ส่งการบ้าน คุณ chaosy วันที่เจ็ด ค่ะ
|
|
สวัสดีค่ะ มาส่งการบ้านวันที่7นะคะ
วันนี้ก็เหมือนเคยค่ะสวดมนต์เสร็จแล้วก็นั่งขัดสมาธิขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้าย กำหนดรู้ท่านั่งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก มีฟุ้งซ่านบ้างเป็นภาพวูบวาบในหัว กับจู่ๆก็คิดว่าเดี๋ยวจะมีคนโทรศัพท์เข้ามาตอนเรากำลังนั่งอยู่ค่ะก็นั่งไประงับฟุ้งซ่านที่มีประปรายด้วยคำว่าดีไม่คิดเลวไม่คิดค่ะ จนสุดท้ายก็นิ่ง แล้วก็จะรู้สึกเหมือนตัวใหญ่ขึ้นพองขึ้น
และแล้วก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาจริงๆค่ะ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ค่ะ คล้ายๆรู้อยู่แล้วว่าต้องมีอ่ะ ก็ไม่ได้รับคิดแค่ว่าเดี๋ยวออกจากสมาธิแล้วค่อยโทรกลับแค่นั้นก็นั่งสุขของเราต่อ555
จากนั้นก็มีความรู้สึกวูบเข้าๆ ลมหายใจก็ละเอียดวาบขึ้นเหมือนสลัดผ้าคลุมแล้วก็เนียนนิ่งและมีความรู้สึกไม่อยากขยับ จนเหมือนตัวเองเป็นก้อนหินอีกเหมือนเคยค่ะ มีอาการสะอื้นเล็กๆจากนั้นก็เนียนสว่างนิ่งค่ะ มีความสุขมากจนเหมือนหลุดไปอีกเปลาะหนึ่ง บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่เหมือนหลุดจากอะไรบางอย่างมากกว่าการสลัดผ้าคลุมค่ะ
จากนั้นจู่ๆก็มีลมหายใจที่ชัดขึ้นมากๆ แล้วเหมือนจิตให้มองดูลมหายใจนั้นทั้งเข้าและออกเหมือนเป็นการเกิดและดับค่ะ จิตบอกเป็นเสียงค่ะว่านี่คือการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป แล้วเราก็รู้ว่ามันเป็นอะไรที่สั้นมากๆ และเหมือนจะเทียบกับการมีชีวิตอยู่และการตายค่ะ ว่ามันมีค่าเท่ากับการหายใจเข้าและหายใจออก เราก็มองแล้วก็มีแปลกใจนิดหน่อยเพราะคาดไม่ถึง แต่ก็เข้าใจตามที่เขาบอกนะคะ แล้วลองถามว่ายังไงต่อ555555555 ในเวลานั้นเหมือนจิตกับเราอยู่คนละส่วนค่ะ แต่ก็เป็นส่วนเดียวกัน อธิบายยากจังค่ะ
สักพักเหมือนลมหายใจเราจะสั้นลงแล้ววูบไปเลยค่ะวูบในที่นี้คือมันกลายเป็นอะไรที่เหมือนกลมๆแล้วเราอยู่ในนั้นแบบไม่มีกายมีแต่ความเนียนกลมที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างอ่ะค่ะ แล้วก็มีสะอื้นอีกแล้วค่ะแต่ไม่มาก
แล้วก็เหมือนจะต่อจากที่เราถามว่ายังไงต่อ ก็คือเขาบอกว่าคือความว่าง ไม่มีอะไรเลย ไม่มีตัวตนไม่มีแม้แต่ตัวเรา แล้วเราเห็นเป็นภาพเหมือนแหใหญ่ๆที่เป็นตาข่ายแล้วหลุดเป็นเปลาะๆน่ะค่ะ เหมือนว่าไร้การเกี่ยวพันกันก็คือการไม่ยึดติดว่าตัวเราเป็นตัวเรา หรือตัวเราเป็นลูก เป็นหลาน หรือเป็นใครน่ะค่ะ มันคือความไม่มีอะไรเลยอ่ะ เป็นความรู้สึกที่เล่าลำบากค่ะ แต่เราเข้าใจนะคะ
จากนั้นทุกอย่างก็นิ่งแบบเหมือนเราไม่มีลมหายใจเลยค่ะ แบบเนียนมากๆเหมือนหัวใจไม่เต้นเลือดไม่สูบฉีดแต่ไม่กลัวค่ะก็นั่งไปอีกสักพักก็จะออกจากสมาธิก็เลยทบทวนอย่างที่คุณ chaosy บอกค่ะ ว่าเริ่มนั่งมายังไงแล้วไปไหนต่อยังไงต่อเหมือนตอนที่พิมพ์เล่าอยู่เนี่ยค่ะ
พอนึกเสร็จก็ขนลุกขึ้นมาซะงั้น5555 แล้วก็เลยอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลตามปกติค่ะให้คุณยักษ์ขุนคีรีด้วยค่ะ แต่คราวนี้รู้สึกได้ถึงการให้อภัยคนที่เคยร้ายกาจกับเรา กับการขออภัยคนที่เราเคยร้ายกาจด้วยค่ะ
รู้สึกได้ว่ามันไร้แก่นสารสิ้นเชิงเลยกับสิ่งที่เคยคิดน้อยใจหรือแค้นใจ มันเป็นเหตุเป็นผลและไม่มีใครถูกผิด ก็เลยอโหสิให้เขาและนึกในใจให้เขาอโหสิต่อเราเหมือนกันค่ะ เพราะการที่คนจะมาทำร้ายอะไรเราแสดงว่าเราต้องไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจมาก่อนแน่ๆแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ตัวก็เถอะ
วันนี้นั่งไม่ถึง1ชม.นะคะ 19.35-20.20 ค่ะ
วันที่23-3 สิงหาคมจะมีการนั่งวิปัสสนาที่วัดแถวบ้าน ชื่อวัดวังหลวง โดยพ่อท่านใจ(หลวงพ่อใจ)ค่ะก็ยังคุยๆกับแม่ว่าจะไปค่ะ หากว่ามีอะไรติดขัดในการปฏิบัติจะขอมาถามคุณ chaosy อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ^^
จากคุณ |
:
จอมนาง
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 55 21:30:18
|
|
|
|