ดื่ม เมื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์ ไม่เกิดโทษ เช่น
- อยู่ที่บ้าน เมื่อรู้สึกว่า ดื่มไวน์สักแก้ว ระบบการไหวเวียนโลหิต ก็จะดีขึ้น ทางการแพทย์ ก็สนับสนุน ว่าดื่มแต่ปริมาณพอเหมาะ ก็จะเกิดประโยชน์ ต่อหัวใจด้วยซ้ำ
- การดื่มเพียงแก้วสองแก้ว แล้วนั่งอยู่ที่บ้าน ก็ไม่มีอันตรายอะไร จากที่จะต้องไปข้องแวะกับใคร ส่วนในเรื่องสุขภาพนั้น หมอยืนยันแล้วว่า เป็นผลดีด้วยซ้ำ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ส่วนเรื่องอารมณ์ พบกว่า คนที่บ้านบอกว่า เมื่อผมดื่มไวน์สักแก้ว ก็จะอารมณ์ดี ยิ้มง่ายกว่าปกติ พูดสนุก และมีอารมณ์โรแมนติกมากขึ้นอีก (ปกติก็มีสิ่งเหล่านี้มากพออยู่แล้ว แต่คนที่บ้านอาจจะมองว่า เมื่อดื่มไวน์สักแก้วสองแก้ว สิ่งเหล่านี้มันก็เพิ่มขึ้นมาอีก นิสสส นุง...ให้ดูสนุกสนานมากขึ้นประมาณนั้น)
- เมื่อต้องออกงาน ก็ดื่ม ไม่เกิน ๑ แก้ว หากต้องขับรถเอง และอาจเกินหนึ่งแก้ว แต่ไม่เกิน ๓-๔ แก้ว หากมีคนขับรถ (ไวน์หนึ่งแก้ว แม้ถูกเชิญให้เป่าตรวจแอลกอฮอล์ ก็ไม่มีผล เพราะปกติการเสิร์ฟไวน์ เขารินให้ดื่มเพียง ประมาณครึ่งแก้วเท่านั้น และแก้วไวน์ดี ๆ ก็เป็นแก้วเล็ก ๆ ซะด้วยซิ)
- ไวน์ ๑ แก้ว หากฉลาดดื่ม ก็สามารถนั่งคุยสนทนากับกลุ่มเพื่อน ๆ ได้อย่างออกรสออกชาด และเพื่อน ๆ ก็ไม่รังเกียจหรอก ที่คุณดื่มแค่แก้วเดียว เพราะไวน์มันแพงน่ะ ต่างคนต่างก็อยากจะแย่งกันดื่ม อยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องแย่งใคร
- ที่พูดถึงสังคมนี่ หมายถึงในกรณี ที่เราเองก็อยากดื่มโดยสมัครใจนะ ไม่ได้อ้างหรือโทษว่า ดื่มเพราะสังคม เพราะในสังคมที่ผมสังกัดอยู่ หรือสังคมที่ผมชอบที่จะไปร่วมสังสรรค์ด้วยนั้น ไม่มีใครบังคับใครว่าต้องดื่ม และแม้เราจะไม่ดื่มไวน์ ไม่ดื่มเบียร์ ไม่ดื่มเหล้า ก็มีน้ำอื่น ๆ ให้เลือกดื่ม มากมาย เช่น น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร น้ำอัดลม และ น้ำเปล่า ก็ไม่ได้ขาดแคลนแต่ประการใด
- ส่วนเหล้า ผมไม่ชอบดื่ม บางปีไม่มีเหล้าผ่านเข้าปากเลย นอกจากเป็นเครื่องปรุงอาหาร หากนับเป็นขวด ๆ โดยเฉลี่ย ผมคิดว่า ระเวลา 10 ปี ผมดื่มไม่เกิน 1 ขวด ดังนั้น เรื่องเหล้า แทบจะไม่มีผล ไม่มีอิทธิพลใด ๆ กับผมเลย และไม่ค่อยมีเหตุผลใด ๆ ให้ต้องดื่ม เท่าที่จำได้ ก็ดื่มเป็นเพื่อน เจ้าของกิจการ บางราย ที่เราเดินทางไปติดต่องาน ในต่างประเทศ แล้วเขาชวนสังสรรค์ ที่กอล์ฟคลับบ้าง ที่บ้านเขาบ้าง หลังประชุมธุรกิจเสร็จแล้ว และที่น่าแปลก ก็คือ เจ้าของกิจการ บางรายที่เราไปติดต่องานนั้น เป็นมุสลิม ซะด้วย บังแก เล่นซะ ออนเดอะร๊อก เลยทีเดียว ส่วนใหญ่ ผมมักเรียกคู่ค้าเหล่านี้ ว่า "บังริน" เพราะพี่แก รินไม่หยุด ส่วนผมก็ดื่มในท่าสโลโมชั่น และ "ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเมา" สักครั้งเดียว
- เบียร์ ก็นาน ๆ ครั้ง เลือกที่จะดื่มยี่ห้อที่ เมื่อนอนตื่นมาแล้ว ไม่หนักหัว ไม่ปวดหัว เบียร์บางยี่ห้อ แม้เราดื่มไม่มาก แต่พอตื่นนอนแล้ว ก็อาจจะปวดหัวได้ .....เบียร์ไฮเนเก้น หากดื่มเพียงขวดเล็ก ๆ (ประมาณ ๑ แก้ว) ก็พอเหมาะ ตื่นมาก็สบาย ๆ ไม่มีอะไรกระทบ และเบียร์ เพียงปริมาตร เท่านี้ ก็ไม่มีอะไรให้เป็นโทษ กลับจะมีประโยชน์ ด้วยซ้ำ
ดังนั้น แม้แต่ของที่ใคร ๆ เห็นว่า มีโทษ แต่หากเราบริโภค ให้เป็นประโยชน์ มันก็เป็นประโยชน์
แม้แต่ยา ก็อาจจะมีโทษได้ หากไม่รู้วิธีบริโภค
แม้แต่อาหาร ก็กลายเป็นโทษ เป็นพิษภัยได้ หากเรา บริโภคอย่างไม่บันยะบันยัง
ชีวิตฆราวาสวิสัย ต้องคลุกเคล้าเปื้อนฝุ่น เราก็พยายามให้มันเปื้อนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หากใครจะสะอาดไม่เปื้อนเลย ก็อนุโมทนาสาธุกันไป
ส่วนวิถีชีวิต ของบรรพชิต มีกฎมีเกณฑ์ ต้องห้าม ท่านก็ไม่สามารถเสพสิ่งเหล่านี้ได้อยู่แล้ว