|
ขอคัดลอกเอาเฉพาะข้อความตอนหนึ่งในบทสวดแปล ชื่อ อภิณหปัจจเวกขณปาฐะ ซึ่งเป็นคำสอนหลักอันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ให้ใช้เป็นหลักก่อนดังนี้คือ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆตน, มีกรรมเป็นผู้ให้ผล, มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเป็นผู้ติดตาม, มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย, เราทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป, เราจะเป็นทายาท, คือว่าเราจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป...
๑.ทุกคนเกิดมาต้องรับกรรมเก่า .. ตอบว่า ใช่ ตามเหตุผล ตามคำสอนข้างบน แต่ไม่ใช่เพียงแค่นี้ เกิดมาเพื่อทำกรรมใหม่ด้วย เพื่อการเกิดต่อ ๆ ไป เพราะถ้าไม่ทำกรรม ก็ไม่มีผลแห่งกรรม ก็จะไม่มีเชื้อ ที่จะให้เป็นเหตุ ให้เกิดได้ขึ้นอีกต่อไป ..เปรียบเหมือนไฟแห่งตะเกียง ถ้าไม่มีการนำน้ำมันมาเติม ต่อเนื่อง น้ำมันที่เป็นเชื้อไฟก็จะหมด เมื่อน้ำมันหมด ไฟก็ดับ จะบังคับให้ไฟติดอยู่ต่อไปก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเชื้อคือน้ำมัน...
๒.ความสุข ความทุกข์ หาใช่เหตุแห่งกรรมเก่าไม่ แต่เป็นเรื่องของการดลบันดาล .. ตอบว่า ไม่ใช่คำสอนในพุทธศาสนา เพราะทุกอย่างเกิดมีมาจากการมีเหตุ มีปัจจัยปรุงแต่ง กรรม ผลแห่งการะทำ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ตัวสำคัญ ให้คนมีสุข หรือทุกข์ ซึ่งผลแห่งการกระทำนี้ อาจจะมีมาจากในอดีต หรือปัจจุบันก็ได้ ขึ้นอยู่กับการกระทำ เช่น ถ้าจะกล่าวว่าพระเจ้าบัลดาล หรือบุญบัลดาลให้เกิดสุขได้ แล้วก็นั้ง ๆ นอน ๆ รอให้พระเจ้า หรือบุญบัลดาล โดยไม่ตักข้าวกิน ไม่ดื่มน้ำ เลย แล้วคน ๆ นั้น จะมีสุขได้หรือไม่ ถ้าจะบอกว่า ตายอย่างเดียว จะมีใครสงสัยมั้ยครับ...
๓.ทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิต หรือเกิดขึ้นในธรรมชาตินั้น ไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัด ..ตอบว่า ไมใช่คำสอนในพระพุทธศาสนา เพราะทุกอย่าง ย่อมมีที่มา และที่ไป เสมอ ตราบเท่าที่ยังมีเหตุ มีปัจจัย ปรุงแต่งให้เป็นมา และเป็นไป แต่การที่เราสาวเข้าไปไม่ถึง อดีตเหตุ และอนาคตผล เป็นเพราะเราปรับความสามารถให้เข้าถึง ไม่ได้เอง สิ่งที่เราทำไม่ได้ ก็ยังไม่ได้หมายความว่า สิ่งนั้น มันไม่จริง ไม่ใช่หรือครับ ..ถ้าจะเหมาเอาว่ามีผู้บัลดาล ก็ถ้ามีผู้บัลดาล ตัวจริง ๆ นั้น เขาเคยมาบอกเราหรือไม่ ว่าเขาคือผู้บัลดาล วันนี้มี เพราะ เมื่อวานนี้มันมี แล้วถ้าโลกนี้ ยังไม่แตก หรือตะวันยังไม่ดับ พรุ่นนี้มันก็จะต้องมีอีกต่อไป...
จากคุณ |
:
นิ่งหนอ (นิ่งหนอ)
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ค. 55 00:53:55
|
|
|
|
|