ความคิดเห็นที่ 1 ท้าว่าให้นาย laliklalee ไปเอาคำพูดก่อนหน้ามาก็ได้นะ จะได้รู้ว่าพูดอะไรไปอย่างไร ถึงได้ถูกตอบมาแบบนี้ จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 17:52:42

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่า ท่านเองหยุดเถอะ ไม่มีประโชยน์ อะไรเลยที่มาตั้งกระทู้ทำนองนี้ ท่านไม่หยุด เขาก็ไม่หยุด กล่าวว่าศาสนาของกันและกัน เกิดดราม่ากันไม่หยุด จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 18:14:34

ความคิดเห็นที่ 3 ศาสนาพุทธนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณ Laliklaleeให้ความเห็นมาเลย.. ที่เขาเขียนมานั้นคือมุมมองของศาสนิกชนอื่นมองศาสนาอื่นด้วยอคติ.. แต่ไม่เคยศึกษาถึงแก่นของหักธรรม...มุ่งแต่การวิจารณ์องค์ศษสดาในประเด็นอภินิหารเท่านั้น.. แต่..ขอโทษที่ต้องบอกว่า มุมมองของคุณเจ้าของกระทู้ต่อศาสนาอืสลามก็ไม่ได้แตกต่างกับเขาเลย.. คุณไม่ได้ศึกษาอะไรเลยเกี่ยวกับอิสลาม หยิบเอาเปลือกย่อยมาวิจารณ์.. แต่ไม่เคนได้ศึกษาถึงความลุ่มลึกของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน ไม่ได้ศึกษาแก่นของศาสนาอิสลามที่มุ่งให้เกิดความเท่าเทียมกัน..และสันติภาพ ทั้งสองคนคือคนที่ศึกษาศาสนาอื่นอย่างผิวเผิน.. แล้ว "สำรอก"ออกมาเพื่อสร้่งความเกลียดชังระหว่างศาสนา คิดเองก็แล้วกันว่า คุณเป็น"ผู้ตื่น"ในพระพุทธศาสนา หรือผู้ยอมรับวัจนะขององค์อัลเลาะห์ ในศาสนาอิสลามหรือไม่? ขออภัยที่ผมไม่เป็นแนวร่วมกับคนที่ต้องการเอาศาสนามาฟาดฟันกันหรอก จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 18:27:32

ความคิดเห็นที่ 4 หากเจอคนประเภทนี้จะทำอย่างไรดี พระท่านก็ได้เมตตาตอบมาดังนี้ครับ คำถาม: หลวงพ่อครับ ถ้ามีใครว่าร้ายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้ฟังจะทำอย่างไรดีครับ?   คำตอบ: ก่อนอื่น อย่าเพิ่งโกรธเขา แต่ควรให้ความสงสารเขามากกว่า เพราะเขาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย และกำลังหาบาปด้วยปากแท้ๆ ถ้ามีโอกาสก็ต้องพยายามอธิบายให้เขาทราบความจริง จะได้ล้มเลิกความเป็นผิดนั้นเสีย คือต้องทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับเขา ช่วยแก้ข้อสงสัยต่างๆ ให้เขาด้วยเหตุผล เพื่อปลูกฝังความเห็นถูกให้ เขาจะได้ไม่ผิดพลาดอีกต่อไป แต่การที่เราจะทำอย่างนี้ได้นั้น เราเองจะต้องประพฤติตนดังนี้ 1) ฝึกตัวเองให้เป็นคนมีใจหนักแน่น มั่นคง แต่ความคิดต้องไม่คับแคบ แบบตีกรอบไปเสียทุกเรื่อง ต้องทำใจเปิดกว้าง อดทน ต่อการว่าร้ายจากผู้ที่เราหวังดี แล้วพยายามเข้าไปชี้ทางถูกให้ ซึ่งการจะกระทำอย่างนี้ได้ ก็ต้องอาศัยการฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน           2) ต้องศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจจริงๆ จนสามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจตามได้ ในกรณีที่เรายังไม่สามารถแก้ความเห็นผิดให้แก่เขาได้ ให้พยายามชี้ชวนชักนำให้เขาไปหาผู้ที่มีความรู้ดีจริงๆ ให้ช่วยแก้ไขความเห็นผิดของเขา วิธีนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย           3) ประพฤติธรรมอย่างเคร่งครัด จนปรากฏผลออกมาเป็นบุคลิกภาพที่น่าเลื่อมใส เพื่อจะได้เป็นพยานแก่พระศาสนาว่า การประพฤติปฏิบัติธรรม การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น ส่งผลให้ชีวิตราบรื่นเป็นสุขได้จริง เป็นการทำให้ดู แทนการพูดปากเปล่า จากคุณ : หมูน้อยแฮม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 18:33:08

ความคิดเห็นที่ 5 คุณMopeena   ถ้าคุณไม่รังเกียจ เชิญไปคุยกับผมในกระทู้ของผมข้างล่างนี้ก็ได้ครับ ผมยินดีจะคุยด้วย เราจะได้ไม่ต้องกระทบกระเทือนใจกัน ในขณะที่ ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันและ ดูหมิ่นกันระหว่างศาสนา มันทำให้ผู้ ศรัทธาผู้อื่นเขา กระเทือนใจไปด้วย   ถ้าการเขียนเป็นเพื่อการปรับ ปรุงการปฏิบัติตามหลักศาสนาของตนเองให้ถูกต้อง และโต้เถียง กันด้วยเหตุผล โดยไม่หยาบคายต่อกันแล้ว จะเกิดประโยชน์ แก่ สัง คมของเรา ชาวห้องศาสนามากกว่านี้   แต่ก่อนนั้นไม่เคยมีเรื่องรุนแรงอย่างที่โต้เถียงกันในขณะนี้และนี่ก็เริ่ม   อีกแล้ว  ถ้าคุณMopeena  มีความสงสัยกับหลักการอิสลาม ในรูป   แบบใดก็ตามผมยินดีตอบอย่างตรงไปตรงมา จนกว่าคุณจะเข้าใจและ   พอใจ  และจะไม่โกรธเคืองหรือ มองในแง่ลบต่อคำถามของคุณ  ด้วยความนับถืออย่างจริงใจ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 18:42:23 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 18:39:01

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนใหญ่ หรือ หลักๆ เลย  ที่เป็นตัวเริ่มของ ความความไม่สงบ  เกิดจากอะไร ถ้าผู้ที่มีใจ เป็นกลาง หรือมี ความยุติธรรมพอ จะมองเห็น น่ะค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณ คิดว่า คุณไม่พอใจ ที่ใครมากล่าว หรือพาดพิง ศาสนา หรือ บุคคลที่คุณเคารพ ในทางไม่ดี หรือ ไม่ถุกต้อง ก็โปรดจงจำไว้ว่า เค้าก็รู้สึกเหมือนคุณ เช่นกัน ดังนั้น ในเมื่อคุณเข้ามาเสนอหน้า ให้มุสลิมตอกกลับ เอง ก็จงยินยอม หรือ ยอมรับ มันเถิดค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 18:50:46

ความคิดเห็นที่ 7 ดังนั้น ในเมื่อคุณเข้ามาเสนอหน้า ให้มุสลิมตอกกลับ เอง ก็จงยินยอม หรือ ยอมรับ มันเถิดค่ะ Ms.Kohlanta "งั้นผมจะบอกให้เลยก็แล้วกัน พระเจ้าเป็นสิ่งเดียวที่สมควรศรัทธา" Carroth นี่แหละชัดเจนเลย ต้นเหตุของปัญหา และความรุนแรง โหดร้าย ไร้มนุษย์ธรรม ในโลกใบนี้ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:00:59

ความคิดเห็นที่ 8 คัมภีจะว่าอย่างไร ก็แล้วแต่จะแปลกันไป แต่ความเป็นจริงก็อย่างที่เป็นข่าว จะตะแบงกันไปถึงใหน ไม่ใช่คนเดียวที่เชื่อและกระทำ พวกกองเชียร์ก็เชื่ออย่างเดียวกันไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่เหตุจากการสอนต่อ ๆ กันมาของศาสนาแล้วพฤติกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงคำพูดที่กล่าวออกมา ของคนทำ และกองเชียร์ เหมือนกับกองเชียร์ในความเห็นของกระทู้นี้ ถ้าไม่เหนียมคงตะโกนเชียร์เหมือนกัน แต่นี่ได้แต่ออกมาแก้ตัวแทนโดยเบี่ยงประเด็น เอาเรื่องอื่นมากลบ นี่แหละกลุ่มนี้เป็นอย่างนี้ น่าอับอายจริง ๆ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:03:20

ความคิดเห็นที่ 9 ก็ผมถึงถามไงว่าตัวอะไรมันเห่า -------------------------- พวกที่รับผิดชอบคำพูดตัวเองไม่ได้ ก็มีแต่พวกสัญชาติเดรัจฉาน สันดานสุนัขนั่นล่ะ ที่มันตั้งกระทู้พล่อยๆ แล้วมันก็หนีไป จากคุณ : Carroth -------------------------- นี่ไงละผลผลิตของศาสนานี้ เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่ว่าวาจา การกระทำ จิตใจ ล้วนสะท้อนออกมาให้เห็นดังข้อความข้างบน จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:05:07

ความคิดเห็นที่ 10 ผมสันนิษฐานตาม รูปภาพ ที่ จขกท เอามาแปะ ดูตามรูป คห 25 นั่นแสดงว่า มี คห ก่อนหน้านี้ 24 คห คุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ตามคห 25 เขียนว่า "ขออภัยเพื่อนพุทธรักสงบท่านอื่นด้วย ที่ต้องการกำหราบนายสติฝ่อ สันดานชั่วนี้ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน" ไม่มีการบอกลิ้งค์ ที่มาที่ไป เลยมิทราบว่าที่มาที่ไปคืออะไร สรุป จากข้อสินนิษฐาน จขกท กำลังปกปิดความจริงบางประการ หรือกำลังเบี่ยงเบนบิดเบือน เป้นอย่างอื่นหรือไม่ ? เพราะดูจากเนื้อหา แล้ว แสดงว่าในกระทู้นั้นมีการกล่าวร้ายอิสลามอย่างรุนแรงจาก จขกท เป้นแน่แท้ เลยเกิดรายการเอาคืน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 19:53:51 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 19:16:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:15:57

ความคิดเห็นที่ 11 มาวิเคราะห์ ตามบริบท ประโยค ตามคห 25 เขียนว่า "ขออภัยเพื่อนพุทธรักสงบท่านอื่นด้วย ที่ต้องการกำหราบนายสติฝ่อ สันดานชั่วนี้ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน" ผมจะตัดมาเป็นท่อนๆ ตามบริบทเพื่อเข้าใจได้ง่ายขึ้น ขออภัยเพื่อนพุทธรักสงบท่านอื่น แสดงว่ามิได้จงใจต่อว่า มิได้จงใจก้าวล่วงแต่อย่างใด ที่ต้องการกำหราบนายสติฝ่อ สันดานชั่วนี้ แสดงว่า คนที่คุณละลิ้ก กล่าวถึงนั้น เป็นพุทธศาสนิกชน สันดานชั่ว ไปก้าวล่วง ศาสนาที่คุณละลิ้กนับถืออย่างรุนแรง ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน" ตรงนี้ชัดเจนมาก แสดงว่าความรุนแรง ที่ คุณละลิ้กกล่าวถึงนั้นรุนแรง พอๆกับที่ คุณละลิ้กตอบโต้ไป ปล  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 19 มิถุนายน 2555 เรื่องผ่านมา 20 วัน ข้อสังเกตุ  ทำไม พึ่งเอามาพูด ในตอนนี้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 19:30:01 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:27:35

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ ละลิกผมไม่ทราบไม่ได้ติดตาม แต่ คุณ Mopeena  ผมพอทราบ 1.โกหกเรื่องงบประมาณแผ่นดิน ว่าอิสลามได้มากกว่าพุทธ ทั้งๆที่ไม่จริง สร้างระแวงสงสัยระหว่างกัน ถึงตอนนี้หลังจากความจริงกระจ่างแล้วก็ยังทำซึน ไม่รุ้ไม่ชี้ 2.สร้าง ทบ สมคบคิดว่า สส อยากได้มหาดไทย อยู่ในแผนยึดประเทศ สร้างความหวาดระแวงระหว่างกัน 3.เอาข่าวที่มีเนื้อหาปกติ มาตีไข่บิดเบือนตัดบางส่วน สร้างความเกลียดชังระหว่างกัน นี่แค่ผลงานเบาะๆนะครับ พุทธศาสนิกชนคลั่งไสยศาสรต์ตัวอย่าง จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:50:08

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าคุณ Laliklalee ออกมาชี้แจงให้เข้าใจด้วยตัวเองเรื่องคงจบลงด้วยดี เพราะจะเข้าเดือนรอมดอนแล้วอย่าดึง อิสลามมาให้เขาเหยียดหยาม กันเลย ครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 19:55:55 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:54:15

ความคิดเห็นที่ 14 3. เป็นที่น่าเกลียดยิ่งที่อัลลอฮฺ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ (*1*) จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 19:55:39

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้รวมสหายเก่า คุณ mce ไม่ชวนอิสลามคริสต์ ซิกข์ ไปปกป้องพุทธศาสนาอีกหรือครับ? จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:00:28

ความคิดเห็นที่ 16 "ผู้ที่ยิงเป็น ฆาตกรเลือดเย็น ไม่ใช่พวกอิสลามและไม่ใช่มนุษย์" แต่เป็นมุสลิมใช่ไหม อ้างทำตามพระเจ้าใช่ไหม ทำไมถึงอำมหิตกันถึงขนาดนี้ แล้วยังมีพี่น้องในนี้ออกมาเบี่ยงประเด็นแก้ตัวแทนอีกทุกคนที่เชื่ออย่างเดียวกันไม่ใช่หรือ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:03:38

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าอยากโต้ งั้นมาเลย อยากดูซิ ว่าสันดานเดรัจฉานแบบนี้ มันจะมีความรู้อะไรแค่ไหน carroth -------------------------------------------------------------------------------------- ปัญหาไม่ได้เกิดจากคน แต่เกิดจากศาสนา สอนให้คนงมงายจนทำชั่วต่างหาก แล้วยังบอกให้คนศาสนาเดียวกันออกมาปกป้อง เบี่ยงประเด็น แก้ตัวแทนเพราะ เป็นพี่น้องกันทั้งโลก การสอนชั่ว ๆ อย่างนี้ นี่คือสาเตุของปัญหา ไม่ต้องมาอ้าง ตำรา คัมภีย์ ต้องดูผลงานการสอนสั่งคนที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริงที่ปรากฏไม่ มีใครเชื่อการอ้างคำภีร์ที่อ้างมาหลอกโกหกทั้งนั้น จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:09:45

ความคิดเห็นที่ 18 อำมหิตไม่แพ้คุณ Faraday ที่เป็นพุทธแต่ คอยป่วนห้องศาสนาสร้างความเกลียดชังหรอกครับว่าไหมม สิ่งที่คุณ Faraday สร้างความเกลียดชังกันในห้องศาสนา พุทธศาสนาต้องรับผิดชอบหรือไม่ มันก็คำตอบเดียว กับ สิ่งที่คุณ Faraday พยายามยัดเยียดในความเห็น 16  ให้กับศาสนาที่คุณ Farayday ไม่ชอบนะละครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:10:10

ความคิดเห็นที่ 19 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/02/Y11736122/Y11736122.html *****ถ้าให้รวบรวม กระทู้ ที่คุณ Faraday  ตั้งหมิ่น เกี่ยวกับ พระเจ้า  มีเป็นสิบ กระทู้ได้ ละมั้ง  อันนี้ยังไม่นับที่โดนลบด้วยนะ แต่เสียดาย ไอ้ที่โดนลบ เซฟไว้ไม่ทัน ****** แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:32:50 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:16:05

ความคิดเห็นที่ 20 Faraday  เพื่อนรัก ผมแนะนำว่าเพื่อนกลับไปรับผิดชอบ กระทู้ของเพื่อนดีกว่านะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12354259/Y12354259.html เพื่อนำเสนอในแนวนั้นเพื่อน มุสลิม และพุทธ และศาสนาอื่นๆ  ปลื้ม วะเพื่อน กลับไปแนวนั้นนะดีแล้ว เชื่อดิ มีคนสรรเสริญย่อมดีกว่าคนด่า นะเพื่อน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 20:16:57 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:16:18

ความคิดเห็นที่ 21 อัลเลาะห์ ไม่เคยบอกให้ฆ่าคนโดยไรเหตุผล แต่เหล่าสาวกอัลเลาะห์ทั้งหลายมัก ยกคำสอนของอัลเลาะห์ มาอ้างในการฆ่าเช่นในคลิปนี้ ที่น่าเวทนากว่านั้นคือเหล่าสาวกที่อยู่ในเหตุการณ์มักร้องหาอัลเลาะห์และคอยสนับสนุนการฆ่า ต่อด้วยผู้สนับสนุนในอินเตอร์เน็ตมักแก้ตัวแทนทุกครั้งไป      ขออัลเลาะห์ จงลงโทษ กลุ่นคนนอกรีตเหล่านี้ ด้วย จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:17:13

ความคิดเห็นที่ 22 แต่อันนี้ลามปามไปถึงพระเจ้า เลวจริงๆ จากคุณ : Carroth --------------------------------------------------------- ใช่เลวจริง พวกที่ชอบอ้างพระเจ้า อะไรก็พระเจ้าสั่ง พระเจ้าบอกให้ทำ ทำให้พระเจ้าพลอยเลวตามไปด้วย ทั้งที่พระเจ้าคือสิ่งมนุษย์สมมุติขึ้นมา แล้วเชื่อ พระเจ้าจึงไม่มีเลวไม่มีดี จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:19:54

ความคิดเห็นที่ 23 0_0 เอ๊ะ...เขาคุยกันเรื่องอะไร? จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:26:18

ความคิดเห็นที่ 24 พระเจ้าไม่ใช่สิ่งสมมุติขึ้นมาครับ เพราะคำสอนของพระองค์สูงส่ง และมีประโยชน์กว่าคำสอนของ พวกที่อ้างว่าตัวเองรู้ไปหมด แต่คำสอนไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรให้ ตัวเอง และวงศ์วาน หรือบ้านเมืองเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:37:48

ความคิดเห็นที่ 25 ^-^  23     ได้กิ๊ฟแล้ว ขอบคุณค่ะ  :) ยังอ่านไม่หมด  มานั่งอ่านต่อ   ^-^ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:51:47

ความคิดเห็นที่ 26 ฟังแล้วก็เศร้านะ ของแบบนี้เราพิสูจน์กันได้หลังความตายเท่านั้น นอกจากว่า นาย laliklalee กล่าวตู่พระพุทธเจ้าเสร็จแล้วถูกแผ่นดินสูบทันที ของถามหน่อยพระพุทธเจ้าเราไปทำอะไรให้คุณ คุณไม่พอใจมานับก็ไม่ต้องมานับถือสิ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับศาสนาของเรา และก็ขอฝากชาวพุทธทุกท่านด้วยว่าอย่าไปยุ่งกับศาสนาของเขาเลย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า จากคุณ : kekzo เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 20:58:26

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 20     เท่าที่อ่านดูความคิดคุณแล้วคงยากครับที่จะจูนให้ตรงกัน คุณเองก็พูดได้มั่วซั่ว นรกของผมเอง(พุทธ)ก็ไม่ได้มีไว้สำหรับคนพุทธหรอกนะ แต่มีไว้สำหรับคนชั่ว ๆ เท่านั้น ชาติ ศาสนาไหนคงไม่ได้สนใจ และไอ้ผู้สร้างบ้าบออะไรนั่นอย่าพยายามมาพูดโน้มน้าวกับผมแค่ได้ยิน ก็รู้สึกกระอักกระอ่วมอยู่แล้ว ผู้สร้างนรกเองกับทำไม่ดีเสียเอง มีหวังได้ตกนรกของตัวเองเป็นแน่ ไม่มีใครไปถือวิสาสะอะไรหรอก ทุกอย่างมันเป็นไปตามเหตุและผลมีที่มาที่ไป บอกแล้วไงว่านรกของคุณกับของผมมันคนละที่กัน คุณก็เชื่อในนรกของคุณไป อย่ามาเหมารวมกับคนอื่น และผมเองก็คงไม่มีวันจะไปนรกของคุณเป็นแน่ กฏเกณฑ์อะไรของคุณ ผมไม่สนใจ สนใจเพียง ดีชั่วเท่านั้น คุณจะสามารถพิสูจน์อะไรได้ มันก็เรื่องของคุณเถิด มันก็คงตามความเชื่้อและบังคับให้เชื่อของพวกคุณอยู่ดี อย่าพยายามพิสูจน์ให้ผมเห็นเลย ถึงแม้พระเจ้าของคุณมีจริงนะ ผมเองก็จะไม่เคารพศรัทธาใด ๆ ในพระเจ้าของคุณเลยแม้แต่น้อย เพราะที่ผ่านมาผลงานพระเจ้าของคุึณย่ำแย่มาก ไม่ได้ก่อให้เกิดความสงบสุขใด ๆ กับมวลมนุษยชาติแต่อย่างใด มีศาสนาไว้เหตุผลเดียวคือ ให้มนุษย์กลัว  พระเจ้าสั่งฆ่าคนที่ไม่นับถือตัวเอง แบบนี้มันน่าศรัทธาอยู่หรอกนะสำหรับผม เพราะฉะนั้นผมอย่า   หยุดเถอะ อย่ามายกยอพระเจ้าของคุณให้ผมได้ยิน จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 08:53:55 ------- ใครว่าใครก่อนหนอ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:46:44 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:43:15

ความคิดเห็นที่ 30 โดนเขาว่ากลับ -------------------------------------------------ความคิดเห็นที่ 21     ธรรมดาครับที่คนทุกคนไม่อาจเข้าใจอะไรง่ายตามที่ควรจะเป็น  ศาสนาคุณเองจึงเปรียบเปรยด้วยบัว 4 เหล่า บัวจะเน่าหาใช่ความผิดของระดับน้ำ คนจะโง่หาใช่ความผิดของสติปัญญา คุณไม่เข้าใจหาได้หมายความว่าคนพูดต้องมั่วซั่วไม่  พระเจ้าให้สติปัญญาคนไม่เท่ากันพระองค์จึงทรงยุติธรรมที่จะตัดสินด้วยเกณฑ์ที่ยืดหยุ่น ผมเพียงใช้ตรรกะโต้ตอบคุณเป็นประเด็นร้อยเรียงมา เผื่อว่าคุณจะเข้าใจจากตัวอย่างที่ผมยกให้ไป แต่ก็ไม่นำพาอย่างที่เห็น ผมไม่ได้บังคับคุณนะครับ อย่าตื่นตระหนกไป ถ้าทนการพิสูจน์ต่อไปไม่ได้แล้ว ก็คงสรุปง่ายๆว่า นรกมันมีแห่งเดียวเท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่มีเป็นพันๆ หมื่นๆ นรก ตามจินตนาการคนที่หลากหลายความเชื่อ แม้คุณไม่ศรัทธาในพระเจ้าก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆให้กับพระองค์ หรือว่า ตัวผมเอง เพราะคนที่จะเดือดร้อนก็คือตัวคุณเอง หากการพูดความจริงเกี่ยวกับพระองค์ก็ทำให้คุณเดือดร้อนใจได้ขนาดนี้ ทีหลังก็อย่าแสร้งปกปิดอาการว่ายินดีแลกเปลี่ยน ตาม คห.15 นะครับ มัน fake เหมือนกับการประกาศซ้ำบ่อยๆว่า ความเชื่อตนเองพิสูจน์ได้ด้วยสติปัญญาๆๆ บลาๆๆๆ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 13:11:24 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:47:25

ความคิดเห็นที่ 31 สวนกันไปมา ----------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 22     ในความเป็นจริงแล้วมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนรกมันก็มีแห่งเดียวนั่นแหละขึ้นอยู่กับว่าใครจะผิดจะถูกเท่านั้น แต่ที่ผมบอกว่ามันคนละที่ เพราะในความเชื่อมันก็แตกต่างกันมาก และผมเองก็ไม่ยอมรับในนรกของคุณแต่อย่างใด เพราะด้วยกฏเกณฑ์ที่ยอมรับไม่ได้ที่ไปบังคับให้นับถือพระเจ้าของคุณ เพราะผมเห็นว่ามันไร้สาระมากมาย ในโลกไม่เคยมีใครเห็นแต่ก็อ้างเป็นตุเป็นตะว่ามีตัวตนสร้างโน่นสร้างนี่ รับไม่ได้กับความคิดแบบนี้ ผมไม่ได้ เฟค อะไรทั้งนั้นเพราะคิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น ไม่ชอบก็บอกว่าไ่ม่ชอบ หากพูดอะไรที่พอรับได้ก็พููดด้วยได้ แต่อย่าพูดถึงพระเจ้าหรือผู้สร้างให้ผมไ้ด้ยินบ่อยนัก ผมเกลียดเข้ากระดูกดำ แค่ได้ยินมันก็จะอวกแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาพูดกับผม พยายามหลีกเลี่ยงคำว่าผู้สร้าง คุณเองก็เหอะ อย่าเปรียบเปรยให้มากความเลย ผมไม่มีวันที่จะเข้าใจอะไรในพระเจ้าของคุณ บอกแล้วไงว่า  ต่อให้พระเจ้าของคุณมายืนให้เห็นต่อหน้าเป็นตัว ๆ ผมก็ไม่มีวันที่จะศรัทธาแต่อย่างใด มีที่ไหนเป็นพระเจ้าสร้างโน่นสร้างนี่แต่กลับไม่มีปัญญา ให้คนศรัทธาตนเอง แถมมีความต้องการให้ฆ่าคนที่เลิกนับถือ อะไรต่อมีอะไรมากมาย ที่เป็นการขัดต่อศีลธรรมความดี  เคยไปอ่านคัมภีร์ตัวเองหรือเปล่าละ คำสั่งให้ฆ่ามันมีกี่ที่กี่ตอน แถมคนสอนศาสนาก็พูดจาเกินจริง โกหกพกลม ไม่จริงก็บอกจริง หาสาระอะไรไม่ได้เลย อวดอ้างตัวสารพัด ทั้ง ๆ ที่ทั้งเล่ม มีแต่ความขัดแย้งกันเองโดยสิ้นเชิง อะไรคือหลักความดี ความชั่ว ก็ขัดแย้งกันเองหมด นอกจากการถูกฝังหัวตั้งแต่เกิดมาแล้ว หรือไม่ไร้สติปัญญามาก ๆ จริง ก็คงยากที่จะเชื่อว่า พระเจ้าหรือผู้สร้างมีจริง จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 09:27:55 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:48:28

ความคิดเห็นที่ 32 อิสลามเลยเอาคืน ว่าเป็นนิทาน --------------------------- ความคิดเห็นที่ 23     เชื่อ "ตาใน" ที่เต็มไปด้วยอคติของตนเองต่อไปแล้วกันครับ เพราะ "ตานอก" คุณมัน ก็มีไว้เพียงมองสิ่งที่ตาในมันชี้นำเท่านั้นเอง  "สติปัญญา" จึงฝ่อ ลีบไป คุณคงเป็นได้แค่บัวที่อยู่ใต้ตมตามอุปมาในศาสนาคุณนั่แหละครับ  ป่วยการที่จะชวน "พิสูจน์" ความเชื่อด้วยสติปัญญา และเหตุผลใดๆ จงเชื่อในคำบอกเล่าปากต่อปากใน นรกที่ไม่มีผู้สร้าง กรรมแรกที่ไม่มีผู้ก่อ และ นิทานที่ไร้ความจริง หาสาระไม่ได้ ต่อไปเถิด จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:39:41 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:57:57 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:49:25

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่จบๆ เอากันต่อ ----------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 24     คุณเองก็เช่นกัน สติปัญญาคงจะฝ่อ หาที่ฟื้นไม่ได้แล้ว แค่คนเข้าถ้ำไปเอาหนังสือมาเล่มเดียว อ้างมาจากพระเจ้า มันมีสาระตรงไหนไม่ทราบ ไม่ต่างจากนิยายปรำปรา เขายังว่ามีหลักฐานชัดเจน ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ได้ศึกษาหรืออย่างไร หรือว่าหลับหูหลับตา สถานที่ต่าง ๆ ทั่วอินเดีย ไม่เคยรู้เคยเห็นหรือ มีใครหน้าไหนเคยเห็นพระเจ้าหรือ จะว่าไปขนาดผียังพอมีคนบอกเคยเห็นมากมาย เพียงพิสูจน์ไม่ได้ แต่ไม่เคยมีใครสักคนบอกว่าเคยเจอพระเจ้า นอกจากเด็กกำพร้าที่ ทึกทักเอาเอง โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ แล้วก็เที่ยวประกาศให้คนปัญญาน้อยฟัง จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามมากมาย ผมแทบไม่ต้องใช้สติปัญญาใด ๆ เลยกับความเชื่อผู้สร้างของคุณ จะมีประโยชน์อะไรจะมาถามหากรรมแรก ไม่ต่างจากใครสร้างพระเจ้า ถามหน่อยเถอะ่ว่าได้ใช้สติปัญญาของคุณแล้วหรือที่จะเชื่อในผู้สร้าง ก็ถึงบอกอย่างไรว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็คงจะเป็นคนละที่กัน โลก ก็คนละใ่บกับใบนี้ นรกก็คนละที่กัน โลกของผมนรกของผม คงไม่ใช่ โลกหรือนรกเดียวกับที่ผู้สร้างของคุณสร้างมาแน่นอน ก็เอาเป็นว่าคุณก็อยู่ในโลกผู้สร้างของคุณไป ผมก็จะอยู่ในโลกที่มันเกิดขึ้นมาเองของผม หากจะเอาโลกสองใบนี้มารวมกันก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิ้ง  "เรามันอยู่คนละโลกกัน" จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 16:27:32 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:50:06

ความคิดเห็นที่ 34 และคคห.1ในภาพจึงปรากฎ --------------------------- ความคิดเห็นที่ 25     ขออภัยชาวพุทธรักสงบท่านอื่นด้วยที่ต้องกำราบ นายสติฝ่อ สันดานหยาบช้ารายนี้ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน จนอาจเป็นที่กระทบกระทั่งจิตใจ +++++++++++ ฝ่อไม่ฝ่อ แทบไม่ต้องสงสัย เพียงเรื่องราวปรำปราของชายคนหนึ่งที่เกิดมาเดินได้ผิดมนุษย์มนา โตขึ้นถูกอ้างว่าทิ้งครอบครัวเดินเข้าป่าไปเพราะเป็นทุกข์ อยากหนีทุกข์ ด้วยการพยายามอดอาหารเกือบตาย  ไปๆมาๆ สุดท้ายกลับค้นพบความลับแห่งจักรวาลในป่า ด้วยความสามารถของตนเองล้วนๆ นำปรัชญาที่โลกรู้กันอยู่แล้ว คลุกเคล้าการเล่าอ้างเหาะเหินเดินอากาศไปตามที่ต่างๆในจักรวาล จนได้รู้เหตุแห่งการสร้าง แข่งหายตัวเล่นซ่อนหากับผู้สร้าง จนฝีมือเก่งกว่า กระทั่งยอมก้มกราบตน  อีกทั้งหยั่งรู้ปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมาย ทั้งแผ่นดินไหวที่เกิดจากปลายักษ์ขยับตัว จันทรุปราคาที่เกิดจากราหูอมจันทร์ อธิบายปรากฎการณ์ฝนตกในจักรวาล เห็นกระทะทองแดง เห็นนางฟ้า  เห็นสัตว์ประหลาดโน่น เห็นเทพนี่มากมาย เล่าต่อกันมาปากต่อปากในหมู่แขกอินเดียไร้การศึกษา เล่าขานดั่งตำนาน จนเพิ่งมารวบรวมเป็นนิทานเล่มใหญ่ได้ไม่นาน ทั้งที่ความจริง ตัวตนก็ที่หาแน่ชัดไม่ว่ามีจริงในประวัติศาสตร์จริงหรือ เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ร่วมกับชนชาติอื่น อารยธรรมอื่น เช่นบุคคลในประวัติศาสตร์ท่านอื่นๆ ประหนึ่งสามก๊กเวอร์ชั่นภารตะยังงัยยังงั้น ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าบนหินตามป่าเขาที่มองเท่าไรก็ไม่เหมือนรอยเท้า อีกทั้งกระดูกก็สุดที่จะเชื่อได้ว่ากระจัดกระจายไปทั่วทั้งทวีปด้วยวิธีการใด ซ้ำร้ายตำราที่อ้างว่าเป็นดั่งคัมภีร์ก็หาต้นฉบับ หาสายรายงานไม่ได้ ถูกแต่งแต้มครั้งแล้วครั้งเล่านับสิบครั้ง กลายเป็นตำราหลากหลายเวอร์ชั่น ที่เหล่าสาวกส่วนใหญ่แม้ไม่เคยได้อ่านครบถ้วน ท่องได้บ้างเพียงนกแก้วนกขุนทอง ก็ต่างอวดอ้างออกมาแสดงตัวประหนึ่งรอบรู้ ปกป้องเรื่องราวหฤหรรย์ที่ขัดแย้งกับความจริงโลก ด้วย "ตาใน" แม้นถูกจับผิดได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็ยังหลงตัวเองว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งที่เด็กประถมก็รู้ได้ว่า "เป็นนิทานก่อนนอน" เพียงเท่านั้น ตำรา 1 ตู้ที่อ่านยากนี้ จึงได้แต่เก็บไว้ประหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อกราบกรานเพิ่มเติมอีกชิ้นในห้องสมุด  ศาสนสถาน หรือ พิพิทธภัณฑ์ เท่านั้น ก็เอาเป็นว่าคุณก็อยู่ในโลกนิทานใน "ตาใน" ของคุณไป ผมก็จะอยู่ในโลกที่มันเป็นจริง ที่พิสูจน์ได้ของผม หากจะเอาโลกสองใบนี้มารวมกันก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิ้ง  "เรามันอยู่คนละโลกกัน" ขอจงอย่าเบียดเบียนกันด้วยวาจาต่ำทรามอีกเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 23:54:38 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 23:38:31 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:50:57

ความคิดเห็นที่ 35 มาจากกระทู้ธรรมกายครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12227399/Y12227399.html lalik เข้าไปถามว่า คุณรักษามาตรฐานในความเชื่อของตนเอง ใช้กับความเชื่อของคนศาสนาอื่นด้วยหรือเปล่า แต่กลับไม่ตอบ สุดท้ายก็ไปด่าพระเจ้าเขาก่อนใน คคห.20 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:59:12 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:56:35

ความคิดเห็นที่ 36 ก้วนบิดเบือนจบข่าว   จขกท ไปใส่เค้าก่อน แค่ยิงเตือน ไม่ได้ ยิงจริง ก้เอามาเป็นประเด้นแล้ว แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:59:45 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:59:06

ความคิดเห็นที่ 37 มากดเข้าคลัง และก็เซฟไว้เป็นหลักฐาน อีกหนึ่งกระทู้ ว่าแต่ คุณ laliklalee นี่มีมารยาทมากนะคะ นับถือค่ะ ก่อนจะด่าสวนกลับ ก็ยังต้องกล่าว ขออภัย ชาวพุทธรักสงบ คนอื่นๆ อีก จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 22:01:47

ความคิดเห็นที่ 38 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 22:15:03 จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 22:03:28

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ว่าใครๆในโลก ก็ต้องหิวข้าว เจ็บป่วย ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง ในที่สุดก็ต้องตาย รูปธรรมที่เห็นนี้ เหมือนกันหมด แล้วมนุษย์คนไหนล่ะที่วิเศษไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายบ้าง ถามว่า...............แล้วมันดีกว่ากันตรงไหน ? จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 22:28:54

ความคิดเห็นที่ 40 เวรกำ! เจอศาสนิกแต่ละคน แต่ละศาสนา โต้กลับกันด้วย การเสียดสี ด่าทอ อีกศาสนานึงเนี่ยนะ การกระทำเช่นนี้ มีศาสนาไหนเค้าสอนให้ทำกันบ้างเนี่ย ไม่ต้องไปขอโทษศาสนิกคนอื่นๆ เค้าว่าไม่จงใจหรอกครับ ในขณะที่ตัวเองยังไปลามปาม ไปด่ากราด คำสอนและศาสดาของศาสนาอื่นเค้าเลย จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 22:46:21

ความคิดเห็นที่ 41 ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีครับ จากคุณ : ปกรณ์ (DDRW) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 23:11:48

ความคิดเห็นที่ 42 ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีครับ จากคุณ : ปกรณ์ (DDRW) ------------------------------------------------------------------- จริงหรือ ดีอย่างนี้หรือเปล่า ------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 21 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ก็ผมถึงถามไงว่าตัวอะไรมันเห่า -------------------------- พวกที่รับผิดชอบคำพูดตัวเองไม่ได้ ก็มีแต่พวกสัญชาติเดรัจฉาน สันดานสุนัขนั่นล่ะ ที่มันตั้งกระทู้พล่อยๆ แล้วมันก็หนีไป จากคุณ : Carroth ผมจะแสดงให้ดูเลยว่า มันสงบเพราะศาสนาไม่มีอิทธิพลครับ 1. บ้านเมืองไทยมีกฎหมาย มีการลงโทษ มีการประหาร สิ่งเหล่านี้ผู้ทำทำผิดหลักศาสนาพุทธไหม ในกาีรประหารเขา เพื่อดูแลบ้านเมือง คำตอบคือผิด และถ้าศาสนามีอิทธิพลจริง ประเทศคงมีแต่โจร เพราะไม่มีคนบังคับใช้กฎหมาย 2. ถ้าประเทศไทยร่มเย็นเพราะศาสนาพุทธ พม่าก็พุทธ แล้วร่มเย็นไหมครับ แล้วมันอยู่ที่อะไร มันอยู่ที่นิสัยใจคอของผู้คน ไม่ใช่ศาสนาเลย 3. ประเทศไทยเป็นเอกราชได้ เพราะทหารทำผิดศีล เพื่อปกป้องประเทศ ถ้าลองศาสนามีอิทธพลจะเกิดอะไรขึ้น ก็ให้ดูตัวอย่าง พวกศากยเถอะ บ้านเมืองเป็นอย่างไร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า ประเทศไทยร่มเย็นเพราะศาสนาคุณมีอิทธิพลเหรอ เอาสมองหรือหัวแม่เท้าคิด? แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 17:28:23 จากคุณ : Carroth ถ้าอยากโต้ งั้นมาเลย อยากดูซิ ว่าสันดานเดรัจฉานแบบนี้ มันจะมีความรู้อะไรแค่ไหน จากคุณ : Carroth -------------------------------------------------------------------------------------- นี่ก็สอนมาดี "ขณะที่ชาวบ้านที่มานั่งดูการตัดสินต่างตะโกนเชียร์ว่า "พระเจ้าดีที่สุด" กระทั่งสุดท้ายหนึ่งในสมาชิก 2 ราย ยกปืนเล็งกระสุนเข้าที่บริเวณศีรษะระหว่างที่เธอนั่งหันหลังอยู่ " นี่คือข้อพิสูจน์ว่าไม่ใช่เป็นที่คน แต่เป็นเพราะสอนกันมาจึงเข้าใจอย่างเดียวกันทั้งหมด ทำเหมือนกัน สนับสนุนกัน จนกระทั่งในประเทศเรานี้ก็ออกมาเชียร์ สนับสนุน แก้ต่าง เบี่ยงประเด็นเพื่อทำให้ศาสนาบริสุทธ์ผุดผ่อง จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:20:38

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 37 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน มากดเข้าคลัง และก็เซฟไว้เป็นหลักฐาน อีกหนึ่งกระทู้ ว่าแต่ คุณ laliklalee นี่มีมารยาทมากนะคะ นับถือค่ะ ก่อนจะด่าสวนกลับ ก็ยังต้องกล่าว ขออภัย ชาวพุทธรักสงบ คนอื่นๆ อีก จากคุณ : Ms.Kohlanta ------------------------------------------------------------------------ มารยาทดีมาก ขอโทษแล้วกล่าวลบหลู่ เขาเรียกหน้าไหว้หลังหลอก ไม่ใช่หรือ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:25:41

ความคิดเห็นที่ 44 ..  สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ มาทักทายเท่านั้น แค่ศิลไม่กี่ข้อยังไม่มีปัญญารักษา จึงไม่กล้าเสนอหน้ามาแสดงความคิดเห็นครับ .. จากคุณ : เม่า_พอเพียง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:51:58

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ  Faraday ไม่ต้องออกหน้ารับแทนหรอกครับ เดี๋ยวได้ชื่อเป็น เบี้ย เอาเสียเปล่าๆ ไร้ราคาไม่พอ ยังเป็นเบี้ยให้เค้าใช้อีก พ่นไปเท่าไหร่ ก็ไปลบ สิ่งที่จขกท บิดเบือนกันซึ่งๆ หน้า สามสี่เรื่องไม่ได้หรอกครับ เอาแค่นั้นก็พอไม่ต้องไปพล่ามถึง ทบ สมคบคิด โรคกลัวอิสลาม ขึ้นสมอง จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:55:05

ความคิดเห็นที่ 46 ละลิกผู้น่าสงสาร ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย....... จากคุณ : via iPhone (Vees) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 01:15:41

ความคิดเห็นที่ 47 ผมมานั่งคิดนอนคิด ว่าจริงๆเเล้วอิสลาม ชั่งน่าสงสารที่สุดใน 3 โลก ตัวอย่างเห็นชัดๆว่า ตามเว็บบอร์ดต่าง ทั้งในเเละนอกประเทศล้วน แสดงความเห็นในเรื่องนี้เป็นเสียงเดียวกัน ทำนองว่า สิ่งเหล่านี้คือผลผลิต ฆ่าคนโดยอ้างพระเจ้าของอิสลาม และยิ่งอิสลามแก้ต่างแก้ตัว ให้พวกเดียวกัน ยิ่งเท่ากับเป็นการซ้ำเติม ศาสนา ทำให้ถูกมองในแง่ลบมากขึ้น จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 04:01:32

ความคิดเห็นที่ 48 ความคิดเห็นที่ 44    ..  สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ มาทักทายเท่านั้น  แค่ศิลไม่กี่ข้อยังไม่มีปัญญารักษา จึงไม่กล้าเสนอหน้ามาแสดงความคิดเห็นครับ .. จากคุณ : เม่า_พอเพียง  เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:51:58  ถูกใจ : Nine Cats ขำอะ มาแถมต่อ ปากก้อบอกขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร  แต่งงๆอะ วันๆก้อไปหาเค้าอยู่ดีๆก้อไปแหย่เค้า  ไปแบกเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรเพิ่มขึ้นอีก  สงสัยชาติหน้าคุณ Moopena และ Laliklalee เกิดมาเป็นคู่กัน แหมขาดกันวันนึงไม่ได้เลยต้องหยอกล้อกัน  ขออวยพรให้คู่บ่าวสาว(คู่กรรมคู่เวร)อยู่กัน(กัดกัน) จนถือไม้เท้ายอดทองกระบอกยอดเพชรครับ   http://www.youtube.com/watch?v=Z8yP3vST-Ps จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 06:21:31

ความคิดเห็นที่ 49 MCE ไม่มีใครแก้ตัว ให้โจรก่อการร้ายและผุ้ฆ่าหรอก อ่านหนังสือไม่แตกก็มาขยาย ความ แต่ที่เค้าพุด พุดถึง ด่าถึงไอ้พวก เอาศาสนาคนอื่นมาขยาย ผลต่างหาก MCE 1 ตัวอย่าง ตบกบาลชาวบ้าน ไม่มีการขอโทษแต่อย่างใด กับ 1 เคส  เมื่อโดนตบกบาลแบบนี้ บ่อยๆ หลายทีโดยไม่มีการขอโทษ ทั้งก่อนตและหลังตบ ทนไม่ไหว ขอหยิกคืน และขอโทษก่อนหยิกคืน บอกว่าฉันขอโทษนะ ตบกบาลฉันมาหลายร้อย หลายพันพลั้ว ขอฉันหยิกคืนหน่อยนะ ถ้าใครว่าน้ำหนักเหมือนกันช่วยเสนอหน้ามาให้ ไอ้จิม คนนี้ ตบกบาลสัก พลั้วหนัก แล้ว ไอ้ จิม คนนี้ จะให้หยิกคืน 1 ที โดยไม่ร้องโวยวายแต่อย่างใด ก่อนที่จะเรียกร้องควานหายุติธรรม ให้พวกพ้อง รบกวนช่วยเช้คระบบความยุติธรรม ในระบบคิดด้วยครับ กรณีแบบนี้ผมไม่ได้เข้าใคร แต่มันเป็นเรื่องของความเต็มกลืน กับคนสันดานหยาบแบบนี้ และเป็นการบอกถึงระบบคิดของคนในสังคมนี้ ว่า  อย่ามาเรียกหาความยุติธรรม ในหมู่ของคนที่มือถือสากปากถือศีลกันเลยครับ แต่ก็ยังขอขอบคุณ อยู่บ้าง ที่ออกมาตำหนิ ทั้งสองข้าง จากที่เป็นใบ้ กันหมด เป็นการส่งสัญญาน อย่างน้อยไปที่ก้วนป่วนศาสนาอิสลาม ว่า ตอนนี้ มีคนไม่เห้นด้วยกับพวกแกแล้ว นะ คนไม่เห็นด้วยคือคนที่สวมเสื้อ เหมือนพวกแก นั้นแหละ สำหรับ คุณ ละลิ้ก คราหน้า จงจำใส่กะโหลกของคุณ ไว้เลยว่า อยู่ในประเทศนี้ ที่สังคมหาความยุติธรรม ไม่ได้ จงเจียมตัว อย่าริ หยิกคืน เป็นอันขาด ถ้าจะหยิก  คืนไม่ต้อง ให้ตบกบาลคืน ในตัวบุคคลนั้นแหละ อย่าไปหยิกที่กล่องดวงใจของเค้า หรือ ส่วนใดของอวัยวะเค้า มันจักกะจี้ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 06:48:53 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 06:43:22 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 06:41:56 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 06:40:44

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 35     มาจากกระทู้ธรรมกายครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12227399/Y12227399.html lalik เข้าไปถามว่า คุณรักษามาตรฐานในความเชื่อของตนเอง ใช้กับความเชื่อของคนศาสนาอื่นด้วยหรือเปล่า แต่กลับไม่ตอบ สุดท้ายก็ไปด่าพระเจ้าเขาก่อนใน คคห.20 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 21:59:12 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 21:56:35   **************************************************** มีตาก็หามีแวว เบื่อกับไอ้พวกดีสเครดิตไปวัน ๆ มันกระทู้ธรรมกาย อะไร ทำมันมาเองกับมือ ดีแต่พูดจา ลดความน่าเชื่อถือผู้อื่น รู้ได้ไงว่าอะไรคือกระทู้ธรรมกาย แล้วธรรมกายแล้วมันยังไง เซ็งกับพวกนี้จริง ๆ ก็บอกแล้วไงว่าเอามาได้อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่ได้ไปปิดบังใคร และไม่ได้กลัวอะไรที่จะพูดความจริงด้วย จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 09:49:25

ความคิดเห็นที่ 51                            จากประสบการณ์ของผมในเวบนี้   อยากบอกเพื่่อนชาวพุทธว่า                                                       อย่าไปว่าศาสนาเขาก่อน                ศาสนาของเขา โดยหลักแท้จริงแล้ว เป็นไปเพื่อการมีชีวิตที่ สงบสันติ                                     การที่มีการใช้เพื่อการทำผิดนั้น และมีผู้เห็นด้วยนั้น                            ไม่ใช่ความผิดของผู้นับถือศาสนาของเขาที่แท้จริง                   เราไปว่าศาสนาเขาก่อน  เขาก็ว่าตอบ  ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อความสงบสุขของจิตใจเราเลย                  ถ้าเราเน้นศึกษาศาสนาเราก่อน มากกว่าเพ่งเล็งศาสนาเขา       เราจะร่มเย็นกว่านะครับ                             ด้วยความจริงใจ จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:04:02

ความคิดเห็นที่ 52 เหนื่อยใจกับ RACIST  กลุ่มนี้จริงๆ วันไม่ๆทำอะไรนอกจาก อัดข้อมูลบิดเบือนให้สังคมไทย โกหกเรื่องงบ บิดเบือนข่าว สมคบคิดเรื่องยึดประเทศ บิดเบือนเรื่องคำสอน  ยัดเยียดความผิดให้ศาสนา ตัดแปะคำสอน กี่ครั้งๆ เว็บมาสเตอร์ที่เคารพก็นั่งชิว ถ้าคนไม่ฆ่ากันตายเพราะข้อมูลบิดเบือนทางศาสนา สมใจมันคงไม่หยุดกัน แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 11:23:46 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 11:21:46

ความคิดเห็นที่ 53 ปณิธานของท่านพุทธทาส    ท่านพุทธทาส ได้กรุณา มอบปณิธานในชีวิตไว้ ๓ ข้อ แก่เพื่อนร่วมโลก คือ    ๑. ให้พุทธศาสนิกชน หรือ ศาสนิกแห่งศาสนาใดก็ตาม      เข้าถึง ความหมายอันลึกซึ้ง ที่สุดแห่งศาสนาของตน    ๒. ทำความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา    ๓. ดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกมาเสียจากวัตถุนิยม     ลองพิจารณากันดูนะครับ ว่า จะเป็นประโยชน์มากมายสักปานใด หากพวกเราจะนำมาใคร่ครวญ และลองปฏิบัติตามดู จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 13:35:04

ความคิดเห็นที่ 54 ศาสนาที่แท้จริงสามารถพิสูจน์ได้ แต่เมื่่อพิสูจน์แล้วจะสามารถยอมรับความจริงได้หรือไม่นี้คือ ปัญหา... ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 13:56:44

ความคิดเห็นที่ 55 แม้จะรู้สึกไม่ดี และไม่พอใจ คำพูดของคุณ laliklalee สักเท่าไหร่นัก .. แต่มองด้วยใจเป็นกลาง คุณ laliklalee คงไม่เข้าใจถึงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และเฉกเช่นเดียวกับ ผมที่ไม่เข้าใจถึงความศรัทธาของมุสลิม ทุกท่าน และ คุณ laliklalee อาจถูกกระทำด้วยความหยาบช้ามาก่อน ดังนั้น ผมไม่ทำให้จิตขุ่นเคืองครับ เพราะถือว่า เป็นมุมมองศาสนาของคุณ lalkilalee ต่อศาสนาพุทธ ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และผมก็ยังให้ความเคารพต่อศาสดา หรือ ศาสนาทุกศาสนาเฉกเช่นเดิม ยังมีมานะที่จะศึกษาคัมภีร์, หลักธรรมของศาสนาอื่นต่อไป เรื่องแค่นี้ ไ่ม่ใช่เหตุที่ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองได้ ไม่ใช่เหตุที่ทำให้ผม "ให้เกียรติ์ศาสนาอื่น" ลดเสื่อมถอยไปได้ .. ยิ่งเป็นการทดสอบศรัทธาที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระธรรม และพระสงฆ์ผู้เจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ต่อให้คนทั่วโลก ตำหนิติเตียน พระพุทธศาสนาอย่างไร ผมก็จะหยิบ พระไตรปิฏกขึ้นมาอ่าน, ศึกษา และทำความเข้าใจกับศรัทธาที่ผมยึดมั่นต่อไปครับ เจริญในธรรมทุกท่านครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 14:22:09 จากคุณ : tothza_one เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 14:21:28

ความคิดเห็นที่ 56 ความจริงในคัมภีร์โบราณของมุสลิมยุคแรกจะมีคำสอนที่เกี่ยวกับการทำสมาธิ เพื่อค้นพบภายในอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่มีใครสนใจและทำความเข้าใจ ไปสนใจการปฏิบัติกิจภายนอกร่างกายแทน จึงไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราเองเลย...ฯลฯ คนในยุคนั้น จะมีส่วนนึงที่สนใจ ชอบที่จะอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ตามป่า เพื่อที่จะแสวงหาความรู้ภายในและค้นพบตัวเองภายในอยู่เป็นจำนวนมากนะครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านี้ก็ถูกละเลยไปเสีย ลองพิจารณาดู ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 14:55:02

ความคิดเห็นที่ 57 ท่าน กรรไกรรัตนะ เค้าเรียกว่า กลุ่มซูฟรีย์ และในกลุ่มสายเก่า ก็จะเรียกว่าวิชา "ตาเซาวุฟ" เป็นวิชาที่ว่าด้วย จริยธรรม มารยาท การวางตน มีหลายระดับชั้น จนถึงหลอมละลาย ตนเอง ให้หายไป ผูกพันธ์กับองค์พระผุ้เป็นเจ้าจน ไม่มีอะไร แม้กระทั่งนเองก็ไม่มี ซึ่งวิชานี้ยังมีอยู่ แต่ไม่สนับสนุนให้ลึกลงไป แบบซูฟีร์ เพราะเป็นบ่อเกิด ของคำว่า ผู้ทรงศีล และเป็นบ่อเกิดของการให้ความเคารพตัวบุุคล ขึ้นมาเทียบเคียง องค์พระผู้เป็นเจ้า และเป็นบ่อเกิดของการหลงตนเอง ทั้งจากตนเอง และจากคนอื่นยกย่อง พูดง่ายๆหมายถึงเป้นอันตรายจากโรคแทรกซ้อน และปัจจัยเสริม อีกมากมายครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 15:24:00 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 15:11:41 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:10:31

ความคิดเห็นที่ 58 ลองศึกษาดูครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 15:29:23 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:28:51

ความคิดเห็นที่ 59 .. จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:29:46

ความคิดเห็นที่ 60 ลองตั้งสติ พิจารณาดูนะครับ -ศาสนาทุกๆศาสนาสอนเกี่ยวกับ (ร่าง)กาย และ (จิต)ใจ ใช่ไหม ,จะเรียกว่า ดวงวิญญาณ ,จิต ,ใจ, กายทิพย์ ฯลฯ เป็นต้น อะไรก็แล้วแต่จะเรียก ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่กล่าวมามีอยู่จริงใช่ไหมครับ... -เมื่อ จิตใจ มีอยู่จริง เราก็ต้องสามารถ เห็นได้ ค้นพบได้ สัมผัสได้ จริงไหมครับ เพียงแต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีการที่จะเข้าถึง จิตใจของตัวเ้องว่าจะต้องทำอย่างไร ก็เท่านั้นเองครับ -การที่ จิตใจของเราอยู่ภายในร่างกายของเรา การค้นหาจึงต้องทำอยู่ภายในร่างกายนี้เท่านั้น การค้นหาภายนอก ,การสวดมนต์อ้อนวอน เป็นต้น จะไม่สามารถหาจิตใจเราเจอได้เลยครับ -วิธีการค้นหาจิตใจของเราเอง  ให้เราสังเกตุจิตใจของเราเองว่า ตั้งแต่เกิดมา จนมาถึงปัจจุบันนี้ ใจเราไม่เคยหยุดที่จะคิดอะไรเลย จะคิดโน้น นี้ นั้น อยู่ตลอดเวลา แม้ในขณะนอนหลับก็ยังฝัน ,หลักการสำคัญจึงอยู่ตรงนี้แหละ การที่จิตใจเราไม่เคยหยุดคิดนี้แหละจึงทำให้เราไม่สามารถที่จะ(เห็น)พบจิตใจของเราเองเลย ,เพราะฉะนั้น วิธีการที่จะทำให้เราสามารถค้นพบ จิตใจของเราเองก็คือ การหยุดคิด ,การทำใจหยุดนิ่งอยู่ภายใน เมื่อใดที่ใจเราหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ นิ่งสนิท ได้นานถูกส่วนแล้ว เราก็จะพบใจที่สว่างไสวอยู่ภายในตัวของเราเองครับ ฯลฯ โปรดลองพิจารณาดูครับ ขอบคุณครับ ปล.ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด เป็นหลักการและเหตุผลจากธรรมชาติความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ทุกๆคนล้วนๆที่เราทุกๆคนไม่ว่าศาสนาไหนสามารถจะสัมผัสได้ เข้าใจได้จริงนะครับ ไม่ได้อิงหลักการของศาสนาไหนทั้งสิ้นครับ มันเป็นหลักสากลที่ทุกๆคนทำได้ครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 15:56:43 จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:49:41

ความคิดเห็นที่ 61 ท่าน กรรไกร ที่ท่านกล่าวมา ถูกต้องครับด้วยหลักการทุกประการ การละหมาด นั้นแหละครับคือการหยุดนิ่ง และเทศกาลถือศีลอดที่จะถึงนี้แหละ คือการหยุดนิ่ง ทุกอย่าง ถึงกับมีบางประโยคที่เปรียบเปรยกล่าวว่า "การนอนนั้นคือการทำอิบาดะห์อย่างนึง" แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 16:00:23 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:59:49

ความคิดเห็นที่ 62 วิชาตาเซาวุฟ เป็น 1 ในหลักสูตร อิสลาม เบื้องต้นภาคบังคับ หรือ ฟัรดูอีน เยาวชนมุสลิมทุกคน มีความจำเป้นต้องเรียน มี 6 ชั้นเรียนในปัจจุบันนี้ เป็นหลักสูตร ของสมาคมคุรุสัมพันธ์ ปล..เรื่องแบบนี้คุยกับผมได้ แต่ถ้าไปคุยกับมุสลิมบางกลุ่ม จะบอกว่าพวกซูฟีร์ มิใช่ มุสลิม ดังนั้นท่านต้องเลือกที่จะสนทนาด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 16:05:08 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:02:37

ความคิดเห็นที่ 63 1.ผมยังไม่เข้าใจ การระมาดจะทำใจให้หยุดนิ่ง (หยุดคิด)ได้อย่างไร ครับ ? 2.แล้วความหมายของการหยุดนิ่งของคุณหรือของชาวมุสลิม เป็นอย่างไรครับ ? พอจะอธิบายได้ไหมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:08:08

ความคิดเห็นที่ 64 สำหรับผมเอง คุยได้ทุกกลุ่ม เพราะผมถือว่าท่านใดก็ตามที่คำปฏิญานตนเข้ารับศาสนาอิสลาม ผมถือว่าคนผู้นั้นคือมุสลิม ไม่แบ่งแยก เป็นสายใด แต่อย่างไร ไม่ว่าจะชีอะห์ ซูฟียร์ ตาลีกัต วะฮ์บียร์ อะหะลุ้ลกรุอาน สายเก่า สายใหม่ หรือจะสายอีหม่ามใดก็ตาม  ฯลฯ ผมคุยด้วยได้หมดครับ อันไหนที่คุยกันไม่ได้ก็ละ เอาไว้ คุยในส่วนที่เดินไปด้วยกันเท่านั้น เฉกเช่นผมคุยกับเพื่อนๆในทุกศาสนาได้สบาย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:09:19

ความคิดเห็นที่ 65 ท่านกรรไกร รัตนะ ขอบคุณครับที่ได้รับเกียตรในการถาม การละหมาด แบ่งเป็นสองอย่าง คือภายนอก กับภายใน ภายนอก นั้น คือ กิริยาบท 13  ขั้นตอน และคำสวด อ้อนวอน ขอพร ต่อเอกองค์อัลเลาะห์ (ซบ) ภายใน จะริ่มตั้งแต่การคุมอิริยาบท ให้นิ่ง เคลื่อนไหว ด้วยความผูกพันธืต่อองค์พระผุ้เป็นเจ้า  จิตใจนั้นต้องว่าง โดยเฉพาะช่วง อิริยาบทที่ 1 คือ การตักบีรอตุ้ลเอี้ยรอม คำอธิบายคือ การยกมือสองข้างเสมอใบหู แล้วกล่าวนามพระองค์ อัลลอฮุอักบัร ช่วงนั้นทุกอย่างต้องว่าง ไม่มีอะไรมาวอกแวกในจิตใจแม้นแต่น้อย บางท่านใช้เวลาตรงนี้นานมาก และบางครั้งต้องยกมือขึ้นและเอาลง ทำจิตให้ว่างตรงนี้ หลายครา การทำการละหมาดที่ยิงตรง นั้น จะต้องไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ไม่เห็นสิ่งรอบตัว ตัดทุกอย่างออกไปหมด สมัยก่อนในสนามรบ คนที่จะละหมาดก็ละหมาดไป ไม่สนใจ ว่าดาบนั้นจะฟันที่ตัวหรือไม่  จึงมีกองกำลังคุ้มกัน ผู้ทีทำการละหมาด ขณะทำการละหมาด ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย จะไม่มีใครทิ้งการละหมาด อย่างเด็ดขาด นี่คือเบื้องต้น พอสังเขป จริงมีรายละเอียดอีกมากมาย มิใช่อย่างที่เราเห็น ทุกวันนี้ ประเภททำละหมาดเพื่อสักแต่ว่าทำให้พ้นๆเพราะเป้นหน้าที่ นั้น ธรรมดาซิมเปิ้ลครับ ในแต่ละท่าทางนั้นมีความหมายและนัยยะซ่อนไว้เกือยทั้งหมด มีอะไรซ่อนจนไม่สามารถพิมพ์ออกมาเป้นตัวหนังสือได้ในเวบปแห่งนี้ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 16:20:05 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:18:59

ความคิดเห็นที่ 66 ขอเพิ่มเติมสักเล็กน้อย ในคำปฏิญานตนเอง ทีมีคำอาหรับว่า "ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์" ความหมายว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลเลาะห์นั้น ถ้าคนเอ่ย เอ่ยเฉยตามความหมาย ก็ได้แค่ความหมายไป ไม่ได้ตัวในไป ถ้าจะให้มีตัวในด้วย ลาอิลาฮะ คือความไม่มี ว่างเปล่าเป็นศูนย์ หยุดนิ่ง สูญญาตา ตามมาด้วยคำว่า อิ้ลลั้ลลอฮ์ นั้นหมายถึง มีพระองค์อัลลอฮ์ปรากฎขึ้น ไม่ใช่ตัวตน แต่เป้นความสว่าง ในจิตใจเรา สรุป เมื่อความว่างเปล่ามาจะปรากฎว่าพระองค์นั้นอิ่มเอิบในหัวใจเราขึ้นมาแทนที่ ปล ต้องขออภัยด้วย ด้วยเพราะตัวหนังสือ จึงไม่สามารถถอด ฟีลลิ่งตรงนั้นออกมาได้ทั้งหมด ได้แค่ตัวหนังสือเท่าที่เห้นเท่านี้เองครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 16:29:16 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:28:36

ความคิดเห็นที่ 67 ดีใจที่มีการหยิบเอาวิวาทะครั้งนี้มาตีแผ่อีกครั้งครับ แม้ จขกท.จะตัดแปะเก็บไว้รอนานร่วมเดือน โดยไม่บอกลิ้งค์ หวังให้ผู้อ่าน และผมค้นหาความจริงของที่มาที่ไปไม่ได้ ต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแรงร่วมใจกันแสดงจุดยืน กำราบ และตีแผ่คนชั่ว ทั้งพี่น้องชาวพุทธ และมุสลิมที่มีใจเป็นธรรม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ Zadkiel ที่อุตส่าห์ย้อนไปหาฉบับเต็มมาให้ความเป็นธรรมกับผม  ขอพระเจ้าทรงตอบแทน ก็อย่างที่แจ้งให้ทราบล่วงหน้านะครับ "ขออภัยชาวพุทธรักสงบท่านอื่นด้วยที่ต้องกำราบ นายสติฝ่อ สันดานหยาบช้ารายนี้ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน จนอาจเป็นที่กระทบกระทั่งจิตใจ" และตัวอย่างที่นักสร้างภาพ ขยายผล พยายามบิดเบือน สร้างภาพเล็กๆในกรณีนี้ หวังว่าคงทำให้เข้าใจภาวะของผู้ถูกกระทำทั่วโลก ที่เมื่อตอบโต้ด้วยความรุนแรงเยี่ยงเดียวกันกลับไปบ้าง ก็จะถูกตัดตอนเหตุการณ์สร้างภาพ โฟกัสเฉพาะช๊อตเด็ดที่ปั้นให้ฝ่ายตรงข้ามเป็น "ผู้ก่อการร้าย" เสมอๆ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:40:26

ความคิดเห็นที่ 68 คุณละลิ้ก พี่จิมแนะนำว่า คุณละลิ้ก ควรขอโทษ เพื่อนๆพุทธศาสนิกชน ที่รักสงบด้วยครับ โดยไม่กล่าวอ้าง Mopeena ให้มันเสียบรรยากาศ และเพื่อความมีสปิริตของ มุสลิม และไม่ให้ประเด้นแบบนี้ มีคนนำไปขยายผลแก่ มุสลิม ท่านอื่น และหลังจากการขอโทษ พี่จิมขอให้ทุกท่านจบการให้ คห  ในกระทู้นี้อีก ให้มันคงเป็นกระทู้นี้ ในคลังกระทู้นี้ต่อไป Pass is pass ขอให้พระเจ้าคุ้มครองทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 16:59:27 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:57:56

ความคิดเห็นที่ 69 "ขออภัยชาวพุทธรักสงบท่านอื่นด้วยที่ต้องกำราบ นายสติฝ่อ สันดานหยาบช้ารายนี้ด้วยคำพูดที่รุนแรงเยี่ยงเดียวกัน จนอาจเป็นที่กระทบกระทั่งจิตใจ" ครับ   จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:04:27

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าการทำละหมาดช่วยทำให้จิตใจสงบนิ่ง และนิ่งสนิทได้จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ เพียงแต่ว่า คนส่วนใหญ่จะไม่คิดและไม่ทำอย่างนี้นะซิครับ คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจที่จะค้นหาตนเองภายในนะสิครับ จึงไม่สนใจที่จะทำใจให้หยุดนิ่งกันนะครับ และอีกเรื่องที่สำคัญคือ การละมาดนั้นใช้เวลาไม่นานในแต่ละครั้งจึงทำใจหยุดได้ไม่นาน และหยุดได้ไม่สนิทจริงๆ ความสว่างจึงไม่เกิด ส่วนใหญ่จึงไม่พบตนเองภายในกันนะครับ -ผมจะเล่าอะไรสั้นๆให้ฟัง มีชาวมุสลิมหลายท่านที่มีใจเปิดกว้าง(ไม่ปิดโอกาสตัวเอง) หันมาลองฝึกสมาธิอย่างจริงจัง โดยการนั่งสมาธินานๆเป็นชั่วโมงๆ จึงได้ผล เกิดความสว่างภายใน ค้นพบตนเองภายใน มีความปิติ สุขมากๆ ท่านเหล่านั้นจะนั่งสมาธิเป็นประจำครับ ฯลฯ โปรดลองพิจารณาดูนะครับ ขอบคุณครับ ปล. ถ้าชาวมุสลิม ทำใจหยุดนิ่งได้เป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมด เรื่องราวต่างๆ ปัญหาต่างๆที่ผ่านมาก็จะหมดไปโดยสิ้นเชิง บ้านเมืองก็จะสงบสุขได้ในที่สุดครับ (รวมทั้ง มนุษย์ทุกๆคนบนโลกใบนี้ถ้าทำใจหยุดนิ่งได้ทุกๆคน โลกใบนี้ก็จะมีแต่ความสงบสุขตลอดไปครับ เป็นความหวังของผมครับ) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 17:40:10 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 17:38:16 จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:34:28

ความคิดเห็นที่ 71 ท่านกรรไกร รัตนะ การหยุดนิ่งเวลานาน นั้นมีครับ เหมือนการนั่งสมาธิ แต่ส่วนใหญ่จะทำเวลาดึกสงัดหลังเที่ยงคืน ละหมาดยาวมากเป็น ชม เค้าเรียกว่าละหมาด ตะฮัจยุด และละหมาดตัซเบี้ยะ ส่วนการละหมาดที่แวบเดียวจบ  เพราะอิสลาม ไม่มีพระ ไม่มีนักบวช ดังนั้น จึงให้เวลาในการทำมาหากิน ด้วย 5 เวลา แบ่งเป้นช่วงเวลา เพื่อไม่ให้อยู่กับโลกนานมาก 3-4 ชม พักเบรคมาทำสมาธิกัน หยุดคิดกันนะครับ และการซิกรุ้ลลอฮ์นั้น ก็คือการนับประคำ แต่ต้องรู้จำนวนโดยการเอ่ยพระนามพระผู้เป้นเจ้า หรือ คำว่า ลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮ์ และให้ทำตามขั้นตอนอย่างที่ผมบอก ตะมัร นึง ในการนับ หรือว่าจบนึงนึงคือ 70000 ลูก ครับ ดังนั้นขอขอบคุณที่แนะนำเรื่องสมาธิ ผมใคร่เรียนด้วยความสัจจริงว่า หลายกิจกรรมในศาสนาพุทธ ที่มี อิสลามก็มีครับ แต่ที่ผมไม่นำมาพูดในนี้ เพราะจะมีเพื่อนพุทธบางคนใจไม่เปิดกว้างรับไม่ได้ ก้จะหาว่าผมก้าวล่วง ไปอีก เมื่อก่อนขนาดผมขยาย ความสูญตา ในส่วนอิสลาม ยังมีคนนำไปเป็นประเด้นได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 17:57:40 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 17:49:04 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:48:41

ความคิดเห็นที่ 72 มีอะไรอีกมากมายในโลกอิสลาม ที่เพื่อนๆต่างศาสนิกยังไม่ทราบ ที่เห้นในเวบ นี้ แค่เสี้ยวนึงเท่านั้นเองครับ ถ้าจะรู้ลึกๆ ต้องเรียนในสถาบันเท่านั้น คนสมัยก่อน ไม่นิยมให้เปิดเผยมากนักด้วยซ้ำ ให้รู้เฉพาะผุ้ที่สนใจเท่านั้น เพราะจะมีคนนำไปเป้นประเด้น และจ้องจับผิดทำให้รวนได้ มุสลิม สมัยก่อนเลยไม่นิยมเผยแพร่ศาสนาในรายละเอียดให้คนภายนอกทราบ นอกจากกำชับบุตรหลานตนเองให้เคร่งครัดศาสนา เท่านั้น การทำให้เลือดไม่ไหลออก นั้นดีกว่าการนำเข้าแบบไม่มีคุณภาพ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 17:52:53 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:52:14

ความคิดเห็นที่ 73 คห.70 คุณกรรไกรฯ ที่ท่านอ้างว่า "ปล. ถ้าชาวมุสลิม ทำใจหยุดนิ่งได้เป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมด เรื่องราวต่างๆ ปัญหาต่างๆที่ผ่านมาก็จะหมดไปโดยสิ้นเชิง บ้านเมืองก็จะสงบสุขได้ในที่สุดครับ" ตกลง ปัญหาบ้านเมืองเราที่ขึ้นหน้าหนึ่งทุกวันนี้ ศาสนิกไหนเป็นต้นเหตุครับ ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:52:34

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วนการอ้างว่า "การละหมาดนั้นใช้เวลาไม่นานในแต่ละครั้งจึงทำใจหยุดได้ไม่นาน และหยุดได้ไม่สนิทจริงๆ ความสว่างจึงไม่เกิด ส่วนใหญ่จึงไม่พบตนเองภายในกันนะครับ" ก็อยากให้พิจารณา การชำระล้างจิตใจด้วยวิธีการใดก็ตาม เทียบกับ การชำระล้างร่างกายด้วยการอาบน้ำ การละหมาดภาคบังคับมีวันหนึ่ง คืนหนึ่ง 5 ครั้งที่ตกแก่มุสลิมที่บรรลุนิติภาวะ และไม่อยู่ในขอบข่ายยกเว้น ทุกคนต้องกระทำตลอดชีวิต การละหมาดแม้มีระยะเวลาไม่นานมากเพราะเป็นภาคบังคับให้คนส่วนใหญ่ที่มีงานมีการกระทำได้โดยไม่เป็นภาระมากจนเกินไป แต่ก็เพียงพอที่จะชำระล้างจิตใจให้สะอาดขึ้น และ กระตุ้นเตือนมนุษย์ให้รู้จักยับยั้งความชั่วในชีวิตประจำวัน หากจะเปรียบเปรยด้วยแง่มุมทางระยะเวลา การละหมาด ก็คงประมาณการอาบน้ำ ถูสบู่ตามปกติ ไม่ได้แช่น้ำนานๆขัดสีฉวีวรรณ จนผิวถลอก  ตัวเปื่อย เพราะอย่าลืมว่า อิสลามไม่ได้สอนให้มนุษย์อาบน้ำเมื่ออยากอาบ หรือ ตามใจขนาดนั้น ซึ่งบางคนอาจดองเป็นปีๆจึงจะมีโอกาสอาบซักครั้ง วันว่างจึงอาบนาน แช่น้ำเป็นวันๆได้ แต่อิสลามบังคับให้อาบน้ำภาคบังคับวันละ 5 ครั้ง ซึ่งสามารถกระทำได้แทบทุกสถานที่ ส่วนใครจะรู้สึกต้องการความสะอาดลึกซึ้งกว่านั้น  ก็มีภาคสมัครใจ หลายรูปแบบตามที่ คห.71 อธิบายไปแล้ว การละหมาดจึงเพียงพอแล้วในระดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่สามารถใช้เป็นกิจวัตรประจำวันในการชำระล้างจิตใจให้ผ่องใส และ ไม่ยากลำบากต่อการงานที่มีในชีวิตประจำวัน และ ไม่เว้นนานไปจนจิตใจสะสมความสกปรกจนฝังรากลึก หรือ หลงผิดไปตามอารมณ์ที่ผันแปรตามสิ่งเร้าที่ถาโถมเข้ามาตลอดเวลา เป็นหลักประกันหนึ่งถึงมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม นอกเหนือจากการทำสมาธิแล้ว ยังมีคำกล่าวเตือนสติที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจให้เพ่งมอง มากกว่า การเพ่งเพียงลมหายใจ หรือ อวัยวะของร่างกาย การอ้างว่าการละหมาดไม่เอื้อต่อการ " ค้นพบตนเองภายในกัน " ตามข้อสังเกตุคุณ  กรรไกรฯ จึง เป็นข้อสังเกตุอีกเรื่องที่ห่างไกลข้อเท็จจริงไปมากมาย แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 20:11:37 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 19:42:08

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องหยุดจริง? แล้วความสว่างที่ว่าคืออะไร? สว่างยังไงแบบไหน และเพื่ออะไร? แล้ว การหยุดจริง และสว่างที่ว่า ก่อประโยชน์อะไร? จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 21:21:51

ความคิดเห็นที่ 77 ตัวอย่างดีๆ ในการร้องหาพระเจ้า ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 22:10:58

ความคิดเห็นที่ 78 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 22:28:56 จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 22:28:36

ความคิดเห็นที่ 79 เลิกๆเถอะไปทำงานดูแลครอบครัวของตัวเองซะทะเลาะอยู่ได้ อีก 10-20 ปีข้างหน้า พวกเถียงๆกันก้อตายห่าเกือบหมดแล้ว จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 22:31:06

ความคิดเห็นที่ 80 กลุ่มเดิมๆ เรื่องเดิมๆ "คุณวันฉัตร" น่าจะแยกห้อง ให้ต่างคนต่างอยู่ อย่างน้อยก็ขอให้เป็นสักห้องศาสนาที่เข้ามาหาความสุขสงบ และความรู้ทาง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เหมือนเมื่อก่อน อย่าปล่อยให้เป็นสนามด่าทอข้ามศาสนากันอย่างนี้เลย มันไม่มีวันจบ ไม่ได้เข้ามานาน เพราะระยะหลังๆมีแต่ถกเถียงวุ่นวาย ไม่ใช่การช่วยเหลือ แนะนำองค์ความรู้ เหมือนที่ผ่านมา วันนี้วันพระ ตั้งใจมา แต่กลับเจอเรื่องเดิมซ้ำซาก ห้องนี้ป่วยมากแล้ว ต้องการเยียวยา จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 01:35:36

ความคิดเห็นที่ 81 ท่าน มุมม่วง ผมเห้นด้วยกับการแยกห้อง  แยกห้อง คนที่ชอบด่าศาสนาคนอื่น ให้ไปอยู่ด้วยกัน นั้นแหละครับ ตั้งชื่อห้องว่า """"ห้องหมาบ้า""" ดีที่สุด จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 16:25:17

ความคิดเห็นที่ 82 ครั้งแรกคิดจะสาบส่งกระทู้นี้ แต่อ่านมาถึงการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างศาสนาของคุณกรรไกรรัตนะ กับคุณ Jimbovy เลยเปลี่ยนใจ เพราะนี่คือกระทู้ห้องศาสนาที่ผมอยากเห็นมานาน.. การแลกเปลี่ยนโดยปราศจากอคติจากศาสนาของตนเองมากำหนดกรอบ ชื่นใจ... อยากเห๋นแบบนี้อีกมากๆ อยากอ่านแบบนี้อีกมากๆ ขอบคุณท่านกรรไกรรัตนะและท่าน Jimbovy มากครับ.. ปล. ถ้าจำไม่ผิดท่าน Jimbovy เป็นศิษย์เก่า อสธ. ใช่ไหมครับ ผมก็รุ่นใกล้ๆ ท่านนั่นแหละ... หวังว่าคงได้เห็นการแสดงความเห็นแบบนี้อีกนะครับ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 18:53:21

ความคิดเห็นที่ 83 ท่าน หมู4X ขอบคุณครับ ผมเป็นศิษย์เก่า อสธ  ครับเรียนกับอาคารเรียนเรือนไม้ และ อาคารญี่ปุ่น พอเรียนถึงป. 4  บาเทอร์ บัญชา แสงหิรัญ ก็มาเป็น อาจารย์ใหญ่ครับ เรียนพละ กับมาสเตอร์เพชร เสียใจตอนหลังว่า มาสเตอร์เพชร จมน้ำเสียชีวิต มาสเตอร์ สุรพล นาทอง ก้น้าชายผม ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว การแสดงความคิดเห็นของผมในเรื่องอะไรก็แล้วแต่นั้น แนวสันติและสร้างสันติ มาตลอดครับ แต่ผมจะมีคาแรคเตอร์ ในโลกออนไลน์ คือเป้นกระจกของผู้สนทนาด้วยไปในตัว คุยแบบไหน ผมก็เป้นแบบนั้น มาป่วนรวน ผมก็ป่วนรวนกลับไป ในเชิงโต้ตอบ แต่ไม่รุกราน มาอันธพาล ผมก็พร้อม ลุยด้วย สรุปว่าผมได้ทุกลูกครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:50:26