PANTIP.COM : Y12428698 ทำยังไงจะจัดการกับอารมณ์ด้านลบที่ผุดขึ้นในใจบ่อยๆ []

ความคิดเห็นที่ 16

คุณไม่ต้องทำอะไรคะ แต่ต้องทำเพิ่มคือ มีการพิจารณาโดยปัญญา

ให้เห็นพระไตรลักษณ์ โดยสภาวะใดๆที่คุณเห็น
ให้พิจารณา ว่าเกิดขึ้น ตั้ง และดับไป ด้วยอำนาจของใคร
นั่นเป็นของเราหรือไม่ มีเราไปอยู่ในสภาวะต่างๆ หรือสภาวต่างๆมาอยู่ในเราหรือไม่

อาการของคุณคือเห็นตัวเสือ แต่ไม่ได้เห็นลายเสือของมัน
เปรียบเหมือนเราเห็นรูปนาม แต่ไม่ได้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ (เกิด ตั้ง ดับ)
ของสภาวะต่างๆ และด้วยความเห็นดั้งเดิมที่มียังอวิชชา
จึงทำให้มีอุปาทานว่า ขันธ์ทั้ง 5 ที่พบเจอเป็นของเรา จึงได้เกิดอาการ
ทุกข์ร้อนกลุ้มใจ เพราะมีเราเป็นผู้คิดเห็นในอารมณ์ด้านลบ
ถ้าคุณเอาอารมณ์ด้านลบนี้ มาเป็นแค่สภาวะ
เพื่อศึกษาให้เห็นอาการเกิดดับมากๆ คุณจะพบว่าอาการใดๆ
แม้จะคิดดี หรือ คิดร้ายก็มีสภาวะ เกิด ตั้ง ดับ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และบังคับบัญชาไม่ได้ เหมือนกันทั้งสิ้น

เมื่อคุณมีทิฏฐิที่ถูกต้อง ตรงว่า ไม่มีเราในอะไร ไม่มีอะไรเป็นเรา
คุณจะมองสภาวะต่างๆเหล่านี้ แค่ของผ่านมาและผ่านไป
เมื่อเกิดการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อินทรียสังวร
จะทำงาน และวางสภาวะธรรมต่างๆ โดยผ่านการประกอบด้วยปัญญา
จากการปฏิบัติตามรู้ตามดูอยู่จนแน่ใจว่าสภาวะต่างๆนี้ ไม่มีความเป็นเรา
อาการวางนี้ ผ่านเพียงแค่กระทบ และไม่ข้องเกี่ยวกับอารมณ์ใดๆที่เกิดขึ้น
เปรียบเหมือนคนเดินมาที่บ้าน แรกๆเราอาจลุกไปต้อนรับ บางทีลุกไปคุยกับเขา
บางคราวไปกับเขาออกจากบ้านไปเลย แต่เมื่อคุณมีสติมากพอ
มีความรู้จากปัญญามากพอ คุณจะรู้ว่า เขาไม่ใช่เรา เขาแค่เดินผ่าน
หน้าบ้านเรา เราก็เหลือบมองเขาหน่อยว่า เดินมา กำลังเดิน ผ่านหน้าบ้านเรา
ไปอย่างไร โดยไม่ทุกข์ร้อนกับมัน

ขณะนี้ที่คุณเป็น เพราะ ความดี และ ความชั่ว มีการตีค่า ให้น้ำหนักว่ามันแตกต่างกัน
พอได้ดี ก็เป็นสุข พอจิตใจมีอกุศลก็เป็นทุกข์ เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี
มีตัวเราผู้อยากให้มมันดี ต้องขจัดมันออกไป เพราะมันคือของไม่ดี เราเป็นคนดี
สิ่งแรกที่คุณต้องเข้าใจก็คือ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อหนีทุกข์ วิ่งหาสุข เพราะถ้าทำอย่านั้น
เราจะต้องวิ่งหาทั้งชาตินี้ และ ชาติไหนๆ เพราะโลกนี้ตั้งแต่คุณเกิดมา
มันก็คิดดี คิดชั่ว สลับกันไปเช่นนี้ มีคราไหนในชีวิตที่คุณสามารถกักกัน
ให้มีแต่ความคิดดีๆ อยู่ชั่วนิรันดร์แม้เพียงแค่ชั่วโมงหนึ่ง เสี้ยวหนึ่ง
แต่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะชื่ออะไร ดี หรือ ชั่ว มันมีลักษณะเดียวกันคือ

ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับบัญชาไม่ได้ เหมือนๆกัน

ถามว่าเห็นแล้วได้อะไร เห็นแล้วฉลาดขึ้นคะ รู้ว่ามันไม่ใช่เรา
ไม่มีเรา ไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไหนที่หยั่งลงไปแล้วเป็นเรา

กว่าที่จะรู้ตรงนี้ยากไหม มันก็ยาก ต่อให้ฟังคนพูดเป็นร้อยครั้งพันครั้ง
แต่ถ้าคุณไม่เข้าไปคลุกวงใน ไม่เข้าไปศึกษา ดูให้รู้ ให้แน่ใจ
มันก็เหมือนฟังคนพูดๆไป เป็นทุกข์แล้วไง ก็จะทำกิเลสต่อไป
แต่ถ้าคุณเข้าใจคุณจะหยุด เพราะรู้ว่าถ้าคุณสร้างเหตุแห่งทุกข์
หยิบฉวยเอาสภาวะอกุศล กุศล ใดๆ มาเป็นเรา เอามันมาใช้งาน แนบแน่น
อุปาทานขันธ์ ความมีอุปานทานว่าขันธ์ทั้ง 5 เป็นเรา เราก็ทำตามนั้น
จำเป็นต้องสร้างกรรม ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง จัดการควบคุมอะไรบางอย่าง
หมุนวน จนเป็นกรรม จนเป็นผลของกรรม ย้อนกลับมาให้ผลของกรรมในกาลต่อไป

แล้วมันอย่างไรถ้ายังเห็นสภาวะเป็นเรา มีอย่างเดียวคือ รู้เห็นให้มาก
ถ้าเราเดือดเนื้อร้อนใจว่าเราคิดอกุศล ก็มองย้อนลงไป ว่าเราหรือใคร
ที่คิดอกุศล ห้ามไม่ให้คิดได้จริงๆหรือ ความคิดอกุศลที่เกิดขึ้นนั้น
จริงๆแล้วเป็นผลจากการสร้างกรรม โดยมีมโนทุจริตในอดีต ซึ่งเป็นอดีตเหตุที่ทำไว้
แม้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นกรรม เมื่อมันส่งผลก็จะส่งผลให้ใจ
เมื่อแรกที่ส่งผลเป็นเพียงแค่การกระทบ ยังไม่เป็นกรรม ต่อเมื่อคุณยังมีอุปานทาน
ว่าเป็นของเรา ก็เกิดเวทนารักสุข เอาเข้าหา เกลียดทุกข์ผลักออกไป
สร้างกรรมต่อไป ต้องทำอะไรตลอดเวลา ต้องเป็นผู้ทุกข์ ผู้สุข ร่ำไป

การมองเห็นอะไรๆที่เกิดขึ้นกับตนเอง แล้วสงสัย แล้วพิศวงต่อการเกิดขึ้น
ต้องการทำอะไรๆกับมันก็ดีนะคะ เพราะคนโดยทั่วไป ก็รักตนเองอยากให้ตนเอง
ได้ดี ไม่อยากให้ตนเองได้รับทุกข์กันทั้งนั้น แต่ให้ดีที่สุด เอาการพิจาณาโดยปัญญา
เข้าไปใช้ด้วย ทำต่อไป ไม่ต้องขานเรียกชื่อ ไม่ต้องวุ่นวายหาความรู้ให้มากนัก
เพียงแค่มองตรงนี้ แล้วหาสภาพของความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ให้ได้ หาให้พบว่า มีความคิดเห็นว่าเป็นเรา เป็นตัวเป็นตนอยู่ที่ใด
ก็อบรมสั่งสอนตนเองให้มาก ทำเท่านี้ ก็มากแล้วในพระพุทธศาสนา
มากแล้วต่อความเพียร ใช้เวลาทั้งชาตินี้ ไม่รู้ว่า
แต่ละคนจะรอดพ้นจากความเห็นผิดนี้หรือไม่
แต่ถ้าคุณทำได้ก็อนุโมทนาคะ ถ้าอยากเจริญ อย่าไขว่คว้าหาไปนอกตัว
ขอให้เจริญภายในตัว รูปนามขันธ์ 5 นี้นะคะ ใช้ ขันธ์ 5 นี้เจริญรุ่งเรืองคะ

เจริญในธรรมคะ

จากคุณ : goodsthailand

เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 12:04:11