ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเค้าไม่หยุด แล้วเมื่อไรคุณจะหยุด??? จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 22:52:01

ความคิดเห็นที่ 2 แค่จขกท.หยุด ทุกอย่างก็จบแล้วนี่ รวมทั้งหยุดคิดเรื่องที่ได้ทำไปแล้ว ผ่านไปแล้วด้วย ส่วนเค้าจะกรรมไม่กรรมอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา เราระงับกรรมของเราพอ... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 22:59:13

ความคิดเห็นที่ 3 คห.1 จริงๆผมตั้งใจมาขอคำแนะนำนะครับ ไม่เข้าใจว่าท่านอ่านกระทู้ไม่เข้าใจจึงเพ่งจับผิดอะไรผมอีก? และโปรดเป็นธรรม ลองอ่านดีๆครับ ตลอดรว่ม 8 เดือนมานี้ ผมไม่เคยเข้าไปโต้ตอบอะไรเขาเลย ถ้าไม่มีคำเสนอแนะใด เลี่ยงไปตอบกระทู้อื่นดีกว่านะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ภะวันตุเม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:05:46

ความคิดเห็นที่ 4 ตกลงจะไม่หยุด? คำตอบไม่ได้ดังใจก็ไม่พอใจ ยี้ ให้คำแนะนำ แต่จิตใจมืดมัวเกินจะแนะนำได้แล้ว ผมขอบายตลอดชาตินี้ สำหรับล็อคอินนี้ โย่... จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:08:38

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ คุณนัยนะเองก็มักไปห้องกระดานชนวน คิดว่าคงพอมีความรู้ด้านการพยากรณ์ ....จริงๆ ผมตั้งกระทู้มา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนัยนะเลย ผมก็ไม่เข้าใจว่าคุณนัยนะมาโกรธทำไม? งงครับ? หรือคุณเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เขียนด่าผมครับ จึงเพ่งเข้ามาจับผิด (จริงๆเหตุเพิ่งเกิดเมื่อกี้นี้เอง ทำไมคุณนัยนะทำเหมือนรู้เลยครับ คุณรู้หรือทำอะไรมาหรือครับ? ยอมรับไหมครับ?) ผมเข้ามาขอคำเสนอแนะครับ ถ้าคุณนัยนะอยากด่า โทรมาด่าเลยก็ได้ครับ หรือจะ copy ไปโพสหาแนวร่วมก็ได้ครับ ยินดี ส่วนคุณนัยนะจะลาขาดผมตลาดชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ผูกพยาบาทไปคนเดียวครับ ผมคงไม่ยุ่งด้วย อย่างไรก็ดี ถ้าคุณนัยนะไม่มีคำแนะนำอะไรที่สร้างสรรค์ เลี่ยงไปตอบกระทู้อื่นดีกว่านะครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 55 23:21:28 จากคุณ : ภะวันตุเม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:16:22

ความคิดเห็นที่ 6 หมายเหตุ ที่ผมสงสัยนั้น เำพราะเหตุการณ์ เพิ่งเกิดแปบเดียวเอง เลยแปลกใจที่คุณนัยนะรู้เร็ว จึงสงสัยว่าคุณนัยรู้หรือ หรือทำอะไรมาหรือเปล่าครับ ทั้งนี้เป็นเพียง "สงสัย" ครับมิได้ปรักปรำ ซึ่งถ้าผมเข้าใจผิด ผมก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หวังว่าคุณนัยนะเองก็ลด ละ เลิก ความเกลียดชังที่มีต่อตัวผมเอง เพื่อลดกิเลสในตัวก็จักดีนะครับ สาธู แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 55 23:34:53 จากคุณ : ภะวันตุเม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:28:09

ความคิดเห็นที่ 7 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ ยึดทางสายกลางไว้ให้มั่น เราทำสิ่งที่ดีก็พอแล้ว จากคุณ : Yamada taro เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 23:55:23

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนอื่นคิดอย่างไร แต่ ปัญหาอยู่สิ่งที่คุณคิดอย่างไรต่างหาก ลอง ปล่อยๆมันไป ไม่เอาใจไปจับ มันน่าจะดีขึ้นเยอะนะ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 00:38:02

ความคิดเห็นที่ 9 แนะให้ปล่อยวางเรื่องนี้ไปเลยซึ่งเราต้องคิดให้ได้ว่าคนพวกนี้มันไร้สาระ... ถ้าเรามีหลัก คิดได้เราจะเหนือกว่าเขา แน่นอน.. แต่ถ้าเราไม่มีหลัก..ต้องคอยคิด กังวล...แสดงว่าอัตตาพอมีอยู่...แว้ปเดียว ก็คือ แพ้ตัวเองแล้ว... จากคุณ : ช้าง (nskitja) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 06:58:07

ความคิดเห็นที่ 10 คุณภะวันตุเม ครับ  ผมว่า ที่ คห1 หรือ ที่นัยยะ พูด น่าจะหมายถึงว่า คุณมิ้มเฒ่าเองไม่ได้ อภัย ไม่ได้วาง  นั่นคือคุณยังไม่หยุดใจ ไม่ได้แผ่ความเมตตา แผ่กุศลไปให้เขาเหล่านั้น คุณมิ้มฯเองยังไม่ได้หยุดนะครับ     หยุดโกรธ คือรู้สึกตัว  หยุดเกลียดคือรู้สึกตัว นั่นหล่ะ  ไม่ต้องไปช่วยเขาหรอกครับ ช่วยตัวเราดีกว่า : ) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 09:34:45

ความคิดเห็นที่ 11 จิตเป็นภาชนะรองรับทุกสิ่ง  ใครปรุงแต่งสิ่งใด..จิตก็สั่งสมสิ่งนั้นและให้ผลกับตัวเจ้าของแน่นอน...เขาสั่งสม  เราก็สั่งสม  เขาทุกข์  เราก็ทุกข์  ต่างคนต่างสั่งสม  ต่างคนต่างทุกข์อยู่ในวัฏฏะนี้  ดังนั้นจึงควรตั้งสติ  หยุดกอบโกยถ่านเพลิงใส่หัวใจ  ควรเมตตาทั้งเขาทั้งเรา หากการแสดงสิ่งใดที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็แสดงด้วยจิตที่เมตตาโดยแท้และวิธีการอันสมควร   และหากผู้รับไม่ลงใจในสิ่งที่แสดงโดยประโยชน์นี้ก็ค่อยๆหาวิธีการอันเหมาะสมอื่นๆ...หรือหากไม่สามารถทำการใดได้ก็ปล่อยลงเหวไปตามกรรมด้วยอารมณ์วางเฉยมิใช่โทสะ  ดังที่ท่านได้แสดงไว้ว่า  ฝึกม้าก็ฝึกตามสันดาน  ม้าชั้นเยี่ยม  ม้าชั้นดี  ม้าชั้นกลาง  ส่วนม้าชั้นเลวก็ให้ประหารเสีย เพราะยังเมตตาไม่พอ....ยังเมตตาเพียงสัญญา  แล้วปรุ่งแต่ง  แล้วก็วางด้วยการปรุงแต่ง...ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าจิตจะปล่อยวางได้  แล้วเมตตาโดยจิตเองที่มิได้ยึดสมมุติ  แต่การเมตตาโดยสัญญาปรุงแต่งนี้ก็เป้นสิ่งจำเป็นเพื่อนำไปสู่การเมตตาโดยปล่อยวาง  ขอท่านเพียรเจริญให้มากยิ่งๆขึ้นไป... การประทะกับกิเลสใดๆ   หากกำลังปัญญาไม่พอ  ก็เอากำลังสมาธิเข้าป้องกันเพื่อไม่ให้ปรุงแต่งตอกย้ำในสัญญาของกิเลสให้มากขึ้นไป หากกำลังสมาธิไม่พอ  ก็เอากำลังสติระลึกรู้ตั้งแต่การเกิดจนดับไปของกิเลส  ว่ามีขั้นตอนอย่างไร  ทำงานอย่างไร หากกำลังสติไม่พอก็ให้หนี  หรือหลีกเลี่ยงการปะทะให้น้อยที่สุด  หลบไปฝึกฝนสอนใจให้มีกำลัง ภาวนาตอนเช้าเพื่อเตรียมกำลังสติ  กำลังสมาธิ  กำลังปัญญา  ให้พร้อมกับการปะทะกิเลส   ภาวนาก่อนนอนเพื่อทบทวนขจัดคราบกิเลสที่สั่งสมในระหว่างวัน ขอโปรดพิจารณา....สาธุ สาธู สาธุ จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 10:03:11

ความคิดเห็นที่ 12 มันเป็นเพราะตัวเราชอบแบกมันหรือเปล่าคะ อย่าได้ใส่ใจ หรือแบกโลกให้หนัก วางลงค่ะ อย่าไปแคร์สังคมให้มากชีวิตเราจะไม่มีความสุข เขาอยากแขวะอยากพูดอะไรก็พูดไปเราก็จะได้ รู้ว่าคนๆนั้นไม่สามารถละกิเลสอะไรได้เลยมีแต่ความหลงมืดบอดในใจ เราก็เลิกปะทะกับเขา  วางมันลงซะ แผ่เมตตาให้ไป ก็ไม่ต้องข้องแวะกันอีก มันก็จบนะ ถึงเขาจะมาตอบถากถางถ้าเราไม่โต้ตอบ ความร้อนนั้นก็กลับไปยังคนพูดเอง เพราะเราไม่ตอบโต้ เราวางแล้ว ใครก็มาทำร้ายใจเราไม่ได้จริงไหม ปรสิตที่แกะออกยากที่สุดคือความคิดคน  ถ้าเราปล่อยความคิดไม่ดีฝังแน่น มันก็แกะออกยากมันก็ทำร้ายเราไปตลอด จากคุณ : Mno_onM เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 10:06:01

ความคิดเห็นที่ 13 ผมตั้งกระทู้นี้ครั้งเดียวในรอบ 8 เดือน เหมือนตัวผมเลวร้ายเสียนี่กระไร เสมือนว่าผมมีโกรธเป็นสรณะ มีเกลียดเป็นสรณะ เอาเป็นว่าข้อกล่าวหาใดที่ผมไม่ได้คิด ผมไม่ได้ทำ ผมขอไม่รับ ส่งคืนให้ตัวท่านเองละกันครับ จากคุณ : ภะวันตุเม เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 10:07:03

ความคิดเห็นที่ 14 เรียน จขกท. ถ้าต้องการคำแนะนำ ในกรณีของ จขกท. ว่าควรทำอย่างไรก็ต้องบอกว่า คำตอบคือ พุทธศาสนาสอนให้เรา เริ่มต้นที่ตัวเราเอง ท่านต้องเริ่มต้นที่ตัวท่านเอง ในกรณีของท่าน มันมี 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายนอก กับปัจจัยภายใน - ปัจจัยภายนอกคือผู้อื่น ท่านไม่อาจจะไปแก้ไข บุคคลเหล่านั้นให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการได้ -ปัจจัยภายใน นั่นคือตัวท่านเอง ท่านสามารถ ปรับเปลี่ยน จิตใจ มุมมอง ทัศนคติของตัวท่านเองได้ ท่านสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็สอดคล้อง กับคำสอนในแนวทางพุทธศาสนา ที่สอน ให้เริ่มต้นที่ตัวเราเอง คำแนะนำ ขอให้ลองปรับใจ มองให้เห็น ว่า "มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง" เพราะชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ มีคนรัก ย่อมมีคนเกลียด มีคนสรรเสริญ ย่อมมีคนนินทา ฯลฯ ชีวิต มันมีทั้งทุกข์ และสุข มองให้เห็นว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิต สิ่งเหล่านี้ เป็นการปรับที่ใจ ปรับที่ตัวท่านเอง มันจะเป็นภูมิคุ้มกันให้ท่าน มีชีวิต ต่อไปอย่างเป็นสุข เข้มแข็ง รับได้กับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ถ้าจขกท. ต้องการคำปลอบใจ เห็นอกเห็นใจ ไม่ต้องการคำแนะนำ ทีหลังก็บอกกันตรงๆ จะได้จัดให้ แต่ต้องเตือนกันไว้ก่อน ว่า นี่ไม่ใช่ วิธีที่ทำให้ท่าน พ้นจากความทุกข์ ท่านอาจจะพึ่งพอใจ ที่มีคนเห็นอกเห็นใจท่าน เข้าข้างท่าน แต่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อไหร่ ที่เกิดกรณีคล้ายๆกันอีก ท่านก็ต้องทุกข์ใจ กังวล รู้สึกไม่ดี อีกซ้ำๆเรื่อยไป เพราะท่าน ไม่ได้ฝึกตัวเอง ไม่ได้ปรับ เพื่อที่จะทำตัวเองให้เข้มแข็ง มีทัศนคติที่ดีกับชีวิต ........................................................................................................ ต้องขอบอกกันตรงๆ ว่าทัศนคติ ของท่านนั้นแย่ ท่านเล่าปัญหาของท่าน ท่านบอกว่าอยากได้คำแนะนำ เมื่อคำแนะนำ มาแล้ว ท่านไม่แม้กระทั่งเปิดใจที่จะฟัง ท่านโทษผู้อื่นตลอดเวลา ว่าเพ่งจับผิดท่าน ซ้ำเติมท่าน ฯลฯ ทั้งๆที่ ถ้าท่านเปลี่ยนมุมมองไปสักนิด ท่านเลือกที่จะ ฟัง นำไปพิจารณา ท่านจะเห็นประโยชน์ จากคำแนะนำเหล่านี้ ท่านกลับไม่ได้คิดหรือทำอย่างนั้น มันบอกได้ว่า ทัศนคติที่ท่านมีต่อผู้อื่นก็แย่ และ ที่แย่ยิ่งกว่า คือ ทัศนคติที่ท่านมีต่อตัวเอง .............................................................................................................. ได้แต่หวัง ว่า ท่าน คงจะ ฟังคำแนะนำ และ นำข้อตำหนิ ของผมไปพิจารณา ขอให้เจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 55 16:08:07 จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 16:04:22