ความคิดเห็นที่ 1 อ่านให้สนุก  คิดให้มากกว่าคนเขียน เช่น คนเขียนคิดผิดหรือเปล่า  ทำอย่างอื่นได้ไหม  เนื้อความมันเป็นความจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่เรื่องที่คนเขียนทำขึ้น   เขียนแบบนี้แล้วเราเข้าใจดีไหม หรือน่าจะทำแบบอื่นดีกว่า อย่าตั้งใจมากเกินไป อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเข้าห้องส้วมแล้วอ่านสบายๆ ! ทีละหน้าๆ ไม่ต้องรีบตั้งเป้าให้จบเป็นบท  อ่านแล้วคิด คิดแล้วอ่าน ไม่เข้าใจอ่านใหม่ หรือเข้า google  wikipedia ไปหาข้อมูลที่ทำให้เข้าใจมากขึ้น ถามเพื่อน ฯลฯ จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 19:02:16

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องคิดค้นหาวิธีการด้วยตัวเอง จึงจะพบวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง พยายามเข้า อย่าท้อ อย่าขี้เกียจ แล้วจะพบ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 3 น้องผมเทอมนี้ลง9วิชา22หน่วยกิจ เทอมที่แล้วลง10วิชา24หน่วยกิจ เสาร์อาทิตย์ไม่กลับบ้านเพราะไม่อยากให้การบ้านค้าง มีเวลาว่างก็เล่นกีต้าในหอพักหรือไม่ก้ไปเข้าห้องยิมของมหาวิทยาลัยเพื่อออกกำลังกาย จะออกนอกมหาวิทยาลัยก้ต่อเมื่อมีธุระจำเป็น จขกท ทำตัวแบบนี้หรือไม่ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 20:14:50

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาจขกท. อ่านข้อความในเว็บบอร์ด เว็บไซต์ Facebook Twitter  จขกท.มีอาการอย่างนี้หรือเปล่า? ถ้าไม่มี ก็อ่านหนังสือเรียนด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันนั่นแหละครับ ^_^ จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 20:31:35

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องสอนตัวเองด้วยตนเองให้ตระหนักถึงความสำคัญให้ได้ก่อน ว่าทำไมต้องอ่านหนังสือ  อ่านหนังสือเพื่ออะไร ไม่อ่านหนังสือแล้ว จะเกิดโทษอย่างไร  อ่านหนังสือแล้วได้ประโยชน์อย่างไร ...การอ่านหนังสือ เป็นการคัดลอกเอาความรู้ จากความรู้ของผู้อื่น ให้มาเป็นความรู้ของเรา แล้วต่อยอดความรู้ที่เหลือจากการเรียนรู้จากการอ่านหนังสือนี้  ให้แตกยอด แตกฉานออกไป ก็เพื่อประโยชน์แกตัวเราเอง ...การอ่านหนังสือ เพื่อให้จำความรู้จากหนังสือเป็นความสำคัญ แต่การอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจความรู้จากหนังสือสำคัญกว่า ฉะนั้น  อ่านหนังสื่อ ต้องให้เข้าใจ มากกว่าที่จะให้เข้าสมองจำ...การอ่านหนังสือ ต้องตั้งใจอ่าน รู้จักเวลาที่ควรอ่าน  สถานที่ที่เหมาะแก่การอ่าน กิริยาอาการที่ควรอ่าน  ร่างกายจิตใจพร้อมหรือไม่ที่จะอ่าน   เช่น การอ่านหนังสืออ่านเวลาไหนก็ได้แต่เวลาเข้า สมองจะจำได้ดีกว่าเพราะผ่านการพักผ่อนมาแล้ว ..สถานทีที่ควรอ่าน ควรจะเป็นที่สงบเงียบ แสงสว่างต้องเพียงพอ ไม่มืดสลัว หรือจ้าจัดกัดสายตา ร่างกายควรจะอยู่ในลักษณะที่สบาย ๆ  แต่ไม่ควรนอนอ่านหนังสือ  ไม่ควรเพ่่งหน้าจอ คอม นานเกินไป เพราะเสียสายตา การอ่านออกเสียงจะจำได้ดีกว่าอ่านในใจ ออกเสียงดังมากหน่อยถ้าง่วง  ถ้าง่วงนักก็พักไปวิ่งรอบบ้านสัก 1 รอบ  ดูต้นไม้ใบหญ้า สีเขียว ทำให้ตาผ่อนคลายสายตาดี หรือไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ปะแป้งเย็น ๆ  แล้วค่อยมาอ่านใหม่ ถ้าง่วงหนักนักก็พังสักงีบ แล้วรีบตื่นขึ้นมาอ่านใหม่   เท่านี้ ก็พอได้แล้วครับ...ถ้าไม่หายก็น่าจะตรวจเช็คสายตา ก็น่าจะดีครับ... จากคุณ : นิ่งหนอ (นิ่งหนอ) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 22:39:43

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านบ่อยๆนะครับ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 22:52:14

ความคิดเห็นที่ 7 การที่เราอ่านหนังสือแล้วรู้สึกง่วงไม่ Concentrate กับมัน อาจเป็นเพราะเราไม่เข้าใจมันจริงตั้งแต่ใน Class แล้ว เลยอ่านผ่านๆ ไปอย่างนั้นแหละ จรืงๆ เข้าตาซ้ายทะลุตาขวา วิธีแก้ต้องตั้งใจตั้งแต่วันแรกของเทอม 1. พยายามมีวินัยในการเรียน พยายามอย่าโดดเรียน ถ้าไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องขาดเรียนใน ชมไหน ให้รีบตามการเรียนให้ทัน 2. เวลาเรียนให้นั่งเรียนอย่างตั้งใจ ไม่เข้าใจจุดไหนให้กล้าถามอาจารย์ ทั้งในคลาส หรือเลิกคลาส พยายามมีส่วนร่วมในคลาส ให้ครูจำหน้าได้ยิ่งดี 3. จด Lecture อย่างละเอียด ถ้าคิดว่าจะจดไม่ทัน ให้จดอย่างย่อๆไว้ และอัดเสียงกรสอน และพอกลับบ้านก็ไปถอดความ เขียน Lecture ให้เรียบร้อย เข้าใจง่าย 4. ตั้งใจทำการบ้าน รายงาน ควรจับกลุ่มกับเพื่อนที่ตั้งใจเรียนในการติวกัน เพราะบางอย่างเราคิดว่าเราเข้าใจถูก แต่จริงๆอาจไม่ใช่ การมาทดลองทำโยชน์กัน เป็นการซักซ้อมความเข้าใจ ว่าเราเข้าใจถูกต้องแน่นอน 5. เวลาสอบให้วางแผนอ่านหนังสือให้ดี อย่าไฟลนก้น การที่เราทำความเข้าใจทุกบท ในคลาสเรียน และมีการทบทวนจด Lecture เอาไว้ดี จะทำให้การทบทวนก่อนสอบ ง่ายดาย และไม่เสียเวลามานั่งเอ๋อมาก 6. อ่านแล้วต้องทดลองเอาข้อสอบ โจทย์ มาทดลองทำโดยจับเวลาทำทุกครั้ง 7. เก็งข้อสอบว่าอาจารย์น่าจะถามอะไร คนที่อัดเสียงอาจารย์ มา และนำมาแกะ เป็น Lecture จะเดาใจอาจารย์ได้ดี เพราะท่านมักจะออกในสิ่งที่ท่านย้ำน่ะแหละ 8. เกร็ดอีกอย่าง ถ้าเราสนิทกับท่านอาจารย์ได้ดี เช่นเราเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน อาจารย์จำหน้าเราได้ เราอาจจะขอให้อาจารย์ทบทวนบทเรียนก่อนสอบให้พวกเราทุกคนในคลาส อันนั้นล่ะ อาจารย์จะหลุดแนวข้อสอบออกมาเยอะ เลย เป็นประโยชน์กับเราและเพื่อนๆ ท้ายนี้เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนจะทำตามขั้นตอนทั้ง 8 ข้อช้างบนได้ เราต้องทำใจให้รักใน วิชานั้นๆซะก่อน ท้าทายมัน และพยายามเอาชนะมะนให้ได้ พอทำได้วิชา 2 วิชา คราวนี้ล่ะมันส์เลย เราจะเชื่อมั่นในตัวเอง คราวนี้ล่ะ ฟัน A เรียบ จากคุณ : ยัยก้อย เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 00:46:02

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับเรา เราจะคิดถึงผลที่ตามมาค่ะว่า -ถ้าอ่าน ทำข้อสอบได้ อาจท๊อปห้อง ได้เกรดเอ ภูมิใจมีความสุข -ไม่อ่าน ทำข้อสอบไม่ได้ ตกอีก ติดเอฟ ต้องเสียตังค์ลงเรียนใหม่ พ่อแม่เสียใจ แล้วเลือกเอาค่ะว่าอยากเป็นตามข้อไหน อิอิ เราคิดตามนี้ทีไรมีสมาธิอ่านหนังสือทู๊กที แล้วได้เอทุกทีเลย ไม่ได้โม้น๊า แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 01:35:23 จากคุณ : ผักบุ้งฮาเฮ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 01:34:17

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องลองฝึกสมาธิอย่างจริงจังดูนะครับ เมื่อได้ฝึกสมาธิอย่างจริงจังแล้ว ผลของสมาธิจะทำให้เรามีสติ รู้ตัวได้ง่าย มีสติได้นาน ทำให้เราสามารถทำอะไรได้เต็มที่ตามที่เราต้องการครับ ควรจะลองฝึกสมาธิดูนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:36:12

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับ #9 ค่ะ จะมีสมาธิกับกิจกรรมใดๆ ต้องฝึกสมาธินอกกิจกรรมก่อน ลองทำสมาธิครั้งละไม่ต้องนาน แต่ทำบ่อยๆ ทำสม่ำเสมอ ยิ่งทำในเวลาเดิมๆได้ด้วยยิ่งดี อาจจะทำ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ในเวลาเดิมๆ ครั้งละ 5-10 นาที ก็ได้ค่ะ (รวมวันละไม่ต่ำกว่า 15 นาที) ทำไปสักเดือนน่าจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้เองค่ะ ลองดูนะคะ จากคุณ : Kewalin Rieki เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 08:24:55