คุณถามเกินมา 1 ข้อครับ แต่ผมจะอนุเคราะห์ตอบให้ทั้ง 3 คำถาม ตามที่สติปัญญาผมทำได้
1.ดุสิตธานีมีจริงครับ แต่ทว่า คนละเรื่องกัน ดุสิตธานี เป็นเมืองประชาธิปไตย ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณรอบพระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต มีลักษณะเป็นเมืองเล็ก ๆ คล้ายเมืองตุ๊กตา มีขนาดประมาณ 1 ใน 20 เท่าของจริง ประกอบด้วย พระราชวัง ศาลารัฐบาล วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดร้านค้า ธนาคาร โรงละคร ประมาณเกือบสองร้อยหลัง เพื่อเป็นแบบทดลองของการปกครองแบบประชาธิปไตย รูปแบบดัดแปลงมาจากธรรมนูญการปกครองเทศบาลของอังกฤษ โดยพระองค์ และข้าราชบริพาร ทดลองทำตัวเป็นพลเมืองของดุสิตธานีด้วยตนเอง มีการจัดการเลือกตั้ง ประชุมสภา มีการจัดเก็บภาษี ออกหนังสือพิมพ์
ต่อมาดุสิตธานีได้โตขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีที่จะสร้างบ้านเรือน พอดีกับเวลาที่จะสร้างพระราชฐานใหม่ที่วังพญาไทจึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองทั้งเมืองไปตั้งที่บริเวณวังพญาไท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2462 ในจำนวนบ้านเล็ก ๆ นั้น มีศาลาว่าการมณฑลดุสิตธานีและมีนาคาศาลา ซึ่งมีความหมายว่า ศาลาของประชาชน เท่ากับว่าเป็นที่ตั้งสภาจังหวัด รัชกาลที่ 6 ทรงเป็นนาคาแห่งดุสิตธานีผู้หนึ่ง ทรงใช้นามแฝงว่า นายราม ณ กรุงเทพ ทรงเป็นทนายและทรงเป็นมรรคทายกวัดพระบรมธาตุ ทรงเป็นพระราชมุนี เจ้าอาวาสวัดธรรมธิปไตย และทรงแสดงพระธรรมเทศนาจริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องที่ดิน
สำรับดุสิตธานีที่คุณหมายเอาถึงจากคำที่พระสาขาวัดพระธรรมกายท่านผู้ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็น " ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ " มากกว่า ซึ่ง ไม่มีในพระไตรปิฏก ไม่มีในเอกสารใดๆ ตั้งแต่สมัยโบราณมา ที่สำคัญเป็นที่สุดก็คือ ไม่มีในคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ( สาวกวัดพระธรรมกายท่านใดมีข้อมูลหลักฐานจากพระไตรปฎกว่ามี " ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ " นำมาแสดงได้เลยนะครับ )
ดังนี้เมื่อไม่มีจริง คุณลองพิจารณาว่าจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่ประการใด
2.พระพุทธเจ้าท่านสังสอนให้คนหลุดพ้น พ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนไหว้ตายเกิด ต้องรู้จักถอดถอนความยึดมันถือมัน เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตา แต่ท่านไม่ได้สอนให้ทำบุญเพื่อหวังรวย หรือทำบุญเพื่อหวัง โชค หวังจะขึ้นสวรรค์ เป็นเทวดาไม่ว่าชั้นไหนเมื่อหมดบุญแล้วก็ต้องตกลงมาจุดติในภพอื่นไปเวียนไหว้ตายเกิดไม่จบไม่สิ้น ท่านมุ่งหวังให้คนบรรลุธรรม นิพาน หลุดพ้นการเวียนไหว้ตายเกิด ส่วนวัดนี้ต้องทุ่มกันสุดฤทธิ์ สุดตัว ไม่ทำบุญเงินผ่อน ก็ได้ แม้กระทั่งกองทุนกู้ยืมเพื่อทำบุญ ภาพที่พบมาตลอดคือ ถือซอง บอกบุญ ถือถุงทอง บอกบุญ ทำน้อยก็ถูกเชียร์ให้เทหมดกระเป๋า พอเทหมดก็ร้อง "ชิตังเม" แม้บวช ได้รับปัจจัยจากญาติโยมก็ยังถูกพระพี่เลี้ยงเชียร์แกมบังคับให้ทำบุญใหญ่แบบเยอะๆ คุณก็คิดเอาเองว่าแบบนี้จะเข้าข่ายหลอกกันหรือไม่อย่างไร
3.เป็นจริต ของท่านครับ ท่านมีจริต เช่นนั้น ตถตา เป็นเช่นนั้นเอง