ความคิดเห็นที่ 1 การนั่งสมาธิแบบสมถะสมาธิ เมื่อเกิดปีติ จะทำให้มองปลอดโปร่ง เวลานั่งเรียนแล้วเหม่อลอย จะทำให้กลับเข้ามาสู่บทเรียนได้ดีขึ้น นอกจากนี้การนั่งสมาธิ ช่วยทำให้จิตใจฟุ้งซ่านน้อยลง เมื่อมีเรื่องฟุ้งซ่านน้อย ก็จะทำให้มีเวลาใส่ใจกับบทเรียนมากขึ้น ปล. นั่งสมาธิแล้วก็จะทำให้บุคลิกดูนิ่งขึ้น ถ้าถือศีล 5 ร่วมด้วย ก็จะทำให้เป็นคนอ่อนโยน พูดจาน่าเชื่อถือ ดูภูมิฐาน หล่อจากภายในสู่ภายนอก จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 17:00:26

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ครับสมาธิช่วยเปลี่ยนบุคลิกภาพของเราได้ การมีสมาธิคือสภาวะที่จิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว และต้องเป็นอารมณ์ที่เป็นกุศล อันได้แก่ ทำดี พูดดี ระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีๆ จึงจะเป็นสมาธิที่ถูกที่ดีครับ การทำสมาธิ ทำได้ทั้งอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน ผลของการทำสมาธิคือไม่ทำให้จิตใจตกอยู่ใต้อำนาจของความหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ไม่ตกอยู่ในอำนาจของความพยาบาท ความโกรธเคืองทั้งหลาย ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของความเคลิบเคลิ้ม ง่วงซึม หดหู่ ท้อถอยใดๆ ทำให้ปราศจากความอึดอัด ฟุ้งซ่านรำคาญใจ และท้ายที่สุดทำให้เกิดปัญญาปราศจากความลังเลสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครับ สมาธิเป็นประธานของความดีทั้งปวงดังที่พระนาคเสนเถระผู้เป็นอรหันต์ได้ตอบคำถามของพระยามิลินท์ดังต่อไปนี้ครับ ปัญหาพระยามิลินท์ ปัญหาที่ 13 สมาธิลักขณปัญหา (ปัญหาว่าด้วยลักษณะแห่งสมาธิ) พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูกรพระนาคเสน ก็สมาธิ (ความตั้งใจมั่น) มีลักษณะอย่างไร พระนาคเสนทูลตอบว่า มีลักษณะเป็นประธาน ขอถวายพระพร อันความดีทั้งหลายล้วนมีสมาธิเป็นหัวหน้าเป็นประธานทั้งสิ้น พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า เธอจงเปรียบให้ฟัง พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร เหมือนพระมหากษัตริย์เสด็จงานพระราชสงครามพร้อมด้วยจตุรงคเสนา ก็บรรดาเสนา ๔ เหล่าซึ่งจัดเป็นหมู่หมวดนั้น ต้องมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้บัญชากิจการเป็นประธาน กิจการนั้นๆ จึงจะดำเนินลุล่วง ไปได้ ตัวอย่างนี้ฉันใด แม้สมาธิ ก็ฉันนั้น  ย่อมเป็นหลักเป็นประธานของความดีทั้งหลาย จริงอยู่ความดีทั้งหลายต้องอาศัยใจที่มั่นคงใจที่แน่วแน่เป็นหลักจึงจะอยู่คงที่ หรือจะก้าวหน้าไปถึงที่สุดแห่งความดีได้ นัยแห่งพระพุทธภาษิตก็มีรับรองอยู่ว่า จงทำสมาธิให้เกิด เหตุว่าผู้มีจิตเป็นสมาธิย่อมรู้แจ้งตามความจริง พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า เธอนี้สามารถ จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 17:00:45

ความคิดเห็นที่ 3 ได้สติ จากคุณ : นโม มโน (baanpurida) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 17:08:16

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อมีสมาธิในจิต   จะทำให้จิตมีความสุขสบาย แจ่มใส มีสติดี มีปัญญาว่องไว  มีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างสูง  อดทน  ไม่ท้อถอย  ไม่กลัวอะไร  ทั้งมีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  เห็นอกเห็นใจคนและสัตว์ทั้งหลาย ..ฯลฯ เมื่อมีจิตใจแบบนั้นแล้ว  จะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้   ตามสบาย.... ถ้าฝึกได้สมาธิในระดับสูงๆ  ก็อาจจะได้อภิญญาต่างๆ  เช่น  รู้อดีต อนาคต  มองเห็นผีสางเทวดา  รู้ใจคนและสัตว์ว่ากำลังนึกคิดอะไร  เป็นต้น..ฯลฯ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 17:37:58

ความคิดเห็นที่ 5 อาบน้ำให้จิตใจ ครับผม จากคุณ : dupdanup (ดูบดานูป) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 18:34:26

ความคิดเห็นที่ 6 ได้อะไรได้หลายอย่าง จิตอบรมได้ ลองชม clip จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 20:42:25

ความคิดเห็นที่ 7 คำกล่าวว่า "การนั่งสมาธินั้นทำให้มีความปลอดโปร่งและเรียนดีขึ้น" ไม่ได้เกิดจากคุณวิเศษเหนือธรรมชาติ แต่เป็นเพราะเมื่อจิตเป็นสมาธิ เวลาเรียนก็มีสมาธิตั้งใจฟัง ไม่วอกแวกแม้มีเสียงรบกวน เวลาอ่านหนังสือก็มีสมาธิตั้งใจอ่านไม่ฟุ้งซ่านคิดเรื่องอื่น เป็นการฝึกจิตให้เข้มแข็งแล้วเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันอย่างมีเหตุมีผล ถ้านั่งสมาธิแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอย่างที่หวังเอาไว้ จากคุณ : ชนาธิป - พุทธแท้ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 21:03:48

ความคิดเห็นที่ 8 เอาจริง ๆ ก็ไม่ต้องนั่งหรอกครับ ลองมาคิดดูว่าเราเรียนหนักขนาดไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรือ เรียนโรงเรียน 8 ชม. สมมุติเรียนพิเศษต่ออีก 2 ก็รวมเป็น 10 นอนอีก 8 ชม. ยังเหลือเวลาอีก 6 ชม. ให้เราไม่ต้องยุ่งกับการเรียน อยากเก่งก็ต้องมีวินัย ถ้าเล่นเกมจนดึก ก็ต้องเตือนตัวเองว่าหยุดได้แล้วนะ ต้องนอน และต้องบังคับให้นอนจริง ๆ ทบทวนตัวเองวันละซัก 10 นาที่ คิดดูว่าวันนี้เราทำอะไรได้ดีแล้วหรือยัง วิชาต่าง ๆ ก็เรียนด้วยปัญญา ใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่สักแต่ท่องก่อนสอบ ตั้งใจทำอะไร ให้ทำจริงๆ ไม่ใช่สักแต่คิดไปวัน ๆ แล้วเราก็จะเหลือเวลาเยอะแยะเพราะเราไม่ไร้สาระ ทำได้เท่านี้ก้จะเป็นคนเก่ง สมองโปร่งแล้วครับ ส่วนบุคลิกแล้วแต่คน ลองหาคนที่มีบุคลิคตัวอย่างที่อยากเป็นดูสิ แล้วทำตาม จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 01:45:40

ความคิดเห็นที่ 9 นั่งสมาธิเหมือนกับไปล้างเครื่องคอมใหม่หลังจากติดไวรัสค่ะ รับรองล้างปุ๊ป เครื่องเราไม่รวนไม่ช้า เม็มอะไรก็คล่องปรื๊ดคล่องปรื๊ด สำหรับเรื่องการนั่งสมาธิช่วยเปลี่ยนบุคลิกภาพของเราได้? ต้องลองดูค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะรู้ได้ด้วยเฉพาะตนค่ะ จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 02:00:46

ความคิดเห็นที่ 10 สาธุ... สาํธุ... สาธุ... เป็นกำลังใจให้้ ประสบความสำเร็จนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 15:27:11

ความคิดเห็นที่ 11 ปล. การฝึกสมาธิมีผลดีฝ่ายเดียว มีผลดีต่อตัวเราทั้งทางร่างกายและจิตใจมากมาย เช่น ทำให้มี สติปัญญาดี มีใจตั้งมั่น การพูดจามีเหตุผล มีผิวพันธ์ผ่องใส จิตใจเบิกบาน เป็นต้น ครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 15:29:30

ความคิดเห็นที่ 12 การทำสมาธิ สมองจะได้พักผ่อน คลื่นสมองลดความถี่ ความสั่นสะเทือนของสมองลดลง เป็นการพักผ่อนสมอง เมื่อสมองได้พักผ่อนจากความคิดหลากหลาย และอารมณ์มากมาย จะสามารถเรียน จำและคิดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ทำสมาธิครั้งละไม่ต้องนาน แต่ทำบ่อยๆ ทำสม่ำเสมอ ยิ่งทำในเวลาเดิมๆได้ด้วยยิ่งดี อาจจะทำ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ในเวลาเดิมๆ ครั้งละ 5-10 นาที ก็ได้ค่ะ (รวมวันละไม่ต่ำกว่า 15 นาที) ลองดูนะคะ ไม่นาน เห็นผล ส่วนเรื่องบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นได้ค่ะ การทำสมาธิช่วยสร้างกำลังให้จิตใจ ทำสมาธิสม่ำเสมอ จะมีสติ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ใจเย็น มีความรับผิดชอบ มีเมตตา มีความเสียสละ แยกแยะผิดถูกได้ มีความสุขุมรอบคอบ ความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพภายนอกอาจจะใช้เวลามากกว่าทางอารมณ์และความคิดภายในค่ะ เพราะพอสมองปลอดโปร่ง หายเครียด อารมณ์ดี แล้วบางทีเราก็จะยิ้มเยอะขึ้นค่ะ ยิ้มเยอะเหมือนมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น เหมือนได้ข่าวดี ทั้งที่ไม่มีอะไรพิเศษ พิสูจน์มาแล้วค่ะ จากคุณ : S III (Kewalin Rieki) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 21:34:09

ความคิดเห็นที่ 13 ในทางวิทยาศาสตร์ การนั่งสมาธิ ช่วยให้สมองทั้งสองด้าน ทำงานเชื่อมต่อกัน ส่งผ่านข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น เรียกว่า การซิงโครไนซ์ค่ะ หรืออีกอย่างเรียกว่า การตกตะกอนทางความรู้ เช่น เรื่องบางเรื่อง ในตอนแรกเราไม่เข้าใจ แล้วอยู่ๆก็ เข้าใจขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ แบบนี้เป็นต้น แต่ทั้งนี้ เวลาเรานั่ง เราต้องตัดความอยากได้ในผลลัพท์ทิ้งไป เรานั่งเพราะเรานั่งสมาธิ แค่นั้นค่ะ จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 15:42:18

ความคิดเห็นที่ 14 อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ    อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้    ทิพพโสต มีหูทิพย์    เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้    ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้    ทิพพจักขุ มีตาทิพย์    อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล (แปลว่าคนที่ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องก็สามารถมี อภิญญา ก่อนจะบรรลุธรรมได้ ) อ้างอิง    พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548 จากคุณ : เมฆน้อยคอยดาว เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 19:39:34