ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาสวัสดีครับคุณมะลิ หายไปนานสบายดีนะครับ ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข ที่ใดขาดรัก รักสลาย ที่นั่นมีทุกข์ การมีรักที่ดีนั้นยาก แต่การรักษาให้ยืนนานยากยิ่งกว่า ขอให้คุณมะลิมีความสุขในรักนะครับ เชิญเยี่ยมบล็อกและติชมด้วยครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=faraday จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 09:34:08

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ไหนมีรัก     ไม่มีทุกข์      ไม่ใช่หรือ                       เพราะรักคือ     หวานชื่น     และสุขแสน                       เมื่อขาดรัก      ต่างหาก      ทุกข์มาแทน                       อย่าระแวง     ในความรัก      จักเข้าใจ                        กล้าๆรัก        ให้ไปก่อน     ใช่หวังตอบ                       จะชื่นชอบ     ในความจริง     ที่สวยใส                       เพราะชีวิต       มีเรี่ยวแรง     ดำเนินไป                       ด้วยหัวใจ        เต็มเปี่ยม       ด้วยพลัง                       ฉันห้ามเธอ    อย่าเที่ยวพูด    ถึงความคิด                       กลัวรักติด        ลุ่มหลง        ทำหมดหวัง                       ชวนกันหนี       ความรัก        เที่ยวระวัง                       ประดุจดัง        คนลังเล        หมดเรี่ยวแรง จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 10:38:48

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ค.ห 1 > คุณFaraday ขอบคุณค่ะ ดิฉันสบายดีค่ะ  ที่หายหน้าไปสักพัก ก็มีโอกาสได้ไปถือศีล ปฏิบัติธรรม อยู่ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เพิ่งกลับมาค่ะ ก็ได้ความสุข ความสงบ กลับมาอ่ะค่ะ สำหรับคำว่า " ความรัก " ให้เราเปลี่ยนเป็น ไมตรีจิต เมตตา เป็น มิตรภาพ ที่ดีส่งมอบให้กัน เราก็จะพบความสุข ไม่มีทุกข์  ( รักแท้ไม่ควรยึดครอง) ^ ค.ห 2 boon-m1 ขอบคุณ.. สำหรับคำกลอนที่ฝากมาค่ะ จ.ข.ก.ท ชอบคำกลอนค่ะ แต่แต่งไม่เป็นจริงๆ ได้แต่ยืมเขามา ^-^ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 15:31:50

ความคิดเห็นที่ 4 ***กลอนธรรมะ มรณา                มาพลัดพราก      ให้จากกัน แสนโศกศัลย์       น้ำตาริน             มิสิ้นสาย พุทธวิธี              คลายโศก          จะช่วยคลาย ให้โศกหาย          คลายทุกข์         มีสุขใจ     *** ( ธมุมวฑุโฒ ภิกขุ) จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:00:19

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับ ยืนยันอีกเสียงว่าขณะที่มีรักก็แค่มีสุขหวานชื่นชั่วคราว แต่ต้องทุกข์หนักเมื่อรักแปรปรวนไป ไม่ต้องถึงกับขาดรักหรอก แค่รักษาระดับมิให้จืดจาง พอไม่เป็นไปตามอยากก็เริ่มทุกข์แล้ว จำได้เลา ๆว่ามีพระสูตรหนึ่งเทวดามากล่าวคาถากับพระพุทธเจ้าทำนองว่า มีนาก็สุขเพราะนา มีโคก็สุขเพราะโค มีลูกก็สุขเพราะลูก... แต่พระพุทธเจ้าตรัสตอบเป็นตรงกันข้ามว่า"มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีโคก็ทุกข์เพราะโค มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก" เมื่อสิ่งที่กล่าวมาแปรปรวนไป ย่อมยังความทุกขให้เกิดแก่ผู้ครอบครอง จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 16:01:46

ความคิดเห็นที่ 6 คุณมะลิฯ ไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว อยากฟังทรรศนะว่า "ความรัก" ยังจำเป็นอยู่ไหม? จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 17:58:49

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^^สวัสดีค่ะคุณวิว คุณวิว ถามว่า "ความรัก" ยังจำเป็นอยู่ไหม? จำเป็นสำหรับบางคน /ไม่จำเป็นสำหรับบางคนค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 20:17:28

ความคิดเห็นที่ 8 ^ สำหรับคุณมะลิดิ่ โธ่....  จะเฉไฉทำไมเนี่ยไม่เข้าใจ ถ้าไม่ตอบเด๋วเชิญอีกคนมาตอบนะเอ้า! จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 21:03:53

ความคิดเห็นที่ 9 ^ คุณวิว น่ะ คุณวิว ทำไปได้ เปลื่ยนชื่อเป็น คุณวิว มุกกระจาย ดีม่ะ ****** กลอนธรรมะ เพิ่งพานพบสบกัน พลันพลัดพราก   ไม่อยากจากก็ต้องจากยากผ่อนผัน จำใจจร จำพราก จำจากกัน ทุกชีวัน เป็นเช่นนี้ หนีไม่พ้น *** ธมุมวฑุโฒ ภิกขุ **** จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 21:41:32

ความคิดเห็นที่ 10 ถามคุณมะลิว่า  "ความรัก" ยังจำเป็น(สำหรับคุณ)อยู่ไหม?   ชัดแล้วนะ เมื่อไม่ตอบตรง ๆ  ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณฟาร์ฯ โดยปริยาย ใช้โทรโข่งเรียกเร็วดี แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 22:14:59 จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 22:13:18

ความคิดเห็นที่ 11 เรารักเค้าแต่เค้าไม่รักเรา มันทุกข์อ่ะค่ะ ทำไงให้เค้ารักเราดี เป็นทุกข์อีกแล้ว  รู้อยู่นะ รักกับทุกข์มาคู่กัน แต่ยังตามความคิดไม่ทัน ตอนนี้ก็ทุกข์ค่ะ ทุกข์บ้างหยุดบ้าง ถ้าไม่คิดก็ไม่ทุกข์อ่ะค่ะ แต่อยากให้เค้ารักเราตอบบ้าง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 55 22:27:38 จากคุณ : gaylove เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 22:20:17

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่มีใครในโลกไม่จากกัน รู้ดังนั้นตามมันไปไม่หลีกหนี รักก็รักจากก็จากด้วยยินดี อย่าไปหนีรักกลัวจากไม่สมควร รู้ว่ารักมีประโยชน์ เป็นใช้ได้ จากก็ให้ยอมจากอย่ากลำศรวล เป็นคนแล้วไม่ขี้ขลาดกระบิดบวน ทุกอย่างล้วนเป็นยาใจให้กำลัง แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 08:43:08 จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 06:53:27

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 12 ชอบใจ กลำศวร น่าจะเขียนงี้นะ กำศรวล ขอบคุณ คุณ boon-m1 จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 08:11:15

ความคิดเห็นที่ 14 ชวนคุณวิวฟังเพลงดีกว่านะครับ สำหรับทุกท่านด้วยครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 08:29:43

ความคิดเห็นที่ 15 ^14  เพลงเพราะ.....   ลองมโนว่าคุณสปอร์ตไลท์เป็นผู้ครวญเพลงนี้ สาวบางคนอาจหลั่งน้ำตากะเป็นได้.. จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 10:59:36

ความคิดเห็นที่ 16 ^ คุณวิว นี่แสบจริงๆ น่ะคะ.... หยอกกันวันล่ะนิดจิตแจ่มใสเน่อะ ^-^ ...................... ^ ค.ห 11 คุณgaylove เป็นกำลังใจให้คุณ... อย่าทุกข์นานนัก  ทุกข์ใจทำร้ายสุขภาพกาย-ใจ ตัวเราเอง (เขาไม่รักเรา ก็เอารักของเรากลับคืน) จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 11:58:40

ความคิดเห็นที่ 17 ^16 จริง ๆ ภาพนั้นอยากมอบให้คุณมะลินะ แล้วคุณมะลิมอบให้คุณสปอร์ตไลท์อีกที ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นอะไรที่ซาบซึ้งอ่ะ (?!) จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 12:11:54

ความคิดเห็นที่ 18 รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ รักนี้มีสุขทุกข์เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี รักเอย รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี หวั่นในฤทัยเหลือที่ เกรงรักลวงฤดี รักแล้วขยี้ใจ ขืนห้ามความรักคงมิได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 13:05:25

ความคิดเห็นที่ 19 รักเอย........ถึงแม้ว่ารักแล้ว­ต้องเจ็บปวดพบกับผิดหวังก็ยังอย­ากจะรัก เล็ก บ้านริมน้ำนครชัยศรี (หน้าวัดโคกแขก) จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 13:09:31

ความคิดเห็นที่ 20 ALL YOU NEED IS LOVE , LOVE  IS  ALL  YOU  NEED                                               John lennon จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 13:33:20

ความคิดเห็นที่ 21 " เอ่อ...อ๊อก ๆ "        ^        ^        ^ เพราะเป็นกระทู้ธรรมะ เหลือแค่เนี้ยพอ... ================================= ความคิดเห็นนี้ถูกรีดิวส์จากภาพลิงกดคอแมว แมวเลยร้อง "เอ่อ...อ๊อก ๆ" มันหายใจไม่ออกจ้า  เลยอธิบายความหมายไว้ใน  v27 ไม่ได้เชื่อมโยงกะความเห็นด้านบนแต่ประการใด อันนั้นพี่จอนกล่าวไว้ดีแล้ว...... - -" แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 12:44:16 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:52:53 จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 15:30:07

ความคิดเห็นที่ 22 นิยายเชิงพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวเนื่องกับความรัก " กามนิต-วาสีฏฐี "  นิยายเชิงพระพุทธศาสนาเรื่องดัง ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของใครหลายๆ คน  ด้วยวลีเด่นที่คุ้นหู ได้ยินบ่อย ๆ เป็นคำที่แทบจะไม่ต้องแปลความหมายใดๆ เลย นั้นก็คือ  "รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม"  ซึ่งเป็นผลงานการแปลของท่านเสฐียรโกเศศ - นาคะประทีป จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:39:26

ความคิดเห็นที่ 23 ( เรื่องโดยย่อ )   หลังจากกามนิต บุตรพ่อค้าที่เป็นเศรษฐีแห่งกรุงอุชเชนี ประสบปัญหา อกหัก เนื่องจาก วาสิฏฐี ธิดาเศรษฐีช่างทองแห่งกรุงโกสัมพี ถูกบังคับให้แต่งงานกับ สาตาเคียร ผู้เป็นบุตร ของ ประธานมนตรี ร่วมกรุงโกสัมพี และ กามนิตมาณพ ผู้กลับมายังกรุงโกสัมพีในวันแต่ง งานพอดี ได้เห็น เจ้าสาวในพิธีวิวาห์ ที่นั่งอยู่บนกูบหลังช้าง ซึ่ง "แม้มีเสือผ้าแพรพรรณหุ้ม คลุมเป็นกลุ่มราวกับสีรุ้งก็ดี แต่ร่างที่อยู่ในผ้านั้นคล้ายกับไม่มีชีวิต เพราะเห็นโยกย้ายไป ตามกิริยาโคลงเคลงที่ช้างย่าง รู้สึกว่ามีอาการเศร้าๆอย่างไรอธิบายไม่ถูก น่ากลัวว่าเวลา โยกจะพลัดตกจากหลังช้างกลิ้งลงมา" และเมื่อ กามนิต ได้เห็นชัดเจนว่า เจ้าสาวนั้นคือ วาสิฏฐี คนรักของเขา ผู้ซึ่งมีตำนานความรักยามค่ำคืนกับเขาบน ลานอโศก ภายในบริเวณ ปราสาทของบิดานาง ที่ซึ่งทั้งสองได้สัญญารักต่อกัน ทั้งยังได้ให้ปฏิญญาแก่กันอีกครั้งหนึ่ง ที่ เทวาลัยพระกฤษณะ หลังกำแพงกรุงโกสัมพีด้านตะวันออก ว่า ทั้งสองจะซื่อสัตย์ ไม่ พรากจากกัน นอกจากมัจจุราชจะคร่าพาตัวไป แล้ว กามนิต ถึงกับหน้ามืด หมดกำลังวังชา ทอดกายให้ถูกอุ้มเข้าไปพักในโรงแรม นอนอยู่ในมุมมืด หันหน้าเข้าข้างฝา นั่งแข็งอยู่อย่าง นั้นหลายคืน น้ำตาไหลพราก ๆ ไม่ยอมกินอาหารทั้งหมด ไม่สามารถจะทำอะไรได้ นอกจาก จมดิ่งอยู่ในห้วงความเสียใจที่เสียของรักไป ไม่มีวันจะได้คืนแล้ว นอกจากนี้ไม่ต้องการจะให้ ใครเห็นตัวที่กรุงโกสัมพี เกรงจะมีใครจำได้ แต่ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ต้องการปิดบังไม่ให้ วาสิฏฐี ทราบว่าเขากลับมาที่นี่อีก แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 19:43:45 จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:43:13

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้...โห...คุณวิว สุดยอดแสบๆๆๆๆ หยอกแรงๆๆๆอ่ะ T^T กระทู้ธรรมมะน่ะคะ .............................. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์  จริงแท้ แน่นอน.... รักที่ไม่ทุกข์..... *ความรักที่มีแต่ความสุข  ไม่มีทุกข์เจือปน  เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ * ในทางพุทธศาสนา  ความรักอันบริสุทธ์  ที่จะนำชีวิตไปสู่ความสุขแท้ คือความรักที่ต้องอาศัย  คุณธรรมสำคัญ 4 ประการ   คือ  พรหมวิหารสี่ 1 . เมตตา    ปรารถนาให้เขามีความสุข 2.  กรุณา     ปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ 3.  มุทิตา     พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดี 4   อุเบกขา   ทำใจเป็นกลางวางเฉย แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:55:30 จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:47:55

ความคิดเห็นที่ 25 รูป วาสิฏฐี ที่ได้เห็นครั้งหลังสุดนี้ ช่างกระไรติดตาชัดเจนอยู่ตรงหน้ามิเลือนลงเลย แม้จะแค้นแสนแค้นว่า ความสัตย์ปฏิญญา ของสาวน้อยนี้หนอเชื่อถือไม่ได้เอาทีเดียว แต่ก็เห็นความจำเป็นอยู่เหมือนกันที่นางถูกบิดามารดาบังคับ ทั้งรำลึกถึงใบหน้าอันกิริยา เศร้าด้วยความระทมทุกข์ บนกูบช้างของนาง ความโกรธความแค้นที่แน่นจนคับอกก็พลัน มลาย เหลือแต่ความสงสารเข้าไปเต็มตื้นอยู่ในใจ จนตกลงแน่วแน่ว่าจะไม่เพิ่มความทุกข์ ของนางให้ยิ่งขึ้น ทั้งไม่ให้นางรู้ว่าเขากลับมากรุงโกสัมพีแล้ว จะไม่ให้รู้เรื่องแม้แต่เพียงนิด เดียว ในที่สุดเมื่อนางเห็นว่าเงียบหายไปนานก็คงจะคิดว่าเขาตายแล้ว ความทุกข์โศกก็จะ ค่อย ๆ หายไปเอง          จากความเป็น วีรบุรุษ ในสายตาของ วาสิฏฐี เมื่อ กามนิต กลับมาอยู่กับบิดามารดา ที่กรุงอุชเชนี มหานครที่ มีชื่อเสียงตลบไปในชมพูทวีป ว่า สนุกสนานหาความบันเทิงได้ไม่มี ที่เปรียบ ไม่น้อยไปกว่าความงามรุ่งเรืองของปราสาทราชมนเทียร และ ความสง่าผ่าเผยของ เทวสถาน มีถนนหลวงกว้างใหญ่ เวลากลางวัน ได้ยินเสียงม้าร้องคะนองศึก และช้างสาร โกญจนาทอยู่กึ่งก้อง ตกกลางคืน ก็มีแต่เสียงพิณ และเสียงร้องเพลงในหมู่นักเที่ยวสนุก เกรียวกราวอยู่ทั่วไป อย่างนี้แล้ว          กามนิต ผู้ที่จะลืมความโทมนัสแสนสาหัสที่เผาผลาญดวงใจนั้น เมื่อมีนางงามนำถ้วย ทองอันเต็มปริ่มด้วยสุธารสความบันเทิง มาฉอเลาะรออยู่ที่ริมฝีปาก แล้วไฉนจะไม่ดื่มโดย ยินดีเล่า? อาศัยที่ กามนิต มีปฏิภาณทันใจ มีความรู้ในศิลปวิทยา รู้จักการเล่นอันควรแก่การ สมาคมทุกอย่าง นางคณิกา ที่ลือชื่อจึงต้อนรับเขาเป็นแขกพิเศษ และ เพราะได้เรียนรู้ ภาษา มารยาทโจรมาแล้ว เป็นอย่างดี (ระหว่างถูกกักรอการไถ่ตัวในชุมโจรของ องคุลีมาล ) เขาจึงคบหาสมาคมกับ นางคณิกาชั้นต่ำ ด้วยพวกหนึ่ง ถึงแม้ว่าความเป็นไปของพวกชั้นนี้ จะเป็นชนิดที่เลวทราม เขาก็ตีตนสนิทสนมมิได้รังเกียจ จนนางพวกเหล่านั้นหลายคนภักดี ต่อเขาสุดชีวิตจิตใจ          การ เปลี่ยนพฤติกรรมไปหมกมุ่นอยู่ด้วยความสนุกอย่างนี้อย่างรวดเร็ว เท่ากับพลิก หน้ามือเป็นหลังมือ จึงมีคำพูดติดปากชาวอุชเชนีว่า "รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม" ขอบคุณที่มาข้อมูล:  http://bannpeeploy.exteen.com/20071117/entry-8 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 21:35:25 จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:09:59

ความคิดเห็นที่ 26 เพลิน พรหมแดน - กามนิตวาสิฏฐี จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:18:40

ความคิดเห็นที่ 27 คิดอะไรกันเนี่ย ฮืมมม...? คอนเซปต์คือที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์ไม่ใช่เหรอ? เมื่อรักแล้วก็ต้องการครอบครอง  เมื่อไม่ได้หยั่งใจก็ใช้กำลังบังคับ ทุกข์ทั้งผู้บังคับ ทุกข์ทั้งผู้ถูกบังคับ... -------------------------------- (หาความชอบธรรมให้ตัวเองเสร็จแล้ว รอดละ Bye..bye...) จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:01:12

ความคิดเห็นที่ 28 พระนางพิมพาและพระโพธิสัตว์นั้น ทรงเกิดมาเป็นคู่รักและเป็นคู่ครองกันมานับอเนกอนันต์ชาติ ผ่านความสุขและทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์มาด้วยกันมากมายนับชาติไม่ถ้วน มีพบมีพลัดพราก จากกันเป็นธรรมดา แต่เมื่อใดที่ได้เกิดมาร่วมกัน ก็ส่งเสริมกันในการสร้างสมบุญบารมีโดยไม่ ย่อท้อด้วยจิตที่เสมอกัน มีความผูกพัน ไม่โกรธไม่เคือง ไม่มีแม้เพียงสายตาที่ทอดดูกันด้วย ความไม่พอใจ ทั้งสองได้เป็นคู่ครองกันมาจนถึงชาติอันเป็นที่สุด ซึ่งพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และ พระนางพิมพาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ นับว่าทั้งสองพระองค์เป็น คู่บารมี กันอย่างแท้จริง จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:04:34

ความคิดเห็นที่ 29 คุณวิว จอมแสบคะ...คราวหน้ามาอีกน่ะ ตลกดี ขอบคุณๆ Faraday ( แสงเทียน ) ด้วยค่ะ สำหรับ " กามนิต วาสิฐถี " จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:52:35