ความคิดเห็นที่ 1 อรุนสวัสดิ์ครับ ท่านเกลือจืด มาชูจักกะแร้ สองมือเลยครับ ท่านเกลือจืด จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 06:32:15

ความคิดเห็นที่ 2 ผมขออนุญาต เอาข้อความในลิ้งค์ของท่านมาช่วยประกอบนะครับ จะได้ช่วยกันอภิปรายให้ครอบคลุม จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 07:04:55

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นล่ะครับ คนเราไม่ได้ทะเลาะกันเพราะข้อมเท็จจริง เราทะเลาะกันด้วยความเห็นทั้งนั้นล่ะขอรับ การแยก ความเห็น ออกจาก ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ อะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรเป็นความเห็น สิ่งที่แต่งเข้าไป โดยเฉพาะข้อเท็จจริงในคัมภีร์ทางศาสนาเป็นข้อมูลที่มักเป็น บทเฉพาะกาล บทเฉพาะบุคคล เฉพาะสภาวการณ์ สถานการณ์ ที่มักถูกอ้างอิงไปสรุปความเชื่อตน บิดทีละนิดทีละหน่อย ข้อเท็จจริงเลือนหาย มันเป็นอย่างนั้นเสมอมา จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 07:05:13

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยพารากราฟสุดท้ายของ Dr. Edward คือการตีกรอบการปาถกให้อยู่ในประเด็นให้จบเป็นเรื่องๆไป ไม่กระโดดไปกระโดดมา มัน Waste time จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 07:08:45

ความคิดเห็นที่ 5 ------- สนับสนุน คุณเกลือจีด  เท่าที่เห็นกรณีที่ขัดแย้ง  คนที่สร้างความขัดแย้ง จะไม่ยอมพูดแต่ละประเด็น  ไม่พูดทีละเรื่อง   ไม่กล้ายอมรับว่าประเด็นไปทีละประเด็น   ถูกเป็นถูก  ผิดเป็นผิด     เพราะมีเจตนาทุจริต อยู่เบื้องหลัง         ต้องเป็นการพูดทีละประเด็น  เป็นลูกผู้ชาย สุจริต อะไรผิดก็กล้ายอมรับ  อะไรถูกก็กล้ายอมรับ จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 09:29:19

ความคิดเห็นที่ 6 นั่นแหละ-นะ...ก็เห็นทุกเรื่องที่ ไอ้ login ๑ นี้ มัน ตีมั่ว รวมเรื่องมาในทุก คห.ของมัน ใครว่าไม่ใช่ ก็ชูจั๊กกะแร้โสโครก เดินมือโบกโยกเอว-ท่าเจ้าโน๊สอุดม*ออกมาโชว์อีกรอบ ๑ ได้เลย-นะ Dr. Edward de bono เขาเรียบเรียงลำดับขั้นตอน การคิด ไว้ถูกต้องพอสมแก่เหตุและผลใดๆนั้น มาเนิ่นนานแล้ว แต่บางคน-ที่มันเพิ่งจะตื่นมา ยังไม่มีอะไรจะเอามาเป็นสรณะสำหรับวันนี้   ก็คิดง่ายฉวยง่าย ลามปาม-ลามรวน หลักคิดแบบ classically ของ Dr. de Bono คงหวังจะเอาไปใช้ วาดวาทะกรรม ให้ the wasted times ของมันดูดี-มีแสงสีอลังการไปอีก ๑ วันนั่นแหละนะ -/- เหอ-เหอ *คิดทีละด้าน ทีละอย่าง-อย่างเป็นระบบ เพิ่มความสามารถในการคิด  ให้มีทักษะที่สะสมบ่มเพาะระบบคิด ไม่ให้เป็นการคิดแบบ โดดไปโดดมา จับซ้ายปายขวา-เดินหน้าถอยหลัง วนเป็น วัวพันหลัก -- จนสุดท้ายก็สุดเชือก รัดคอติดแหง็กแค่โคนหลัก  กะแด่ว ๆ จนหมดเวลาหายใจ [ก็คือ-หยุดอาการสับสน] ไปไหนไม่รอด[ก็คือ-สรุปไม่ได้ นั่นเอง] ไม่ใช่นั่งเทียนเขียนเรื่อยเฉื่อย เหมือนลมเช้าของชานเมือง-แถบเชิงดอย ๗๐๐ ปีของเชียงใหม่ที่พัดเย็นเอื่อยๆอยู่ตอนนี้ นะครับ จขกท.ท่านเกลือจืดที่นับถือ ตัวอย่างมันมี...พิจารณาดูสิครับ-จะได้ไม่ว่าเป็น บิดเบือน/หาความว่าร้ายป้ายสี กท.เดียว/คห.เดียว พวกก็เล่นซะเกือบครบ ๙ โหล ~ ร้อยแปดอย่าง  ทั้งกล่าวอ้าง-ทั้งแย้งเปะปะ / พอได้บทจะต้อง เออ-ออ-ห่อมะตะบะ พวกก็ไม่ขัดไม่เขินแต่อย่างใด         พลิกบทบาทได้เฉียบคมยิ่งกว่า กริชคว้านไส้ เรียกว่า flip-flob พล็อบ-แพล็บ แทบจะในชั่วอึดใจที่ตดยังไม่ทันจางจากก้นของมัน !!! ก็-ลองอ่านกันแกล้มกาแฟมื้อเช้า ของวันแรกเข้างานเดือนใหม่ จันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม '๕๕ นี้ดู จากกระทู้ ๑ ที่ไม่ต่างจาก พฤติกรรมตามหลักการ ยืมปากคนอื่นมาพูดเบี่ยง-เลี่ยง-เถียงแทน อย่างหน้าตาเฉย-นะ ความคิดเห็นที่ 12   เรียนพี่จิมครับ เป็นคำถามที่คิดเล่นๆด้วยความสงสัยเท่านั้น ขณะที่เกิดปัญหาโรฮิงญาอพยบเช่นนี้ ถ้าเค้ามาอยู่ในไทยเยอะ วันนึงเค้าจะอ้างตนว่าคนไทยด้วยรึเปล่า ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เราต้องยกนโยบายภูมิบุตรมาใช้รึไม่ ตอบไว้ก่อนตามความรู้สึกส่วนตัวคือ ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ไม่ไ้ด้ตอบรับนักครับ จากคุณ : itoursab     เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 04:13:49   @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ด้วยความยินดีครับ คุณ Itoursab ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ชาวโรฮิงยา และแรงงานอพยพ ที่เข้ามาในไทยเรานั้น มีความรักบ้านเกิดเมืองนอนตนเองหรือไม่ และเค้าอยากมาเมืองไทยเพื่ออะไร ด้วยการที่ผมอยู่ใกล้แรงงานต่างชาติ หลายชาติเหมือนท่าน corelooy แรงงานต่างชาติ ส่วนใหญ่ No choice ในบ้านตนเอง เหมือนกับแรงงานไทยในต่างแดน แต่แตกต่างกับฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์นโยบายหลักคือส่งออกแรงงานไปโกยเงินกลับบ้านโดยเฉพาะ ในประเทศไทยก็เปรียบเหมือนคนอีสาน บ้านเฮาสมัยก่อนอพยพเข้า กรุงเพื่อขุดทอง อพยพลงใต้รับจ้างกรีดยาง รายได้ดี เป็นเถ้าแก่น้อยได้สบาย แต่ตอนนี้กลับบ้านไปจนเกือบหมดแล้ว เพราะที่อีสานบ้านเกิดนั้น หากินง่าย ขึ้น ถึงไม่อู้ฟู่ เหมือน กทม ก็ตาม แต่มีความอุ่นใจ โดย ส่วนตัว ที่รู้จักชาวโรฮิงยา เป้นคนรักบ้านเกิดเมืองนอนตนเอง อยากกลับบ้าน แต่กลับไม่ได้ ไม่มีที่ทำกิน ไม่มีสวัสดิการใดๆ เลยไม่ได้กลับบ้าน กลับไปก็ไปตาย ผมถึงรนณรงค์ให้ คนโรฮิงยา ได้สิทธ์การเป็นพลเมืองพม่า เพื่อให้เค้าได้กลับบ้านตนเอง จะได้ไม่มาเร่ร่อน แบบทุกวันนี้ ถ้าชาวโรฮิงยากลับบ้านเมือ่ใด มีสิทธ์เป็นพลเมือง เมื่อการเมืองในพม่า นิ่งกลับสู่สภาวะปกติ มีความเปิดกว้างมากกว่านี้ ภาย หน้าไม่เกิน 20ปี เราคนไทยนั้นเองที่จะเป้นฝ่ายอิจฉาโรฮิงยา และอาจอยากไปขุดทองในอาระกัน เช่นดียวกับ พวกเค้าที่มาพึ่งเย็นบ้านเรานั้นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 07:25:38 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy)    เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 07:23:03 ความคิดเห็นที่ 13   ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะความรู้น้อย แต่ขอแสดงความรู้สึกว่า คนไทยโชคดีในเรื่องอิสระของการ นับถือศาสนา. จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 08:02:29 และ-พอได้จังหวะ คล้ายกับมีเรือสำเภากางใบผ่านมา พวกก็งัดกระบวนท่าอันคล่องนิ้วมือและติดปากออกมาใช้ ก็คือ-เป็นเรื่องแนวเดิมๆ  คือคำ/ข้อความ ปชส. จากแผ่นโฆษณาสินค้าตัวเดิมที่มีสรรพคุณ ๑๐๘ ซึ่งหมือนว่าพวกจะเหน็บปากรอท่าออกบทแสดง/รอแสดงออก-ไว้อยู่ตลอดเวลา คือ บลา-บลา-บลา ประดามีใดๆนั้นๆ ก็จะถูกปั่นขึ้นรูปขึ้นมาโชว์ตัวสินค้านั้น-ทันที !!! ความคิดเห็นที่ 14   คุณ anindita ใช่ครับ ตามทฤษฎีเลยละครับ ทว่าในทางปฏิบัติ ตรงกันข้ามกัน ในช่วง 6-7ปีมานี้ มีกลุ่มบางกลุ่มพยายามทำให้ไทยเหมือนพม่า ครับ โดยการปลุกปั่นยุยง ให้ผลักดันคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ไปเป้นคนอื่นและสร้างความเกลียดชังกันภายในชาติของเรา ทำอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยให้สิทธในการนับถือศาสนา แต่ก็กำจัดสิทธ์ในทางปฎิบัติในการเจริญเติบโตในหน้าที่ราชการ มาช้านานมากแล้วครับ ไม่ต้องอื่นไกล โรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในโซนนิ่ง คนที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่รับพยาบาลและพนักงานที่เป้นมุสลิมครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 08:20:34 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy)    เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 08:19:02 ความคิดเห็นที่ 16   ท่าน Itoursab การที่ภาครัฐไม่ก้าวก่าย นั่นหมายถึงคืออยากก้าวก่าย คนที่ออกมาเย้วๆอย่างพี่จิม  ก็คือไม่อยากก้าวก่าย งอ งู สองตัว มะ ที่ภาครัฐและเอกชน ที่ไม่ยอมพูดประเด้นนี้เพราะหวังว่าวันนึง เปิดประเทศ รัฐบาลพม่า ก็คงให้พี่ไทยมีเอี่ยวด้วย นั้นคือการอยากเข้าไปเอี่ยว นั้นแหละครับ ส่วนคนที่เย้วๆ  เค้าไม่เล็งถึงผลประโยชน์ เค้าเล้งถึงความเป้นคนเรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แระ ส่วน โรงพยาบาล บริษัทเอกชน เค้าไม่ได้เกรงเรื่องเครื่องแบบ แต่เป็นวิชั่นที่แคบ ตามภาษาคนไทย มิใช่เรื่องศาสนา แต่เกรงว่าจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ถึงเวลาละหมาด ถึงเวลาถือบวช ผิดกับบริษัท ฝรั่ง จะชอบ ไม่กีดกัน เพราะถือว่าคนเคร่งครัดศาสนามากเท่าไหร่ ความซื่อตรงต่อหน้าที่และครวามรับผิดชอบมากเท่านั้น ที่ผมพูดได้เพราะผมเองก็เป็นเถ้าแก่ เห็นเพื่อนๆที่เป็นเถ้าแก่ มันพูดกันคิดกันเลยทราบ หลายเรื่องที่เถ้าแก่ไทย มักมีปัญหากะคนต่างชาติเพราะระบบคิดไม่ เหมือนกัน พูด ง่ายๆ คนไทยยุคนี้ใจดี แต่ปาก แท้ที่จริงนั้นเห้นแก่ตัวยึกยัก พูดจาไม่อยู่กะร่องกะรอย ทำอะไรไม่ชัดเจน หมกเม็ด  แบบไม่เนี่ยนเอาเลย ให้พนักงานมุสลิมทำงาน หมายถึงต้องเพิ่ม Issue ไป และมีผลต่อ เรื่อง Iso ด้วย จึงไม่อยากรับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:19:08 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:16:14 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:14:42 และ...อีก คห.หนึ่ง เป็น เออ-ออ-ห่อมะตาบะ เนื่องต่อจาก คห. ๑ ของท่านสมาชิกที่ร่วมกระทู้ ความคิดเห็นที่ 23   - 16 พี่จิมครับ เดี๊ยวจะหลุดประเด็น เอิ๊กๆ ประเด็นคือชาวโรฮิงยาที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา โดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ซึ่งต่างจากแรงงานพม่าทั่วไปที่เขาคิดว่าเป็นพม่า และเมื่อมีลูกก็มักส่งกลับไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง แต่เด็กโรฮิงยาที่เกิดในไทย เขา.. ตัวเขาเองนั่นแหละ เขาเหล่านั้นคิดว่าเขาเป็นใคร คนไทย รึโรฮิงยา ถ้าอย่างแรก ผมยินดีต้อนรับ แต่อย่างหลัง เราจะให้เขาไปอยู่ที่ใด? ส่วนเรื่องการกีดกันการจ้างงานมุสลิมนั้น ค่อนข้างมีความเห็นโน้มเอียงตาม ดัง 21 ของพี่แมทท์กล่าวครับ ครูผมเคยบอก ถ้าเอากันตามหะดิษ นบีขี่ฬ่อ แล้วทำไมคุณอยากขี่เบนซ์กันละ ซึ่งนั่นตรงกับสายตาคนนอกอย่างผม รึอีกหลายๆคนมองไปที่มุสลิมครับ มุสลิมบางคนเท่าันั้นมี ปัญหาในการเข้ากับสังคมเปิด ซึ่งควรมีผู้ชี้แจงครับ :) จากคุณ : itoursab    เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 03:56:48 ทันทีครับท่านฯ...ไม่มีพลาด~ราดนมข้นโรยน้ำตาลพร้อมเสิร์ฟถึงหัวกระไดท่าน้ำ ณ ศาลากลาง จ.นนทบุรี ความคิดเห็นที่ 24   คุณ Itoursab ตามที่ท่านว่านั้นแหละครับ นั่นคือปัญหา จาการที่ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ต้นเหตุคือการไม่มีสัญชาติ ของชาวโรฮิงยา ที่คือปฐมบท เมื่อปฐมบทมันผิดเพี้ยน ประเด็น และปัญหาต่างๆก็ตามมา ให้นักกฎหมายต้องมาคิด เด็กโรฮิงยา เมื่อเกิดในเมืองไทย มิได้สัญชาติได้ แต่ ได้รับการแจ้งสถานที่เกิด เฉกเช่นชาวต่างชาติมาทำงานในไทย หรือเดินทางมาไทยบังเอิญ มาคลอดลูกที่ประเทศไทย ได้รับการแจ้งสถานที่เกิด แต่ไม่ได้รับสัญชาติแต่อย่างใด เรื่องนี้ก็คือหลักคิด เหมือนกับเรื่องอาชีพไฟท์บังคับ หรืออาชีพ ฟัรดูกิฟายะห์ หรืออาชีพต้องผูกพันธ์กับคำว่าหน้าที่เพื่อสาธารณะชนนั้นแหละครับ การรักษาคนไข้ ที่จะต้องใช้แอลกอฮอล์ ถ้าแอลกอออล์นั้นคือยา มันก้คือยา ถ้าแอลกอฮล์ นั้นคือสิงเสพเพื่อให้สติเปลี่ยน มันก็คือสิ่งต้องห้าม หลักคิดมันอยู่ที่สภาวะความจำเป็น ในขณะนั้น ผม เองไมได้สนับสนุนให้คนต่างชาติใดๆมาใช้สัญชาติไทย โดยที่มิได้ทำคุณาประโยชน์ให้ประเทศไทย อย่างมากมายอะไร ไม่ว่าชนนั้นจะนับถือศาสนาใดๆ มาพักพิงได้ มาเพื่อผลต่างตอบแทนกับคนไทยได้ เมื่อหมดวาระ ก็ต้องกลับบ้านตนเองไป ลำพังคนไทยในประเทศไทยทุกวันนี้ ก็จะขีคอกันตายแล้ว ผมพยายามเน้นย้ำคำว่า หมดวาระก็ต้องไป ถ้าประเทศไทย จะรับไว้ในฐานะผู้อพยพ ก็ควรกระทำ เมื่อถึงวาระก็ต้องผลักดันออกไป มิใช่มาปลูกรากฝังโคน ณ ปรเทศไทยแต่อย่างใด ที่ผมกล่าวเรืองประเทศไทย หรือประเทศที่ 3 โดยไม่กล่าวถึงบังคลาเทศ เพราะบังคลาเทศ รับไว้มากพอแรง แล้ว และบังคลาเทศยังมีไฟท์บังคับเรื่องสนธิสัญญา กับ พม่า เรื่องการไม่รับผู้อพยพ ซึ่งกันและกัน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศ ที่อยู่ในสภาวะคู่สัญญา อันไหนช่วยกันได้ด้านมนุษยธรรมได้ ก็ช่วยไปก่อน รวมทั้ง ประเทศอื่นๆด้วย เฉกเช่นที่เคยช่วยชาวพม่า ชาวเขมร ชาวเวียดนามชาวลาว เมื่อยุค สงครามในประเทศข้่างบ้านเรา ให้ที่พักพิง เพื่อส่งต่อ และเพื่อส่งกลับเท่านั้นเองครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy)    เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 06:45:21 อืมมม์...ยังมีมากกว่านี้-แต่ถ้ามากกว่านี้ เห็นที จขกท. ท่านเกลือจืดที่นับถือจะหนักไหล่เปล่าดาย ชงกาแฟดอยวาวีขายในราคามิตรภาพ [35฿ perCUP !!!] ให้น้องนุ่งที่ทำงานยังลอยตัวกว่า ~ ยังรู้ทางได้แบบคำนวนกำไรน้ำใจล่วงหน้าได้สบายใจ - คือไม่ติดบาป        ....เพราะอาการดื้อ-บอดตาใส แถไปวัน-วัน เยี่ยงนั้น-นะครับ ท่านเกลือจืด เพราะว่า กาแฟที่ตกลงใจใส่นมไปแล้วนั้น ยังไงๆมันก็ต้องเป็น กาแฟใส่นม วันยังค่ำ ถึงจะ แถ อ้างถึงความขม แต่ก็จะบอกว่ามันยังเป็นแค่กาแฟดำเฉยๆนั้น-ไม่ได้แล้ว-นะครับท่านฯ ว่าแล้วก็ทานกาแฟด้วยกันอีกสักรอบ ๑ เถอะ-นะครับ ท่าน จขกท. *เพิ่มเติมลิ้งก์เพลงที่หายไปเพราะระบบอ่อนแรง[มั๊งครับ?] *Eat Coffee* แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 09:52:40 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 09:36:30

ความคิดเห็นที่ 7 ท่านเกลือจืด ผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องขอตอบท่านพี่กรองคำ สักเล็กน้อย เพื่อไม่ให้กระทู้ของท่านเลอะเอะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ พี่กรองคำที่เคารพ กระทู้นี้ของท่านเกลือจืด ว่าด้วยเรื่องอะไร ครับ? กระทู้นี้เพื่อ มิให้ พี่มาใช้พื้นที่ ปชส วาทะกรรม ทาสี แก่ใครทั้งสิ้น เพื่อเป็นการรักษามารยาท ไม่ให้กระทู้ท่านเกลือจืด เลอะเทอะ ด้วยสี ที่พีมาทาเอาไว้ กรุณาไปตั้งกระทู้ สุนัข บ้า ต่างหากนะครับ ผมนึกสนุก  จะเข้าไปกัดกับพี่เอง ครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 10:33:10

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณคับ พี่กรองคำ ผมคิดว่า ถ้าเราพยายามใส่หมวกขาวก่อน บางทีจะช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ถ้าเราช่วยๆกัน บางที หมวกแดง ที่หมวกแห่งรความระแวงใจจะหายไปเอง ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นคนไม่น่ารักมากๆ เรามักมาเล่นหมากรุกกันเสมอ เพื่อนๆคนอื่นๆก็มีเรื่องทะเลาะกับมันเป็นประจำ ผมเองบางครั้งก็แทบอยากลุกไปชกมันเหมือนกัน แต่ผมก็พยายามเข้าใจเขา ด้วยความอดทน เพื่อนคนอื่นก็ล้อผมเสมอ โดยเรียกเจ้าคนนั้นว่าเพื่อนของพี่... วันหนึ่งผมตื่นเช้ามา พบว่ามีข้าวหน้าเป็ดกล่องหนึ่งอย่างดีวางแขวนไว้หน้าบ้านผม ผมรู้ว่าเจ้าคนนั้นเอามาให้ (ปกติ เค้าไม่เคยให้อะไรเลย บุหรีตัวหนึ่งก็ไม่ยอม) นี่เป็นชัยชนะที่ผมภูมิใจ คือเขานับผมเป็นเพื่อน อีกคนหนึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมาตลอด ผมก็ไม่ยอม..ทะเลาะกันเสมอๆ วันหนึ่ง เค้าตายกระทันหัน เข้าใจว่าเป็นโรคหัวใจ ผมก็มานั่งคิดๆว่า เราได้อะไรจากการทะเลาะวิวาทกับเขา เขาตายไปแล้ว ผมกลับไม่เคยเป็นพยายานเรื่องความรักของพระเจ้ากับเขาเลย ...มันน่าเศร้ามากที่ปล่อยให้โทสะบังตาบังใจตัวเอง.... บางทีผมก็คิดนะครับว่า ผมจะมีชีวิตอีกเท่าไร เหอ...ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นวันตายของเราหรือไม่ แล้วจะทะเลาะกันไปทำไม.... จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 10:49:33

ความคิดเห็นที่ 9 ท่านเกลือจืดที่เคารพ ด้วยวัตถุประสงค์อันดีของท่าน ผมขอยื่นมือให้พี่กรองคำก่อน เป้นลำดับแรก พี่กรองคำ ที่เคารพ ด้วยไมตรีจิต ของท่านจขกท ผมขอเชิญชวนพี่ยุติปัญหาปมขัดแย้งภายในห้องศาสนาแห่งนี้ โดยการ -ไม่พาดพิงศาสนาผู้อื่น -ไม่ไปกล่าวพาดพิงผู้อื่นหรือกล่าวร้ายผู้อื่น -มองเพื่อนๆทุกคนเยี่ยงมิตร ผมขอเชิญชวน พี่กรองคำ ด้วยความเคารพ ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่กรองคำ Jimbovy แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 11:01:29 จากคุณ : Jimbovy เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 10:59:24

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะว่า กาแฟที่ตกลงใจใส่นมไปแล้วนั้น ยังไงๆมันก็ต้องเป็น กาแฟใส่นม วันยังค่ำ ถึงจะ แถ อ้างถึงความขม แต่ก็จะบอกว่ามันยังเป็นแค่กาแฟดำเฉยๆนั้น-ไม่ได้แล้ว-นะครับท่าน จขกท. ท่านเกลือจืดที่นับถือ เช่นเดียวกันกับ การมุสา การกล่าววาจาที่มีข้อความอันเป็นความเท็จ/แปลโดยง่ายว่า ไม่ใช่ความจริง-หรือ ไม่ใช่เรื่องราวใดๆที่เกิดขึ้น-เป็นอยู่-เป็นไป อย่างใดๆนั้นๆ จริง ตามที่ยกอ้าง-เอ่ยความ-กล่าวถึง        ซึ่ง คำไทยที่เข้าใจได้ง่ายกว่านั้น บรรพชนไทยเราท่านแต่โบราณนานมา นิยามไว้ด้วยคำว่า * โกหก * ซึ่งจะมีก็แต่ ไอ้ที่ไม่ใช่ ไทย เท่านั้น ที่มันจะไม่เข้าใจ ทั้งความหมายและการกระทำที่เราท่านทั้งหลายเรียกว่า/จะชี้หน้ามันได้ว่า *มฺ  ึงฺ-มันก็แค่ ไอ้คนโกหก* และ ด้วยพุทธภาษิตแห่งพระพุทธองค์ คือพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้นของชาวพุทธ ได้ทรงตรัสเตือนไว้ ประมาณว่า *อันว่าคนที่กล่าวความเป็น มุสาวาจา อยู่เนืองๆนั้น จิตส่วนที่ไม่คิดทำความเลวความชั่วใดๆนั้น-ไม่มี* ว่าแล้ว เราท่านก็ ทานกาแฟใส่นมเพิ่มรสชาด ดีดี ด้วยกันอีกสักรอบ ๑ เถอะ-นะครับ *เพิ่มเติมลิ้งก์เพลงที่หายไปเพราะระบบอ่อนแรง[มั๊งครับ?] *Eat Coffee* จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 11:01:22

ความคิดเห็นที่ 11 ... จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 11:13:03

ความคิดเห็นที่ 12 คำว่าโกหก ในยูทุป และกูเกิล เป็นกระตั้ก ดังนั้นการกล่าวหา ว่าคนที่ไม่ใช่คนไทย ไม่รู้จักคำว่า โกหก นั้นคือเรื่องจริง เพราะคนต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาไทย มีเยอะ มากมาย ดังนั้นคนที่รู้จักคำว่าโกหก ดี เป้นอย่างมากคือคนไทย นั้นเองละครับ  รู้จักมาก ก็เลี่ยงบาลีมากเช่นเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 11:26:15 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 11:23:19

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยครับ  บางคนแทนที่จะว่าที่ตัวบุคคล  ไพล่ ไปด่าลามปาม ถึงพ่อแม่ บุพการี แล้วลามปามลากไปศาสนา...  การแย้งเราแย้งบนหลักการ... ไม่ใช่ถืออคติ แล้วด่ากราด อย่างกับคนทั่วไป..  คนเราคิดต่างได้ ...  เรื่องศาสนา ชีวิตหลัง ความตาย ไม่ใช่พิสูจน์ให้เห็นกันได้ยังไง... ว่าอะไรผิดถูก จริงแท้... บางคนอยากจะด่าเพื่อความสะใจ  แต่ไม่เคยพิสูจน์ว่ายังไง จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 18:44:40

ความคิดเห็นที่ 14 คนที่โกหกมากๆเข้ามันจะกลายเป็นนิสัยสันดาน              แล้วพอมากเข้ามันก็จะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดี(คือจะมองว่าโกหกเพียงเล็กน้อยจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา)          จนโกหกเื่รื่องใหญ่โตก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร     น่าเป็นห่วงครับสำหรับคนที่ไม่มีความสัตย์ในตัว     ซึ่งทุกวันนี้ความมุสามันกำลังกลืนกินทุกๆคนบนโลกใบนี้  ทีละนิดๆ  จนกระทั่งแต่ละคนบนโลกใบนี้มองเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไป         จนกลายเป็นการยกย่องผู้โกหกเก่งกันไปว่า  เก่งว่าดีเพราะเอาตัวรอดเก่งแต่ลืมไปว่า    มันเป็นบาป     เหมือนเพลงนี้ครับ            http://www.youtube.com/watch?v=SAEOv6iTZD4 การโกหกมีทุกที่ในโลกแและทุกชาติทุกภาษาแหละครับ             การพูดคุยกันด้วยความสััตย์และเป็นกลางนั้น               ไม่ควรเอาเรื่องชาติพันธ์หรือศาสนามาเกี่ยวข้อง        แต่ควรเอาความจริงมาพูดกัน จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 20:10:06

ความคิดเห็นที่ 15 คุณนบนอบ นับถือศาสนาพุทธ หรือเปล่าครับ? รบกวนตอบด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 22:47:09 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 22:45:55

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าไม่ตอบหรือตอบไม่ได้ สำหรับท่านนบนอบ ท่านก็คงไม่มีสิทธ์สวมหมวก 6 ใบหรอกครับ รบกวนกลับไปอ่าน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12316565/Y12316565.html และท่อง 5 W 1 H ก่อนที่จะพูดอะไรออกมานะครับ ปล บางเรื่องผมก้เห็นด้วยกับคุณ แต่ในเรื่องนี้ ตามหลักการ ของท่านเกลือจืด ทุกอย่างต้องชัดเจน แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 55 16:38:58 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 55 16:36:38 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 16:14:16