ความคิดเห็นที่ 1 เขาเอาดีไซน์จากมหายานนิ จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 12:30:30

ความคิดเห็นที่ 2 เคยบอกแล้วว่า....หากเป็นคนพุทธ  ต้องทำใจในเรื่องเหล่านี้ให้ได้......มีวิธีทำใจ  คือ.................... ต้องทำ " ความเข้าใจ " ในเบื้องต้นให้ได้ว่า  ใบหน้า  หรือพระพักตร์  หรือเศียรของพระพุทธรูปต่างๆ  ที่เราเห็น  และกราบไหว้มาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้น   ในความเป็นจริงคือ.............สิ่งสมมุต  เท่านั้น คือเป็นสิ่งสมมุตว่า  นี่เป็นใบหน้า ( พระพักตร์ )   หรือนี่เป็นองค์พระวรกายของพระพุทธเจ้า  พระบรมศาสดาของเราชาวพุทธ...ทั้งๆ  ที่ความจริง   คนปั้นพระพุทธรูปคนแรกของโลก  ( คนกรีก )   ก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์พระพุทธเจ้า ( ก็ปั้นห่างกันตั้ง 500 ปี ) ดังนั้น  ใบหน้า  หรือทรวดทรงองค์เอวรูปลักษณะของพระพุทธรูปในแต่ละยุค  แต่ละช่าง  จึงไม่เหมือนกันเลย   ไม่ว่าของมหายาน  หรือของหินยาน ( ยุคสุโขทัยสวยที่สุด  ลงตัวที่สุดในงานพุทธศิลป) ก็เข้าใจได้ว่า  เหล่านี้  และเหล่านั้นทั้งหลาย  คือสิ่งสมมุตว่าเป็นองค์พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น คนพุทธจึงไม่ควรไปยึดติดว่า  นั่น  นี่  โน่น  เป็นองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ .......เพราะมันจะเป็นเรื่องใหญ่  จะก่อความหมองไหม้ในใจของเราไปตลอดชีวิตเนื่องจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน.........ซึ่งเพราะปัจจุบันไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนก็เจอ  ไปซ้าย  ก็ปะ  มาทางขวา  ก็ได้พบ.....ได้เห็นไอ้คนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเราด้วยการเอาใบหน้าสมมุตหรือสิ่งสมมุตว่าเป็นพระพุทธเจ้าของเรามาทำไม่ดีในสายตาของเราชาวพุทธ และหากคิดว่าพระพุทธรูป  คือตัวแทน   หรือสัญญลักษณ์ของพระพุทธองค์  ก็ยังมีทางเปลี่ยนไปคิดใหม่ด้วยเหตุผลที่ดีกว่า  ว่า..............   1.  ตัวแทนที่แท้จริงที่ทำให้สรรพพุทธสาวกทั้งหลายได้รำลึกหรือเตือนสติถึงพระพุทธองค์  ก็คือ  พระธรรมคำสั่งสอน  เท่านั้น เพราะไม่มีใครมาโขมย  ไม่มีใครมาทุบทำลาย... หรือดูหมิ่น  หรือ.... ฯลฯ  กับพระธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าของเราได้ ...... แต่พระพุทธรูปเป็นเพียงวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจึงมีโอกาสถูกผู้คน  สิ่งมีชีวิตหรือธรรมชาติรังแกได้เสมอ  (  โปรดดูพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สลักบนหน้าผา  บามิยัน  ในอาฟกานิสถาน  ที่ถูกพวกตอลิบัน  ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ซิ ) 2.  ดังนั้น  หากไปเอาวัสดุ  รูปปั้น  รูปเคารพ  หรือสิ่งสมมุตทั้งหลายมาเป็นสรณะ.... เราก็จะพบแต่ความยุ่งยากในใจตลอดไป....ดังเช่น  เก้าอี้ที่ฝรั่งทำมา  นี้แล............จิตใจเราก็จะมีแต่หมองไหม้เพราะไปอาฆาต  บริภาษ  ชั่วร้ายตอบแทนกับมัน 3.  ลองรำลึกดูให้ดี  พระรัตนไตร  คือสามดวงแก้วที่คนพุทธต้องนับถือบูชา  และเข้าให้ถึง   เปรียบประหนึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคนพุทธ ........  อันได้แก่  พระพุทธ  พระธรรม  และพระสงฆ์....  มีอยู่สามอย่างเท่านั้น หากมีพระพุทธรูป  เป็นสิ่่งสำคัญด้วย  ก็ต้องมีเป็นดวงแก้วสี่ประการ  ซิ.......ได้แก่ พระพุทธ  ( เจ้า) พระธรรม ( คำสั่งสอน ) พระสงฆ์  ( พระอริยบุคคล)   และ พระพุทธรูป  ( รูปเหมือน  สิ่งสมมุต ).............................ซึ่งทั้งหมดนี้จะเรียกว่า " พระจตุตถรัตน "  ก็ย่อมได้ แต่นี่ไม่ใช่  ....เพราะมีแค่สามดวงแก้วอันประเสริฐดังกล่าว  เท่านั้น.............นะ   ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย สามสิ่งประเสริฐของคนพุทธนี้เป็นของแท้  เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา  มิใช่สิ่งสมมุตขึ้นมา 4.  อย่างไรก็ตาม...ที่เขียนมานี้  มิใช่เพื่อให้คนพุทธละทิ้ง  หรือเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปทั้งหลาย........มิใช่เช่นนั้นเลย......ขอคนพุทธจงกราบไหว้  และจงสร้างพระพุทธรูปถวายวัดกันต่อไป   เพียงแต่ข้าพเจ้าต้องการให้คนพุทธ ( บางท่าน  เท่านั้นนะ .... มิใช่คนพุทธส่วนใหญ่ )  ได้เข้าใจ  และแยกแยะให้ออกว่า  อะไร คือ  อะไร   .........   อะไรสำคัญเหนือกว่าอะไร อะไรเป็นเพียงสิ่งสมมุต.....และ อะไร  ? ? ?  เป็นสรณะ  เป็นของแท้  เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา.......ทั้งนี้เพื่อการเป็นพุทธที่ดีมีเหตุ  มีผลและมีสติปัญญาไม่อายผู้คนในศาสนาอื่นๆ  ที่เขาจ้องจะดูถูก  ดูหมิ่นพวกเราคนพุทธบางส่วน  บางพวก .....ว่า.....งมงาย  ไร้สติ  ไร้เหตุผล ขอให้ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 15:47:53 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 55 12:40:06 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 12:32:06

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเค้าทำเป็นพุทธานุสติ   จะต่างอะไรกับพวกพระเครื่อง รูปพระที่ให้เช่า   เอาพระพุทธเจ้ามาหากินเหมือนกัน ละเมิดรูปพักตร์พระพุทธ  โดยไม่เคยขออนุญาตท่าน ก็ต้องไปสั่งสอนให้หมดทั้งวงการ... จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 14:50:48

ความคิดเห็นที่ 4 ผมขอสนับสนุนให้เข้าไปแจ้งให้เค้าแก้ไขให้ถูกต้องก่อนนะครับ พวกเราชาวพุทธไม่ควรเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้นะครับ ผมเข้าไปไพสให้เค้าหยุดแล้วนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 15:09:10

ความคิดเห็นที่ 5 พระรูปคือสิ่งเตือนใจคนพุทธให้ระลึกถึงความเมตตาของท่าน ผู้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว ก็ช่วยกันออกมาบอกคนที่ไม่รู้ ให้พวกเขาได้รู้และตระหนัก ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ควรและเป็นการดูหมิ่นพระศาสดาของศาสนาอื่นเขา ไม่งั้นสิ่งนี้ก็จะเกิดอยู่ร่ำไป จากคุณ : Respectful เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 15:18:01

ความคิดเห็นที่ 6 โหห อันนี้จิบๆ บางที่ บางฝรั่ง ทำหนักกว่านี้อีก..อย่าได้ใส่ใจค่ะ เพราะเราดิ้นผับๆๆๆ จะต้อสู้ เราจะเหนือยใจและกายเปล่าๆ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการเอามือปิดปากคนทั้งโลกอ่ะค่ะ ปกป้องศาสนาได้ ทำนุบำรุงดี แต่คนที่เขาตั้งใจทำแบบนี้ เราไปเตื่อนเขาแล้ว เขาไม่สน ก็คงต้องปล่อยเขาค่ะ.."ของจริง ของแท้ " ยังไงก็ไม่มีวันสลายหายไปแน่อ่ะค่ะ ไม่ต้องกลัว จากคุณ : clear_blue เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 20:49:31

ความคิดเห็นที่ 7 ระวังฝรั่งเอาจดลิกขสิทธิ์ก็แล้วกัน จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 21:28:31

ความคิดเห็นที่ 8 ก็ไม่ได้ต่างจากที่หลายบ้านเอาพระพุทธรูปมาตั้งเป็นของประดับตกแต่งบ้านล่ะค่ะ ที่ยังถกเถียงกันอยู่ว่า ระหว่างฝรั่งที่เห็นคุณค่าของพุทธศิลป์ กับชาวไทยพุทธบางคนที่ตัดเศียรพระพุทธรูป หรือพวกที่สร้างพระเครื่องรูปแบบแปลกๆออกมาให้คนเช่าไปบูชาเพื่อสนองกิเลสหรือตัณหาอุปาทานด้านต่างๆ อันไหนน่าเศร้ามากกว่ากัน ชาวพุทธที่แท้ควรตระหนักและเดินตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามากกว่าจะมาสนใจกับวัตถุที่พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนแล้วว่าไม่มีตัว ไม่มีตน สุดท้ายแล้วสิ่งนี้ก็แค่เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ครู่หนึ่ง วันนึงก็ต้องแตกดับไป แต่ไม่ได้บอกให้ชาวพุทธเลิกเคารพกราบไหว้พระพุทธรูปนะคะ เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า เราย่อมถือเอาท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก ส่วนผู้ที่ไม่ใช่ลูกของพระพุทธเจ้า เราคงทำได้เพียงแค่เมตตาเค้า ถ้าเมตตาไม่ได้ก็อุเบกขาไปเลย อย่างไรเสีย เก้าอี้ก็ไม่ใช่พระพุทธรูปนะคะ และไม่มีวันจะเป็นพระพุทธรูปไปได้ จากคุณ : Star_Success เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 12:55:34

ความคิดเห็นที่ 9 นี้แหละที่เขาเรียกว่า มามืด  ไปมืด   แม้จะได้ยิน หรือสมผัสกับพระศาสนา ก็ไม่เคยยินดี                    ถือเป็นพวกบัวใต้ตม แม้เราจะบอกกล่าวอย่างไร เขาก็ไม่ฟังครับ          ผมเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่ได้เห็นคนที่ทำแบบนี้กับ พระรูปของพระพุทธเจ้า          เท่าที่ได้ศึกษามา ทราบใดที่เรายังไม่ถึงธรรม ยังไม่บรรลุธรรม เราเองก็ควรมีสิ่งที่ไว้คอยยึดเหนี่ยวจิตใจไว้  เมื่อได้เข้าถึงธรรมแล้ว ค่อยทิ้งไป ก็ไม่เสียหาย          บางท่านอาจมองเป็นว่า " ไม่ให้ยึดติด พระพุทธรูป" เพราะ เพียงแต่เป็นหิน เป็นทราบ ที่ปั้นกันขึ้นมา          ในมุมของผมนั้น ผมยังไม่เข้าถึงธรรม ยังต้องการบุญบารมี  ผมก็ต้องมีพระพุทธรูปไว้คอยยึดเหนี่ยวจิตใจตลอดไป  หากไม่ทำเช่นนั้น แม้บุญท่านคงมองแค่เพียงนามธรรมเท่านั้น ไม่เห็นว่า ทำบุญแล้วจะได้บุญเป็นแน่แท้...          ยกตัวอย่างว่า  เรานั่งเรือข้ามแม่น้ำใหญ่  ขณะอยู่กลางแม่น้ำ เกิดมีความคิดว่า พายที่เราใช้พายเรือนี้ เป็นเพียงไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรไปยึดติด ยึดถือ ดังนี้แล้ว โยนทิ้งพายไปเสีย  แล้วเรือที่เรานั่งมา เมื่อไม่มีพาย แล้วจะใช้อะไรพาเรือไปข้ามฝั่งได้ เรือคงต้องลอยเคล้งอยู่กลางแม่น้ำ ไม่มีทางถึงฝั่งแน่          เหมือนอย่างว่า ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงธรรม  แล้วมาทิ้งสิ่งยึดเหนี่ยวสำหรับธรรมเสีย  แล้ว เมื่อไหร่จึงจะเข้าถึงธรรมได้ เพราะไม่รู้แม้แต่พื้นฐานของธรรม ดังนี้          ในเรื่องพระุพุทธรูป กับ พระเจดีย์ นี้ พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน "คิรีมานันทสูตร"  ครับ  ฟังแล้ว จะรู้ว่า พระพุทธรูป มีความสำคัญ อย่างไร เหตุใดจึงต้องยึดพระพุทธรูปไว้เห็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า ครับ..                    คิดเช่นดังได้ศึกษามาครับ... จากคุณ : นะโม (กลุ่มพุทธบุตร) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 16:08:15

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณนะโม ที่อธิบายสิ่งดีงามครับ และไม่โยนสิ่งดีๆทิ้ง ขอทุกคนจงเอาเป็นแบบอย่าง จากคุณ : Respectful เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 16:44:31

ความคิดเห็นที่ 11 ปล่อยวาง - ดูก่อน อุปกะ เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนเสีย เธอจะเบาสบายคลายทุกข์ คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวาง และ สำรวมตนอยู่ในธรรม - พระพุทธเจ้า ................ ทั้งหมดแปลว่า ปล่อยวางอัตตา ไม่ใช่ปล่อยวางธรรม ................. คำสอนถ่ายทอดโดยความย่อจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สถานที่ควรบูชานั้นชื่อว่า "ปูชนียสถาน" หรือและหรือ "ปูชนียวัตถุ ทั้ง 2 ประการเรียกว่า "เจดีย์" 1. พระธาตุเจดีย์ คือที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 2. บริโภคเจดีย์ คือ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน 3. ธรรมเจดีย์ คือ สถานที่บรรจุพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า 4. อุทเทสิกเจดีย์ คือ สิ่งที่สร้างขึ้นเจตนาอุทิศคือ เจาะจงเฉพาะต่อพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป รูปสลัก รูปวาดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม้โพธิ์ ................ ธรรมะของคนดี สัปปุริสธรรม 7 รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักชุมชน รู้จักบุคคล เมื่อชุมชนคือชาวพุทธได้เคารพพระศาสดาผ่านพระรูปและพระนาม คนนอกศาสนาพึงมีความเคารพเช่นกันโดยใช้หลักสามัญสำนึก หรือ Common Sense คนต่างชาติหรือแม้แต่ คนไทยที่มองธรรมอย่างฉาบฉวย ได้แต่พร่ำเพ้อถึงคำว่า "ปล่อยวาง" และ"ทางอริยมรรค" เฝ้าพูดถึงการเดินตามคำสอน โดยมิได้พิจารณาว่า การเป็นผู้รู้จักเคารพในสิ่งและผู้ที่ควรเคารพ นี่แหละคือการเดินตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ฝรั่งไม่เข้าใจว่า Noble Path ที่แปลว่าทางอริยมรรค ก็คือทางของคนดี อย่ามุ่งแต่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง โดยการขาดพิจารณาธรรม คำสอนทุกอย่างของพระองค์ ไม่เคยมีอะไรแย้งกัน แต่คนที่ศึกษาคำสอน มักจับแต่ละคำสอนมาแยกออกจากกัน จนทำให้หลงสาระ หลงประเด็น และท้ายที่สุด มาสู่ การหลงทาง ดูเถิด โลกมากไปด้วยผู้หลงผิด ด้วยจับความอันฉาบฉวย ไม่ศึกษาคำสอนอย่างลึกซึ้ง ไม่ปฏิบัติจิตให้ถึงแก่น ขอผู้หลงผิดทั้งหลาย อย่าต้องลงนรกและอบาย อย่าต้องหมกไหม้ด้วยการออกมาแสดงความเห็นผิด ที่เป็นโทษทั้งแก่ตนและแก่ศาสนาเลย ขอชาวพุทธทั้งหลาย เปลี่ยนจากการเป็นคนดีเงียบๆ อยู่แค่ในใจ ให้ออกมาแสดงความดีอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการช่วยรณรงค์ให้ทั้งคนไทยและต่างชาติหยุดลบหลู่สัญลักษณ์พระพุทธเจ้าทุกรูปแบบ ด้วยเถิด - รณรงค์โดย องค์กร โนอิ้ง บุดด้า จากคุณ : ฤติม์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 18:23:11