ความคิดเห็นที่ 1 หนูไม่รู้ จากคุณ : . (Clorets) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 06:54:53

ความคิดเห็นที่ 2 กิเลสเจอคนขาว ผมยาว หมวยนิดๆ หุ่นดี ขาเรียว จากคุณ : KPBoong เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 07:10:22

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นผิด จากคุณ : moomanow2 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 07:50:20

ความคิดเห็นที่ 4 มีอำนาจ อาจทำให้หน้ามือตามัว ทำอะไรก็ไม่ไม่เกรงกลัว.... เหมือนนิสัยคน ถ้่ามีเงิน หรืออำนาจ นิสัยจะเปลี่ยนไป .... จากคุณ : sivaree เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 09:04:44

ความคิดเห็นที่ 5 น่าจะถามว่า ความโลภ,ความโกรธ และ ความหลง อะไร ทำให้เกิดทุกข์ แก่ตัวเรามากกว่ากัน จากคุณ : Terawat เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 09:24:45

ความคิดเห็นที่ 6 อยากได้บุญ ก็น่ากลัวไม่น้อย จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:41:52

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับผม -------------------------- 1. เงิน, ทอง 2. ยศตำแหน่ง, อำนาจ 3. บ้าน, รถ, ที่ดิน, สิ่งหรูหรา/ใหญ่โตหลังการ ------------------------- ที่กล่าวนั้นไม่น่ากลัวสำหรับผมครับ.   สำหรับผม ที่น่ากลัวคือ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ปรากฏบังเกิดขึ้นแล้ว จึงทำให้ติดอยู่ จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:55:32

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับผมคือ การเห็นผิด พอเห็นผิดก็เลยพากันผิดหมด เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ขอเสริมอีกนิด จะว่าไป กิเลสมันไม่ได้อยู่ที่สิ่งของ มันเป็นผลผลิต จากกิเลสมากกว่า เหมือนมันบอกว่า สิ่งนี้ๆดี มีแล้วเป็นสุขนะ แต่กิเลสมันเกิดจากใจทั้งสิ้น พอเห็นผิดเป็นชอบคราวนี้ล่ะ นั่งสมาธิผิด ก็เพิ่มกิเลสได้ แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 11:08:15 จากคุณ : กระท่อมผักหวาน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 11:02:58

ความคิดเห็นที่ 9 ความ ไม่รู้ น่ากลัวที่สุด จากคุณ : แฟนพันธุ์ทาง (อาจารย์ไข่) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 11:39:43

ความคิดเห็นที่ 10 1. ความอยากได้ 2. กลัวเสียสิ่งที่มีอยู่ จากคุณ : ประดู่หลังบ้าน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 12:22:29

ความคิดเห็นที่ 11 โมหะ เพราะ ทำให้ หลงโลภ หลงโกรธ ไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวผลของการกระทำ ไม่รู้อารมณ์ตามความเป็นจริง รู้แต่อารมณ์บัญญัติ หดหู่ ท้อแท้ ง่วง เหงา และ ฟุ้งซ่าน ทั้งหมดคือ โมหะจิต จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 14:43:22

ความคิดเห็นที่ 12 โหวตไปแล้วค่ะ แต่กิเลสที่ตัวเองคิดว่ามันยากมากที่จะข้ามผ่านได้ คือ ตัวโมหะค่ะ เหมือนกับบางท่านก่อนหน้านี้ จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 15:33:55

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้า หมายเอาว่า กิเลส คือ สิ่งที่เป็น อาการของจิตแล้วหละก็ ผมว่า ไม่น่ากลัวเท่า "ขาด สติ ปัญญา" ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 15:42:19

ความคิดเห็นที่ 14 โมหะแก้ยากที่สุด จากคุณ : Rattanapreug เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:08:48

ความคิดเห็นที่ 15 ทิฐิ จากคุณ : ข้าวต้มหมูใส่กุ้งแห้ง เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:27:49

ความคิดเห็นที่ 16 ผมอยากให้ท่านเจ้าของกระทู้ ทบทวนดูอีกสักนิดดีไหมครับ ว่า  ตั้งคำถามผิดไปหรือเปล่า  ...ความกลัวคือโมหะ กิเลสที่น่ากลัวที่สุด ก็คือความกลัว   เพราะไม่รู้จึงกลัว  ถ้ารู้แล้ว  ว่ามันก็ธรรมดา ๆ ของมันอย่างนั้นเอง  ก็ไม่เห็นว่า จะมีอะไร น่ากลัว... ทั้งสามหัวข้อ เป็นโลกธรรม เป็นวัตถุสิ่งของ เป็นปัจจัย 4+1 ไม่ใช่กิเลส เอาไปเทียบเปรียบกับกิเลสไม่ได้  เพราะกิเลสใครก็กิเลสมัน กิเลสเกิดขึ้นกับใคร กิเลส ก็เป็นของคนนั้น  มอบถ่ายเทให้กันไม่ได้ ถ้าบังเอิญว่า กิเลสมอบถ่ายเทให้กันได้ กิเลสเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ  เอาไปมอบให้ใคร จะมีใครรับไว้หรือครับ... ผมคิดว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจแก่ผู้ถวาย เขาถวายเพราะอยากได้บุญ  ถ้าเขาเจตนาดีในการถวาย เขาก็ได้บุญ แต่เรื่องกิเลสนี้ เป็นเรื่องของพระ เพราะถ้าเกิดยินดีเกินสมณะสารูป  ก็เกิดกิเลสก็เป็นโทษแก่พระเอง พระที่ไม่ยินดี แต่รับไว้ แล้วใช้เป็นปัจจัยบำรุงพระศาสนา ก็มี   ยศตำแหน่ง(พัดราคาเป็นแสน)พระท่านไม่ยินดี ไม่รับไว้เลย ก็มี  (ต้องลองถามท่าน ว.เองนะครับว่าทำไม ท่านจึงไม่รับ) แล้วถ้าไม่มีพระท่านใด ไม่รับตำแหน่งเป็นอุปัชฌาย์ แล้วจะมีใครบวชให้คนเป็นพระรุ่นต่อ ๆ ไปหรือครับ   พระแปลว่า ผู้ประเสริฐ  ถ้าพระเป็นพระ  พระท่านย่อมต้องพิจารณา ว่าอะไรควรหรือไม่ควรแก่พระท่าน  หรือพระศาศนา แค่ไหน ได้เองแหละครับ... จากคุณ : นิ่งหนอ (นิ่งหนอ) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 16:38:46

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเลือกข้อ 2 เพราะถ้ามีข้อ2 ข้อเดียว ก็สามารกินรวบ ได้ทั้งหมดครับ จากคุณ : พี่จม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:40:51

ความคิดเห็นที่ 18 โมหะ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 23:05:03

ความคิดเห็นที่ 19 3 ตัวเลือกนี้มันต่างกันยังไงเหรอครับ จากคุณ : Windows X เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:09:02

ความคิดเห็นที่ 20 กิเลสเกิดที่ใจ ไม่ใช่เกิดที่สิ่งของนอกตัว บ้าน รถ เงิน ทอง ฯลฯ โดยแก่นแท้ล้วนเป็นสมมติ ใจเราต่างหากที่หวงแหนและยึดเอาสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นสมบัติของตน จากคุณ : 44SFA1 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 11:09:54