นิพพานเป็นสภาวะธรรมที่สัมผัสได้ในทันทีที่บรรลุธรรม
ตั้งแต่ขั้นแรกเริ่ม คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี (3ขั้นแรกนี้รู้เห็นได้ในขณะที่บรรลุธรรม)
และพระอรหันต์(รู้นิพพานได้ตลอดเวลา) ที่สำคัญคือ พิสูจน์ได้ทันทีในชาตินี้ ไม่ต้องรอตอนตายถึงจะค่อยรู้
และหากคนนั้นๆเป็นผู้มีปัญญา มีบารมีเต็มที่ สามารถบรรลุธรรมได้ ภายใน 7วัน 7เดือน หรือ7ปี
แล้วแต่ว่ามีบารมีขนาดไหน มีปัญญามากขนาดไหน และมีความเพียรพยายามในการปฏิบัติ อย่างถูกต้องตรงทางเพียงใด
ขอเพียงไม่มีปัญญาน้อยขนาดเป็นบัวใต้น้ำ ไม่มีความเห็นผิดทาง ไม่ผิดศีลข้อปาราชิก และ ไม่ทำอนันตริยกรรมก็พอ
*แต่ถึงยังไม่บรรลุธรรม ผู้ที่ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตามหลัก สติปัฏฐาน4
ก็จะสามารถมีอิทธิฤทธิ์ได้ในชาติปัจจุบัน และสามารถใช้ญาณ ตาทิพย์ ไปรู้ไปดู นรก สวรรค์เพื่อพิสูจน์ความจริงได้
หรือถ้ามีอิทธิฤิทธิหรืออภิญญามากหน้่อย ก็จะสามารถไปเที่ยว นรกหรือสวรรค์ ด้วยร่างกายนี้ได้เลย แบบที่ พระโมคคัลลานะ ท่านทำ
อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
- อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
- ทิพพโสต มีหูทิพย์
- เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
- ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
- ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
- อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล
(แปลว่าคนที่ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องก็สามารถมี อภิญญา ก่อนจะบรรลุธรรมได้ )
อ้างอิง
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 19:41:42
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 19:32:29