การตีความในพระไตรปิฏกตามตัวอักษรนั้น ถ้าปฏิบัติตรง ๆ ตามตัวอักษร
แล้วสะสมไปเรื่อยย่อมถึง ฝั่งนิพพานได้เช่นกัน ตามที่กล่าวในกระทู้
ที่แล้ว แต่อาจจะต้องรอจนบารมีเต็ม หรือ อินทรีย์แก่กล้า พอ นั่น่คืออาจจะ
นานไม่รู้เมื่อไร
การที่คุณเมฆ ไม่ยอมรับวิชชาธรรมกายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็ รู้เห็นอยู่แล้ว เพราะท่านศึกษาในพระไตรปิฏกมาทั้งสิ้น
อ่านประวัติท่าน มหาสติปัฐฐาน 4 ท่านก็ปฏิบัติมาอย่างช่ำชอง อ่านพระไตรปิฏก
ทั้งบาลี และไทย ได้อย่างคล่องแคล่ว และการที่ท่านนำความรู้จากการปฏิบัติของ
ท่านมาอบรมสั่งสอน ให้แก่ ผู้สนใจในพุทธศาสนานี้ ท่านก็มิได้หวังผลประโยชน์อัน
ใดอยู่แล้ว สิ่งที่ท่านสอนเป็นการปฏิบัติล้วน ๆ ไม่ได้มีหลักธรรมอะไรที่งอกเงยขึ้นมา
ฐานที่ 7 กายธรรม ต้องปฏิบัติทั้งนั้น จึงจะรู้เห็นตามได้ เมื่อผู้ใดจะอ้างพระไตรปิฏก
แล้วไม่ยอมลงมือปฏิบัติ เพราะยึดถือพระไตรปิฏกเป็นหลักก็ได้ ตามที่อ้าง
อ.สุชิพ ปุญญานนท์ มาให้พิจารณาแนวทางการศึกษาพระไตรปิฏก ผู้ใดที่ต้องการ
พบหนทางพระนิพพานจริงก็ต้องเปิดใจกว้างบ้าง
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
[๕๖๓] ชื่อว่าโพชฌงค์ เพราะอรรถว่าตรัสรู้สภาพความนึก ว่าตรัสรู้
สภาพความรู้แจ้ง ว่าตรัสรู้สภาพความรู้ชัด ว่าตรัสรู้สภาพความหมายรู้ ว่าตรัสรู้
สภาพสมาธิอันเป็นธรรมเอกผุดขึ้น ว่าตรัสรู้สภาพที่ควรรู้ยิ่ง ว่าตรัสรู้สภาพที่ควร
กำหนดพิจารณา ว่าตรัสรู้สภาพสละแห่งปหานะ ว่าตรัสรู้สภาพมีกิจเป็นอันเดียว
กันแห่งภาวนา ว่าตรัสรู้สภาพควรถูกต้องแห่งสัจฉิกิริยา ว่าตรัสรู้สภาพเป็นกอง
แห่งขันธ์ ว่าตรัสรู้สภาพทรงไว้แห่งธาตุ ว่าตรัสรู้สภาพเป็นบ่อเกิดแห่งอายตนะ
ว่าตรัสรู้สภาพที่ปัจจัยปรุงแต่งแห่งสังขตธรรม ว่าตรัสรู้สภาพที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง
แห่งอสังขตธรรม ฯ
สภาพสมาธิอันเป็นธรรมเอกผุดขึ้น ใช้คำว่า "ตรัสรู้" นั่นแสดงว่าเป็นสภาพ
ที่เข้าถึงยากแน่นอน
ตามที่คห. 11 คุณคนกรุงธน นั้นอธิบายได้ดีมาก ว่าการที่พระองค์เทศนาสั่ง
สอนในขณะนั้นก็จะตั้งเอาความรู้ความเข้าใจปัญญาของคนฟังในตอนนั้น
เป็นโจทย์ ทำให้คนรุ่นหลังที่มาศึกษาจะต้องพยายามหาวิธี เข้าถึงสภาพ
ธรรมเหล่านั้นด้วยการปฏิบัติเอาเอง
และตาม คห. 6 ก็เป็นสภาพที่
ได้จากการปฏิบัติ ของคุณสันตินันท์ หรือ หลวงพ่อปราโมช ปัจจุบันนั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 15:07:13