เพื่อแย้งกับเหตุผลว่าพระไตรปิฎกนั้นผิดเพี้ยน
จากการกล่าวของคุณพักผ่อน
ที่หาความชอบธรรมให้กับการเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกายของอาจารย์ตน
จนยอมกระทำเพื่อลดความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก
ข้อความด้านล่างมีเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระอรหันต์ทั้งปวง
ร่วมรักษาสิ่งสำคัญยิ่งยวดด้วยวิธีอย่างไร
และสะท้อนให้เห็นว่าวิชชาธรรมกายทำร้ายพระธรรมอย่างไร
เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตน
วิธีการอันชาญฉลาดของพระพุทธเจ้าและเหล่าอนุพุทธเจ้าทั้งหลาย
ทั้งก่อนและเมื่อครั้งปฐมสังคยานา
ในการรักษาพระไตรปิฎกและเนื้อหาสำคัญที่นำสู่อริยมรรค
มีด้วยวิธีการเหล่านี้
หนึ่ง เทศนาเรื่องสำคัญนี้หลายๆครั้ง หลายๆสถานที่ หลายๆสูตร อย่างตั้งใจ
ได้แก่ เรื่องอริยสัจสี่ มีหลายร้อยพระสูตร
เรื่องปฏิจจสมุปบาท มีหลายร้อยพระสูตร
เรื่องไตรลักษณ์ของเบญจขันธ์ มีหลายร้อยพระสูตร
ประโยชน์ ทำให้เรื่องที่สำคัญยิ่งยวดต่อเวไนยสัตว์นี้ไม่สูญหาย
หากตกหล่นก็ยังเหลือเพียงพอต่อการศึกษา
แล้วผลก็ประจักษ์ว่าสูตรต่างๆเหลือมาให้เราจนเกินพอในปัจจุบัน
สอง ในการเทศนาในเรื่องหนึ่งๆ จะแสดงด้วยประโยคซำ้ๆ ในข้อความเดิมๆ
เพื่อเป็นการเน้นยำ้ความเข้าใจ
เพื่อเป็นการซำ้ให้สะดวกในการท่อง และจดจำง่าย
ใครเคยท่องอาขยาน หรือร้องเพลงจะซาบซึ้งวิธีการนี้ดี
ว่ามีประสิทธิภาพในการจะระยะยาวอย่างไร
เพื่อเป็นการตรวจสอบกันเองระหว่างประโยค ต่อประโยค (cross check)
เพราะเมื่อใช้ประโยคซำ้กัน หากเกิดความผิดเพี้ยนใดๆ จะถูกตรวจพบทันที
และพบได้ง่ายด้วย แล้วยังแก้ไขได้สะดวกอีกต่างหาก
สาม ไม่ใช้วิธีการบันทึกเมื่อเทคโนโลยี่ยังไม่มีประสิทธิภาพดีพอ
แต่ใช้การท่องที่มีประสิทธิภาพสูงและน่าเชื่อถือมากกว่าในห้วงเวลานั้น
การท่องเรื่องเดียวโดยคนๆเดียว จะขาดความน่าเชื่อถือ
แต่เมื่อเรื่องที่ท่อง ถูกตั้งเรื่องขึ้นจากกลุ่มคณะ
แล้วท่องพร้อมๆกันจนขึ้นใจ เป็นคนละเรื่องเลย
เพราะคนท่องอย่างตั้งใจให้เป็นเครื่องบันทึกเสียง
การท่องทำกันเป็นหลายกลุ่ม เมื่อกระจายไป
เท่ากับช่วยกันเก็บข้อมูล เมื่อย้อนกลับมาซักซ้อม
เท่ากับเป็นการเปิดเครื่องบันทึกเสียงพร้อมกัน
ท่องคนละคีย์ยังจับผิดได้เลย นับประสาอะไรกับข้อความซำ้ๆ
ส่วนว่าทำไมจึงไม่ทำการบันทึกเป็นอักษร
ทั้งที่มีการใช้อักษรบันทึกแล้วในขณะนั้น
(มีต่อ)