เป็นผู้ฉลาด ในที่นี้หมายถึงเข้าใจแล้วรู้จักสร้างเหตุให้เกิดผลเป็น หากอยากใด้แบบไหนก็รู้จักสร้างเหตุไป ผลก็ตามมาเอง
ที่ว่าควบคุมได้ก็เพราะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าปัจจัยใดทำให้เกิด และดับ
เมื่อเข้าใจก็ควบคุมได้ ไม่สร้างเหตุก็ไม่มีผล อยากมีผลก็สร้างเหตุ
ไม่ค่อยได้อ่านพระสูตร ไม่ค่อยเข้าำใจภาษายุคโน้น เอาเเบบบ้านๆนะ
ไม่ต้องเจริญสมาธิก็ได้นั้น เกิดขึ้นได้เพราะไม่ต้องทำ
จิตมันเป็นตัวของมันเอง จิตมันเจริญสมาธิเอง
หากจิตมันพอใจกับสภาวะใดมันก็จะกลับไปเสพอารมณ์กับสภาวะนั้น
เมื่อเจริญภาวนาจนจิตเห็นระดับความแตกต่างของสมาธิกับสภาวะปกติแล้ว
จิตมันเลือกที่จะตามรู้ตามดูกายและใจเองโดยธรรมชาติ
จิตมันรักตัวเองที่สุด จิตมันจะเลือกเอาสบาย ม้นเห็นแล้วว่ามีสติ มีสมาธินั้นสุข
ไม่อยากจะเจริญ อยากจะเพลิน จิตมันยังจะไม่ยอมเลย มันยากที่จะให้จิตกลับมาแบกสิ่งที่ทำให้มันทุกข์ได้นาน
คำสอนเพื่อให้พ้นทุกข์ สิ่งไร้สาระไม่สอน
ข้อปฏิบัติเป็นguidelineมีไว้เพื่อปกป้องให้ใจเป็นปกติ ให้จิตเป็นกุศล ข้อปฏิบัติเพื่อให้ใจหมองหม่นไม่มี
หากมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว
สิ่งที่มันก็ไม่รู้จะรู้มากขึ้นเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จิตหยุดเจริญไม่ได้ จิตฉลาดแล้วอยากจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ได้
มันพัฒนาของมันเองไปเรื่อยๆ
มีสมาธิที่เกิดขึ้นเองเพื่อรู้สภาวะตามความเป็นจริงของกายและใจ
มากพอจนจิตยอมรับกับความจริง จิตเข้าใจว่ากายเป็นก้อนทุกข์
จิตเห็นจิตเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ จิตก็ไม่ไปยึดกาย ไม่ไปยึดใจ
จิตไม่ยึดกายใจก็มีระดับของมัน ก็ว่ากันไป
แล้วจะกลายเป็น ... อะไรก็แล้วแต่จะเรียกกันไป
จิตมันไปเจริญอะไรขณะนี้นั้น ไม่ใช่ประเด็น ขี้ริ้วไม่มีสอน
มีสอนให้ดูตัวกายและใจตัวเอง ออกเหนือจากนี้จะเสียเวลา