ความคิดเห็นที่ 1 ศีลคือข้อห้าม  ศีลของชาวบ้าน ศึล 5 ก็หวังผลแค่นั้น จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:17:28

ความคิดเห็นที่ 2 ความหมายของการรักษาศีล ที่แท้ก็คือ  การบังคับกาย-วาจา มิให้ทำผิด มิให้ล่วงละเมิดในศีลที่เราตั้งใจสมาทานรักษาแล้วนั่นเอง...  ส่วนเรื่องจิตใจนั้น ศีล ๕ ข้อ ไม่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือบังคับได้เลยครับ  เช่น...    ๑. คุณคิดว่าได้ฆ่าใครสักคนจนตาย (ในจินตนาการของคุณ) ก็ไม่ผิดศีลข้อที่ ๑   ๒. คุณคิดจะขโมยของของใคร ถึงขนาดว่าคุณอยากจะไปขโมยเพชรโคฮินูร์ บนมงกุฎราชินีอังกฤษ  แต่หากคุณยังไม่ลงมือทำ  คุณก็ยังไม่ผิดศีลข้อที่ ๒ ครับ   ๓. คุณคิดอยากจะมีเพศสัมพันธ์กับใคร ๆ ก็ตามที่คุณชอบ และคิดถึงขนาดเอาไปฝัน และฝันจนถึงขนาดได้มีเพศสัมพันธ์กันจริง ๆ จนถึงจุดสุดยอดแล้ว...คุณก็ยังไม่ผิดศีลข้อที่ ๓ ครับ   ๔.คุณคิดว่าอยากจะโกหกใคร อยากจะเสียดสีใคร ๆ ด้วยวาจา  หากยังไม่เอ่ยออกมาจากปาก หรือยังไม่เขียนลงไปบนกระดานสาธารณะ จนทำให้ผู้อื่นเสียหาย  คุณก็ยังไม่ผิดศีล ไม่ผิดกฎหมายอยู่นะครับ  ๕. คุณอยากจะกินเหล้า อยากมาก ๆ แต่ก็แค่คิด..แล้วคุณจะเมาได้อย่างไร?  ในเมื่อไม่ได้กิน และไม่ได้เมา แล้วจะผิดศีลได้อย่างไรกัน? จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:21:02

ความคิดเห็นที่ 3 ศีลข้อ ๔ คือ ห้ามพูดปด เมื่อมิได้พูดปด ศีลข้อนี้ก็ไม่ขาด การพูดส่อเสียด พูดนินทา พูดจาเพ้อเจ้อ พูดยุยงให้คนเขาแตกแยกกัน อยู่ในเรื่องอกุศลกรรมบถ๑๐ ซึ่งมีผลให้ศีลข้อ๔ "ด่างพร้อย" ไม่บริสุทธิ์ การพูดส่อเสียด นินทา เพ้อเจ้อ ยุยงให้คนแตก ... ดูดีๆ ก็คือการ "ใส่ไฟ" ยากนักที่จะพูดเรื่องจริงล้วนๆ มักจะมีเรื่องไม่จริงผสมเข้าไปด้วย ==> พูดปด กรรม แปลว่า การกระทำ แม้ว่าใจเราจะเกิด "อกุศล" เช่น คิดร้ายต่อผู้อื่น คิดโกหก ปั้นเรื่อง แต่เมื่อยังไม่ได้แสดงออกมา ก็ถือเป็นว่า กรรมนั้นยังไม่สมบูรณ์ มือใหม่หัดดี (เราด้วย อิอิ) ก็ค่อยๆ เริ่มลด-ละ-เลิก ไปทีละน้อยก่อนค่ะ ได้มากๆ ก็ยิ่งดีล่ะค่ะ แต่จะไหวไหม จะกดดันตัวเอง จะเครียดจนเพี้ยนหรือเปล่า เมื่อนับวันยิ่งมั่นใจ ก็เล่นระดับที่สูงขึ้นไป ศีลห้านี่เป็นศีลพื้นฐานในการฝึกตนไม่ไปละเมิดผู้อื่น แต่ก็ยังมีศีลอื่นๆ ที่ใช้ฝึกตนเพื่อละกิเลสต่างๆ ค่ะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:21:21

ความคิดเห็นที่ 4 ศีลข้อ 4 นี่ นอกจากไม่โกหก ใช่ไม่พูดส่อเสียด พูดนินทา พูดจาเพ้อเจ้อ พูดยุยงให้คนเขาแตกแยกกันใช่ไหมค่ะแบบนี้รวมในศีลข้อ 4 ใช่ไหมค่ะ ถ้าเราบังคับกายเราได้แต่ใจยังคิดแบบนี้ผิดไหมค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------- รวมๆแล้วคือ ไม่ประพฤติผิดทางวาจา แบบนี้ถูกต้องแล้วครับ ใจยังเผลอคิด แต่มีสติรู้ทัน นี่ได้กุศลเป็นบุญแล้ว เมื่อห้ามใจไม่ให้ทำไม่ให้พูด นี่ได้ หิริโอตตัปปะ ได้บุญอีก ค่อยๆฝึกไปดีแล้วครับ อนุโมทนาด้วย จากคุณ : เมฆน้อยคอยดาว เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:23:05

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณนะคะที่เข้ามาตอบ นับจากวันนี้จะพยายามรักษาศีล5ให้บริสุทธิ์ ถ้าเราจะผิดคงศีลข้อ 4 ถ้าเราคิดว่าเราพูดกับใครแล้วสิ่งที่เราจะพูดกับคนคนนั้นมันจะทำให้เราผิดศีลข้อ 4 เราเลยเลือกที่จะไม่ตอบเขาไม่พูดกับเขาเขาพูดมาเรายิ้มกับเฉยๆแบบนี้ถูกไหมคะ จากคุณ : มะเขือเทศปั่นใส่ข้าวโอ๊ต เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:31:20

ความคิดเห็นที่ 6 ถามศีลข้อ 4 ค่ะ เพื่อน              ตั้งใจจะพยายามรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ค่ะ คือแต่ถามศีลข้อ 4 หน่อยคือ ศีลข้อ 4 นี่ นอกจากไม่โกหก ใช่ไม่พูดส่อเสียด พูดนินทา พูดจาเพ้อเจ้อ พูดยุยงให้คนเขา แตกแยกกันใช่ไหมค่ะ              แบบนี้รวมในศีลข้อ 4 ใช่ไหมค่ะ ถ้าเราบังคับกายเราได้แต่ใจยังคิดแบบนี้ผิดไหมค่ะ จากคุณ : มะเขือเทศปั่นใส่ข้าวโอ๊ต     เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 19:56:24              เมื่อรักษาศีลข้อ 4 คือเว้นจากการกล่าวเท็จแล้ว ก็ควรประพฤติในวจีสุจริตข้ออื่นๆ ด้วย.              เพราะการล่วงละเมิดในวจีกรรมอีก 3 อย่าง ก็มีวิบากเป็นทุกข์โดยนัยแห่งสัพพลหุสสูตร.              คำถามว่า                   ถ้าเราบังคับกายเราได้แต่ใจยังคิดแบบนี้ผิดไหมค่ะ              ตอบว่า ยังไม่ถึงขั้นผิดศีล แต่ก็ควรสังวรไว้ว่า                  หากไม่หาอุบายระงับความคิดหรือความปรารถนาแบบนั้น                  ภายหลัง ความปรารถนานั้นจะมีกำลังมาก พอจะล่วงศีลได้.              ควรพิจารณาความเพียร 4 อย่าง              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕              อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต              สัพพลหุสสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=5127&Z=5167                            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=130              คำว่า ศีล 5 http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=ศีล_5                  คำว่า ปธาน 4 (ความเพียร) http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=ปธาน_4              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:35:17

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้ายึดเอาตามตัวบท ศีลข้อ 4 จบลงที่มุสา เท่านั้นครับ   นอกนั้นคือ สัมมาวาจา ครับ    ฺ มุสาวาทา เวรมณี  (โกหก) ปิสุณาย วาจาย เวรมณี  (ส่อเสียด) ผรุสาย วาจาย เวรมณี     (คำหยาบ) สมฺผปฺปลาปา เวรมณี  (เพ้อเจ้อ)           ี จากคุณ : เพ็ด ตะบกโพรง เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:36:36

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องศีล ๕ เป็นเรื่องที่มีมาก่อนพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ยอมรับ แต่พุทธศาสนามีศีลที่สูงกว่านั้น คือ กุศลกรรมบท ๑๐ ลองศึกษารายละเอียดที่นี่ดู http://www.whatami.net/lum/lum127.html จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 20:37:25

ความคิดเห็นที่ 10 "คือแต่ถามศีลข้อ 4 หน่อยคือ ศีลข้อ 4 นี่ นอกจากไม่โกหก ใช่ไม่พูดส่อเสียด พูดนินทา พูดจาเพ้อเจ้อ พูดยุยงให้คนเขาแตกแยกกันใช่ไหมค่ะแบบนี้รวมในศีลข้อ 4 ใช่ไหมค่ะ" องค์แห่งศีลของศีลข้อมุสาฯ คือพูดหรือแสดงให้คนอื่นเข้าใจว่าเรื่องที่ไม่จริงเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องพูดส่อเสียด พูดนินทา พูดจาเพ้อเจ้อ พูดยุยงให้คนเขาแตกแยกกัน เป็นอกุศลกรรมบท ไม่ได้เป็นส่วนของศีลข้อมุสาฯ การที่ไปทำเข้าแม้จะไม่ผิดศีล แต่จิตก็จะหมองมัว จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 21:55:03

ความคิดเห็นที่ 11 การคิดเช่นที่ว่านั้น  ไม่ผิดศีลแน่นอน  เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป   แต่ การคิดเช่นนั้นเป็นกรรมอย่างหนึ่ง  คือมโนกรรม ซึ่งก็เป็นกรรมที่มีผลเช่นกัน "มโน ปุพพํ คมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา "       แปลว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ " จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 21:57:55

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ผิดศีล 5 มั้ง แต่ผิดกุศลกรรมบถ 10 จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 11:42:05

ความคิดเห็นที่ 13 คำพูดโกหก ก็ไม่จริง คำพูดหยาบคายก็ไม่จริง   คำพูดเพ้อเจ้อ ก็ไม่จริง     คำพูดส่อเสียด ก็ไม่จริง คำพูดโปรยประโยชน์ ก็ไม่จริง คำพูดแดกดัน ก็ไม่จริง ครูบาอาจารย์จึงพูดแต่น้อย พูดแต่ความจริง พูดเท่าที่จำเป็น จากคุณ : helzblueboy เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:53:32

ความคิดเห็นที่ 14 การจะทำให้การรักษาศีลเป็นเรื่องง่าย เราจะต้องเรียนรู้ว่าถ้ารักษาศีลนั้น ๆ จะเกิดประโยชน์อย่างไร และการผิดศีลนั้น ๆ จะมีโทษอย่างไรเกิดขึ้นแก่ตัวเรา เมื่อเรา ตระหนักถึงคุณและโทษอย่างชัดเจนของการมีศีล และ การทุศีลจะทำให้จิตใจเราเกิดความสว่าง และจะไม่ทำการทุศีลใด ๆ เลย จนเป็นอาการปกติ ของเรา จนไม่ต้องรักษาศีลอีก เพราะการกระทำ ของเราทุกขณะเป็นปกติตามศีลอยู่แล้วนี้คือสูงสุด ของการรักษาศีลคือไม่ต้องรักษา เพราะมันเป็นปกติ ของเราอยู่แล้ว การที่เรายังต้องกดข่ม ละเว้น เพราะ เรายังไม่ตระหนักชัดของ ประโยชน์ และโทษ ที่เกิดจากศีล และการทุศีลนั่นเอง ขอให้เจ้าของกระทู้เพิ่มการศึกษาถึงเรื่องนี้แล้ว การรักษาศีลจะง่ายขึ้น เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอเจริญในธรรมครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 17:49:28 จากคุณ : แสงเทียน (Faraday) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:47:13

ความคิดเห็นที่ 15 ศีลข้อ 4 แค่โกหกครับ โกหกจริง โกหกเล่นๆ โกหกให้คนอื่นสบายใจ บาปหมด!!!! ส่วน พูดจาส่อเสียด พูดจาหยาบคาย พูดจาเพ้อเจ้อ อยู่ในสัมมาวาจา จากคุณ : zen_ar218 (zen_ar218) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 00:25:32