ความคิดเห็นที่ 1 ตามที่ คห บน เล่ามางั้นผีคงอำผมบ่อย เพราะผมชอบนอนกลางวันในรถ และเป็นแทบทุกครั้งเลย อาการนั้น จากคุณ : ข้าวปั้น@ฮาเฮ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:03:15

ความคิดเห็นที่ 2 ลองขอคำแนะนำจากหลวงพี่หลวงตาดูสิครับ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:06:51

ความคิดเห็นที่ 3 หลวงพี่หลวงตาที่ไหนคะ  ?!? จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:09:25

ความคิดเห็นที่ 4 หวัดดีท่าน Smiling-girl ไปถามหลวงตาให้ ตามคำแนะนำ คคห. 2 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:10:47

ความคิดเห็นที่ 5 หลวงตา วอท จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:11:29

ความคิดเห็นที่ 6 แถวบ้านนอกโดนบ่อยครับ ฝันเห็นผีมาให้หวย แล้วแทงตามที่ผีบอก แต่ไม่เคยถูก อย่างนี้เรียกว่าผีอำป่าวว... จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:15:57

ความคิดเห็นที่ 7 กร๊ากกกกกก   ไม่ต้องเลยค่ะ เด่วเจอด่าว่าโง่  เหมือนกระทู้ข้างล่าง   หรือไม่งั้นก็ "ผีอำเป็นคำสอนของพราหมณ์"       แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 22:16:12 จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:15:57

ความคิดเห็นที่ 8 คุณจินหายไปไหนมาคะ นานมากกกกกกกก สบายดีนะคะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:18:47

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องผีอำมาจากความเชื่อว่ามีผีมาครอบงำจิต  ซึ่งคนเชื่อก็จะเชื่อว่ามีผีจริงๆ ตามหลักที่แท้จริงของพุทธศาสนาแล้ว ไม่สอนว่ามีผี ซึ่งเป็นตัวตนที่จะสามารถออกจากร่างกายที่ตาไปแล้วได้ เพราะจากขันธ์ ๕ แสดงว่าไม่มีขันธ์ใดที่จะออกจากร่างกายที่ตายไปแล้วได้ ส่วนเรื่องที่ว่าถูกผีอำนั้นเป็นอาการของจิตที่ตื่นขึ้นมาแล้วแต่ว่ายังไม่เต็มที่ หรือยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ คือเพียงแค่รับรู้และรู้สึกนึกคิดได้เท่านั้น แต่ว่ายังไม่ถึงขนาดจะบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้ จึงได้เกิดอาการที่เรียกว่าผีอำขึ้นมา วิธีแก้หลวงตาได้เคยพยายาหาวิธีแก้แล้วพบว่า วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ พยายามหายใจให้แรงๆ ก็จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้เอง ถ้าพยายามขยับตัวจะทำไม่ได้ หรือจะได้ก็ช้า จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:21:02

ความคิดเห็นที่ 10 555 อยู่ข้างบ้านนี่แหละครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:21:37

ความคิดเห็นที่ 11 โห มาจริงด้วย สวัสดีท่าน รถเรณู, Bg-view ครับ (กิ๊ฟหมดแต่วันที่ 12 มา 2 เดือนแล็ว ติดไว้ก่อนขอรับ) จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:24:41

ความคิดเห็นที่ 12 ฮาได้ที่แล้วกลับมาเข้าเรื่องมั่ง นี่เป็นเรื่องเล่าของสมาชิกท่านหนึ่งในเรื่องนี้ครับ... "ผีอำมีสองแบบ แบบที่ขยับตัวไม่ได้กับแบบที่ผมโดนบ่อยๆ แบบขยับตัวไม่ได้ เด็กๆเป็นบ่อยแบบปวดฉี่มากแต่ลุกไม่ขึ้นเลยนอนต่อ -เหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นผมคิดว่าไม่ได้เกิดขึ้นจริง อยู่ในภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่นเป็นภาพของฝันหรืออะไรซักอย่าง แต่ในขณะนั้นก็ยังมีสติรับรู้อยู่ ยังคิดได้อยู่แต่อาจจะไม่เร็ว แต่ก็มีบางครั้งที่แค่หลับตาไปแป๊บเดียวก็เจอเลย แล้วมีครั้งที่ชัดเจนมากๆ คือตื่นมาปุ๊บเจอคนใส่เสื้อผ้าขาวๆ ลอยผ่านห้องพระไปทำให้ตกใจมาก -เวลาที่ผมเจอผีอำ จะต้องหลังตีสามขึ้นไป ถ้าก่อนหน้าตีสามจะนอนยังไงก็ไม่มีทางเจอ -สภาพแวดล้อมรอบๆตัวเราจะเหมือนจริงทุกอย่าง ถ้า7โมง ก็จะสว่างนิดๆ ไฟดวงไหนเปิดหรือปิดก็จะเป็นไปตามนั้น แต่เป็นภาพแบบในฝัน เป็นภาพสี -ความถี่ในการเจอจะไม่คงที่ ประมาณว่าหลังจากเจอครั้งแรกก็อีก 6เดือนแล้วก็เจอไปอีกซักเกือบเดือน แล้วก็หายไปเป็นปีแล้วก็เจอใหม่อีก บางทีก็นานมากที่ไม่เจอ ส่วนตอนนี้ไม่เจอมานานมากๆ -ช่วงที่เจอหนักๆ ลองสวดมนต์ ทำสมาธิดู ลองทุกๆอย่าง แต่ก็ไม่ได้ผลถ้าจะเจอก็ต้องเจออยู่ดีเลี่ยงไม่ได้ พักหลังก็ไม่ค่อยตั้งใจสวดมนต์ เพราะเห็นว่าไม่มีผลอะไร -เจอได้ในทุกช่วงภาวะอารมณ์ เศร้า มีความสุข วิตกกังวล -อาหารการกินไม่มีผลกับการโดนผีอำ ลองแล้วช่วงที่โดนหนักๆ -ท่านอนก็ไม่มีผล ช่วงที่โดนหนักๆ ลองเปลี่ยนท่านอนมา 3-4ท่า ปรากฎว่าหลับตาไปแบ๊บเดียวก็โดนทุกท่า -เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับเซนส์ ต่อให้คุณเป็นสัปเหร่อ นักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะหาคำตอบของเรื่องผีถ้าคุณไม่มีเซนส์คุณไม่มีทางเจอหรอกจนทำให้คิดว่าคนอื่นที่โดนมันคงหลอนไปเองเราไม่เคยเจอเราต้องปกติแน่นอน กับผมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยก็โดนจนชินแล้ว -รู้สึกว่าช่วงฤดูหนาวจะเจอมากกว่าช่วงฤดูอื่น แล้วไม่เคยเจอตอนฝนตกเลย -เมาเหล้าก็เจอได้ " (จากประสปการณ์คุณ  OFF_KUB) จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:25:02

ความคิดเห็นที่ 13 ^11  สวัสดีท่าน bigjinbook  หายไปนานนึกว่าบวช (ชักระแวง ) จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:32:47

ความคิดเห็นที่ 14 เค้าทำบุญด้วยอะไรกันนะ ถึงได้เจอผีกันเป็นที่ครึกครื้น ไม่เคยเจอเลยสักครั้งเดียว ผีอำก็ไม่เคย ขาดประสบการณ์หยั่งเรง... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:36:59

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ ท่าน  Bg-view คงต้องเริ่มปฏิบัติธรรมใหม่ ครั้งที่ 1120 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:37:52

ความคิดเห็นที่ 17 #12  คุณ OFF_KUB แกเป็นใครหรือคะ แต่สิ่งที่แกเขียนไม่เห็นอ้างอิงหลักคำสอน หลักสภาวะเลยนี่คะ ก็เป็นเพียงการเล่าของแก ไม่มีหลักการมายืนยันอ่ะค่ะ คือ หากว่า "มีจริง" เราอยากทราบในด้านหลักสภาวะธรรมน่ะค่ะ เพราะหากมีจริง ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะคะ ภพภูมิที่ต่ำกว่าบังคับภพภูมิที่สูงกว่า อืมม   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:39:07

ความคิดเห็นที่ 18 #15  ครั้งที่แสนกัปป์มั้ยคะ     จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:40:41

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเป็นบ่อยครับ  ตั้งแต่เด็ก  เดือนนึงเป็น1-2ครั้ง บางเดือนก็ไม่เป็น   -ตอนนอนสามารถรู้หมดว่าใครทำอะไรรอบตัวเหมือนเราลืมตาอยู่ แต่ภาพจะไม่ชัด ซึ่งพอเราตื่นเราก็ไม่แน่ใจว่ามะกี๊เราลืมตามั้ย -เวลาผมเป็นอาการผีอำ ผมไม่เคยเจอผีเลยนะครับ -ไปหาหมอปกติ หมอบอกนอนทับเส้นให้เปลี่ยนท่านอน  แต่เปลี่ยนกี่ท่า มันก็ยังเป็น -แม่บอกให้สวดมนต์ ท่องพุทโธตอนนอน ยิ่งท่องก็ยิ่งเป็นหนักเข้าไปอีก -ผมมักเป็นผีอำ ถ้านอนหัวค่ำ หรือ นอนกลางวัน ซึ่งจริงๆ ผมมาพบว่า จริงๆผีอำมันเป็นอาการฌานสมาธิ อย่างนึงนะครับ ซึ่งถ้าไปฝึกสมาธิ อาจจะก้าวหน้าเร็วครับ แต่มันเป็นมิจฉาสมาธิ คือ ไม่มีสติครับ  (ซึ่งจริงๆคือ อาการกายทิพย์เหลื่อมออกจากร่างกายบางส่วน  ซึ่งถ้าผีเห็นอาจจะมาแกล้งเราได้หรือมาขอส่วนบุญเราครับ)   แต่ของผมเป็นผีอำจะไม่เคยเจอผี เพราะปกติอาจจะนอนติดห้องพระมั้งครับ อันนี้เป็นที่ผมเขียนเกี่ยวกับผีอำไว้เหมือนกันครับ ลองไปอ่านดูนะครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12383472/Y12383472.html จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:50:41

ความคิดเห็นที่ 21 อาการของรูปธรรมในกายที่เกร็งและขยับไม่ได้นั้น เพราะ วิกาลรูป ๓ อันได้แก่ ลหุตารูป  (รูปเบา)  มุทุตารูป  (รูปอ่อน)  กัมมัญญตารูป  (รูปที่ควรแก่การงาน) ไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งอาการเหล่านี้ก็มีเหตุปัจจัยได้จากทางรูปธรรม หรือนามธรรมคือใจที่เป็นฝ่ายอกุศลก็ได้ เมื่อเกิดความฝัน และเกิดจิตกลัวอันเป็นโทสะจิตเป็นต้น จิตนั้นเองก็เป็นปัจจัยให้ร่างกายเกิดภาวะเหล่านี้ได้ ------------------------------------------------------------------- ส่วนเหตุที่ทำให้เกิดความฝันนั้นมี ๔ ประการ ได้แก่ (คู่มืออภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๔) ๑. บุพพนิมิต - กรรมใด ๆ ที่ได้กระทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุสลกรรม หรือ อกุสลกรรม กระตุ้นเตือนจิตใจให้ใฝ่ ฝันถึงกรรมนั้น ๆ ๒. จิตอารมณ์ - จิตใจจดจ่อในเรื่องใดๆ เป็นพิเศษยิ่งก็ทำให้ใฝ่ฝันถึงเรื่องนั้นๆ ๓. เทพสังหรณ์ - เทวดาดลใจให้ฝัน ๔. ธาตุกำเริบ - เวลาที่ธาตุไม่ปกติ ก็ทำให้ฝันได้เหมือนกัน http://www.reocities.com/SouthBeach/terrace/4587/4page21-30.htm --------------------------------------------------- (พระไตรปิฏกอรรถกถา ฉบับ ๙๑ เล่ม พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 641) ใน ๔ อย่างนั้น   บุคคลมีธาตุกำเริบ   เพราะประกอบด้วยปัจจัยทำ ให้ผิดปกติของน้ำดีเป็นต้น   จึงชื่อว่าย่อมฝันไปเพราะธาตุกำเริบ.  จริงอยู่  เมื่อ ฝันไปต่าง ๆ ย่อมเป็นราวกะว่า  กำลังตกลงไปจากภูเขา  ราวกะว่ากำลังเดินไป ทางอากาศ   และเป็นราวกะว่าถูกเนื้อร้าย   ช้างร้ายและโจรเป็นต้นติดตามแล้ว. ว่าโดยเคยประสพมา บุคคลเมื่อฝัน  ย่อมฝันเห็นอารมณ์อันตนเคย ประสพมาแล้วในกาลก่อน. ว่าโดยเทวดาดลใจ     เทวดาย่อมน้อมอารมณ์มีอย่างต่าง ๆ   เข้าไป เพราะความเป็นผู้ใคร่จะให้ประโยชน์   หรือเพราะความประสงค์จะให้เกิดความ เสื่อม หรือเพื่อให้เกิดความเจริญ หรือเพื่อให้เกิดความพินาศแก่บุคคลผู้ฝันนั้น. บุคคลนั้น    ย่อมฝันเห็นอารมณ์เหล่านั้น  ด้วยอานุภาพแห่งเทวดาเหล่านั้น. http://www.thepalicanon.com/91book/book78/601_650.htm --------------------------------------------------- ดังนั้น อาการเกร็งทางกายที่เกิดจากความฝันต่างๆ ก็เป็นไปได้จากเหตุปัจจัยหลายอย่าง คือ อาจจะเป็นได้จากธาตุกำเริบ หรือ เทวดาดลใจให้ฝัน ก็ได้ --------------------------------------------------- ส่วน กรณีเปรตญาติ ผู้ต้องการส่วนบุญนั้น ถ้ามีอยู่ในบริเวณนั้นจริง ก็คงจะพยายามทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้มนุษย์นั้นได้ระลึกขึ้นได้และได้อุทิศส่วนบุญกุศล ........ (พระผู้มีพระภาคเจ้า)  เสด็จเข้าสู่กรุงราชคฤห์ ทรงรับมหาทานในพระราชนิเวศน์ของพระเจ้าพิมพิสาร เปรตเหล่านั้นยืนห้อมล้อมด้วยหวังอยู่ว่า บัดนี้ พระราชาจักทรงอุทิศทานแก่พวกเรา บัดนี้ จักทรงอุทิศทานแก่พวกเรา.               ฝ่ายพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแล้ว ทรงพระดำริว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงประทับอยู่ ณ ที่ไหนหนอ ทรงพระดำริถึงแต่เรื่องที่ประทับอยู่ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น มิได้ทรงอุทิศทานนั้นแก่ใครๆ.               เปรตทั้งหลายสิ้นหวัง ตอนกลางคืน จึงพากันทำเสียงแปลกประหลาด น่าสะพรึงกลัวอย่างเหลือเกินในพระราชนิเวศน์. พระราชาทรงสลดพระราชหฤทัยหวาดกลัว ต่อรุ่งสว่าง จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ยินเสียงเช่นนี้ เหตุอะไรหนอ จักมีแก่ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=8 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:05:02

ความคิดเห็นที่ 22 ผีอำ ไม่น่ากลัวเท่าคนอำ คนอำ กันแล้ว  เลยเถิด  บานปลาย  ทะเลาะวิวาท  ไปจนถึงฆาตกรรม จากคุณ : กอบัวสวรรค์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:05:18

ความคิดเห็นที่ 23 จะบอกน้องยิ้มว่า ดูคลิป ไม่ได้อะ จากคุณ : แมงกุ๊ดจี่ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:05:46

ความคิดเห็นที่ 24 มีจริงสำหรับ...ผู้ที่เชื่อว่ามี... ไม่มีจริงสำหรับ...ผู้ที่เชื่อว่าไม่มี.. หมายเหตุ...ไม่ได้ตอบแบบกวนนะครับ...มันเป็นอย่างนี้จริงๆ เพราะ ผู้ที่เชื่อ..จนยึดมั่นถือมั่นว่ามีจริง..จิตของผู้นั้นก็สามารถ..สร้าง.. มโนมยอัตตา(รูปที่สำเร็จด้วยจิต)..ให้เกิดตามแบบนั้นๆได้...ส่วนผู้ที่ไม่ เชื่อ..จิตของผู้นั้น..ก็ไม่มีความยึดมั่น..ในแบบนั้นๆจึงไม่มี..มโนมยอัตตา แบบนั้นๆ..ครับ จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:29:16

ความคิดเห็นที่ 25 จากการศึกษาและวิจัยอาหารผีอำพบว่า ส่วนมากคนดดนผีอำนะนอนหงาย ดังนั้นนอนคว้ำหรือนอนตะแคงอาจจะช่วยได้ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:32:49

ความคิดเห็นที่ 26 อืมมม หากแบบคุณโกวิทย์ว่า ส่วนตัวเราบอกตรงๆ ว่า "ไม่เชื่อ" ค่ะ แต่เห็นเริ่มหลายกระทู้ ก็เลยชักจะสงสัยน่ะค่ะ :-)   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:34:25

ความคิดเห็นที่ 27 อาการแบบพี่ยิ้ม ผมเป็นบ่อยครับ เวลา จะพักสายตาตอนกลางวันเนี่ย เป็นบ่อยมาก  คิดว่าไม่น่าใช่ผีอำ  น่าจะเป็นอาการทางกาย กับ ระบบประสาท ที่ยังไม่สัมพันธ์กันมั้ง ครับ ไม่รุ็เหมือนกัน  ฮ่าๆ ส่วนผีอำนั้น เคยเจอมา เป็นเหตุการณ์ เป็นความรู้สึก ที่กำลังจะนอน แล้วเห็นเงา ค่อยๆมา แล้วก็ค่อยๆขึ้นคลืบมาเรื่อยๆ จาก ด้านล่าง แล้วก็ จับที่แขน ล็อกไว้ ขยับกายไม่ได้  แล้วเค้าก็กรี๊ดใส่  สวดมนต์ ก็ยังกรี๊ดใส่อยู่ครับ ฮ่าๆ  เหมือนหนังผีเลย    ถ้าจิตไม่คิดไปเองในตอนนั้น ก็ คงเป็นการเก็บเอาหนังผีมาฝัน หรืออะไรสักอย่างมั้งครับ  หรืออาจจะมีผีจริงๆก็เป็นได้  เพราะ สวดมนต์ สักพัก สติ กลับมา  เค้าก็หายไป ผม ก็รีบลุกจากห้องนอน ไปนอนกับพ่อกับแม่ครับ ฮ่าๆ  นอนกับพระอรหันต์ในบ้านทีไร ไม่มีผีมาอำสักครั้ง (มาไม่บ่อยนักแต่ก็หลายครั้งอยู่ บางทีรู้สึกตัวเลยมามานอนข้างๆบ้าง มาข้างหลังบ้างเวลานอนตะแคง TwT ) ส่วนอีกครั้งที่เจอ คือ ตอนกลับจากปฏบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ไปปฏิบัติมา 9 วัน ชีวิตเปลี่ยนจากปปฏิบัติแบบโง่ๆ อยากนู่นอยากนี่  มาเป็นปฏิบัติ แบบ น่าจถูก ตรงแล้ว มั้งครับ ฮ่าๆ ก็อุทิศๆ บุญเนี่ยหล่ะ ตามแบบที่วดอัมพวันสอนเลย คือ อุทิศกุศลทุกครั้งหังจาก จบรอบภาวนา  ตอนนั้น สติมีกำลังดีนะ คงอุทิศให้ ใครต่อใครได้เยอะมั้งครับ (ถ้ามี ใครมารับ และรู้ นะครับ)   กลับมาบ้าน วันนั้นหล่ะ ตอนกลางคืนกำลังจะเข้านอน  มาอาการเดิม   กะลังจะหลับ  จิตเห็นเงาดำๆ ที่ประตู แต่คราวนี้มาใกล้ๆ จับที่มือ แล้วบอก ขอบคุณนะ แล้วก็ไป  ประมาณนี้ครับ ฮ่าๆ      อันนี้คือ เรียกว่าผีมีได้มั้ย เรียกว่าผีอำได้ปล่าว   หรือผม วิปลาสไปเองครับ   ปล เด๋วนี้ไม่มีแล้ว ไม่เจอแล้ว  หรือเป็นแบบที่คุณโกวิทย์บอกครับ  แต่ผมก็ไม่ได้ ไม่เชื่อว่าไม่มีนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 23:39:33 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 23:37:59 จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:37:04

ความคิดเห็นที่ 29 ภาวะผีอำ ถ้าเป็นคนเชื่อเรื่องผี ก็จะเห็นมีผีมาอำ ถ้าเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผี ก็จะเห็นอย่างอื่น(ไม่เห็นผี) ค่ะ ^^ เราเคยอธิบายไปเป็นสิบๆกระทู้ ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ละ ตอบเท่านี้ละกัน อิอิ ^^ จากคุณ : Gretchen เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:44:30

ความคิดเห็นที่ 30 อืมมม ขอบคุณน้อง once มากค่ะ  ทำให้พี่นึกขึ้นมาได้ว่า "ผีอำ" เป็นได้หลายอาการ ตอนแรกไปยึดอยู่ว่า ผีอำ คือ ร่างกายขยับไม่ได้ แบบที่พี่เป็น ลืมคิดไปกรณีอื่นๆ ตอนนี้ก็เข้าใจคำอธิบายของท่านมหาฯ ได้แจ่มขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านนะคะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 31 คห24 คุณโกวิทย์ครับ ผมว่าไม่จริงครับ ที่กล่าวว่า ==================== มีจริงสำหรับ...ผู้ที่เชื่อว่ามี... ไม่มีจริงสำหรับ...ผู้ที่เชื่อว่าไม่มี.. ==================== เพราะตอนเด็กๆ ผมก็ไม่เชื่อว่ามีผี เหมือนกัน   ไม่เคยเห็นผี  ผีหน้าตาไงล่ะครับ ซึ่งพอเจอกับตัว และพิสูจน์แล้วถึงเชื่อครับว่ามี  แต่แค่พิสูจน์ไม่ได้ขนาดที่ว่า อยากพิสูจน์ก็จะได้เจอ  พิสูจน์ยังไง ผมเขียนในกระทู้ก่อนหน้านี้แล้วครับ  http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12383472/Y12383472.html ของผมเชื่อยังงี้ครับ ===================== ผู้ที่เจอกับตัวจะจริงๆ จะเชื่อว่ามี ผู้ไม่เจอกับตัว ก็จะเชื่อว่าไม่มีครับ ===================== คนเราจะเชื่อก็ต่อเมื่อเจอกับตัวครับ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร  คนสมัยก่อนไม่เคยมี โทรศัพท์หรือมือถือ  ก็จะไม่เชื่อว่าจะคุยกันหรือเห็นหน้ากันผ่านอากาศ ข้ามจังหวัดได้ครับ ซึ่งธรรมชาติยังมีสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังเข้าไม่ถึงอีกเยอะครับ   ก่อนไอน์ไสตน์จะตายก็ยังบอกว่า ถ้าเราเดินทางเร็วกว่าแสงเราจะย้อนอดีตได้  แล้วคุณคิดว่าไอสไตน์บ้ามั้ยหละครับ หรือแม้แต่ช่วงแรก ที่ไอน์สไตน์ เอาก้อนหินอะไรไม่รู้ บอกว่า สามารถทำลายได้ทั้งจังหวัดหรือทั้งประเทศด้วยซ้ำ   คนทั่วไปก็คงคิดว่า เอาก้อนหินนี้ไปปาหัวหมา หัวหมายังไม่แตกเลย ซึ่งในธรรมชาติยังมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะครับ จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:55:32

ความคิดเห็นที่ 32 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 55 00:10:16 จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 23:59:04

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆ เวลาเป็นผีอำ แล้วมีคนอยู่ข้างๆแล้วทำอะไร คุยอะไรกัน  เราจะพิสุจน์ได้ง่ายกว่าครับ ว่าไม่ได้คิดไปเองหรือฝัน อย่่างของผม ตอนเด็กๆ ผมจะนอนห้องเดียวกับยายผม ซึ่งพอผมเป็นอาการผีอำ ผมก็จะเรียกให้ยายมาสะกิดผมให้ได้ แต่เสียงไม่ออกครับ พยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้  แล้วยายผมเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมา ผมก็เห็นแต่ว่าเรียกไมไ่ด้ซักที  พอเราขยับตัวได้นิดหน่อย ผมก็แหกปากลั่นบ้านเลยครับ ว่าผีอำ (แต่ของผมไม่เคยเห็นผี)  แล้วผมก็ขยับตัวได้ ซึ่งอาการช่วงนี้จะปวดไปทั้งตัว ปวดแขน ปวดขา เมื่อยๆน่ะครับ แล้วเราก็จะสงสัยอีกว่า ทำไมเมื่อกี๊ยายเราไปเข้าห้องน้ำ เรามองเห็น  ทั้งๆที่เราน่าจะหลับตาอยู่ จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 00:16:05

ความคิดเห็นที่ 34 เคยโดนผีอำหลายครั้งครับ สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย มีครั้งหนึ่งผีมาอำขยับตัวไม่ได้ แต่ก็ฝืนจนกระทั่งลุกขึ้นมาได้ ล้มตัวนอนต่อในท่าเดิม(คิดว่าใช่) สักพักก็โดนอำอีก เป็นอย่างนี้สองสามครั้ง ครั้งสุดท้ายเอาพระเครื่องที่มีอยู่มาห้อยคอแล้วนอนเลย (ไม่ได้สวดอารธนา) ก็หลับสบายทั้งคืน มีครั้งหนึ่งโดนผีอำ ขยับตัวไม่ได้ แต่ชำเลืองเห็นเป็นผีผู้หญิงผมยาวสวมชุดขาวมายืนอยู่ข้างเตียง ก็พยายามลุกขึ้น ฝีนอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งลุกขึ้นมาได้ พอลุกขึ้นมาได้ก็โดดกอดผีสาวนั้นเลย ปรากฎว่าคว้าลม เธอหายไปแล้ว นอนต่อ หลับสบาย มีครั้งหนึ่ง กำลังนอนหลับอยู่ดีๆ ฝันว่ามีผีเด็กกระโดดลงมาบนอก ก็เลยหยอกล้อกับเด็ก ปรากฎว่า ตัวแม่ไม่รู้มาจากไหน โดดลงมาบีบคอเราเลย เราก็เลยต้องต่อสู้กับผีเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด แล้วเราก็ตื่นขึ้นเพราะว่ารูมเมทปลุกเรา มันถามว่า มีงเป็นอะไรวะ นอนหอบไปหอบมา ก็เลยบอกว่ากำลังสู้กับผีอยู่ ยังไม่รู้ผลใครแพ้ใครชนะ เอาตัวอย่างแค่สามเรื่องก่อน ช่วงนั้นเป็นบ่อยมาก เขาลือว่าที่หอผีดุ อะไรทำนองนั้น แต่แปลกดี ผีอำเป็นช่วงอยู่ที่หอเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้เป็นผีอำอีกเลย ผมเฉยๆนะเรื่องผี เป็นคนไม่กลัวผีน่ะ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 00:53:47

ความคิดเห็นที่ 35 มาอ่านด้วยความฮาค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 00:59:17

ความคิดเห็นที่ 36 ฟังดูแล้วก็มีอาการหลายแบบ ดังนั้นอาจจะเกิดจากสาเหตุต่างๆกัน แต่พอไม่รู้สาเหตุก็เลยเรียกรวมๆกันไปว่าผีอำ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 02:47:19

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนประกอบของความเป็นคนนี้ มีอยู่ 2 อย่างนะครับ คือกาย กับ ใจหรือจะว่าจิตก็ได้ คนโดยปกติเวลาตื่น ก็จะตื่นทั้งทางร่างกาย และจิตใจ เวลาหลับ ก็จะต้องหลับทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ร่างกายมี วิถีจิต เป็นตัวควบคุม ในการตื่นตัว ประสานการรับรู้ และการทำงาน จิตใจ ก็มี จิตวิญญาณ เป็นสำคัญในการตื่นตัว รับรู้เรื่องราว ..เวลาหลับ ร่างกาย จะพักตัว เป็นอิสระจากการที่ถูกจิตควบคุม ระบบของร่างกาย ก็จะมีการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอ สร้างสรรส่วนที่ขาด พักตัวจากความเหมื้อยล้า ส่วนจิตใจ ก็จะหยุดพักการงาน การควบคุมกายทำงาน หยุดพักการทำงานทางจิต หยุดคิดปรุงแต่ง หยุดกิเลสตัณหา ไว้พักหนึ่งก่อน...โดยปกติ คนเมื่อตื่นจากความหลับ ร่างกาย และจิตใจก็จะตื่นพร้อมกัน จะต่างกันบ้างก็เล็กน้อย แต่ในบางครั้ง จิตใจคนมันตื่นก่อน แต่ร่างกายไม่ยอมตื่นตาม คือวิถีจิต ไม่ทำงาน หรือทำงานไม่สมบูรณ์ จิตใจจึงสั่งงานให้ร่างกายขยับตัว ลุกขึ้นไม่ได้ ลักษณะนี้ ชาวบ้านเรียกกันว่า ผีอำ เพราะบางทีจิตอ่อน ก็จินตนาการเป็นตุเป็นตะ เป็นความคิดฝันไปเลยเช่น วิ่งหนีอะไรสักอย่าง ต้นไม้ทับ หรือถูกผีกดทับ แต่ถ้าจิดใจรู้สึกตื่นเต้นสักพัก ร่างกาย ก็จะตื่นตัวตามมาเอง ซึ่งอาการแบบนี้คือ ร่างกายหลับ แต่จิตใจตื่น เป็นความรู้สึกแบบนวม ๆ นี้ เรียกกัน กึ่งภวังค์ ครับ ซึ่งถ้ารู้จักมัน ควบคุมมันได้ บังคับให้หลับได้ บังคับให้ตื่นได้ ก็จะเป็นประโยชน์ มาก ในการปฏิบัติธรรมครับ จากคุณ : นิ่งหนอ (นิ่งหนอ) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 02:48:09

ความคิดเห็นที่ 38 จาก คห. ที่ 24..ที่ได้ให้ความเห็นไป..ขยายความนะครับ พิจารณาได้ดังนี้ครับ.... หากเป็นอาการที่เกิดจากผีจริง......อาการผีอำในโลกนี้จะต้องเป็นเหมือนกันในทุกๆชาติ..ในทุกๆเผ่าพันธ์....แต่สังเกตุไหมครับอาการผีอำจะมีเฉพาะในกลุ่ม asia เรา....ส่วนในฝรั่ง..นิโกร..เขาจะเป็นการนอนทับแขน..นอนทับเส้น..เพราะ..แถบโน้นเขาไม่ได้กำหนดหมายแบบนี้ครับ... ส่วนในกลุ่ม asia .มีการกำหนดหมาย(สัญญา)..ภายในจิตไปแล้ว(เชื่อ)..ว่าลักษณะแบบนี้คืออาการผีอำ...เมื่อมีการกำหนดหมายเป็นธรรมดาครับ..หากจิตอยู่อาการครึ่งหลับครึ่งตื่นย่อมสร้างมโนมยอัตตาได้ง่าย(สังเกตุอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นในขณะนั่งสมาธิก็ได้ครับ..หากเรากำหนดหมายแบบใดจิตจะสามารถสร้าง..มโนมยอัตตาได้ง่าย..เช่น..ลูกแก้ว...พระพุทธรูป..แม้แต่พระพุทธเจ้า)ครับ....วิธีการแก้นะครับ..จะต้องฝึกจิตให้ไม่เชื่อซึ่งหมายถึง...จะต้องเลิกกำหนดหมายแบบนี้..กำหนดหมายแบบใหม่เช่น.."เราไม่เชื่อ..นี้คือการครึ่งหลับครึ่งตื่น"...ฝึกไป.ฝึกไป...หายแน่นอนครับ...จะรู้สึกตัวด้วยว่านอนทับเส้นอยู่ในท่านั้นนานๆบ้าง...หรือ..ร่างกายเราเกร็งบ้าง...อื่นๆ..แล้วแต่สาเหตุจริงๆ.... และสุดท้าย...ในส่วนที่ว่า..ผู้ไม่เคยเห็น..เคยเป็น..จะไม่เชื่อ..อันนี้ไม่จริงครับ...ผมเคยเป็นครับ...แต่เนื่องจากผมกำหนดหมายไม่เชื่อไว้แล้ซจึงสามารถรู้ได้ว่า..ผมนอนในท่าที่ไม่ควรนอนเป็นเวลานานๆ..ก็แค่แก้ไข...พลิกตัว..ก็นอนสบายแล้วครับ. แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 55 06:18:26 จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 06:14:22

ความคิดเห็นที่ 39 อ้าววว ทู้นี้ฮาเหรอคะ อืมมม...จะฮาก็ตรงที่คุณจินไปนิมนต์มานี่แหละค่ะ  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 06:41:04

ความคิดเห็นที่ 40 ก็สนับสนุน คุณโกวิทย์ ใน #39 นะคะ เพราะเราเล่นกีฬามาแต่เด็ก ก็จะหาเหตุไปที่กล้ามเนื้อตึง เส้นยึด เป็นอันดับต้นๆ   แต่ตรงนี้ก็คือ อาการที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ ส่วนอาการอื่นอย่างที่น้อง once เล่าเงี้ยค่ะ มาดึงแขนขา เงาทมึน อะไรพวกนี้ สำหรับเราซึ่งไม่เคยเจอ(และก็ไม่ยากเจอด้วยเน้อ ช่วยไปให้ไกลๆ ด้วย vbvb) เราก็จะออกไปทางไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องของการปรุงแต่ง สร้างอุปาทาน ขึ้นมาเอง แต่ก็เผื่อใจไว้ให้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ตามหลักสภาวะธรรม ถึงตั้งกระทู้ถามนี่แหละ โดยส่วนตัวเชื่อเรื่องจิต วิญญาณ นะคะ และเชื่อว่าเป็นไปได้ในกรณีที่มองเห็น ได้ยินเสียง หรือได้กลิ่น เราเชื่อว่าเขาผู้อยู่ต่างภพ น่าจะทำได้ประมาณนี้ เพื่อพยายามสื่อสารอะไรกับเรา ส่วนที่ว่ามาดึงๆ ผีผ้าห่ม ผีช่องแอร์ พวกนี้เราไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่อ่ะค่ะ :-)   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 06:51:15

ความคิดเห็นที่ 41 เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดชื่น จิตเบา จึงได้สวดมนต์ และทำสมาธิ ก่อนจะเข้ากระทู้ และอุทิศส่วนกุศลให้กับเขาๆ ผู้อยู่ต่างภพ ด้วยค่ะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 06:55:59

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ โกวิทย์ มีการกำหนดหมาย(สัญญา)..ภายในจิตไปแล้ว(เชื่อ)..ว่าลักษณะแบบนี้คืออาการผีอำ.. จริงๆแล้ว ถ้าจิตไม่มีสัญญา ก็สามารถพบเห็นได้ครับ มันจะมีอาการกึ่งฝัน กึ่งตื่น ในทางวิทย์เขาอ้างว่า สมองตื่นตัวไม่เต็มที่ -ตอนเด็กๆมีประสบการณ์ เคยไปเล่นในสวน แล้วกลับมานอน ในฝันก็มองเห็นว่า เราตื่นแล้ว มองที่ปลายเท้า เห็นคนแก่ใส่เครื่องทรง มายืนชี้ว่า เมิงมาฉี่ใส่กรูทามมาย (ฉี่ใส่ต้นไม้) แต่พยายามจะขยับตัวก็ทำไม่ได้ เลยสวดมนต์ในใจ แล้วออกแรงสุดฤทธิ์ ก็ลืมตาได้ ตื่นมาตัวสั่นเลย -ตื่นในฝัน ฝันว่าตื่นแล้วลืมตาแล้ว แต่ขยับตัวไม่ได้ ต้องพุทโธ พุทโธ แล้วกระตุกตัวเอง จึงจะตื่นได้จริง -หลายครั้งที่รู้ตัวว่าตื่นแล้ว แต่ความจริงยังไม่ตื่น เพราะขยับตัวไม่ได้ จิตจะรู้สึกกลัวทุกคน -ตอนเด็กๆ ถ้านอนกลางวันจะฝันเรื่องเดิม สถานที่เดิม เหตุการณ์เดิมๆ อารมณ์เดิมๆ คือฝันว่าเราเป็นคนในวัยกลางคน ใส่ชุดเดินป่าพร้อมรถจิ๊ป ไปยืนอยู่หน้าผา สะพานเชือกทุกครั้ง แล้วมันก็มีอาการวูบในฝัน สะดุ้งตื่นแล้วก็ร้องไห้ทุกครั้ง เป็นแบบนี้นับร้อยครั้ง แต่เล่าให้ใครฟังไม่เป็น พ่อแม่ได้แต่หาพระเครื่องมาให้ใส่แล้วสวดมนต์ พาไปรดน้ำมนต์วัดต่างจังหวัดทั่วไทย สายสิญจน์มีกลับมาทุกสัปดาห์ ไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเริ่มหัดนั่งสมาธิตอน 10 ขวบ หัดถือศีลนั่นแหละ ก็ไม่ค่อยเกิดขึ้นอีกเลย ตอนเด็กๆไม่รู้ว่าเรียกว่า ผีอำหรอกครับ รู้แต่ว่าอาการผิดปกติ ขยับตัวไม่ได้ เมื่อรู้ตัวก็สวดมนต์ทุกครั้ง แล้วออกแรงกระตุกตัวเอง จึงจะตื่นได้ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 07:32:35

ความคิดเห็นที่ 43 คห38 คุณโกวิทย์ ผมถึงบอกไงครับ ว่าเวลาเป็นผีอำ ถ้ามีคนอยู่ในห้องที่เรามีอาการผีอำ เราจะพิสูจน์ง่ายกว่าน่ะครับว่าไม่ใช่ฝัน  คือเรารู้ว่าเค้าทำอะไรเดินไปเข้าห้องน้ำ  เดินมานอน  หรือ คุยกันเรื่องอะไร  พอเราขยับตัวได้ก็จะได้ไปถามได้ -จิตคนเราชอบปรุงแต่งครับ เพราะงั้น ก็มีโอกาสที่คิดไปเองสูง  แต่ถ้าฝึกสติมามากๆ มันจะมีของจริงแทรกเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆครับ -ผมเป็นอาการผีอำผมไม่เคยเจอผีนะ  แล้วผมก็ไม่กลัวผีด้วย  ผีมันฆ่าคนไม่ได้หรอก กลัวทำไมครับ แต่พอเป็นอาการผีอำท่องพุทโธหรือสวดชินบัญชร ก็ไม่หลุดครับ  ของผมต้องให้มันหายเอง -พอขยับตัวได้จะเมื่อยไปทั้งตัว  ตอนนี้ห้ามนอนต่อ นอนต่อจะเป็นอาการนี้อีก  ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไรก่อนครับ ซักพักค่อยนอน -เปลี่ยนท่านอนก็เป็น ไปหาหมอ หมอก็บอกนอนทับเส้น ไม่ได้ช่วยไรเท่าไหร่ เพราะหมอก็ไม่รู้ สรุปตามประสบการณ์ของผม  มันคือ อาการจิตตื่นแต่กายหลับครับ  ถ้าอยากพิสูจน์ช่วงเป็นอาการนี้ ทำสมาธิสักครู่แล้วลองดันตัวออกมาข้างนอกดูครับ  แล้วไปนับบธูปในกระถางธูปว่ามีเท่าไหร่แล้วตื่นมาค่อยไปนับอีกที ว่าถูกมั้ย จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 10:00:59

ความคิดเห็นที่ 44 เข้ามาอ่านเรื่องลึกลับครับ โดยส่วนตัวเคยเจออาการกระดุกกระดิกตัวไม่ได้เหมือนกัน ไม่บ่อยนัก แต่มีอยู่ครั้งนึง ขณะกระดิกตัวไม่ได้นั้น ผมก็พยายามสวดนะโมตัสสะ แต่ปากก็ขยับลำบาก แถมมีเสียงตะโกนดังมากสวนเข้ามาในหู  ถึงสามครั้งว่า "นะโมไม่มี นะโมไม่เอา" ทำเอาตกใจหนักขึ้นไปอีก พอผมเลิกดิ้นรน สักพักก็ขยับได้ตามปกติ ไม่อยากเรียกว่า ผีอำหรอกนะ แต่ว่าเคยเจอแบบนี้ อาจฝันไปก็ได้ อาการขยับตัวไม่ได้ผมสังเกตุคือ จะเป็นช่วงสลึมสลือใกล้ตื่น จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 10:23:45

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นผี เพราะเคยลองถอนออกจากสมาธิลึกๆแบบเร็วๆ  ลืมตาพรึ๊บทันที มันก็มีอาการเหมือนผีอำเหมือนกัน สติกับความคิดต่างๆเกิดแล้วฟุ้งแล้วแต่ ร่างกายยังขยับไม่ได้ ยังไม่รู้สึกถึงแขนขาหน้าหลัง เลยสรุปเอาเองว่า มันเป็นแค่อาการที่ประสาทสัมผัส หรือความรู้สึก ตามไม่ทันสติหรือความคิดที่ตื่นแล้ว ทำให้ยังบังคับร่างกายส่วนต่าง ๆ ไม่ได้ในทันที ต้องรอซักพัก ค่อยจะเริ่มควบคุมร่างกาย ขยับแขนขาได้ จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 12:02:46

ความคิดเห็นที่ 46 ...เป็นเรื่องของกายและจิตทำงานไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นตอนสลึมสลือ ยังไม่ตื่นเต็มที่... อืมมม เป็นความเห็นที่แข็ง ฟังขึ้นมากๆ เลยค่ะ ประมาณใจไปถึงไหนๆ แล้ว แต่ร่างกายยังอืดอาด แฮ้งค์   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 18:40:15

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้า จขกท คิดแบบระบบวิทยาศาสตร์ อยากรู้และพิสูจน์จริงๆว่าไม่ใช่ฝันและคิดไปเอง ก็ทำตาม คห43 ที่ผมโพสไว้ก็ได้ครับ จะได้หายสงสัย การเชื่อตามเหตุผลที่คนอื่นๆพิมพ์มาว่าเหตุผลนั้นดีแล้ว เชื่อตามๆกันไป โดยไม่ได้พิสูจน์จริงๆ   มันไม่ต่างอะไรกับคนสมัยเชื่อกันไปว่า  "เดินไปไกลๆแล้วจะตกโลกเพราะโลกมันแบนเลยนะครับ" ส่วนของผม ผมพิสูจน์มาแล้วว่า เราสามารถเห็นคนทำอะไรและรู้ว่าคุยอะไรกันได้จริงๆทั้งๆที่เราหลับอยู่ครับ เป็นเรื่องจริง จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 19:16:18

ความคิดเห็นที่ 48 คุณสองเกียดคะ ว่าจะไม่เม้นแล้วนะคะเนี่ย ปล่อยวางสิ่งที่คุณยึดไว้เถิดค่ะ บางทีสิ่งที่คุณบอกว่าเรื่องจริง มันก็อาจจะไม่จริงสำหรับคนอื่นก็ได้ บางอย่างทำไมคนนี้เห็นอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ไม่มีใครเห็นแบบนั้นเลย ผู้ที่นั่งสมาธิ หลายคนเกิดนิมิต ไปเห็นนรกสวรรค์ เป็นญาติพี่น้อง สัตว์เลี้ยง บางคนเห็นแม้กระทั่งพระพุทธเจ้า ทุกคนก็บอกว่าเห็น เห็นจริงๆ เราก็เชื่อว่าเขาเห็นจริงนั่นแหละ เพราะเล่าได้เป็นตุตะ แต่พระท่านกล่าวไว้ว่า...เห็นน่ะจริง แต่ไอ้ที่เห็นมันไม่จริง... คุณสองเกียดจับนัยยะจากคำกล่าวของพระท่านให้ดีนะคะ ว่าท่านหมายถึงอะไร เมื่อเห็นแล้วท่านก็ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดไว้ อาจทำให้วิปลาสได้ เพราะใช่ว่าผู้อื่นจะไม่เคยพบเคยเห็น แต่เมื่อเขาไม่ยึดไม่ติด สิ่งที่เคยเห็นๆ นั้นก็จะหายไป...ค่ะ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 19:53:05

ความคิดเห็นที่ 49 เป้าหมายในการศึกษาธรรมของเราเป็นไปเพื่อละกิเลส โดยมีพระนิพพานเป็นเบื้องปลาย กระทู้นี้ที่สนใจจริงๆ ก็คือ ในด้านสภาวะธรรม ว่าผีอำนั้น ทำได้จริงมั้ย ทำได้อย่างไร ... ด้วยมุมมองด้านพระพุทธศาสนา ตกลงคุณสองเกียดยังยืนยันว่าตัวเองได้ฌานมั้ยคะ ยังเป็นฌาน4 เหมือนเดิมมั้ยคะ คำถามนี้ ถามขึ้นด้วยความห่วงใย ค่ะ เรายังจำได้ในกระทู้ก่อนที่บอกว่าขอให้ยึดหลักในพระไตรปิฎก เป็นที่ตั้ง หากต้องการเดินให้ถูกทาง ก็ควรมีพระธรรมนำทางนะคะ พระธรรมของพระพุทธเจ้ามีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกค่ะ ขอให้เจริญในธรรม เป็นผู้ข้ามที่ถูกท่านะคะ คุณเกียดเกียด ^^   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:02:06

ความคิดเห็นที่ 50 ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบพิสูจน์และเชื่ออะไรยากครับ  ซึ่งพระนิพพานที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงนั้น เป็นอะไรที่ส่วนตัวมีความคิดที่ไม่เชื่ออยู่มากในสมัยก่อนครับ   ผมเลยอยากพิสูจน์ทางสายสมถะก่อนครับ ว่ามีนรก สวรรค์จริงมั้ยครับ  คงไม่ผิดนะครับ  ไม่ได้เรียกว่า ยึดติดหรอกนะครับ ซึ่งในโลกเรามีตั้งหลายศาสนา  มีเป็นร้อยลัทธิ  เราจะรู้ได้ยังไงหละครับว่าอันไหนถูก ถ้าไม่พิสูจน์ด้วยตัวเอง เราจะได้เลือกเดินทางที่ถูกต้อง ซึ่งประสบการณ์ส่วนตัวในตอนนี้ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจละว่า มีอีกหลายภพภูมิอยู่จริงๆตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนจริงๆครับ จากคุณ : เกียดเกียด เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:41:17

ความคิดเห็นที่ 51 ผมกลัวผีครับ เวลาที่เราขยับไม่ได้แบบที่ว่าเกิดจากอาการชา หรืออะไรที่เกี่ยวข้องทางกายภาพของเราเอง หรือ จิตมันไม่เข้าที่เข้าทางกับกาย สั่งร่างกายไม่ได้ ไม่รู้จะอธิบายยังงัย คือ เราอยากขยับแต่มันไม่ขยับ   กับ เวลาที่เราขยับไม่ได้จากการกระทำของอะไรบางอย่าง บริบท ที่แวดล้อมมันต่างกันเยอะน่ะขอรับ พิมพ์แค่นี้ก็ขนคอลุกหล่ะ กลัวผี ครับ ไม่ได้นึกถึงเรื่องตอนเด็ก ๆ นานหล่ะ มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมกล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า อะไรซักอย่างที่ใคร ๆ เขา เรียกว่า "ผี" มีแน่นอน ใครจะว่าไม่มี ก็ไม่เป็นไร ไม่เถียง ใครจะว่าโง่ ไม่เป็นไรยอมโง่ ผมว่ามี ผมเชื่อของผมแบบนั้น แล้วก็จะเชื่อแบบนั้นไปจนตายเข้าโลงเลยหล่ะ พ่อกับแม่ให้ผมนอนแยกห้องกับท่านตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าคงเป็นช่วง ม.ต้น ผมตื่นขึ้นมาใกล้ย่ำรุ่งของคืนหนึ่ง ตื่นมารู้สึกว่าอากาศมันเย็นมาก แล้วเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างรุนแรง ห้องที่เคยนอนทุกวันไม่เคยรู้สึกกลัว แต่คืนนั้นตื่นมารู้สึกว่าห้องมันน่ากลัวมาก ซักพัก หมอนที่เรานอนหนุนอยู่นี้หล่ะ ห่างออกจากศรีษะที่เราหนุนอยู่ไปซักพอมองเห็นด้วยหางตา ก็เหมือนมีอะไรไปกดทับมัน มันยุบลงไปต่อหน้าต่อตานั้นหล่ะ แล้วมันก็ฟูขึ้นคืนสภาพเดิม แล้วจากนั้นก็เหมือนร่างกายมันก็เกิดความรู้สึกชาตั้งแต่ปลายเท้าไปจนทั่วตัว มีเสียงดังวิ้ง ๆ อยู่ในหู ขยับไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง กลัวได้อย่างเดียว ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ซักพักอาการทุกอย่างก็หายไปเอง บรรยากาศในห้องก็กลับเข้าสู่ปกติ แต่ใจไม่ปกติหล่ะ ร้องไห้ไปบอกพ่อกับแม่ว่า โดน "ผีอำ" พ่อกับแม่บอกว่า "ผีมีที่ไหนลูก" มีไม่มีไม่รู้หล่ะ แต่คืนนั้นไม่กลับห้อง โตมาไม่ค่อยเป็น  นาน ๆ  เป็นที  จนแทบจะลืมไปแล้ว พอดีมีกระทู้นี้มาเตือนความจำ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 55 22:48:33 จากคุณ : วิริยารัมภะ (XeRaMos) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 22:46:01

ความคิดเห็นที่ 52 "ผีอำ" เห็นคำนี้แล้วขำ คือ เพื่อนผมมันไปทำงานสาย พอไปถึงที่ทำงานเพื่อน ๆ ในแผนกถามมันว่าทำไมถึงมาสายหอพักก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง มันบอกว่าที่จริงมันตื่นตั้งนานแล้วไม่ได้ตื่นสายด้วยแต่ลุกไม่ขึ้นเพราะโดน "ผีอำ" ดู๊ดู คำแก้ตัวมันอำซะเกือบเที่ยงเลย ฮ่า ๆๆ  เล่าให้ฟังขำ ๆ นะครับอย่าคิดมาก แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 55 23:23:46 จากคุณ : ไผ่ลู่ลม (ง๊องแง๊งงุ๊งงิ๊ง) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 23:22:33

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นอาการที่เรียกว่า Sleep Paralysis ไม่ต้องไปกลัวมันหรอก ทิ้งไว้สักพักก็ขยับตัวได้เอง ไม่เชื่อก็ลองไม่ต้องสวดมนต์หรือทำอะไรดูสิ มันก็หายเองแหละที่กล้าพูดเพราะเคยลองมาแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ลองนอนลงผ่อนคลายร่างกายแล้วพยายามทำสมาธิไปด้วยสักพักร่างกายจะเข้าสู่ Mode พักผ่อน ถ้าเรายังสามารถคงสติไว้ได้โดยไม่หลับไปก่อน(ด้วยการทำสมาธิ) ก็จะเกิดอาการแบบเดียวกันคือขยับตัวไม่ได้ http://en.wikipedia.org/wiki/Sleep_paralysis อธิบายง่ายๆ สมองตื่นแต่ร่างกายยังไม่ตื่น ยังถูก Block เอาไว้ให้ให้ขยับตัว เราจะรู้สึกตัวแต่จะขยับตัวไม่ได้สักพัก จนกระทั่งร่างกายคลาย Block ถึงจะขยับได้ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 23:59:45

ความคิดเห็นที่ 54 ลองอ่านคำอธิบายทางการแพทย์ดูก็แล้วกัน เพราะอาการ Sleep Paralysis เนี่ยมักเกิดควบคู่กับภาพหลอน และอาการตื่นตระหนก ที่เห็นๆกันน่ะเกรงว่าจะเป็นภาพหลอนเสียมากกว่า จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 00:04:14

ความคิดเห็นที่ 55 ที่เคยเจอหนักๆ มาเป็นตัว เป็นเด็กแต่หัวโตเท่าชะลอมช้ำเลือดช้ำหนอง มีเส้นเลือดปูดๆหยักๆ เต็มหัว ตาโปนใหญ่แดงกล่ำ มีเขี้ยวใหญ่ยาวดำคล้ำที่มุมปาก เล็บมือเป็บแบบเล็บเสือใหญ่ยาวเขียวคล้ำ เขามาคล่อมทับที่ตัว ยืนหน้ามาใกล้หน้าเลย หน้าตาขมืงทึงโกรธแค้นมากมาย รู้สึกหนักและแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ขยับตัวยาก ยิ่งออกแรงขัดขืน ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่น่ากลัว คือ ท่องคาถาบทไหน ก็ท่องตามได้หมด กว่าจะไปได้แทบขาดใจ นอนหงายธรรมดา ไม่ได้นอนทับแขนขา ไม่ใช่ฝัน หูได้ยินเหตุการณ์ภายนอก ตอนหลุดออกมาแม้เหมือนตื่นนอน แต่เหตุการณ์ภายนอกต่อเนื่องกัน บางพวกก็ไม่ได้ภพภูมิต่ำกว่าเรา เล่าสู่กันฟัง ไม่รู้จะอ้างอิงหลักทางพระพุทธศาสนายังไง พิจารณาเอาเถอะ จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 01:29:40

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาอ่านแล้วฮาดีครับ เกิดมาไม่เคยถูกอำเลยครับ แต่ถ้าสลึมสลือครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วสื่อสารกับคนอื่น ท่านอื่น นี่เป็นสามหนครับ ครั้งแรก นอนป่วยซม แล้วพระภิกษุรูปหนึ่งท่านเอายาเม็ดสีขาวสองเม็ดมาให้ทาน ความรู้สึกเหมือนตื่นขึ้นมาไหว้ท่าน เอายาใส่ปาก ไหว้ท่าน แล้วนอนต่อ ซักพักนึกขึ้นได้ เลยตื่นมา ปรากฏว่าห้องล็อคอยู่ ไม่มีใครเข้ามา แต่โรคที่เป็นหายขาดอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ ครั้งที่สอง ได้พระพุทธรูปโบราณสมัยขอมมาองค์หนึ่ง มาถึงบ้านก็เอาพระไปไว้ห้องพระ แล้วง่วงขึ้นมาจนลืมตาไม่ขึ้น เลยไปนอน นอนได้ซักพัก เห็นคุณตาผ้าขาวมายืนข้างเตียง บอกว่า ดีแล้ว ได้พระองค์นี้มาบูชา ทุกคนในครอบครัวจะสุขภาพแข็งแรง แล้วคุณตายิ้ม แล้วก็บอกว่าเรื่องจริงนะ เดี๋ยวฝนจะตกหนัก คอยดูเอาแล้วกัน แล้วแกก็เดินหลีกไป ผมก็หลับต่อ ซักพักเดียวเท่านั้น ฝนกระหน่ำมาแบบหนักมากๆทั้งที่ไม่ใช่ฤดุฝน ก็แปลกดี ผมเลยเชื่อคุณตาเสียสนิท แล้วก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนในบ้านไม่ค่อยมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย ครั้งสุดท้าย นอนตอนกลางคืน มีคุณตาผ้าขาวมายืนข้างเตียง ท่านมาเตือนภัยว่าจะมีคนมาทำร้าย ให้ไปเอาพระสมเด็จ ออกมาจากตู้เซฟมาแขวนคอไว้ คราวนี้ผมก้ตื่นขึ้นทันที เวลาน่าจะตีสอง รีบทำตามคำแนะนำของคุณตาด้วยความไม่ประมาท ผลก็ออกมาดีตามที่คิดไว้ครับ อย่างนี้คงไม่ใช่ผีอำแน่ ผมว่าเทวดาท่านมาโปรดครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 13:22:25

ความคิดเห็นที่ 57 (ขออนุญาต) เข้ามาร่วมสนุกกับคำถามท่าน smiling-girl ที่ว่าภพภูมิที่ต่ำกว่า ส่งอิทธิพลเหนือกว่ามนุษย์ได้จริงหรือ ถ้าว่ากันตามหลักสภาวะธรรม อันนี้ตามสภาวะความเชื่อแบบพุทธกึ่งไสยศาสตร์ ต้องยอมรับว่า มนุษย์ไม่ได้มีกำลังจิตสูงส่งตลอด 24 ชม.กระมังครับ ตามหลักสภาวะธรรมในศาสนา ยังย่อยอุปจารสมาธิ-อัปปนาสมาธิไว้หลายระดับด้วยกัน ทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ดังว่าไว้ เป็นภาพถ่ายสีออร่า ในหลายๆเฉดสี หลายรูปทรง สำหรับคนไม่เชื่อ โดยส่วนตัว(รวมผมด้วย) เลือกที่จะคิดว่าเป็น "เส้นยึด" "นอนท่าคนตาย" อันนี้ก็หลายรอบ (สองมือประสานตรงกระบังลม หรือหน้าอก) บางทีนึกสนุกก็ใช้กำลังขัดขืนอาการอย่างว่า (จำความไม่ค่อยได้ว่ามีดิ้นหลุดนะครับ) บางทีก็ปล่อยจนกว่าจะหายเอง(จนหลับต่อ) บางทีก็ภาวนา(ทำไมหายไวล่ะ?) ประเภทเห็นเงาดำ ปรากฏรูปร่าง เห็นหน้าเห็นตา เกิดมายังไม่เคยเจอเช่นกัน (ถึงไม่เชื่อ) เอาส่วนตัวถ้า "ผีอำ" ไม่มีจริง ก็คงตามหลักพุทธ ที่ทราบๆกัน คือ ตะคริว,ทับเส้น,เครียดเป็นทุนเดิม, เสพสื่อด้านบูชาผีจนจิตมีกำลัง สร้างผีขึ้นมามีผลเฉพาะตนขณะเคลิ้ม ถ้า "ผีอำ" มีจริง คงเป็นสภาวะจิต ในระดับไร้สมาธิ บวกความอกุศลในช่วงนั้น สร้างช่องว่างทางภวังค์ ให้ภพภูมิที่ต่ำกว่าสอดแทรกมามีผลได้ระดับหนึ่ง (หรือเปล่า?) ช่วงนี้ได้ไปต่างจังหวัดกับครอบครัว เขาเล่าเรื่องผีๆ กันขณะขับรถ ย้อนไปหลายสิบปีก่อน เรื่องสมัยเด็กผีเข้าบ้าง โตมามีพี่ฝึกกสิณ เจอผี(แม่เพื่อน)พยายามเข้าบ้าง คุณแม่โดนผีอำบ่อยมากตั้งแต่สมัยสาวๆบ้าง ฯลฯ ผมเลยได้บทสรุปส่วนตัว(เฉพาะ)คนที่บ้าน เขาเชื่อว่า ผีมีอำนาจจากความดีที่ทำ อำนาจจากอารมณ์ที่เป็นมาทั้งชีวิต ถึงแม้คนนั้นตายไปแล้ว เขาก็ยังเชื่อว่า ผีมีกำลังอำนาจ มีความพยายาม แรง! คนจิตอ่อน(ขี้กลัว)จะเรียกว่า "จูนติด" หรือ "สร้างภาพให้จิต" ก็คงแล้วแต่จะเรียกกระมังครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 06:31:06