ส่วนการที่จะบอกว่า เมื่อสิ่งหนึ่งดับหายไปแล้ว ก็จะเป็นเหตุให้เกิดผลใหม่ขึ้นมาได้นั้น ไม่ใช่หลักของเหตุผลที่ถูกต้อง เช่นที่บอกว่า เมื่อคนๆนี้ตายก็จะเป็นเหตุให้เกิดคนใหม่ขึ้นมาเพื่อรับผลจากการกระทำของคนๆนี้ได้ เป็นต้น ซึ่งมันเหมือนกับจะบอกว่า เมื่อเสียงระฆังเก่าดับหายไป เสียงระฆังเก่าที่ดับหายไปนั้น ก็จะมาเป็นเหตุให้เกิดเสียงระฆังใหม่ขึ้นมา
จากคุณ : What am I?
เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 55 19:44:56
ถูกใจ : 13th friday
---------------------- ท่านเจ้าของกระทุ้ เป็นผู้เชื่อในเหตุผล เป็นผู้หลงตก ลงไปหลุมพลางของเหตุผลที่ยังไม่สมบรูณ์ครบถ้วน ด้วยยังไม่มีญาณเครื่องรู้
พึงสดับพระธรรมเทศนาของพระศาสนา ให้ดีก่อน มิฉะนั้นจะเป็นผู้หลงไป แม้มีพระธรรมเทศนาให้สดับแล้ว น่าเสียดายนัก
ท่านเจ้าของกระทู้ ท่านจงปีนขึ้นจากหลุมพลางแห่งเหตุผลอันยังไม่สมบรูณ์เพราะเหตุไม่มีญาณรู้ถ้วนทั่ว จงสดับพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา เพื่อให้รู้ธรรมเห็นธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว นั้น เถิด
ท่านเจ้าของกระทู้ ท่านควรศึกษาพระธรรมเทศนาแห่งพระบรมศาสดาให้ถ้วนทั่ว สมดังที่ท่านได้บวชในพระศาสนาของพระศาสดาเถิด ท่านจะได้เป็นสาวกองค์หนึ่งของพระบรมศาสดา
****************************************************************************
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น
****************************************************************************
http://84000.org/tipitaka/read/?20/516-517
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
นวสูตร
[๕๑๖] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ
ดังนี้ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในกามธาตุจักไม่มีแล้ว กามภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุอย่างเลวของสัตว์
พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้ จึง
มีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก
ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในรูปธาตุ จัก
ไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณจึงชื่อว่า
เป็นพืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุอย่างกลางของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก
ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในอรูปธาตุจักไม่
มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง วิญญาณประดิษฐานแล้วเพราะธาตุอย่างประณีต ของ
สัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการ-
*ฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก
ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าว
มาฉะนี้แล ฯ
ภวสูตร
[๕๑๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้
ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ ดังนี้
ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์
ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในกามธาตุจักไม่มีแล้ว กามภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ
ท่านพระอานนท์ทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างเลวของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย
ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก
ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผล
ให้ในรูปธาตุจักไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างกลางของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย
ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้
อรูปธาตุจักไม่มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างประณีตของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้
ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล ฯ
****************************************************************************
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 09:42:44
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 09:39:53
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 09:37:27
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 09:35:15
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 09:34:36