ในรูปภูมิ ๑๕ ภูมิ (เว้นอสัญญสัตตภูมิ) มีรูปเกิดได้เพียง ๒๓ รูป เท่านั้น โดยเว้น ฆานปสาทรูป ,ชิวหาปสาทรูป ,กายปสาทรูป ,อิตถีภาวรูป และ ปุริสภาวรูป ที่เว้น ปสาทรูป ๓ และภาวรูป ๒ นั้น เพราะรูปทั้ง ๕ รูปนี้เป็นรูปที่เป็น ปัจจัยสนับสนุนก่อให้เกิดกามคุณอารมณ์เป็นส่วนมาก อันล้วนแต่เป็นโทษอย่าง เดียวพรหมบุคคลเป็นผู้ที่ปราศจากกามฉันทะดังนั้นรูปทั้ง๕จึงไม่เกิดมีแก่พวกพรหม
ส่วนจักขุปสาทรูปและโสตปสาทรูปเกิดมีแก่พวกพรหมได้ เพราะปสาทรูป ทั้ง ๒ นี้ มิใช่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดกามคุณอารมณ์ที่จะเป็นโทษแต่อย่างเดียว ย่อมมี คุณประโยชน์เป็นอย่างยิ่งได้อีกด้วย
กล่าวคือ นัยน์ตาก็เป็นประโยชน์ในการที่ได้เห็น ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ หูก็มีประโยชน์ในการที่จะได้ฟังธรรมอันประเสริฐ ถึงกับได้รับความยกย่อง เรียกว่าเป็นทัสสนานุตตริยคุณ และ สวนานุตตริยคุณ คือ เป็นคุณอย่างล้นพ้นแก่การเห็น เป็นคุณอย่างล้นพ้นแก่การฟัง ดังนั้น พรหมจึงยังคงมี จักขุปสาทรูป และโสตปสาทรูปอยู่
http://www.abhidhamonline.org/aphi/p6/080.htm
ตอนฌานจิตเกิดไม่ได้ยินเสียงก็จริงครับ แต่เมื่อไปเกิดบนพรหมโลก พระพรหมที่เป็น รูปพรหม สามารถได้ยินเสียงได้
จะไม่ได้ยินเสียงเฉพาะเวลาที่เข้าฌานสมาบัติในวิมาน แต่เวลาที่ออกจากฌานสมาบัติและสนทนาธรรมกับเหล่าพรหมด้วยกันจะได้ยินเสียงของกันและกัน
ส่วนพรหมลูกฟัก หรืออสัญญีพรหม แม้จะเป็นรูปพรหมแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงและไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถมองเห็น ฯลฯ เนื่องจากมีเพียงรูปขันธ์ ปราศจากนามขันธ์ คือไม่มีจิตนั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 03:38:31