งั้นผมขอแจม แถมด้วยภาษาการเมือง-ภาษาคน - ภาษาธรรม - ภาษาโลก ด้วยสัก นิโหน่ย..... นะครับ เช่น
๑. สันถวไมตรี
ภาษาการเมืองระหว่างประเทศ แปลว่า การเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แน่นแฟ้น
ภาษาในพระไตรปิฎก สันถวะ แปลว่า การสนิทชิดใกล้ เน้นไปในทางการร่วมกระทำสันถวะ คือการโลมไล้ โอ้โลมปฏิโลม จนกระทั่งถึงการร่วมเพศ !!!!
คำคำนี้ ผมเคยเขียนทักท้วงมานาน ยี่สิบปีแล้ว ทั้งในสื่ออื่น ๆ ทั้งในพันทิปนี้ (ในพันทิป เพิ่งเริ่มมาบ่น เมื่อสิบกว่าปีนี้เอง)
ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้ยินมากนัก แต่ก็ยังพอได้ยินบ้าง ได้อ่านบ้างอยู่ ในแวดวงสื่อทางการบ้านการเมือง
ลองคิดดูนะครับว่า.หากสื่อปัจจุบัน ยังเขียน หรืออ่านข่าวประมาณว่า....
"เมื่อค่ำวานนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิง ของประเทศไทย ได้ร่วมกระทำสันถวะไมตรี กับผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบาม่า ที่ห้องรับรองทำเนียบรัฐบาล .....(จ๊าาาาากกกกกส์ส์ส์)
ในการเชื่อมสัมพันธ์นี้ โดยมีมีนายสุรพงศ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ร่วมวงสันถวไมตรีในครั้งนี้ด้วย (อ๊ากกกกกส์ส์ส์) และการสันถวไมตรี ก็ได้ลุล่วงเสร็จสิ้นลงไปได้ด้วยดี อย่างราบรื่น
ในครั้งต่อไป นายสุพงศ์ให้สัมภาษณ์ว่า เขาจะร่วมวงสันถวไมตรีอีกครั้ง กับนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น โดยกระทรวงต่างประเทศแจ้งว่า ในการเชื่อมสัมพัธไมตรี ครั้งต่อไปนี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น จะเชิญ นางสาวยิ่งลักษณ์ และนายสุรพงค์ ไปที่ทำเนียบในกรุงพนมเปญ เพื่อกระทำสันถวไมตรี ต่อกัน.....บลา บลา บลา"
คนที่เป็นผู้ช่ำชองเรื่องภาษาธรรม ฟังแล้ว ก็คงได้แต่กลืนน้ำลาย..เอื๊อก....ก่อนที่เอามือปาดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นก็คงจะหลับตาบริกรรมภาวนา เพื่อสงบจิตสงบใจ..ตามสมควร...เฮ้อ...
๒. คำว่า..คว่ำบาตร
ภาษาการเมืองระหว่างประเทศ คือ การลงโทษในระดับค่อนข้างหนัก แต่ไม่ถึงกับการใช้อาวุธ เช่นการ การร่วมกันคว่ำบาตร ไม่คบค้าสมาคมกับประเทศคู่เจรจา ที่ไม่ยอมทำตามข้อตกลงในการเจรจา หรือประเทศที่ผู้นำและรัฐบาล ดำเนินนโยบาย ที่ไม่สอดคล้องกับสังคมโลก เป็นภัย หรืออาจเป็นภัย ต่อประชาคมโลก ด้วยการไม่ซื้อ ไม่ขาย งดการนำเข้า งดการส่งออก งดการช่วยเหลือ ฯลฯ
ภาษาธรรม คือ การไม่รับอาหารบิณฑบาตร จากมือของญาติโยมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่สงฆ์ลงมติให้ "คว่ำบาตร" ประมาณว่า แม้คนคนนี้ จะนำอาหารมาถวาย มาใส่บาตร ก็ให้พระรูปนั้น คว่ำบาตรเสีย "อย่าหงายบาตร" รับอาหารนั้น (อย่างไรก็ตาม หากเป็นพระในปัจจุบัน จะคว่ำบาตรใคร ผมก็แนะนำว่า ควรปิดฝาบาตรให้เรียบร้อย และจับที่ฝาบาตรให้มั่นคงซะก่อน ไม่งั้น ข้าว ขนม และแกงถุง ในบาตร ก็จะหกตกลงมาเลอะเทอะ น่าเสียดายน่ะ โดยเฉพาะซองปัจจัย อีกเพียบ หากร่วงลงมาแล้ว คนที่โดนพระค่ำบาตร อาจจะรีบเก็บรวบรวม แล้วหอบวิ่งหนีไปเลยก็ได้...ก็เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่นะ..อย่าลืม)
๓. คำว่า เวียนเทียน
ภาษาธรรม ทางพุทธศาสนา ถือว่าเป็นคำที่เกี่ยวกับการเคารพบูชา เช่นเวียนเทียนรอบพระเจดีย์ หรือรอบพระอุโบสถ
ภาษาชาวบ้าน หมายถึง การวนเวียน ไปรับข้าวของ หลายครั้งหลายรอบ เช่นการรับของแจก คนเดิมนั้นแหล่ะ มารับครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เรียกว่าเวียนเทียน
ภาษาทะลึ่ง ก็เคยมีคนทะลึ่งเอามาพูดในเชิงกามารมณ์ ที่ไม่ถูกไม่ต้อง ..เป็นไปในทางผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งศีลธรรมอันดี แถมพวกเพลงทะลึ่ง ๆ ลามก พวกนี้ ก็เคยเอามาร้องเป็นเพลง.... ปัจจุบัน ก็ยังมีให้ฟังกันบ้างเหมือนกัน เป็นเพลงประเภท ใต้ดิน ที่ขึ้นต้นว่า.."จุดเทียน เวียนวน เรามาสองคน วนเอ๋ยวนเวียน ฯลฯ"
(คล้าย ๆ กับคำว่า "ลงแขก" ซึ่งแต่เดิมทีนั้น เป็นคำที่ดีมาก ๆ คือการที่ชาวบ้านทั้งหมู้บ้าน มาร่วมกันลงแขกเกี่ยวข้าว เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยทุกคนทำให้ฟรี ๆ ไม่มีค่าจ้างใด ๆ เจ้าของนานั้น เพียงแต่ทำอาหารคาวหวานเลี้ยงในมื้อเที่ยง เท่านั้น บางคน ก็ถือปิ่นโตสำรับกับข้าว มาจากบ้านตนเองเสียด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบัน คำว่า "ลงแขก" ชักจะออกแนว ๆ รุมข่มขืน รุมโทรมหญิง ไปซะโน่น)
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 15:28:03
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 55 15:22:08