นในบางศาสนา แต่หลักๆ คือ เดินตามในสิ่งที่ คนโบราณโดนน้ำร้อนลวกมาก่อน โดนน้ำร้อนลวกเอง กับ เรียนรู้จากคนที่โดนลวกก่อน บอกเล่า ความปรุงแต่งในประสบการณ์ย่อมต่างกัน ย่อมส่งผลต่อวิถีการเติมโต คนโบราณเขาก็แบ่งเป็น 2 สายหลักๆ เชื่อ และเคารพผู้สร้างจักรภพ และชีวิตมีชาตินี้ชาติเดียว ไม่เชื่อว่า จักรภพทั้งหมด ถูกใครผู้หนึ่งผู้ใดสร้างแน่นอน ชาตินี้เป็นชาติที่ xxx ล้าน ข้อเสียของทุกศาสนา คือ นิยมความดีมากไป (แม้บางศาสนาจะชู "สายกลาง"เป็นสายเอก) เมื่อถึงสถานการณ์ต้องเจอคนเลวกว่า ความยั้งคิดที่ถูกพร่ำสอนมา ทำให้เสียเปรียบทุกประตู การไม่มีศาสนาย่อม ไม่เสียเปรียบใครแน่นอน เว้นแต่ยอมเสียเปรียบเพื่อเกมการต่อรองในสังคม ซึ่งเกมประเภทนี้ มีมานานกว่า 2500 ปีตั้งแต่สมัยพุทธกาลครับ แก่งแย่ง ,ชิงไหวชิงพริบ ,แพ้ ,ชนะ ,เสมอ ,ได้XXXมาครอง ,สูญเสีย ,ผิดหวัง ล้วนเป็นสภาวะที่ถูกคนโบราณศึกษา ไว้แล้วทั้งนั้น การไม่มีศาสนาในยุคนี้ ก็คือ การพยายามทำตัวอินดี้ นอกกระแส จากความมีทิฐฐิ มานะ มั่นใจในตัวเองสุดโต่ง เท่าที่รู้จักเพื่อนที่ไม่มีศาสนา มีทั้งแบบ "ก็ศาสนาไม่ได้เคยช่วยอะไรข้า" ทั้งแบบ "ข้าเก่งที่สุด แน่นอนที่สุด" พอคิดแบบด้านบน ก็เป็นที่มาของความคิด ยกตัวเหนือกว่าศาสนา เช่น "พวกนับถือตามคนโบราณ นั้นงมงาย" จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 20:45:31

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ผิด แต่ก็.... ไม่ถูก ศาสนาเป็นเครื่องแบ่งแยกระหว่างมนุษย์ออกจากสัตว์ ศาสนาใหญ่ๆ มักสอนให้คนมีเมตตา ไม่เบียดเบียนทำร้ายกันและยกย่องการทำสิ่งที่ดีงาม มีอุบายที่ช่วยยกจิตให้สูงขึ้น มีคุณธรรม จริยธรรมมากขึ้นกว่าคนทั่วไป ซึ่งสัตว์ไม่เข้าใจและไม่สามารถทำตามได้ สัตว์มักทำตามใจตนเอง ไม่สนใจสิ่งใดๆรอบตัว ไม่รุ้จัก คุณ-โทษ  ดี-ชั่ว สนใจแค่ตัวเอง แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 21:18:55 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 55 21:10:19 จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:01:43

ความคิดเห็นที่ 17 เอาจริงๆ ผมเคารพสัตว์ในด้านสิทธิเหมือนกับมนุษย์นะ แต่ผมอาจไม่ได้ให้ความสำคัญทางด้านฐานะของสัตว์ไม่เท่ามนุษย์ ผมไม่ได้ให้ความสำคุญกับการแบ่งแยกสัตว์กับมนุษย์หรอก ถ้าใครมองผมว่าเป็นสัตว์ผมก็ไม่สนใจเพราะผมเชื่อว่าคนก็เป็นสัตว์ ไม่ได้แต่งกับสิ่งมีชีวิตสปีชี่อื่น แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรโดยไม่สนใจคนอื่นนะ ผมก็พยายามจะเป็นคนที่ดี เพื่อนให้สังคมเราดี เหมือนกัน จากคุณ : PolDD เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:16:52

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่เชื่อ จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:23:32

ความคิดเห็นที่ 19 เอ้าผมก็ดันตั้งกระทู้คล้ายๆแบบนี้ ผมคนนึงที่ไม่เชื่อศาสนาใดเลย แต่ผมจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเพราะผม ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม อันนี้ผมถือมาก และจะไม่ก้าวก่ายความเชื่อของใคร จากคุณ : น้ำหนึ่งใจเด็ด เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:32:48

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ผิดครับ แต่เสียโอกาสในการเห็นความจริงแท้ของธรรมชาติ ที่น้อยคนนักจะได้มีโอกาสจะรู้จัก จากคุณ : ดุลยภาพ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:32:55

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมความคิดเห็นที่ 18 ถึงไม่เชื่อผมละ จากคุณ : PolDD เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:48:44

ความคิดเห็นที่ 22 คนไม่มีศาสนามีอยู่มากมายบนโลก ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในหลาย ๆ ประเทศ แต่ก็มีบ้างที่อาจถูกมองว่าแปลกแยก แหวกเหล่ากอไปจากคนหมู่มาก ทั้งที่จริง ๆ แล้วการจะยึดถือเอาคำสอนของหลาย ๆ ศาสนา หรือ ผู้เป็นปราชญ์ทั้งหลายบนโลกมาใช้ในการดำเนินชีวิต ก็สามารถปฎิบัติดีปฎิบัติชอบได้ไม่แพ้คนที่ถูกตีตราว่าเป็น ชาวพุทธ ชาวคริสต์ ชาว...นั่น ชาวนี่ ที่ไม่ได้เลือกนับถือศาสนาของตัวเองด้วยตัวเองมีศรัทธาแต่เริ่มต้นจริง ๆ ชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย มักกรอกข้อมูลทะเบียนราษฎร์ให้แก่บุตรที่ให้กำเนิด นับถือศาสนาเดียวกับตนเอง บางศาสนาให้เปลี่ยนได้ภายหลังแต่บางศาสนาก็เปลี่ยนไม่ได้ การที่เด็กไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถอารธนาศีล 5 หรือ 8 ได้ทุกข้อ ไม่รู้ว่าศึล 5 ข้อมีอะไรบ้าง ไม่รู้ความหมายของ "พระรัตนตรัย" และอื่น ๆ อีกมากมาย  แม้โตขึ้นจนล่วงเข้าสู่วัยทำงาน ก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจ กับเรื่องศาสนาพุทธ เพราะไม่เห็นความสำคัญว่าใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างไร เพราะเห็นเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งที่พ่อแม่ระบุไว้ในใบเกิดว่านับถือพุทธ นั่นก็คงไม่แตกต่างอะไรกับการไม่มีศาสนา เพราะคน ๆ นั้น ไม่เคยรับรู้เรื่องราว ไม่เข้าใจบริบท ไม่รู้ถึงแก่นธรรมใด ๆ เลย  สู้คนที่เลือกนับถือ เลือกนำหลักคำสอนดี ๆ ของแต่ละศาสดามาปฎิบัติก็ยังไม่ได้ สู้ไม่ได้ในที่นี้คือ ไม่ได้ใช้สิทธิที่จะเลือกศรัทธาและนับถือด้วยตัวเองเลย ได้แต่อ้างว่าตัวเองเป็นชาวพุทธต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทำบุญที่นี่ ทำพิธีอย่างนี้ ฯลฯ ไปยึดติดที่พิธีกรรม ซึ่งเป็นเพียงเปลือก แล้วมาอวดอ้างว่ารู้ดีก็มีถมเถไป.... เมื่อถึงเวลาที่จขกท.ได้เลือก ได้ศึกษาดีแล้ว อาจกล่าวในภายหลังได้เองว่า มีศรัทธาในศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็ได้ อันนี้ก็สุดแล้วแต่ตัวจขกท. หากทำดีได้ในทุก ๆ วันของชีวิต ชีวิตเป็นปกติสุขดีอยู่แล้ว ไม่รู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อน ไม่กระวนกระวายหาหนทางดับทุกข์ ไม่เห็นความจำเป็นต้องยึดเหนี่ยวหลักศาสนาใดเป็นหลักประคองชีวิต  นั่นก็คือหนทางที่จขกท.เลือกแล้ว ไม่ผิด ไม่บาป ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเป็นใช้ได้ ^ ^ จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 21:49:54

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ผิด  UP TO YOU จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 22:20:47

ความคิดเห็นที่ 24 เกือบ 86% แล้ว แหม...คำตอบรู้ๆอยู่น่ะ จขกท ไม่ผิดหรอก เรื่องของใครก็ของใคร จากคุณ : เล็กแห้งตับสด เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 55 23:31:13

ความคิดเห็นที่ 25 ถาม นิดหนึ่งนะครับ ตอนคุณจะสิ้นลม คุณจะนึกถึงอะไรแนวทางที่จะนำทางคุณ ไปครับ อาศัยประสบการณ์ ได้หรือเปล่าครับ หรือจะเชื่อคำคนที่คุณรุ้จักได้มั้ย ถามแค่นี้ก่อนละกันครับ ตอบให้ได้ก่อนนะครับ อิอิ จากคุณ : แบ่งปั่นรอยยิ้ม (สูงหรือต่ำใช่เงินทองแต่สูงต่ำม) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 00:08:48

ความคิดเห็นที่ 26 ตราบเท่าที่การแสดงออกทางกายและวาจาของจขกท.ไม่ก่อให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือความเสียหายใดๆแก่ตนเองและผู้อื่นแล้วการไม่มีศาสนาของจขกท.ไม่ผิด แต่การที่จขกท.เกิดและเติบโตขึ้นในสังคมหนึ่งๆซึ่งประกอบไปด้วย ทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ ซึ่งจะมากน้อยสิ่งแวดล้อมทางสังคมเหล่านี้ก็ได้รับเอาแนวคิดในทางศาสนาเข้าไปบ้าง จขกท.มั่นใจหรือครับว่าตนเองไม่มีศาสนาทั้งที่ใช้ชีวิตและเติบโตในสิ่งแวดล้อมทางสังคมนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าจขกท.ได้รับพื้นฐานแนวคิดจากศาสนาเข้าไปใช้ในการดำเนินชีวิตแล้วบางส่วน แต่จขกท.ไม่ได้ใส่ใจหรือไม่ได้รับทราบว่ากำลังดำเนินชีวิตอยู่ตามแนวทางของศาสนา จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 02:12:09

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ผิด ไม่เสียหายอะไร ดำเนินชีวิตไปตามปกติ ถึงเวลาแล้วก็ตายจากไป ก็เท่านั้นเอง no more, no less จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 04:54:03

ความคิดเห็นที่ 28 ผมอยากแชร์อะไรบางอย่างให้คนไร้ศาสนาหลายๆท่านทราบว่า ศาสนาที่คุณพูดถึง ซึ่งถูกเรียกชื่อต่างๆเช่น  อิสลาม คริสต์ พุทธ ฮินดู ซิกซ์ ฯลฯ ล้วนเป็น Nickname ที่ถูกตั้งชื่อโดยมนุษย์ ล้วนเป็นสิ่งสมมติที่เราทุกคนบนโลกเลือกที่จะเรียกว่าอะไรก็ตามที  หลายคนบนโลก(ซึ่งผมคิดว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่) เกิดมาปุ๊บก็นับถือศาสนาตามบุพการี บรรพบุรุษ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เรียกได้ว่านับถือศาสนาตามทะเบียนบ้านเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำหลังจากได้รับมอบการนับถือศาสนาตามทะเบียนบ้านมาให้แบบไม่ทันตั้งตัวก็มักปล่อยให้ความคิดคนรอบข้าง รวมทั้งของตัวเองเป็นใหญ่ นับถือกันต่อไปโดยไม่เคยนึกตรอง พิจารณา ทดสอบ ปฏิบัติตามหลักที่แต่ละศาสนามอบไว้ให้ จนออกนอกลู่ นอกทาง ไปกันใหญ่ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป แต่ทุกคนบนโลกนั้นล้วนอยู่ภายใต้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกันคือ "กฎแห่งความจริง" หรือ "กฎแห่งธรรมชาติ" ถึงแม้ใครจะบอกว่าไม่มีศาสนา แต่กฎของธรรมชาติไม่มีทางละเว้นที่จะมอบกฎแห่งความจริงนี้แก่ท่าน  ผมเชื่อว่า คนเราไม่ว่าปากจะบอกว่านับถือศาสนาใด หรือไร้ศาสนาใดก็ตาม ล้วนมีการกระทำต่างๆ (ทั้งดี, ชั่ว, ไม่ดีไม่ชั่ว)ปะปนกันไปตลอดชีวิต ไม่มีเว้นสักคนเดียว นั่นคือ ท่านได้ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งธรรมชาตินี้โดยไม่รู้ตัวแล้ว และที่สำคัญหลายศาสนา(สิ่งสมมติ)ที่แต่ละคนๆเรียกกัน มันมีทั้งผิดและถูก  ซึ่งสิ่งที่ถูกต้องนั่นต่างเชื่อมโยงเข้ากับกฎของความจริง ลงแนบสนิท  และมีผู้ค้นพบความจริงนี้แล้วจำนวนมากมาย ดังนั้นแล้ว คนที่บอกว่าตนไม่มีศาสนา แต่ประพฤติตนอยู่ในความดีงาม ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน (รวมทั้งไม่ทำให้ตนเองเดือนร้อน)นั่นคือท่านประพฤติตนอยู่ในกรอบของกฎของธรรมชาติ ที่ดีงาม สมควรแก่การเป็นผู้ได้สิ่งดีงามตามธรรมชาติแล้ว โดยไม่ต้องยึดติดคำเรียกสมมติว่าเป็นศาสนาใดเลย  ในทางกลับกัน ท่านผู้กล่าวว่าตนนับถือศาสนานั้น ศาสนานี้ อย่างดีแท้ ตรงตามหลักทุกประการ แต่ประพฤติตนด้วยการเบียดเบียนผู้อื่นไม่ว่าทางใดก็ตาม(รวมทั้งเบียดเบียนตนเอง) นั่นย่อมหมายถึงท่านไม่ได้นับถือศาสนาตามที่ปากพูดเลย แต่เป็นการท้าทาย"กฏแห่งความจริง" หรือ "กฎแห่งธรรมชาติ" ให้ตามคิดบัญชีสะท้อนคืนการกระทำเลวร้ายกลับไปแบบไม่ต้องลังเลสงสัยเลย ขอให้"กฎแห่งความจริง"..."กฎแห่งธรรมชาติ" คุ้มครองรักษาทุกๆท่านที่มีจิตใจดีงามครับ จากคุณ : Silencemind เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 09:29:14

ความคิดเห็นที่ 29 คนมีศาสนายังทำสงครามเลย แล้วจะเหนือกว่าสัตว์เยี่ยงไร จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:43:57

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 25 เราไม่เคยกลัวความตายแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่เรากลัวคือคนที่ต้องเสียใจตอนเราตาย สำหรับเราก่อนตายเราคิดถึงอะไรหรอ เราไม่มีนะเราคิดว่าการตายก็คือการหลับไปแล้วไม่ตื่นไม่ฝัน ก็คือเราไม่ได้คิดอะไรเหมือนตอนหลับ เพราะเรไาม่เชื่อในชาติหน้า นรก สวรรค์ หรืออะไร จากคุณ : PolDD เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 14:52:48

ความคิดเห็นที่ 31 #29 สัตว์น้อยชนิดนักที่ฆ่ากันเอง สัตว์เหล่านั้นยังเหนือกว่ามนุษย์ที่ฆ่ากันเองด้วยซ้ำ มนุษย์ที่ไม่รู้ ผิดชอบชั่วดี ฆ่ากันเอง ไม่ใช่ผู้มีศาสนาในใจหรอก มีแต่ในปากเท่านั้น จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 16:18:32

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ผิด แต่ ...... ============== ขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัวนะคะ ตอนที่ดิฉันเด็กอายุราว 12 13 ปี มีพระต้องการนักเรียนอาสาไปช่วยงานที่วัด ความที่ไม่รู้เรื่อง ตั้งใจไปกวาดใบไม้ พอทำเสร็จ เขาให้ช่วยถวายของ แต่ประเคนไม่เป็น โดนพระดุ แรงมาก อายเด็กนักเรียนอีกโรงเรียนมาก ตอนนั้นโกรธพระมาก บอกว่า ไม่มีศาสนาดีกว่า ลาออกจากศาสนา จะได้ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับพระทั้งหมด ตอนนั้นคิดประสาเด็ก ก็ไม่มีศาสนาไม่ยอมสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อนสวดมนต์ก็ยืนเฉย บอกครูว่าไม่มีศาสนา อีกไม่ถึงสิบปีปี พอเริ่มโตขึ้นมา เรียนระดับปริญญาตรี จนถึงเวลาใกล้จบ ตามกระแสของโลกของสังคม ต้องคิดหางานทำ เพื่อนๆบางคนมีคู่ ขยับขยายหางานทำ หาทางเรียนต่อให้สูงขึ้นบ้าง ดิฉันก็เกิดคิดขึ้นมาว่าชีวิตมีแค่นี้เองหรือ   ก็เกิดคำถาม ถามตนเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับไปศึกษาศาสนา แล้วในที่สุดก็กลับมาเป็นชาวพุทธค่ะ จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 02:05:58

ความคิดเห็นที่ 33 อย่างแรกเราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า เราไม่ได้เก่งที่สุดในโลก และความติดและการตัดสินใจของเราก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ไม่ได้ perfect ดังนั้นการมีคำสอนที่ดีเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการวางตัว ในการดำรงชีวิต ในการตัดสินใจ สิ่งถูก สิ่งผิด จึงจำเป็น ดังนั้น ศาสนาจึงจำเป็น ที่เาคิดว่าไม่มีศาสนา และหรือไม่อยากมีศาสนา เพราะ เรายังไม่ค้นพบตัวเอง ยังหาตัวเองไม่เจอต่างหาก จากคุณ : เมฆน้อยคอยดาว เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 10:32:46