|
จะถามเรื่องเจริญสติใช่ไหมครับ?
ถ้าเป็นการเจริญสตินะ อาการที่เล่ามาทั้งหมดนั่นให้ปล่อยไปก่อน เพราะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร มันเป็นเพียงอาการต่อเนื่อง จากที่เรายังจับหลักของการเจริญสติได้ไม่มั่นพอ เวลาไปรู้อะไร ใจจึงเกิดอาการถลำ กระโจนเข้าไปแนบ ไปจดจ่ออยู่ แยกออกมาตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเฉยๆกับสิ่งนั้นไม่ได้
สิ่งสำคัญที่จะขอแนะนำคือ ให้มาตั้งหลัก "อยู่กับกาย" พักเรื่องความสงบ,ไม่สงบไว้ก่อน แล้วกลับมาอยู่กับกาย ตามที่จะแนะให้ต่อไปนี้ ซึ่งถ้าฝึกไปมากพอแล้ว จะได้ผลเป็นสมาธิที่ตั้งมั่นอย่างวิเศษต่อไปได้ด้วย
วิธีฝึกก็ไม่ยาก
ก็ไหว้พระ สวดมนต์ อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ พอไหว้พระเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นมา หาที่เหมาะๆ เอาเก้าอี้แบบมีที่พิงหลัง หย่อนขาได้ มาตั้ง แล้วก็นั่งลง หย่อนขา จัดวางท่าทางให้สบายๆ
แล้วก็นั่งไปสบายๆ นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แล้วดูไปว่า...
- กาย เป็นสิ่งที่ถูกรู้ - ใจ คือผู้รู้ร่างกาย
- สิ่งที่ถูกรู้อยู่ คือกาย - ผู้รู้ร่างกายอยู่ คือใจ
ที่เขียนมานี่ไม่ใช่ให้ฝึกท่อง แต่ให้ทำความเข้าใจ แล้วก็ดูของจริงไปด้วย ประมาณที่กล่าวมานี้
แล้วให้นั่งทบทวน ทำความชัดเจน แยกแยะไปมา ระหว่าง "ผู้รู้" กับ "สิ่งที่ถูกรู้" โดยใช้กายเป็นฐานฝึก ว่า ร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้..คืออย่างนี้ ใจผู้รู้ที่รู้ร่างกายอยู่..คืออย่างนี้
ฝึกทำความชัดเจน อย่างนี้ไป จะวันละ 5 นาที 10 นาที หรือเท่าที่จะมีเวลาก็ได้
จากนั้น ในระหว่างที่เราใช้ใช้ชีวิตประจำวันอยู่ จะกำลังทำกิจวัตรอะไรก็ทำไป แต่ให้มีรู้สึกถึงความมีอยู่ของร่างกาย ระหว่างที่ทำกิจกรรมต่างๆเข้าไปด้วย
ถ้าร่างกายหายไปจากความรับรู้ ก็ให้รู้ทัน แล้วก็กลับมารู้สึกถึงความมีอยู่ของร่างกาย ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆต่อไป
ทำๆไปอย่างนี้และ จะรู้อยู่กับกายได้นานหรือไม่ไม่เป็นไร แต่ให้ระลึกอยู่กับกายให้ได้บ่อยๆ ยิ่งทำได้ทั้งวันยิ่งดี
แล้วพอตกค่ำ ถึงเวลาไหว้พระสวดมนต์ ก็ค่อยกลับมาสำรวจ ทำความชัดเจน เช่นทุกครั้งอีก ว่ากายที่ถูกรู้คืออย่างนี้ ใจที่รู้กายอยู่คืออย่างนี้ ฯลฯ
แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 11:38:00
แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 11:37:13
แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 11:34:32
จากคุณ |
:
รู้สึกตัว
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 55 11:28:26
|
|
|
|
|