ก่อนที่จะเข้าเรื่องว่าสัตว์พูดได้หรือไม่
ขอเริ่มที่เรื่อง กำเนิดภาษา สักเล็กน้อยพอเป็นสังเขป
ภาษาเกิดจากวิวัฒนาการของมนุษย์ นั่นคือ
เมื่อมนุษย์พัฒนาตนเองขึ้น มีสมองใหญ่ขึ้น
และเริ่มอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ขึ้น
จึงทำให้คิดระบบภาษาที่จะใช้สื่อสารให้เข้าใจกันภายในกลุ่ม
โดยเริ่มแรกอาจเป็นภาษาท่าทาง (ภาษากาย เดี๋ยวนี้ก็ยังคงมีบัญญัติใช้กันอยู่ เป็นภาษามือ ของคนใบ้ เป็นต้น )
หรือการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การผูกปมเชือก
ดังชาวคีปูและชนเผ่าอินเดียนแดงเผ่าต่าง ๆ
ปฏิบัติเพื่อสื่อความหมายกันทั้งภายในกลุ่มและนอกกลุ่ม
จากนั้นจึงเริ่มพัฒนาเป็นเสียงพูด
โดยกำหนดเรียกสิ่งต่าง ๆ ด้วยกลุ่มเสียงที่ต่างกัน
แล้วพยายามจดจำและถ่ายทอดกันในกลุ่ม เกิดเป็นภาษาขึ้น
วิธีการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
หากมนุษย์ไม่มีการพัฒนาทางสมอง
เพื่อสร้างระบบสัญลักษณ์ทางเสียงที่ซับซ้อน
และเพื่อจดจำระบบนั้น
อีกทั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากมนุษย์ไม่มีการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม
อันทำให้เกิดความจำเป็นในการใช้ภาษา
นอกจากสมมุติฐานดังกล่าวนี้แล้วยังมีสมมุติฐานอื่นอีก เช่น
กล่าวว่า ภาษาของมนุษย์เกิดจากการเลียนเสียงธรรมชาติ
เพราะก่อนนี้มนุษย์อยู่กับธรรมชาติ
และเรียนรู้ที่จะเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ
เช่น เลียนเสียงนก เลียนเสียงน้ำตก เลียนเสียงลม เป็นต้น
จึงปรากฏคำต่าง ๆ ที่เกิดจากการเลียนเสียง
เช่น ในภาษาไทยคำว่า จิ้งจก หรือ ตุ๊กแก
เป็นคำที่มาจากการเลียนเสียงร้องของสัตว์สองชนิด
นอกจากนี้ยังมีสมมุติฐานเกี่ยวกับการเกิดของภาษาอีกประการหนึ่ง คือ สมมุติฐานดิงดอง กล่าวว่า ภาษาเกิดจากการโห่ร้องและเต้นรำของมนุษย์
เมื่อมนุษย์มีดนตรีจึงทำให้เกิดความต้องการแสดงออกทางอารมณ์
ในรูปการเต้นและร้อง
เกิดเป็นภาษาขึ้นเพื่อสื่อท่าทางและอารมณ์ดังกล่าวของมนุษย์
จากข้อสมมุติฐานทั้งหมดดังกล่าว
ต่างก็มีความน่าเชื่อถือและอาจเป็นได้ทั้งสิ้น
แต่กระนั้นก็มิอาจระบุได้แน่ชัดว่าสมมุติฐานใดถูกต้องจริง
เพราะไม่ปรากฏหลักฐานที่บ่งข้อเท็จจริงของการกำเนิดภาษาได้
ข้อสมมุติฐานทั้งหลายเป็นเพียงการคาดเดา
จากหลักฐานที่มีอยู่และความน่าจะเป็นไปได้เท่านั้น