ความคิดเห็นที่ 1 อิสลามมองว่าผู้ชายและผู้หญิงต่างมีเกียรติศักดิ์ศรีที่เท่า เทียมกัน อัล-กุรอ่าน ได้กล่าวถึงความเท่าเทียมดังกล่าวไว้ในหลายๆ โองการ (อายะฮ์) สนใจไปอ่านต่อได้ที่ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=440277 จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:15:31

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้ไปเจอมาครับเลยแถมให้ เป็นการตามสถานการณ์โลก มัสยิดแม่ขะจาน กับ การเตรียมความพร้อมสู่อาเซี่ยน http://www.oknation.net/blog/naichumpol/2012/07/12/entry-1 ในกลุ่มอาเซี่ยน ของเรา มีผู้ที่เป็นมุสลิม จำนวนค่อนข้างมาก การสร้างมัสยิดเพื่อให้ผู้คนเดินทาง ผ่านมาเพื่อแวะทำการนมัสการ พระผู้เป็นเจ้าเป็นจุดขาย จุดพัก สำหรับนักท่ีองเที่ยว นักธุรกิจ โดยที่เราไม่ต้องลงทุน  สถานีรถไฟ สถานีขนส่งแม้นกระทั้งสนามบิน ยังต้องมี ที่ละหมาดสำหรับพี่น้องมุสลิม ซึ่งยืนยันได้เลยว่า สิ่งที่พวกท่านวิตก จะไม่เกิดขึ้น หากเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ วันนี้ผมยังเชื่อว่าโอกาสมาถึงพวกเราแล้ว เราต้องเริ่มศึกษา ในเรืองของตรา เครื่ืองหมายฮาลาล  ซึ่ง สำนักคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับผิดชอบอยู่  สินค้าถ้าติดตราฮาลาล นอกจากขายได้ในพื้นที่ ซึี่งแต่ละปี เราจะเห็นพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้แวะพักซื้อสินค้าอยู่เสมอ  มิเท่านั้นยังสามารถส่งไปยังประเทศมุสลิมได้ทั่วโลก  ซึ่งประชากรมุสลิมทั่วโลกมีมากกว่า 1,600 ล้านคน คิดดูตลาดใหญ่และ กำลังซื้อมากขนาดไหน เห็นพี่น้องกลุ่มโอท็อปในจังหวัดเชียงใหม่ หลายกลุ่ม ทำกันมาแล้ว หลายกลุ่ม มีการส่งออกไปยังประเทศมุสลิมเพื่อนบ้าน อย่าปล่อยให้สิ่งดี ๆ ผ่านเราไปด้วย จิตที่คิดระแวง  ไม่ว่า เราจะนับถือศาสนา ไหน เราก็คือ คนไทย เหมือนกัน จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:20:46

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้อาจจะเกี่ยวกับสิทธิสตรีนิดๆ บางประเทศในตะวันออกกลางยังไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถเอง ได้อย่างอิสระ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าหลักศาสนานั้นห้ามหรือเปล่า เพราะสมัยท่านศาสดาคงไม่มีรถยนต์ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าด้วยสายตาของผู้ชายทุกชนชาติทุกศาสนา อาจจะมีทัศนคติในการขับรถของผู้หญิงไปในทางเดียวกัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 00:40:43

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้เดิมถูกลบไป แต่คุณก็ยังมีกะใจมาตั้งให้ใหม่อีก ขอบคุณในไมตรีที่มีต่ออิสลามน่ะครับ ดูท่าคุณจะสนใจในอิสลาม ลองศึกษาเรียนรู้ศาสนาอิสลามไปเรื่อยๆน่ะครับ “ ไม่มีการบังคับใดๆ (ให้นับถือ) ในศาสนาอิสลาม แน่นอน ความถูกต้องได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัฏ-ฏอมูต (ชัยฎอน) และศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แล้วแน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใดๆเกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ ”  (Al-Quran 2:256) ผมจะขอดุอาให้พระองค์เปิดใจคุณน่ะครับ คุณเอกณัฏฐ์ อินชาอัลลอฮฺ จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 00:50:41

ความคิดเห็นที่ 5 ท่าน Nine cats  เมื่อวานผมยังเสียดาย ที่กระทู้ท่านหายไป ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ อิสลาม และมองในแง่ บวก และแง่สันติ ขอคาราวะดวยใจจริง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:28:29

ความคิดเห็นที่ 6 ท่าน ยอง ต้องทำความเข้าใจ ว่ากฎหมายของประเทศมุสลิม กับบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ยังไม่มีประเทศใดในโลกใช้กฎหมาย อิสลาม 100% ครับ จะเป็น คอมมอนลอร์ ไครมินัลอร์ และ เสตทลอวร์มาปนๆกันครับ อิสลาม ไม่ได้ห้ามผู้หญิงขับรถ ครับ สมัยก่อนไม่มีรถ มีอูฐ มีลา มีม้า ผมก็ไม่เคยเห้นคำสอนลักษณะดังกล่าวว่าห้ามเลยครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 06:33:12 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:31:07

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องนี้ เป็นคำสอนของอิสลาม ในเรื่อง หน้าที และความเป็นพลเมือง อิสลาม นั้น มีแก่น เรื่อง หน้าที ความรับผิดชอบ และความมีวินัย ของตัวบุคคลเป็นหลัก สตรี ก็มีหน้าที่ ของสตรี บุรุษ มีหน้าที่ของบุรุษ ไม่ก้าวก่ายกัน ตนเองมีหน้าที่  สามี มีหน้า , ภรรยา มีหน้า ,บุตร มีหน้าที่ ,คนในครอบครัวมีหน้าที่ต่อกัน คนในสังคม ก้ต้องมีหน้าที่  คนในประเทศชาติ ก็มีหน้าที่ คนในโลกก็มีหน้าที่ ฯลฯ  ยุบยับไปหมด ทุกอย่างคือคำว่าหน้าที่ มีวินัย และมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ดังนั้นเมื่อเข้าใจแก่น ของอิสลามแล้ว การตีโจทย์ของคำสอนของอิสลาม เลยไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอะไร ในการขจัดข้อข้องใจ ในประเด้นนั้นๆ ทุกอย่างเป้นหน้าที่ ที่ต้องกระทำ มี วินัย ต่อตนเองและสังคม จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:41:03

ความคิดเห็นที่ 8 แบบว่าเคยดูสกุ๊ปข่าวเกี่ยวกับผู้หยิงขับรถของซาอุน่ะครับ คืออาจจะไม่ใช่หลักศาสนาก็ได้ แต่คล้ายๆว่า ถ้าผู้หญิงขับรถคนเดียวจะโดนจับ คือต้องมีผู้ชายนั่งไปด้วย และผู้ชายที่นั่งไปด้วยจะต้องเป็นผู้คุ้มครองหญิงนั้นตามศาสนาอิสลาม ซึ่งไม่แน่ใจว่าตอนนี้เข้าให้ขับรถเองได้รึยังแต่ในสกู๊ปข่าวมันบอกแบบนั้นจริงๆ และแหล่งข่าวยังบอกอีกต่างหากว่า เพื่อคุ้มครองผู้หญิงให้ปลอดภัยจากการขับรถจึงต้องมีผู้ชายนั่งไปด้วย โปรดฟังอีกครั้ง ขอย้ำว่า    เพื่อคุ้มครองผู้หญิงให้ปลอดภัยจากการขับรถจึงต้องมีผู้ชายนั่งไปด้วย จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:50:53

ความคิดเห็นที่ 9 มีเรื่องเล่าโจ้กๆนะครับ ครั้งหนึ่งในสมัย ศอฮาบะห์ (สาวกของท่านศาสดา) มีความเจ็บช้ำน้ำใจ เนื่องจากภรรยามักจะ เหวี่ยงใส่ท่านอยู่เสมอ จึงไปหาท่านอุมัร (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ซึ่งเป็นคอลีฟะห์ในสมัยนั้น พอถึงบ้านของท่าน อุมัร ก็เรียกท่านอุมัร พอท่านอุมัรเปิดประตูบ้าน ซอฮาบะห์ท่านนั้นก็หันหลังกลับเลยครับ ท่านอุมัรก็ทัก จะรีบกลับไปไหน ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย ศอฮาบะห์ ท่านนั้นก็หันกลับมาพูดว่า ความจริงผมจะมาปรึกษาท่านเรื่องกริยามารยาทของภรรยาของผมที่แสดงกับผม แต่พอผมได้ยินเสียงภรรยาของท่าน มาจากทางหลังบ้าน ผมก็เปลี่ยนใจกลับเลยครับ คิดดูครับ ขนาด ท่านอุมัร คอลีฟะห์แห่งประชาชาติอิสลามยังต้องยอมเมียเหวี่ยงได้ ดังนั้นภรรยาธิปไตย เป็นเรื่องปกติคร้าบ^^ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:50:58

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่า เรื่อง ผู้หญิงกับศาสนาอิสลาม นี่ เป็นการมองโดยใช้แว่นคนละอันมากกว่า มุสลิม ด้วยกัน มองว่า ข้อบัญญัติเกี่ยวกับสตรี นี้ มิใช่การกดขี่ แต่เป็นการคุ้มครอง รักษา หรือให้เกียรติสตรี แต่ คนทั่วไปที่ไม่ใช่มุสลิม มองว่า ข้อบัญญัติเกี่ยวกับสตรี ในศาสนาอิสลามนี้ เป็นการกดขี่สตรี ไม่เคารพหลักสิทธิ และความเสมอภาคของมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไปเดินตลาดในปากีสถานเราแทบจะไม่เห็นสตรี เดินออกไปจ่ายตลาด หรือ ออกมาเดินเพ่นพ่านคนเดียวเลย สตรี มักจะถูกสอน หรือถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน จะออกมาข้างนอกได้จะต้องมีบุรษที่เป็นญาติกัน เช่นพี่ชาย น้องชาย หรือพ่อไปด้วย ซึ่งกรณีนี้ต้องยอมรับว่า ได้รับอิทธิพลจากคำสอนศาสนาอิสลามโดยตรง ในเรื่อง ห้ามมิให้สตรีไปไหนโดยลำพัง หรือ ไปเดินกับเพื่อนชายที่่มิใช่บุคคลในครอบครัว ซึ่งกรณีดังกล่าว ถ้ามองในแง่มุมของมุสลิม นี้แหละ เป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยแก่ สตรี หรือเป็นการคุ้มครองเกียรติของเธอ แต่ถ้ามองในแง่ของบุคคลทั่วไป ย่อมมองว่า นี่เป็นการกดขี่ และไม่เคารพหลักสิทธิเสรีภาพ ในชีวิต และร่างกาย หรือการเดินทางที่บุคคลใดย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางหรือใช้ชีวิต แต่กรณีดังกล่าว ย่อมไม่อาจนำมาชี้ถูกหรือผิดหรือกล่าวว่า ใครดีใครเลว กว่ากันไม่ได้ เพราะ พื้นฐานคิดคิดไม่เหมือนกัน และอีกอย่างหนึ่งการไปเปลี่ยนให้เขาเป็นเหมือนประเทศเสรีนิยมย่อมทำให้เขาทรยศต่อศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องผิดบาปมหันต์ในมุมมองของอิสลาม ทั้งต้องยอมรับว่า ข้อบัญญัติในศาสนาอิสลามเป็นข้อบัญญัติที่ตายแล้ว คือเป็นข้อบัญญัติที่ไม่สามารถเพิ่มเติม หรือแก้ไข ให้เป็นไปตามหรือรับเอากรอบความคิดใหม่ๆ มาแก้ไขเพิ่มเติมได้ ทำได้แต่เพียงเปลี่ยนหรือปรับให้กรอบความคิด หรือวิถีแห่งโลกที่เกิดขึ้นใหม่ๆ นี่ ให้โน้มเอียงมาอยู่ในกรอบของข้อบัญญัติทางศาสนาเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:11:03 จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:10:22

ความคิดเห็นที่ 11 ท่าน aramis_s เรื่องในปากีสถาน นั้น เป็นวัฒนธรรม + +  คือนึงข้อบังคับทางศาสนา ที่ผมบอกว่าเป็น บวก บวก เพราะมันเป้นข้อบังคับกึ่งวัฒนธรรมของฮินดู และพราหมณ์ ผมไปอินเดียบ่อยครับ ในเดลฮี ก็ไม่แตกต่างกับ ปากีสถานครับ ประเทศอินเดีย เป้นประเทส ที่น่างส่งเสริมบุตรหลาน ไปเรียน โดยเฉพาะที่ เดลฮี มิใช่ มุมไบ ไปเรียนที่นั่นโอกาส เสียคนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศไทย ส่วนเรื่อง สิทธิสตรี นั้นในมุมมองที่ไม่ใช่ศาสนา ผมว่าเป้นมุมมองของผู้หญิงมากกว่า ถ้าบอกว่า สิทธเท่าเทียมกัน ไปทานข้าวทำไม ผุู้หญิงมักลืมกระเป่าตังค์ประจำ ทำไมขึ้นรถเมลย์ สุภาพบุรุษต้องลุกให้สตรีนั่ง พอ ชายไม่ลุกให้ก็บอกว่านี่ไม่แมน ฯลฯ และอีกหลายเรื่อง ที่เป็นระบบคิดของสตรี ที่ผมพูดไม่ใช่ผมเบลม ระบบคิดสตรี แต่ผมพูดเพราะว่า อย่างไร สิทธิสตรี และหน้าที่ของสตรี กับบุรุษ นั้นจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ตั้งบนสมมุติฐานที่แตกต่างกัน ดั่งนั้นผมถึงบอกว่า อิสลาม สอนเรื่องหน้าที่ เป้นสำคัญ หน้าที่ และบทบาท ของสตรี ก็ของสตรี หน้าที่และบทบาท ของบุรุษ ก็คือของบุรุษ เอามารวมๆกันเป้นสลัดผัก มันก็วุ่นๆแบบที่เราเห้นในสังคมนี้แหละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:31:28

ความคิดเห็นที่ 12 ท่าน aramis_s เรื่องในปากีสถาน นั้น เป็นวัฒนธรรม + +  คือนึงข้อบังคับทางศาสนา ที่ผมบอกว่าเป็น บวก บวก เพราะมันเป้นข้อบังคับกึ่งวัฒนธรรมของฮินดู และพราหมณ์ ผมไปอินเดียบ่อยครับ ในเดลฮี ก็ไม่แตกต่างกับ ปากีสถานครับ ประเทศอินเดีย เป้นประเทส ที่น่างส่งเสริมบุตรหลาน ไปเรียน โดยเฉพาะที่ เดลฮี มิใช่ มุมไบ ไปเรียนที่นั่นโอกาส เสียคนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศไทย ส่วนเรื่อง สิทธิสตรี นั้นในมุมมองที่ไม่ใช่ศาสนา ผมว่าเป้นมุมมองของผู้หญิงมากกว่า ถ้าบอกว่า สิทธเท่าเทียมกัน ไปทานข้าวทำไม ผุู้หญิงมักลืมกระเป่าตังค์ประจำ ทำไมขึ้นรถเมลย์ สุภาพบุรุษต้องลุกให้สตรีนั่ง พอ ชายไม่ลุกให้ก็บอกว่านี่ไม่แมน ฯลฯ และอีกหลายเรื่อง ที่เป็นระบบคิดของสตรี ที่ผมพูดไม่ใช่ผมเบลม ระบบคิดสตรี แต่ผมพูดเพราะว่า อย่างไร สิทธิสตรี และหน้าที่ของสตรี กับบุรุษ นั้นจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ตั้งบนสมมุติฐานที่แตกต่างกัน ดั่งนั้นผมถึงบอกว่า อิสลาม สอนเรื่องหน้าที่ เป้นสำคัญ หน้าที่ และบทบาท ของสตรี ก็ของสตรี หน้าที่และบทบาท ของบุรุษ ก็คือของบุรุษ เอามารวมๆกันเป้นสลัดผัก มันก็วุ่นๆแบบที่เราเห้นในสังคมนี้แหละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:31:40

ความคิดเห็นที่ 13 ท่าน aramis_s เรื่องในปากีสถาน นั้น เป็นวัฒนธรรม + +  คือนึงข้อบังคับทางศาสนาอิสลาม ที่ผมบอกว่าเป็น บวก บวก เพราะมันเป้นข้อบังคับกึ่งวัฒนธรรมของฮินดู และพราหมณ์ ผมไปอินเดียบ่อยครับ ในเดลฮี ก็ไม่แตกต่างกับ ปากีสถานครับ ประเทศอินเดีย เป้นประเทส ที่น่างส่งเสริมบุตรหลาน ไปเรียน โดยเฉพาะที่ เดลฮี มิใช่ มุมไบ ไปเรียนที่นั่นโอกาส เสียคนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศไทย ส่วนเรื่อง สิทธิสตรี นั้นในมุมมองที่ไม่ใช่ศาสนา ผมว่าเป้นมุมมองของผู้หญิงมากกว่า ถ้าบอกว่า สิทธเท่าเทียมกัน ไปทานข้าวทำไม ผุู้หญิงมักลืมกระเป่าตังค์ประจำ ทำไมขึ้นรถเมลย์ สุภาพบุรุษต้องลุกให้สตรีนั่ง พอ ชายไม่ลุกให้ก็บอกว่านี่ไม่แมน ฯลฯ และอีกหลายเรื่อง ที่เป็นระบบคิดของสตรี ที่ผมพูดไม่ใช่ผมเบลม ระบบคิดสตรี แต่ผมพูดเพราะว่า อย่างไร สิทธิสตรี และหน้าที่ของสตรี กับบุรุษ นั้นจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้  ตั้งบนสมมุติฐานที่แตกต่างกัน ดั่งนั้นผมถึงบอกว่า อิสลาม สอนเรื่องหน้าที่ เป้นสำคัญ หน้าที่ และบทบาท ของสตรี ก็ของสตรี หน้าที่และบทบาท ของบุรุษ ก็คือของบุรุษ เอามารวมๆกันเป้นสลัดผัก มันก็วุ่นๆแบบที่เราเห้นในสังคมนี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:32:50 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:31:51

ความคิดเห็นที่ 14 ลองคิดดุเล่นๆ ถ้าสตรีทุกท่านในสังคมประเทศไทย เอาค่านิยม วัฒนธรรมเก่าๆของไทยมาใช้ บุรุษ ทำงานหาเลี้ยงสตรี และครอบครัว ทุกคนปฏิบัติเหมือนกันหมด ผมย้ำเหมือนกันหมด เปอร์เซนต์ว่างงาน จะน้อยลงหรือไม่ สตรีเรียนหนังสือมาไม่ว่าด้วยวิชาอะไร เอามาบริหารกิจการ หรือกิจกรรมภายในครอบครัว บุรุษ มีหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดู และ ประกอบกิจกรรม นอกบ้าน และการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ ๆ เท่านั้น การแบ่งหน้าที่ชัดเจน นั่นคือบทพิสูจน์ว่าได้ผล มีคำถามต่อมาว่า มีบทพิสูจน์อะไรมารองรับ ตัวอย่างการทำงาน ในบริษัทฯ ที่ได้มาตรฐาน ทำไมกำหนด Scope งานที่ชัดเจน หน้าที่ใคร หน้าที่มัน ซึ่งทำงานได้ง่ายกว่าระบบ Family หรือ ระบบ GB คนที่นิยมการใช้คอมพิวเตอร์ ทำไมต้องแบ่งการจัดเก้บข้อมูลเป้น folder ทำไมไม่วางมั่วๆเต็ม หน้า document หน้า Desk top ละครับ นี่ละครับการนำเอาเรื่องจริงมาพุดไม่หลอกตนเอง ย่อมทำให้ การจัดการในการดำเนินชีวิต ทำได้ง่ายดายเป็นระบบเป็นระเบียบได้มากขึ้น แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:42:11 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:41:43

ความคิดเห็นที่ 15 ครับคุณ จิมมี่ ผมถึงบอกไงครับ มุมของมุสลิม ก็มองเรื่องนี้เป็นอีกแบบนึง แต่มุมมองของคนทั่วไปก็มองอีกแบบนึง ผมถึงบอกตอนท้ายว่า "ย่อมไม่อาจนำมาชี้ถูกหรือผิดหรือกล่าวว่า ใครดีใครเลว กว่ากันไม่ได้ เพราะ พื้นฐานคิดคิดไม่เหมือนกัน" ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่บุคคลภายนอกก็อย่าไปยัดระบบความคิดที่ตัวเองเห็นว่าดี หรือว่าถูก ไปใส่ในสมองของมุสลิม แบบ เยส หรือ โน เช่นกัน มุสลิมก็อย่าไปยัดระบบความคิดที่ตัวเองเห็นว่าดี หรือว่าถูก ไปใส่ในสมองของบุคคลภายนอก แบบ เยส หรือ โน ควรมองแบบว่า ทำไมมุสลิมถึงคิดเช่นนั้น และทำไมบุคคลทั่วไปถึงคิดเช่นนั้น แล้วก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันมากกว่า แล้วก็อย่าพยามเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปยัดเยียดใส่บุคคลอื่น หรือมองว่า บรรทัดฐานของบุคคลื่นต่ำ เลว หรือ ชั่วช้า จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:48:47

ความคิดเห็นที่ 16 ท่าน aramis_s ที่ท่านกล่าวมา นั้นถูกหมด แต่ที่ผมเอ่ยมานั้นไม่ใช่ระบบคิดของอิสลาม แต่เป็นระบบคิดที่ย้อนกลับไปพิสูจน์ ว่าปรัชญา ของมนุษย์นั้นคืออะไร และสัจธรรมนั้นคืออะไร การยัดเยียดความเชื่อตนเองนั้นให้คนอื่นเป้นอย่างตนนั้น ไม่ใช่ผมแน่นอน ที่ชี้ในหลายๆเรื่องนั้นคือระบบคิด ที่ไม่มีเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้อง แต่ที่บทสรุป นั้น คือผมโยง เรี่องกลับมา บอกแนวทางอิสลามว่าเป้นอย่างไร ทำไม อิสลาม ถึงคิดแบบนี้  ซึ่งคอนเซป ของห้องนี้คือห้องศาสนา ผมก็ต้องอิงหลักศาสนา แต่ถ้าให้ผมไปบรรยาย ในงานสัมนาทั่วไป ผมก็ไม่ยกประเด้นศาสนาขึ้นมากล่าว ผมจะว่าเรื่องปรัชญา จิตวิทยา และความเป้นจริงให้สะท้อนถึงหลักคิด ที่เป็นหลักการ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:59:09 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:58:20 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 09:56:56 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:56:24

ความคิดเห็นที่ 17 ยกตัวอย่าง การขับรถ ทำไม  บุรุษ ถึงทำการขับรถได้ดี กว่าสตรี การทำบัญชีและการเงิน ทำไม สตรีทำได้ดีกว่าบุรุษ ทำงานช่าง ทำไมบุรุษทำได้ดีกว่าสตรี ทำงานเย็บปักถักร้อย ทำไมสตรี ทำได้ดีกว่าบุรุษ เหล่านี้คือตัวอย่างเล้กๆที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา  คือระบบคิด คนไทยเราก็มีระบบคิด ที่แบ่งหน้าที่ชัดเจน แต่เนื่องจาก วัฒนธรรม การบริโภคนิยม และวัฒนธรรม ตะวันตกเข้ามา ทำให้เกิดคำฮิต ว่าสิทธสตรี เข้ามาแทรกซึม ในสังคมไทย และสังคมคนเอเซีย เรื่องมันเลยบานปลาย ทำให้ระบบคิดที่สวยงาม ดีอยู่แล้วต้องเปลี่ยนไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:03:32

ความคิดเห็นที่ 18 พูดให้ชัดๆง่ายๆคือ เวลาที่ผมจะมองแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังคม ผมจะมองในแง่มุมThinking out of the box  มิได้มองในแง่มุม ที่ผมเป็นมุสลิม ที่ผมเรียนให้ทราบจะได้ทราบ หลักการ ในการวิเคราะห์ของผม โดยไม่มีกรอบของคำว่าศาสนามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างใด ด้วยความเคารพ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:11:29

ความคิดเห็นที่ 19 แนวคิดการแบ่งหน้าที่ชายหญิงมีมาตั้งแต่สมัย ปฐมกาลในคัมภีร์เลย ซึ่งมันก็ถูกของมัน แต่แนวคิดสิทธิสตรีมันเกิดขึ้นน่าจะช่วงปฏิวัติอุตสาหกรม ซึ่งมันก็ถูกอีกเหมือนกัน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:56:35

ความคิดเห็นที่ 20 คุณยองฯ ครับ มันเป็นธรรมดาของกฎธรรมชาติ ครับ โลกมันก็หมุนของมันไปเรื่อยๆ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 11:56:28 จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 11:56:17

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ามันจะเท่าเทียมขนาดนั้น ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมีผัวได้ สี่คนบ้างละ ทำไมการแบ่งมรดกของครอบครัว ผู้ชายถึงต้องได้มากกว่าผู้หญิงสองเท่าละ นี่หรือเท่าเที่ยม ขนาดมีชู้ยังถูกยิงตายแบบไม่ปราณีกันเลย จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:49:40

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 21 MsgStatus(Msv[21], 21); ถ้ามันจะเท่าเทียมขนาดนั้น ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมีผัวได้ สี่คนบ้างละ ทำไมการแบ่งมรดกของครอบครัว ผู้ชายถึงต้องได้มากกว่าผู้หญิงสองเท่าละ นี่หรือเท่าเที่ยม ขนาดมีชู้ยังถูกยิงตายแบบไม่ปราณีกันเลย จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:49:40 @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ถ้ามันจะเท่าเทียมขนาดนั้น ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมีผัวได้ สี่คนบ้างละ ผู้หญิง มุสลิมสามารถมีผัวได้มากว่าสี่คน จะสักพันคนก็ได้ แต่ต้องคราละคนเท่านั้น แต่ผู้ชายอิสลาม มีได้แค่คนเดียว เท่านั้น ถ้าความสามารถไม่พอ ผู้ชายถึงต้องได้มากกว่าผู้หญิงสองเท่าละ เพราะผู้ชาย คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว มีหน้าที่ต้องหาตังค์ ผู้หญิงอิสลาม นอนใช้เงินสถานเดวจากสามี ดังนั้น หญิงมุสลิม ได้มรดกจากครอบครัว 1 ส่วน ได้จากสามี อีกครึ่งนึงของทั้งหมด อย่างนี้ใครได้มากกว่าใคร แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:26:54 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:26:41

ความคิดเห็นที่ 23 เกรียนตามกลิ่นมาแล้ว...ยังคงรักษาดีกรีความเขลาไว้เหมือนเดิม แยกแยะไม่ออกในคำนิยาม เท่าเทียม กับ สิทธิ์หน้าที่แตกต่างกัน เป็นอย่างไร? สิทธิ์ที่สัมพันธ์กับหน้าที่ 1. กลัวไม่เห็นภาพ จะยกตัวอย่างคนใกล้ตัวคุถณ mopeena ให้ ถ้ามารดาคุณกำลังมีสามี 4 คน หรือ กำลังเป็นเมียเก็บ หรือ เคยเป็น กิ๊กสามีชาวบ้าน(ทางผ่าน) เมื่อ เทียบกับ บิดาคุณมีภรรยา 4 คนที่ได้รับความยุติธรรม และทั้งสองไม่เคยแอบกิ๊กใครทั้งบิดา ทั้งมารดา  ลองเทียบผลดีผลเสียตามกำลังสติปัญญาที่มีดูนะครับ mopeena 2. ผู้ชายในอิสลามมีหน้าที่เลี้ยงดูผู้หญิง เมื่อแต่งงาน มรดก 2 ส่วน ก็จะรับผิดชอบดูแลผู้หญิงที่มีติดตัวมา 1 ส่วน รวมทั้งครอบครัว ลูกๆ ความสมดุลก็เกิด ไม่ใช่ได้รับ เท่ากัน ค่อยหาทางออกโดยไล่ผู้หญิงออกไปช่วยทำงานเหมือนบางสังคม เพราะเห็นว่าสิทธิ์ หน้าที่เท่าเทียมกัน โดยจ้างลูกจ้าง หรือ โรงเรียน เลี้ยงลูกให้จนกลายเป็นสวะสังคมออกมาเดินเพ่นพ่านสร้างปัญหา ทั้งสองฝ่ายก็หาโอกาสชิมฟรีไปเรื่อยๆจากอิสระ เสรี ที่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ  ลองเทียบผลดีผลเสียตามกำลังสติปัญญาที่มีดูนะครับ mopeena เท่าเทียม คือ เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิการได้รับความเป็นธรรม และ การได้รับการตอบแทนจากอัลลอฮ์ครับ เป้าหมายการดำรงค์ชีวิตมนุษย์ บุรุษ สตรีที่เข้าใจในสัจธรรมของอิสลาม เขาขึ้นอยู่กับสิ่งที่กล่าวมานี้ครับ ฉะนั้นแทนที่จะไปสงสารเรียกร้องให้สตรีอิสลาม  สงสารสตรีศาสนิกตัวเองเถิดครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 14:39:36 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:37:39

ความคิดเห็นที่ 24 ฉายรอบสองนะครับ คติของมุสลิมะห์ (สตรีมุสลิม) "เงินของสามีคือเงินของเรา เงินของฉันก็คือเงินของฉัน" ไม่รู้ไครเสียเปรียบไคร จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:39:26

ความคิดเห็นที่ 25 แต่ถ้ายังดึงดันสงสัย ตั้งคำถามเรียกร้องสิทธิ์สตรีในศาสนาตนเองดีกว่า ทำไมจึงห้ามผู้หญิงบวชพระ กีดกันผู้หญิงให้บรรลุนิพพาน ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดทางศาสนาไปเสียได้ ??? รักษามาตรฐานด้วย Mopeena  อายเขา แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 15:38:18 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:01:20

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบท่านlaliklalee การบวชไม่เกี่ยวกับบรรลุมรรคผลนิพพาน ขนาดคนกินเหล้ามายังบรรลุอรหันต์ได้ พุทธเถรวาทสมัยนี้ ก็ไม่ได้ห้ามผู้หญิงบวชภิกษุณี เพียงแต่ผู้หญิงที่ต้องการจะบวชต้องไปหาภิกษุณีนิกายเถรวาทมาบวชให้ในฝ่ายภิกษุณีก่อน ฝ่ายภิกษุจึงจะบวชให้ได้ ไม่เห็นมีบัญญัติข้อไหนที่ห้ามผู้หญิงบวชเลย จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:21:34

ความคิดเห็นที่ 27 บวชได้ แต่ .............   ครุธรรม ธรรมอันหนัก, หลักความประพฤติสำหรับนางภิกษุณีจะพึงถือเป็นเรื่องสำคัญอันต้องปฏิบัติด้วยความเคารพไม่ละเมิดตลอดชีวิต มี ๘ ประการ คือ ๑. ภิกษุณีแม้บวชร้อยพรรษาแล้ว ก็ต้องกราบไหว้ภิกษุแม้บวชวันเดียว ๒. ภิกษุณีจะอยู่ในวัดที่ไม่มีภิกษุไม่ได้ ๓. ภิกษุณีต้องไปถามวันอุโบสถและเข้าไปฟังโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน ๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้วต้องปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่ายโดยสถานทั้ง ๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน โดยรังเกียจ (รังเกียจหมายถึง ระแวงสงสัยหรือประพฤติกรรมอะไรที่น่าเคลือบแคลง) ๕. ภิกษุณีต้องอาบัติหนัก ต้องประพฤติมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย (คือ ทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์) ๑๕ วัน ๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อนางสิกขมานา ๗. ภิกษุณีไม่พึงด่าไม่พึงบริภาษภิกษุไม่ว่าจะโดยปริยายใดๆ ๘. ไม่ให้ภิกษุณีว่ากล่าวภิกษุแต่ภิกษุว่ากล่าวภิกษุณีได้ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:31:54

ความคิดเห็นที่ 28 ''ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมีผัวได้ สี่คนบ้างละ '' นำข้อมูลมาให้เป็นอาหารเสริมทางสมอง ของคุณ ลองอ่านดูนะคะ ในกรณี หากอนุญาตให้ ผญ มีสามีได้หลายๆคน 1 ลูกออกมา ใครเป็นพ่อดี (ต้องรอคลอดก่อน  ตรวจดีเอ็นเอ ถึงจะหาพ่อได้ สินะคะ ) 2.โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ชายมีความสามารถที่จะมีคู่สมรสมากกว่าหนึ่งคน เมื่อเทียบกับผู้หญิง 3.ตามหลักชีววิทยา เป็นสิ่งที่ง่ายกว่า สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่จะทำหน้าที่ในฐานะสามีที่มีภรรยา มากกว่าหนึ่งคน ส่วนผู้หญิงคนหนึ่งในสถานะเดียวกันที่มีสามีหลายคน จะพบว่าหล่อนไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะภรรยาได้ โดยที่ผู้หญิงนั้นยังต้องเผชิญกับอารมณ์ และพฤติกรรมที่แปรปรวนในช่วงที่แตกต่างกันระหว่างมีประจำเดือนอีกด้วย 4.ผู้หญิง ที่มีสามีมากกว่าหนึ่งนั้น จะต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศ หลายครั้ง กับผู้ชาย มากกว่าหนึ่งคน ในช่วงเวลาเดียวกัน หล่อนจึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือกามโรค ซึ่งสามารถติดต่อไปยังสามีของหล่อน แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สำส่อนทางเพศก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้จะไม่เกิดในกรณีผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน โดยที่เขาและคู่สมรสของเขาไม่สำส่อนทางเพศ (คิดดูนะ ในยามที่ชายต้องการร่วมเพศในเวลาที่หญิงเป็นประจำเดือน ทำไง ท้องทำไง  ตุ๋ยกันเองป่ะคะ) แล้วหากชายมีภรรยาสี่ สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นปัญหา สิ่งแรกที่ต้องเน้นย้ำอย่างหนัก ก็คือ รากฐานแนวคิดของสังคมอิสลามนั้นให้มีความยุติธรรม และความเสมอภาค อัลเลาะฮฺทรงสร้างผู้ชาย และผู้หญิงอย่างเท่าเทียมกัน แต่ด้วยความต่างทางด้านกำลังความสามารถ และหน้าที่ความรับผิดชอบ ผู้ชาย และผู้หญิงจึงต่างกันทั้งทางด้านสรีระและอารมณ์ บทบาท และหน้าที่ความรับผิดชอบก็แตกต่างกัน ดังนั้น ในอิสลามผู้ชายผู้หญิงเท่าเทียมกัน แต่ไม่ได้เหมือนกันในทุกๆด้าน.. ปล. นำมาบางส่วน บทความของ ดร.ซากิร ไนท์ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 19:39:03 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 19:38:17 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 19:36:19 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:35:10

ความคิดเห็นที่ 29 แนวคิดผัวเดียวเมียเดียว เพิ่งจะมีในยุควิคตอเรีย ก่อนหน้านั้น แม้แต่สังไทย ยังมีหลายเมยได้(แล้วแต่กำลังทรัพย์)และสังคมส่วนใหญ่เปิดทางให้ผู้ชายมีหลายเมียได้อยู่แล้วเพราะผู้ชายทำงาน ผู้หญิงอยู่กับบ้าน และข้ออื่นก็ตามที่คห.บนบอก ผมยังว่าผิดเลยหากฟ้าส่งผู้หญิง2คนลงมา แล้วผมจะแต่งงานกับเธอทั้งคู่ให้ถูกต้องตามกฏหมายได้ยังไงดี ............................ ท่าน Carroth อันว่า พ่อแม่ มีลูกชายหญิง พ่อแม่ย่อมเข้มงวดกวดขันกับลูกผู้หญิงมากกว่า นั้นไม่ใช่เพราะไม่รักลูกสาวเท่าลูกชาย แต่เพราะลูกสาวนั้นโดยพื้นนั้นย่อมอ่อนแอ การเข้มงวดและมีกฏเกณฑ์มากกว่าลูกผู้ชายเพื่อไม่ให้ลูกสาวถูกคนพาลทำร้าย ทำลายโดยง่ายตามธรรมดา เช่นกันภิกษุณีย่อมมีกฏเกณฑ์ มากกว่าหรือให้รับครุธรรมนั้น เพื่อไม่ให้ภิกษุณีถูกคนพาล(คือกิเลส และคนพาลจริงๆ)นั้นทำร้าย อันจะเป็นการเสื่อมแก่พรหมจรรย์(ศีล) ทั้งนี้เพราะผู้หญิงย่อมมีอารมณือ่อนไหว ตามจริง รอบเดือนมาทีก็หงุดหงิดที หากไม่มีครุธรรมแล้ว ย่อมหาความสงบในอาวาสนั้นไม่ได้ รังจะทำให้หม่นหมองเสียเปล่าๆ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 21:00:28 จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 20:12:55

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าให้คนต่างศาสนามองท่านแล้วจะให้คิดอย่างไรล่ะ เข้มงวดก็เข้มงวดไป แต่จะให้ลูกสาวคนโตกราบไหว้ลูกชายคนเล็กแม้เพียงขวบเดียว หรือ พี่สาวต้องทนน้องชายด่าตลอด มันเป็นเรื่องที่จะให้คิดอย่างไรดี ถ้าท่านมองว่าสมเหตุสมผลตามศาสนาท่าน ก็แล้วแต่ แต่อยากให้มองด้วยว่ามันคือตัวอย่างของความต่างระหว่างสตรีและบุรุษ ซึ่งมุสลิมถึงแม้ให้ผู้ชายเป็นผู้นำ แต่ตัวท่านศาสดาเอง ยังปฏิบัติต่อทาสหญิงของมารดาของท่านด้วยการให้เกียรติอย่างมากเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:18:35

ความคิดเห็นที่ 31 4.ผู้หญิง ที่มีสามีมากกว่าหนึ่งนั้น จะต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศ หลายครั้ง กับผู้ชาย มากกว่าหนึ่งคน ในช่วงเวลาเดียวกัน หล่อนจึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือกามโรค ซึ่งสามารถติดต่อไปยังสามีของหล่อน แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สำส่อนทางเพศก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้จะไม่เกิดในกรณีผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน โดยที่เขาและคู่สมรสของเขาไม่สำส่อนทางเพศ >>> ผิดค่ะ ผู้ชายนี่แหละตัวดีเป็นแหล่งในการแพร่เชื้อ เพียงแต่บางโรคผู้หญิงมีอาการ ส่วนผู้ชายไม่มีหรืออาการน้อย จึงไม่ได้รักษา ผู้หญิงก็จะมีอาการซ้ำๆอยู่อย่างนั้น  เวลารักษาจึงต้องรักษาคู่สมรสด้วย จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:01:12

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าผู้หญิงอยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว หมอ พยาบาล นี้หายไปเกือบหมดเลยนะ มีพี่ที่ทำงานเกี่ยวกับจิตเวชเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงมุสลิมพออายุมากขึ้นจะเป็น depression กันเยอะ เพราะอยู่ในบ้านไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียง บางคนสามีมีเมีย 6 คน บางคนสามีเอาลูกของเมียคนที่ 2 มาให้เมียคนแรกเลี้ยง ฟังแล้วก็น่าสงสารอยู่ ผู้หญิงส่วนใหญ่ทุกข์ใจมากสุดก็เรื่องสามีนี่แหละน้า จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:09:24

ความคิดเห็นที่ 33 คุณแมวเก้าแต้ม ด้วยคห ของคุณ ไม่ใช่หลัการอิสลาม หลักการอิสลาม ไม่มีเมีย 6 ครับ เป็นข้อบังคับผู้ชายต้องเลี้ยงดู ภรรยา บุรุษต้องให้เกียตริสตรี ถ้าจะเอาบทวิจัยมาอ้าง ต้องถามคนที่ทำวิจัยว่า ไปสุ่มจากตัวอย่างใด มากว่า ไปสุ่มตัวอย่างมุสลิมที่ไม่เคร่งครัดศาสนา ก็ได้มา อย่างที่คุณเห็น แต่ถ้าสุ่มตัวอย่างกับ มุสลิม ที่เคร่งครัด คุยก็จะได้คำตอบอีกแบบนึง การสุ่มตัวอย่างจากสตรี  ที่อยากแซงล้ำเส้นสามี  หรือถูกเก้บกด ก็จะได้อย่างที่คุณเห็นเช่นกัน ถ้าให้ชัวร์ ไปสุ่มตัวอย่างจากกลุ่ม ที่ครอบครัวเค้ามีความสุขดี ซึ่งผมเชื่อว่ามีจำนวนมาก ว่าเค้าเป้นอย่างไรละครับ ไอ้เรื่องโพล เรื่องงานวิจัย ไม่ได้จำกัดเอาไว้เฉพาะ นักวิชาการ ผมก็ทำเป้นครับ   แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 11:08:44 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:08:05

ความคิดเห็นที่ 34 การถามหาข้อวิจัยในสุ่มตัอย่างจากแพทย์นั้น ถ้าแพทย์ให้ความเห้นจากคนป่วย ก็ได้คำตอบแบบคนป่วยไป คนไม่ป่วยจะไปหาหมอทำไม คนป่วยกรณีนี้คือมีปัญหาครอบครัวเลยไปหาจิตแพทย์ ถ้าจิตแพทย์จะฟันธง คงต้องฟันหัวตนเองก่อนละครับ ว่าฟันธงข้อมูลจากกลุ่มคนกลุ่มเดียว คือจากคนไข้ มิใช่คนปกติ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:22:16

ความคิดเห็นที่ 35 บางคนสามี มีเมีย 6 คน???????????????????????????????? โว่วววววววววว เยอะเกิดโควต้าครับ แบบนั้นมันผิดหลักศาสนาแล้วนะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:30:44

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ควรได้สิทธิเท่าเทียมกัน ผมคิดว่าผู้หญิง ควรจะได้รับสิทธิ มากกว่าผู้ชายนะครับ :D จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 12:35:38

ความคิดเห็นที่ 37 http://youtu.be/3XIsqFuza5A จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 13:32:36

ความคิดเห็นที่ 38 ท่านใบไม้กำนัน สิทธิสตรีในอิสลาม นั้นมากว่าผู้ชายเยอะครับ โดยเฉพาะสิทธิ ในการเป็น รมว การคลังประจำครอบครัว ท่านใบไม้กำนันกล้าหือ หรอครับ กฎสตรี ข้อ 3  ต้องย้อนไป ข้อ ที่ 1 และ ข้อ ที่ 2 เสมอ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 15:09:39 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 15:09:06

ความคิดเห็นที่ 39 มาดูขำๆกันนะครับ 1.The female makes the rules. ผู้หญิงเป็นคนออกกฎ >>> คือมันเป็นหลักการเลยนะ  “female rules” ถ้าผู้หญิงไม่ออกกฎมันจะเรียก female rule หรา เชดดดดดมาก ตรรกะง่ายๆๆ   = จริง และ จริง เป็น จริง ฉันท์ใด กฎของผู้หญิงและผู้หญิงต้องเป็นคนออกกฎ เป็นจริง absolutely correct! ฉันท์นั้น 2.The rules are subject to change by the female at any time without prior notification. กฎทุกข้อสามารถเปลี่ยนโดยผู้หญิงตอนไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า>>>> ถูกต้องนะคร้า จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทำไมว่ะคะ ในเมื่อ  พูดไร พวกผู้ชายก็ไม่เคยจำได้อยู่แล้นนน แล้วจาบอก ให้ เสียเว เพื่อ อารายมิทราบเปลี่ยนกฎกลางอากาศ แบบนี้แหละ จะได้พากันจำได้ขึ้นใจ ผู้หญิงเราก็ไม่ต้องเปลืองแรงพูดซ้ำๆซากๆ ผู้ชายก้จำได้ไปจนวันตาย win win circumstance มั๊กๆๆ  ยังไงซะ การกระทำก็ได้ผลมากว่าคำพูดชิมิๆ  เห็นมั๊ยผู้หญิงฉลาดจะตาย ไม่ค่อยจะ bias เลยนะกุ 3. No male can possibly know all the rules. Attempts to document the rules are not permitted. ผู้ชายไม่มีวันได้ล่วงรู้กฎทั้งหมดได้ร๊อก แม้จะพยาย๊าม พยามยังไงก็นะ เค้าจาไม่บอกอ่ะใครจาทำมายยย  >>>  บอกตรงๆ เลยค่ะ ที่บอกไม่ได้ เพราะกฎ มันเปลี่ยนตลอดเวลานั่นเอง ขนาด กุ ยังสับสนกับอารมณ์ตัวเองเลยยย ; 4.If the female suspects that the male may know some or all of the rules, she must immediately change some or all of the rules. ถ้าพวกเรามี เซ้นส์ ว่าพวกผู้ชายจะเดาทางเราออกเมื่อไหร่ เราจะแหกกฎกระทันหันเยยย 555>>> จริงแท้และแน่นอนที่สุด เพราะ จริงๆ แล้ว เรา แอบเคารพยกย่องผู้ชายนะว่าเป็นเพศที่ฉลาด (แหวะๆๆ)  น่าเห้นใจผู้ชายเหมือนกัลลนะ 5555  พยายามเข้านะตะเอง 5.The female is never wrong. พวกเรามิเค้ย มิเคยผิด >>> ถูกต้องนะคร้า  ก็สวรรค์สร้างพวกเรามาเพื่อความสมบูรณ์แบบนี่นา ชิชะ จะผิดไปทำไมกัลลล ในเมื่อเราออกจะเริ่ดซะขนาดนี้  ยอมได้ก็ยอมไปน้า เข้าใจ๊ 555 http://marina471.exteen.com/20120408/17-female-rules-my-opinion-i จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:55:06

ความคิดเห็นที่ 40 ไอ้แก่  เมิงทิ้งกู   กูยอม..........ยอมตาย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:57:36

ความคิดเห็นที่ 41 งั้นเราต้องเรียกร้องสิทธิบุรุษ สิทธิ์ในการพกเงินไปทำงานมากขึ้น สิทธิ์ในการเลือกซื้อของที่ตัวเองสนใจมากขึ้น สิทธิในการเลือกรับฟังที่มากขึ้น และสิทธิในเงินเดือนตัวเอง จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 17:46:14

ความคิดเห็นที่ 42 - ห้ามเดิมผ่าน..ตอนกูกำลัง..ดูละคร - ห้ามนอนกรน..ก่อนที่กูจะ..นอนหลับ - ห้ามทำอะไร..ที่ดูเหมือนจะ..มีความลับ - ห้ามขยับ..เวลาที่กูหยิบโทรศัพท์ เมิง..มาดู**~ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 19:37:39 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 19:37:10

ความคิดเห็นที่ 43 ท่านยอง เจ้านายผม เป็นอเมริกัน บริษัท อัลฟ่าเทค เงินเดือนล้านกว่าเมื่อ 15 ปีก่อน เมียยึดหมด ไม่ว่าเงินเดือน บัตรเครดิต เมียเอาข้าวใส่ปิ่นโตให้ไปทำงาน ให้ค่าขนมวันละ พันบาท เจ้านาย ต้องยืมกะตังค์ผมประจำ เอิ้กๆๆๆ เจ้านายบอกกับผมว่า " Jim If i die and born again I 'll not marry" จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 19:45:31

ความคิดเห็นที่ 44 ค่อนข้างจะอยากรู้แล้วสิคะ ว่าในศาสนาพุทธ ผญ มีสิทธิอะไรบ้าง ที่ได้มากกว่า ผช เห็นดีแต่ชอบมา โจมตี อิสลาม กันจัง เอาแบบตามพระไตรฯ เลยนะคะ พอจะมีใครยกมาอธิบายได้บ้างคะ รู้ของ อิสลาม กันพอประมาณแล้ว ดูของ ศาสนาพุทธ บ้าง จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:41:53

ความคิดเห็นที่ 45 อยากขอความเห็นจากพวกแอนตี้ อิสลามอ่ะค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:49:48

ความคิดเห็นที่ 46 ท่าน Ms.Kohlanta พระไตรปิฏกมี3ส่วนใหญ่ๆ แต่ ที่พอจะเกี่ยวในเชิงข้อบังคับ จะเป็นหมวดพระวินัย ซึ่งไม่เกี่ยวกับฆราวาสเลย หากจะพูดถึงสิทธิสตรีในเชิงฆราวาส ศาสนาพุทธจะบอกในเชิงกว้างๆ เกี่ยวกับบทบาทสตรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุมมองในลักษณะสังคมช่วงพุทธกาลคือ ผู้หญิงเป็นใหญ่ในบ้า คือดูแลบ้านดูแลทรัพย์ ประมาณนั้นมากกว่า พูดง่ายคือ มุมมองของฆราวาส เป็นการปรับเรื่องเบญจศีล เบญจธรรมให้เค้ากับสังคมหรือบริบททางสังคมนั้นๆมากกว่า พูดง่ายๆก็คือ แม้จะเป็นหญิงยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หรือเป็น working woman ก็ต้องล้วนมีศีลมีธรรม เพื่อเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าของสังคมตามบริบทของพุทธศาสนา ............................ พูดเรื่องสิทธิบุรุษ ผมไม่ใช่คนกรุงเทพ ก็เลยไม่รู้ว่าธรรมเนียมขึ้นรถเมล์เป็นไง เรื่องลุกให้ผู้หญิงนั่ง ตอนแรกเห็นว่าเราควรลุกให้ เด็ก สตรีมีครรถ์ และคนชรานั่ง  แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นเด็ก สตรี คนชราไปซะเฉยเลย  ไม่ใช่ว่าไม่มีน้ำใจนะครับแต่เพราะบาครั้งไปกรุงเทพ นั่งรถเมล์ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะลุกตอนไหน คือเคยลุกให้ครั้งหนึ่ง แต่ทั้งคันรถมีผลลุกแค่คนเดียว ก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าไม่ทำเบาะนั่งคู่ทั้ง2ด้าน จะเว้นที่ตรงกลางให้ยืนทำไม บางคนก็บอกนะว่า จ่ายเงินเท่ากัน ทำไมบางคนนั่งบางคนยืน ถ้าเป็นเด็กที่โหนไม่ถึง คนท้องหรือคนแก่ จะลุกให้นั่งก็ว่าไปอย่าง แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 23:42:02 จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 23:21:15

ความคิดเห็นที่ 47 ค่อนข้างจะอยากรู้แล้วสิคะ ว่าในศาสนาพุทธ ผญ มีสิทธิอะไรบ้าง ที่ได้มากกว่า ผช เห็นดีแต่ชอบมา โจมตี อิสลาม กันจัง เอาแบบตามพระไตรฯ เลยนะคะ คำถามดีครับ ตอบไม่ได้ครับเพราะไม่รู้จริงๆ จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 01:38:44

ความคิดเห็นที่ 48 Y12375175 สิทธิสตรีในศาสนาพุทธ คุณ Nine Cats  กระทู้นี้หายไปใหนคะ พอทราบไหมคะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 18:52:28

ความคิดเห็นที่ 49 สงสัยเป็นประเด็นต้องห้าม หรือไม่ WM ก็เห็นว่าอาจทำให้สมาชิก "เสียขวัญ" จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 11:24:51