เคยบอกแล้วว่า....หากเป็นคนพุทธ ต้องทำใจในเรื่องเหล่านี้ให้ได้......มีวิธีทำใจ คือ....................
ต้องทำ " ความเข้าใจ " ในเบื้องต้นให้ได้ว่า ใบหน้า หรือพระพักตร์ หรือเศียรของพระพุทธรูปต่างๆ ที่เราเห็น และกราบไหว้มาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้น ในความเป็นจริงคือ.............สิ่งสมมุต เท่านั้น
คือเป็นสิ่งสมมุตว่า นี่เป็นใบหน้า ( พระพักตร์ ) หรือนี่เป็นองค์พระวรกายของพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาของเราชาวพุทธ...ทั้งๆ ที่ความจริง คนปั้นพระพุทธรูปคนแรกของโลก ( คนกรีก ) ก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์พระพุทธเจ้า ( ก็ปั้นห่างกันตั้ง 500 ปี )
ดังนั้น ใบหน้า หรือทรวดทรงองค์เอวรูปลักษณะของพระพุทธรูปในแต่ละยุค แต่ละช่าง จึงไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าของมหายาน หรือของหินยาน ( ยุคสุโขทัยสวยที่สุด ลงตัวที่สุดในงานพุทธศิลป)
ก็เข้าใจได้ว่า เหล่านี้ และเหล่านั้นทั้งหลาย คือสิ่งสมมุตว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
คนพุทธจึงไม่ควรไปยึดติดว่า นั่น นี่ โน่น เป็นองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ .......เพราะมันจะเป็นเรื่องใหญ่ จะก่อความหมองไหม้ในใจของเราไปตลอดชีวิตเนื่องจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน.........ซึ่งเพราะปัจจุบันไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนก็เจอ ไปซ้าย ก็ปะ มาทางขวา ก็ได้พบ.....ได้เห็นไอ้คนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเราด้วยการเอาใบหน้าสมมุตหรือสิ่งสมมุตว่าเป็นพระพุทธเจ้าของเรามาทำไม่ดีในสายตาของเราชาวพุทธ
และหากคิดว่าพระพุทธรูป คือตัวแทน หรือสัญญลักษณ์ของพระพุทธองค์ ก็ยังมีทางเปลี่ยนไปคิดใหม่ด้วยเหตุผลที่ดีกว่า ว่า..............
1. ตัวแทนที่แท้จริงที่ทำให้สรรพพุทธสาวกทั้งหลายได้รำลึกหรือเตือนสติถึงพระพุทธองค์ ก็คือ พระธรรมคำสั่งสอน เท่านั้น
เพราะไม่มีใครมาโขมย ไม่มีใครมาทุบทำลาย... หรือดูหมิ่น หรือ.... ฯลฯ กับพระธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าของเราได้ ...... แต่พระพุทธรูปเป็นเพียงวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจึงมีโอกาสถูกผู้คน สิ่งมีชีวิตหรือธรรมชาติรังแกได้เสมอ ( โปรดดูพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สลักบนหน้าผา บามิยัน ในอาฟกานิสถาน ที่ถูกพวกตอลิบัน ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซิ )
2. ดังนั้น หากไปเอาวัสดุ รูปปั้น รูปเคารพ หรือสิ่งสมมุตทั้งหลายมาเป็นสรณะ.... เราก็จะพบแต่ความยุ่งยากในใจตลอดไป....ดังเช่น เก้าอี้ที่ฝรั่งทำมา นี้แล............จิตใจเราก็จะมีแต่หมองไหม้เพราะไปอาฆาต บริภาษ ชั่วร้ายตอบแทนกับมัน
3. ลองรำลึกดูให้ดี พระรัตนไตร คือสามดวงแก้วที่คนพุทธต้องนับถือบูชา และเข้าให้ถึง เปรียบประหนึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคนพุทธ ........ อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์.... มีอยู่สามอย่างเท่านั้น
หากมีพระพุทธรูป เป็นสิ่่งสำคัญด้วย ก็ต้องมีเป็นดวงแก้วสี่ประการ ซิ.......ได้แก่
พระพุทธ ( เจ้า)
พระธรรม ( คำสั่งสอน )
พระสงฆ์ ( พระอริยบุคคล) และ
พระพุทธรูป ( รูปเหมือน สิ่งสมมุต ).............................ซึ่งทั้งหมดนี้จะเรียกว่า " พระจตุตถรัตน " ก็ย่อมได้
แต่นี่ไม่ใช่ ....เพราะมีแค่สามดวงแก้วอันประเสริฐดังกล่าว เท่านั้น.............นะ ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
สามสิ่งประเสริฐของคนพุทธนี้เป็นของแท้ เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา มิใช่สิ่งสมมุตขึ้นมา
4. อย่างไรก็ตาม...ที่เขียนมานี้ มิใช่เพื่อให้คนพุทธละทิ้ง หรือเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปทั้งหลาย........มิใช่เช่นนั้นเลย......ขอคนพุทธจงกราบไหว้ และจงสร้างพระพุทธรูปถวายวัดกันต่อไป เพียงแต่ข้าพเจ้าต้องการให้คนพุทธ ( บางท่าน เท่านั้นนะ .... มิใช่คนพุทธส่วนใหญ่ ) ได้เข้าใจ และแยกแยะให้ออกว่า อะไร คือ อะไร ......... อะไรสำคัญเหนือกว่าอะไร
อะไรเป็นเพียงสิ่งสมมุต.....และ
อะไร ? ? ? เป็นสรณะ เป็นของแท้ เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา.......ทั้งนี้เพื่อการเป็นพุทธที่ดีมีเหตุ มีผลและมีสติปัญญาไม่อายผู้คนในศาสนาอื่นๆ ที่เขาจ้องจะดูถูก ดูหมิ่นพวกเราคนพุทธบางส่วน บางพวก .....ว่า.....งมงาย ไร้สติ ไร้เหตุผล
ขอให้ท่านเจริญในธรรม
จากคุณ |
:
Detente
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ค. 55 15:59:10
|
|
|
|