555 ไม่หักดิบ และไม่เกี่ยวกับกะจิตกะใจว่าจะทำไม่ธรรมด้วย ดังนี้
สติไม่เกี่ยวความความรู้สึก หรอกครับ หาความรู้เรื่องสติสักนิด แล้วทำให้มันเกิดขึ้นเลย
ตอนมีสติจะไม่มีความคิด อารมณ์จับไม่ได้ ในขั้นแรกถือว่ามันเป็นการพักผ่อนจิดที่ดีทีเดียว และเมื่อมันพัฒนาขึ้น ความรู้ความเข้าใจในเชิงประสบการณ์ตรงจะผุดขึ้น
จากนั้นแหละจิตคุณก็จะค่อยๆเป็นอิสระจากอารณ์ด้านลบเหล่านั้นครับ
ควรจะเอาอะไรในตอนแรกหรอ เอาสติฐานกายครับ
หยาบๆก่อนนะ ตอนคุณเอามือไปแตะน้ำแข็งความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น ณ ตำแหน่งนั้น รู้สึกได้ ความรู้สึกนั้น ไม่เกี่ยวกับความคิดนะ อย่าไปคิดว่าเอ๊ะมันคือความเย็น อย่าคิด
สติคือการรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนั้น ไม่ใช่เกิดจากสัญญาหรือความจำหรือความรู้หรือตรรกะ แต่เป็นสภาวะตอนนั้นๆนั่นเอง
ถ้าเอามือไปโดนหม้อร้อนๆอะไรเกิดขึ้น ก็ร้อนที่มือ
แน่นอนเมื่อรู้จักสติแล้วก็ไม่ต้องตั้งใจจะเอามือไปโดนอะไรแล้ว สติจับได้ทุกที่ เหมือนว่าจะเอาเซนเซอร์ไปจับตรงไหนก็ได้ จับที่ลมหายใจก็ได้ จับที่ความรู้สึกที่ผิวหนัง หนาวร้อนเย็นคันฝืด
จับที่ความหวานเค็มขมเผ็ดเปรี้ยว
จับสิ่งที่เห็น จับที่เสียง จับที่กลิ่น ได้หมดครับ ที่พูดมาก็จะบอกว่าเราฝึกสติได้ตลอดเวลานั่นเอง
ฐานกายเป็นส่ิงหยาบที่จับได้ง่าย ลองเอานิ้วถูๆกันแล้วจับที่ความรู้สึกนั้นก็ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ามีเวลาว่างให้ตัวเอง ก็อาจจะทำเป็นงานเป็นการนิดหนึ่งเช่น ทำสมาธิในแนวอาณาปานสตินั่นเอง สัก 15 นาที ต่อวันก็ยังดี
ใช้สติจับความรู้สึกรอบจมูก หรือจับที่สภาวะของการหายใจเข้าออก ไม่ต้องบริกรรมใดๆทั้งนั้น แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องบริกรรมอาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตาม ก็ค่อยลดการบริกรรมลงจนถึงเหลือแต่การจับความรู้สึกหรือสภาวะล้วนๆ
เพราะถ้าคุณบริกรรมอย่างเดียวแน่นอนอาจจะทำให้เกิดสมาธิง่ายขึ้น แต่สมาธิไม่ใช่ตัวที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว ตัวที่จะแก้ปัญหาได้ในระยะยาวคือสติ ตังหากหละครับผม
อันนี้แนวทางผมนะครับ แล้วแต่ละคนแต่ละแนวนะครับผม
ขอบพระคุณครับ
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 20:24:28
จากคุณ |
:
มังกรจักรวาล
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ค. 55 20:08:12
|
|
|
|